ตอนที่แล้วตอนที่ 11 พระสงฆ์
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปตอนที่ 13 หมัดปราบพยัคฆ์

ตอนที่ 12 ข้าต้องการเรียนวรยุทธ


ที่ริมฝั่งแม่น้ำ ใบหน้าของพระสงฆ์หลายองค์แดงก่ำ การโจมตีด้วยวาจาของ อาเฟยเกือบทำให้พวกเขาเป็นลม

“ตรรกะเท็จ ตรรกะเท็จ!” พระอ้วนชี้ไปที่อาเฟยด้วยความโกรธ “พระโพธิสัตว์ตรัสว่ากรรมเป็นวัฏจักร ความดีและความชั่วจะได้รับการตอบแทน พวกเจ้าทุกคนจะได้รับผลกรรม”

“ตรรกะเท็จคือสิ่งที่ถูกต้อง การอยู่รอดเป็นสิ่งสำคัญที่สุด!”

เจียงหมิงผูกปลานับโหลไว้บนเชือกของเขาและหยุดตกปลา เขาอุ้มปลาเดินขึ้นฝั่ง เขาบิดเสื้อผ้าที่เปียกแล้วมองดูพระอ้วนด้วยรอยยิ้ม “คนกำลังทุกข์ แต่เจ้าไม่เคยควักเนื้อตัวเองเลี้ยงนกอินทรีอย่างที่พระโพธิสัตว์ทำ อย่าใช้พุทธศาสนาโอ้อวดบารมี การใช้พุทธศาสนาโอ้อวดบารมี การกระทำเช่นนี้  ต่างกับจิ้งจอกแอบอ้างบารมีเสืออย่างไร” เจียงหมิงพูดเบา ๆ และชี้ไปที่ต้นน้ำลำธารของชายฝั่ง “นอกจากนี้ เจ้านายของเจ้าหนีไปแล้ว หยุดเห่าได้แล้ว”

พระอ้วนมองไปในทิศทางที่ เจียงหมิงชี้ไปและเห็นว่ารถม้าเริ่มหันกลับและออกไปแล้ว

มือเรียวดึงม่านรถม้าให้เปิดออก คุณหนูหวางชำเลืองมองที่จุดตกปลาแล้วลดม่านลง

"ไป!" คนขับรถสะบัดแส้และรถม้าก็จากไป

“เจ้า เจ้าพูดพล่อยๆ! เจ้าโจรชั่ว! เจ้าจะไม่ได้รับพรจากพระโพธิสัตว์!” พระอ้วนตื่นตระหนกทันทีและวิ่งกลับไปพร้อมกับคนของเขาในขณะที่สาปแช่ง พวกเขาไล่ตามรถม้าและจากไป

“เฮ้ โจรเฒ่าหัวล้านอ้วนขนาดนี้ แต่วิ่งเร็วชะมัด เขาไม่ปล่อยให้ข้าโต้เถียง!” อาเฟยถือตะกร้าปลาและขึ้นฝั่ง เขาสาปแช่งว่า “เราไม่ได้รับพรจากพระโพธิสัตว์หรือ? เหตุใดข้าราชการและขุนนางเหล่านั้นจึงได้รับพรจากพระโพธิสัตว์”

ผู้เฒ่าเจียงปีนขึ้นฝั่งด้วยมือของเขาส่งปลาให้ จียงหมิงด้วยใบหน้าที่มืดมนและถอนหายใจ “เจ้าสองคนยังไร้เดียงสาเกินไป ทำไมเจ้าถึงต่อสู้กับลาหัวโล้นเหล่านั้น? พวกเขาสามารถทำให้คนตายมีชีวิตขึ้นมาได้ และพวกเขายังมีความเคียดแค้น อยู่ห่างจากพวกเขาในอนาคต!”

เจียงหมิงผลักปลากลับด้วยรอยยิ้ม “เก็บไว้เถอะ เขียนในบัญชีด้วยว่าท่านติดค้างเหล้าข้า 3 แก้ว”

“ไอ้สารเลวตัวน้อย!” เฒ่าเจียงเกือบจะกระโดดขึ้นด้วยความโกรธ เขาถูกหลอกแล้วซ้ำเล่า

เจียงหมิงหัวเราะเบา ๆ และไม่พูดอะไร

ผู้เฒ่าเจียงโยนปลาให้อาเฟย “ถ้าเขาไม่ต้องการเจ้าก็รับไปเถอะ นำไปเป็นของขวัญและหมักไว้เมื่อเจ้ากลับไป มันจะเป็นอาหารอันโอชะ”

“ขอบคุณ ผู้เฒ่าเจียง!” อาเฟยรับมันมาอย่างมีความสุข

“นี่ เอาไป” เจียงหมิงก็โยนไปอีกหนึ่งตัว

อาเฟยยังเด็ก แต่เขามีภรรยาแล้ว เขาแค่รอวันที่ดีที่จะจัดงานเลี้ยง

นี่คือชีวิตของผู้คนที่อยู่เบื้องล่าง สิ่งที่พวกเขาสนใจก็มีแต่การอยู่รอด การสืบพันธุ์ และความตาย

เมื่อพวกเขามาถึงเมือง เจียงหมิงซื้อเกลือหยาบ กลับบ้าน เชือดและล้างปลามากกว่าครึ่งตัว หมักปลาไว้ในโอ่งดินเผา และเก็บปลาอีกสองสามตัวไว้ในถังน้ำ เขาเลือกปลาที่ใหญ่ที่สุด2 ตัวและเตรียมนำไปให้อาจารย์โจว

อาจารย์โจวแก่กว่า ฒ่าเจียงการฝึกวรยุทธในวัยเด็กทำให้ร่างกายของเขาบาดเจ็บ และตอนนี้เขาไม่สามารถแม้แต่จะลงน้ำเพื่อจับปลาได้ เขาเต็มใจที่จะสอนวรยุทธ.shเจียงหมิงเพื่อทิ้งเงินไว้สำหรับลูกๆ หลานๆ ของเขา

ในตอนเย็น เจียงหมิงพบถังอีกใบ โรยเกลือและเครื่องเทศลงไป เติมน้ำครึ่งหนึ่งแล้วออกไปกับมัน

ฤดูนี้เป็นฤดูกินจั๊กจั่น อย่างไรก็ตาม แม้ว่าผู้คนในเมืองจะจับพวกมันได้ แต่ส่วนใหญ่ก็ถูกขายให้กับเจ้าหน้าที่ในเมือง พวกเขามักจะลังเลที่จะกินมันเอง

เช้าวันต่อมา ท้องฟ้าแจ่มใส

เจียงหมิงไปที่โรงเตี๊ยมก่อนเพื่อซื้อเหล้าสองขวด จากนั้นกลับบ้านไปเอาปลาอ้วนสองตัวกับจักจั่นหนึ่งถัง เขาหยิบเงินและไปที่บ้านของอาจารย์โจวเพื่อเดินเล่น

“ของขวัญของเจ้า...มากเกินไป”

อาจารย์โจวรับเหล้าและอาหารจากเจียงหมิงและรู้สึกยินดีเล็กน้อย

แม้ว่าเขาจะรู้ว่า เจียงหมิงไม่ใช่คนชั่วร้าย แต่เขาก็รู้ว่าเจียงหมิงไม่ใช่คนธรรมดา ปกติเขาดูเป็นมิตร แต่เขากลัวว่าเขาจะไม่สนใจใครในเมืองผิงอันอย่างจริงจัง

ใครจะคิดว่าเขาจะเคารพชายชราคนนี้?

“ผู้ท่านคืออาจารย์ของข้า หากท่านรู้สึกแย่ โปรดสอนข้าให้หนักมากกว่านี้” เจียงหมิงพูดอย่างจริงใจและนำเงินห้าตำลึงใส่มืออาจารย์โจว

เจียงหมิงไม่เคยตระหนี่กับค่าเล่าเรียน

“เอาล่ะ เฒ่าโจวจะสอนทุกสิ่งที่ข้าได้เรียนรู้ในชีวิตให้ได้มากที่สุด” อาจารย์โจวรู้สึกประทับใจ เขาหันกลับมาและตะโกนว่า “อาซิ่ว ออกมา”

เด็กสาววัยรุ่นวิ่งออกจากบ้านและทักทายเขาอย่างเชื่อฟัง

“นี่คือหลานสาวของข้า โจว เหวินซิ่ว ตามที่ข้าเคยบอกเจ้ามาก่อน พ่อแม่ของนางเสียชีวิตไปแล้ว” อาจารย์โจวพึมพำทั้งน้ำตาว่า “ข้ามีชีวิตอยู่ได้ไม่กี่ปี น้องหมิง(明哥)[1]ถ้าชีวิตเจ้าดีขึ้นในอนาคต…”

“อาจารย์โจว!” เจียงหมิงมองไปที่อาจารย์ โจว ด้วยรอยยิ้ม สีหน้าของเขาไม่ไหวติง

อาจารย์โจวเช็ดน้ำตาอย่างเชื่องช้า เขารู้ว่าเขาหลอกเจียงหมิงไม่ได้ ดังนั้นเขาจึงไม่พูดอะไรอีก

เขาขอให้หลานสาวของเขายกเหล้าและอาหารกลับไปที่บ้าน ขณะที่เขากับเจียงหมิงนั่งอยู่ที่ลานบ้าน เขาตะโกนเข้าไปในบ้านว่า “รีบไปทอดจั๊กจั่น มันจะไม่ดีถ้าเก็บไว้นาน”

“ข้าคิดว่าท่านหิวมากกว่า!” เสียงที่ชัดเจนของ โจวเหวินซิ่วดังขึ้น

อาจารย์โจวบีบจมูกของเขาและรินชาให้เจียงหมิงอย่างรวดเร็วเพื่อปกปิดความลำบากใจของเขา “น้องหมิงดื่มชา”

ทั้งสองคนพูดคุยกันครู่หนึ่ง และโจวเหวินซิ่วก็นำจั๊กจั่นทอดมาหม้อหนึ่งที่ส่งกลิ่นหอมออกมา

อาจารย์โจวหยิบมันขึ้นมาแล้วโยนเข้าปากทันที เขาเคี้ยวมัน จากนั้นเขาก็มองไปที่เจียงหมิงอย่างจริงจัง "เจ้าควรคิดให้ดี เจ้าต้องการที่จะเรียนวรยุทธจริงๆหรือ? ร่างกายของข้าได้รับความเสียหายจากการฝึกวรยุทธ เจ้ายังเด็กและแข็งแรง เจ้าไม่สามารถหุนหันพลันแล่นได้” เขาพูดพร้อมกับตบเข่า

เจียงหมิงหยิบจักจั่นขึ้นมาเคี้ยวด้วย “อาจารย์โจว ท่านรู้ไหมว่าจักจั่นมีชีวิตอยู่ได้นานแค่ไหน”

“ประมาณครึ่งเดือน ทำไมหรือ?” อาจารย์โจวรู้สึกงงงวย

"ไม่ 7-8ปีต่างหาก" ไม่ เจียงหมิงส่ายหัวของเขา “พวกมันนอนอยู่ในดินที่มืดมิดถึง 7 ปี ก่อนที่พวกมันจะแยกตัวออกจากดิน จากนั้นพวกมันก็ตายในเวลาไม่ถึงเดือน”

อาจารย์โจวไม่รู้ว่าเจียงหมิงหมายถึงอะไร ดังนั้นเขาจึงพูดได้เพียงว่า “ช่างน่าสงสารเสียจริง”

“มันค่อนข้างน่าสงสาร แต่ก็ดีกว่านอนใต้ดินตลอดชีวิต” เจียงหมิงกล่าวด้วยรอยยิ้ม

อาจารย์โจวพลันเข้าใจได้ในทันที จากนั้นยิ้มอย่างขมขื่น “เอาล่ะ ในเมื่อเจ้าตัดสินใจแล้ว ดังนั้นข้าจะไม่พูดเรื่องไร้สาระอีกต่อไป สำหรับเส้นทางวรยุทธ ข้ามีความรู้แค่หางอึ่งเท่านั้น” อาจารย์โจวถอนหายใจ “ตอนที่ข้าแข็งแกร่งที่สุด ข้าเป็นแค่ผู้ฝึกยุทธระดับต่ำ ข้าคิดว่าข้าสามารถอาละวาดได้ทุกที่ ข้าไม่ได้คาดหวังว่าจะได้รับบการสั่งสอนอย่างหนักก่อนที่ข้าจะเดินออกจากเมืองต้าหยุนในท้ายที่สุด สุดท้ายข้าทำได้แค่พักฟื้นในเมืองผิงอันนี้เท่านั้น”

เขาส่ายหัว เห็นได้ชัดว่าไม่ต้องการพูดถึงประสบการณ์ของเขาในอดีต เขากล่าวต่อ “วิชายุทธที่ข้าฝึกฝนเรียกว่าหมัดปราบพยัคฆ์ เป็นวิชาที่ไม่สมบูรณ์แบบ ว่ากันว่าระดับสูงสุดที่เจ้าไปถึงได้คือผู้ฝึกยุทธชั้นสอง หากน้องหมิงฝึกสำเร็จ แม้แต่ตระกูลหวังก็จะถือว่าเจ้าเป็นแขกผู้มีเกียรติ น่าเสียดาย แม้แต่อาจารย์ของข้าทำได้เพียงกลายเป็นผู้ฝึกยุทธชั้นสามได้หลังจากฝึกฝนมาทั้งชีวิต ความยากของวรยุทธนั้นเหนือจินตนาการของคนทั่วไป”

“ถ้าอย่างนั้นก็รอไม่ได้แล้ว เริ่มวันนี้เลย” เจียงหมิงพูดติดตลก

อาจารย์โจวหัวเราะ "ดีแ ตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป ข้าจะสอนวิธีขัดเกลากำลังภายนอกของหมัดปราบพยัคฆ์ หลังจากที่เจ้าเชี่ยวชาญแล้ว เจ้าสามารถรวมเข้ากับการขัดเกลาลมปราณกำลังภายใน ซึ่งก็คือการกลั่นปราณเลือด และพยายามทะลวงผ่านไปสู่ขอบเขตของผู้ฝึกยุทธ ”

[1] บทนี้อาจารย์โจวเรียกเจียงหมิงว่า 明哥(น้องหมิง) แทน 小明(เสี่ยวหมิง หมิงน้อย)

5 1 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด