ตอนที่แล้วระบบยอดอาจารย์บ่มเพาะศิษย์ ตอนที่ 15 เคล็ดวิชากระบี่วายุโปรยปราย
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไประบบยอดอาจารย์บ่มเพาะศิษย์ ตอนที่ 17 เคล็ดวิชาเพลิงสวรรค์

ระบบยอดอาจารย์บ่มเพาะศิษย์ ตอนที่ 16 เคล็ดวิชาใดกันที่จะเหมาะกับศิษย์ของข้า


หลังจากปล่อยให้ชิงอี้ฝึกฝนด้วยตัวเองที่ลานฝึกแล้ว เซวียนห่าวก็เดินลงมาจากยอดเขาซึ่งเป็นที่ตั้งของตำหนักของเขาและเดินไปตามถนนจนกระทั่งมายืนอยู่หน้าหอคอยสูงสามสิบเมตร

นี่เป็นหนึ่งในหอเคล็ดวิชาของนิกายกระบี่ล่องนภาหรือที่เรียกว่าหอคำภีย์ มีพวกมันตั้งอยู่ในหลาย ๆ ที่รอบ ๆ นิกายกระบี่ล่องนภา เพื่อไมให้เหล่าศิษย์ต้องเสียเวลามากเกินไปในการไปที่หอคัมภีย์

ผู้คนที่อยู่ข้างหน้าเซวียนห่าวส่วนใหญ่มีเคล็ดวิชาบ่มเพาะที่แตกต่างกันซึ่งใช้ในการรวบรวมพลังสวรรค์และโลกเพื่อความก้าวหน้าและเพิ่มฐานการบ่มเพาะของพวกเขา

เมื่อเซวียนห่าวมายังโลกนี้เป็นครั้งแรก เขารู้สึกประหลาดใจกับจำนวนเคล็ดวิชาบ่มเพาะว่าพวกมันที่มีมากน้อยเพียงใดและบางอันก็มีเอกลักษณ์เฉพาะตัว เมื่อก่อนเขาคิดว่าในแต่ละนิกายคงมีเพียงสองถึงสามโหลน่าจะเป็นเรื่องปกติ...

มีเคล็ดวิชาบ่มเพาะหนึ่งที่ต้องการให้ผู้ฝึกตนฝึกฝนเฉพาะธาตุไฟและฝึกฝนเคล็ดวิชาธาตุไฟเท่านั้น ในขณะที่อีกอันทำให้ให้ผู้ตนที่ฝึกฝนได้เฉพาะขณะที่นอนหลับ แม้ว่าเคล็ดวิชาบ่มเพาะเหล่านี้ส่วนใหญ่จะไม่ได้ถูกนำมาใช้ เนื่องจากส่วนใหญ่มีข้อกำหนดที่รุนแรงเกินไปหรือไม่มีประสิทธิภาพ

นิกายกระบี่ล่องนภาเป็นเพียงแห่งเดียวที่มีเคล็ดวิชาบ่มเพาะที่แตกต่างกันกว่าหมื่นบทที่เก็บไว้ในนั้น บางบทถึงก็อยู่ในขั้นสวรรค์

เคล็ดวิชาบ่มเพาะที่นิกายกระบี่ล่องนภาใช้เป็นเคล็ดวิชาบ่มเพาะหลักก็คือเคล็ดวิชาบ่มเพาะขั้นปฐพีระดับสูงสุดที่เรียกว่าเคล็ดวิชากระบี่ล่องนภา

เคล็ดวิชาบมเพาะที่ทำให้บางคนสามารถฝึกตนจนถึงขอบเขตราชันครึ่งขั้นได้และค่อนข้างง่ายที่จะเริ่มฝึก เพราะท้ายที่สุดมันก็เป็นเคล็ดวิชาบ่มเพาะที่ใช้มากที่สุดในนิกายกระบี่ล่องนภา

เคล็ดวิชาบ่มเพาะขั้นสวรรค์ที่พวกเขามีนั้นยากเกินกว่าจะฝึกฝนได้และมีเพียงผู้อาวุโสหลักเท่านั้นที่เข้าถึงได้ในตอนรี้

เหตุผลที่เซวียนห่าวมาที่หอคัมภีย์ก็เพื่อหนึ่งในเคล็ดวิชาบ่มเพาะที่เป็นธาตุไฟ เคล็ดวิชาบ่มเพาะขั้นสวรรค์ที่มุ่งเน้นไปที่ธาตุไฟและแน่นอนว่าจะเข้าได้ดีกับศิษย์ของเขาที่มีกายาศักดิ์สิทธิ์ตะวันเจิดจรัส

“ผู้อาวุโสเซวียน ลมอะไรกันที่พัดท่านมาที่หอคัมภีย์ของเรา”

ผู้อาวุโสที่ยืนอยู่หน้าหอคัมภีย์ก็สังเกตเห็นเซวียนห่าวและรีบเข้ามาและทักทายเขาทันที

“ข้ามาที่นี่เพื่อลองเคล็ดวิชาบ่มเพาะสำหรับศิษย์ใหม่ของข้า เหตุใดท่านจึงมาที่นี่ในวันนี้ ผู้อาวุโสเหมิง ท่านรับศิษย์ใหม่ด้วยหรือ?”

เซวียนห่าวรู้สึกสับสนเล็กน้อยเมื่อเห็นผู้อาวุโสอยู่หน้าหอคัมภีย์ เนื่องจากเขาผู้นี้มักจะใช้เวลาส่วนใหญ่ในตำหนักเพื่อฝึกฝน เหตุผลเดียวที่ทำให้เขามาที่นี่ก็คงเป็นเพราะเขาเพิ่งรับศิษย์หลังจากการคัดเลือกเมื่อเร็ว ๆ นี้และมาที่นี่เพื่อค้นหาเคล็ดวิชาบ่มเพาะสำหรับเขาหรือนาง

เหมือนกับที่เซวียนห่าวมาที่นี่

“ไม่หรอก ข้าเป็นผู้อาวุโสที่รับผิดชอบในการช่วยศิษย์ใหม่ฝ่ายนอกเลือกเคล็ดวิชาบ่มเพาะ ดังนั้นหอคัมภีย์อาจแออัดเล็กน้อยที่ชั้นหนึ่งและชั้นสอง”

“ข้าเข้าใจแล้ว ข้าจะไปที่ชั้นห้า ดังนั้นมันจึงไม่ใช่เรื่องน่ารำคาญมากนัก เอาล่ะ ข้าขอลาล่ะผู้อาวุโสเมิ่ง”

“ลาก่อน ผู้อาวุโสซวน”

เซวียนห่าวทักทายอีกเล็กน้อยและแยกทางกับผู้อาวุโสเมิ่งที่ยืนอยู่หน้าหอคัมภีย์

หอคัมภีย์มีทั้งหมดห้าชั้น สองชั้นแรกมีไว้สำหรับศิษย์ฝ่ายนอกและฝ่ายใน ในขณะที่ชั้นที่สามเป็นของศิษย์หลักและผู้อาวุโสฝ่ายนอก

ชั้นที่สี่เข้าได้เฉพาะผู้อาวุโสฝ่ายในเท่านั้นและในบางกรณีที่ศิษย์หลักที่มีความสามารถเช่นศิษย์หลักคนปัจจุบันของนิกายกระบี่ล่องนภา หลิงซ่ง

ชั้นที่ห้าเข้าได้เฉพาะยอดฝีมือขอบเขตวิญญาณก่อกำเนิดของนิกายกระบี่ล่องนภาเท่านั้น ชั้นที่ห้าเป็นที่เก็บเคล็ดวิชาบ่มเพาะทั้งหมดของพวกเขา

เมื่อเข้าไปในหอคัมภีย์ เซวียนห่าวก็ได้เห็นศิษย์ใหม่ที่วิ่งอย่างกระตือรือร้นรอบ ๆ ชั้นแรกของหอคัมภีย์

ซวนห่าวไม่สนใจมันและเดินขึ้นไปบนชั้นสอง ที่นี่มีจำนวนศิษย์น้อยลง เนื่องจากเคล็ดวิชาบ่มเพาะที่นี่นั้นยากต่อการเข้าใจและส่วนใหญ่ก็เลือกที่จะใช้เคล็ดวิชากระบี่ล่องนภาในชั้นแรก

เคล็ดวิชากระบี่ล่องนภาอาจจะสามารถช่วยพวกเขาไปให้ถึงขอบเขตราชันได้และเป็นเคล็ดวิชาที่ง่ายในการฝึกฝนเมื่อเทียบกับเคล็ดวิชาบ่มเพาะขั้นปฐพีที่อยู่บนชั้นสอง

นี่จะเป็นเหตุผลว่าทำไมจึงมีเพียงไม่กี่คนเท่านั้นที่ขึ้นไปบนชั้นสอง แต่ก็ยังมีบางคนที่ยังหวังว่าจะได้พบกับเคล็ดวิชาบ่มเพาะที่เหมาะกับพวกเขาอย่างสมบูรณ์แบบและช่วยให้พวกเขาก้าวหน้าในการบ่มเพาะได้ง่าย

แม้ว่าเคล็ดวิชากระบี่ล่องนภาจะฝึกฝนได้ง่าย แต่ก็จะยิ่งยากขึ้นเรื่อย ๆ เมื่อข้ามผ่านขอบเขตต่าง ๆและการทะลวงผ่านไปยังขอบเขตวิญญาณก่อกำเนิดโดยใช้เคล็ดวิชากระบี่ล่องนภานั้นจะยากกว่าการใช้เคล็ดวิชาบ่มเพาะที่มีระดับต่ำเสียอีก

“เจ้าเห็นไหมว่ามีผู้ที่ขึ้นไปที่ชั้นสาม !”

“อาจจะเป็นเพียงผู้อาวุโสนิกายฝ่ายนอก ไม่มีอะไรให้ตื่นเต้นหรอก”

“แต่เขาดูแก่กว่าเราเพียงนิดเดียวเองนะ !”

“จริงสิ ถ้าอย่างนั้นก็ต้องเป็นศิษย์หลักในข่าวลือ !”

“น่าทึ่งมาก ข้าได้ยินมาว่ามีเคล็ดวิชาระดับสูงที่ชั้นสาม หากข้าสามารถฝึกฝนหนึ่งในนั้นที่เกี่ยวข้องกับธาตุลมได้ล่ะก็ ข้าก็จะผ่านพ้นขอบเขตขอบเขตควบแน่นแก่นแท้ไปได้อย่างง่ายดาย”

“ฝันไปเถอะ เราเป็นเพียงแค่ศิษย์ฝ่ายนอก แม้แต่ศิษย์ฝ่ายในก็เข้าไปที่ชั้นสามไม่ได้ นับประสาอะไรกับพวกเรา”

เซวียนห่าวเพิกเฉยต่อเหล่าศิษย์ที่พูดคุยกันในขณะที่เขาขึ้นไปที่ชั้นสามของหอคัมภีย์อย่างเงียบ ๆ

คราวนี้ พื้นที่ส่วนใหญ่ว่างเปล่า มีเพียงผู้อาวุโสฝ่ายนอกสองสามคนที่เดินประปรายไปทั่วพื้น พวกเขาแต่ละคนจำหน้าของเซวียนห่าวได้และรีบโค้งคำนับต่อเขาด้วยความเคารพในขณะที่เขาเดินผ่าน

ชั้นที่สี่ว่างเปล่า ไม่มีแม้แต่คนเดียว เป็นที่เข้าใจได้เพราะผู้อาวุโสฝ่ายในส่วนใหญ่จะใช้เวลาในการบ่มเพาะแทนที่จะไปสำรวจหอคัมภีย์

เมื่อมาหยุดอยู่หน้ากำแพงหน้าบันไดสู่ชั้นที่ห้า เซวียนห่าวก็หยิบเหรียญผู้อาวุโสหลักของเขาที่ได้มาเมื่อเขากลายเป็นผู้อาวุโสหลัก

เหรียญนั้นสว่างขึ้นเมื่อเซวียนห่าวย้ายมันไปยังจุดหนึ่งและในไม่ช้า กำแพงก็ก่อตัวเป็นประตูใหญ่พอที่เซวียนห่าวจะผ่านเข้าไปได้

ไม่นานหลังจากที่เขาเดินผ่านประตู มันก็ปิดลงขณะที่เขาเดินขึ้นไปบนชั้นที่ห้า

5 3 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด