ตอนที่แล้วระบบยอดอาจารย์บ่มเพาะศิษย์ ตอนที่ 14 โรงอาหารในนิกาย
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไประบบยอดอาจารย์บ่มเพาะศิษย์ ตอนที่ 16 เคล็ดวิชาใดกันที่จะเหมาะกับศิษย์ของข้า

ระบบยอดอาจารย์บ่มเพาะศิษย์ ตอนที่ 15 เคล็ดวิชากระบี่วายุโปรยปราย


“อาจารย์ ข้าทานอาหารเสร็จแล้ว เราสามารถเริ่มการฝึกได้เมื่อท่านพร้อม !”

เมื่อเซวียนห่าวไหลเวียนพลังปราณผ่านเส้นลมปราณของเขาเสร็จ เขาก็ได้ยินเสียงของชิงอี้อีกครั้งที่ด้านนอกประตูห้องของเขา

“เราจะเริ่มการฝึกกันเดี๋ยวนี้” ด้วยคำพูดสั้น ๆ เซวียนห่าวลุกขึ้นจากท่านั่งสมาธิและเดินไปที่ประตูของเขา

ชิงอี้ที่รออยู่อีกฝั่งของประตูรู้สึกตกใจเมื่อเห็นอาจารย์ของนางออกมา แต่ก็รีบยิ้มอย่างมีความสุขก่อนที่จะเดินตามอาจารย์ของนางออกจากตำหนักและเข้าไปในลานฝึกเล็ก ๆ ที่ตั้งอยู่บนยอดเขาเดียวกับตำหนัก .

ลานฝึกมีขนาดไม่กี่ร้อยตารางเมตร ซึ่งใหญ่กว่าที่ชิงอี้จินตนาการไว้มาก บ้านของตระกูลของนางเล็กกว่าลานฝึกนี้เสียอีก

ลานฝึกฝนนี้ใช้สำหรับอาจารย์ของนางและศิษย์ของเขาเท่านั้น แต่ที่ตระกูลของนาง นางต้องแบ่งปันพื้นที่ลานฝึกกับรุ่นเยาว์คนอื่น ๆ ในตระกูล...

“เอาล่ะ เรามาถึงลานฝึกแล้ว เจ้าสามารถฝึกที่นี่ได้ทุกเมื่อที่ต้องการ ตอนนี้เรามาเริ่มฝึกเคล็ดวิชาของเจ้ากันดีไหม”

นี่มันแตกต่างจากสิ่งที่นางคุ้นเคยมากเกินไปและชิงอี้ก็ยืนอยู่ที่นั่น เมื่ออาจารย์ของนางพูดคุยกับนางจบ นางจึงสามารถฟื้นคืนสติได้ในระดับหนึ่ง

“เจ้าค่ะ !”

“เอาล่ะ อย่างแรก ข้าขอดูหน่อยเถอะว่าเจ้าใช้เคล็ดวิชาใด ข้าจะได้ช่วยเจ้าชี้ให้เห็นถึงจุดที่เจ้ายังบกพร่องอยู่”

เมื่อพูดเช่นนั้น เซวียนห่าวก็ยืนนิ่งในขณะที่เขารอให้ศิษย์ของเขาแสดงเคล็ดวิชาของนาง

ชิงอี้ไม่พูดอะไรและเริ่มไหลเวียนพลังปราณในร่างกายของนางแทน ขณะที่นางดึงกระบี่ออกจากฝักและปล่อยให้พลังปราณไหลผ่านตามเคล็ดวิชากระบี่ที่ตระกูลของนางสอน

ชิงอี้ส่งเสียงออกมาเล็กน้อย นางเหวี่ยงกระบี่ขึ้นไปในอากาศ ขณะที่แสงยื่นออกมาจากคมกระบี่และกระทบกับอากาศที่ว่างเปล่า

“อืม เคล็ดวิชากระบี่ขั้นปฐพีระดับต่ำ... มันเรียกว่าอะไรล่ะ?”

เซวียนห่าวมองไปที่เคล็ดวิชากระบี่ที่ชิงอี้แสดงและคาดการณ์ว่ามันอยู่ระดับใด เขาถามชิงอี้ถึงชื่อของเคล็ดวิชานี้

“มันชื่อว่ากระบี่วายุโปรยปราย พ่อของข้าคิดมันขึ้นมาหลังจากที่เขาอยู่ขอบเขตควบแน่นแก่นแท้”

“พ่อของเจ้าช่างน่าร้ายกาจจริง ๆ ที่คิดค้นมันได้”

เซวียนห่าวบอกชิงอี้ว่าเขาคิดอย่างไร

เคล็ดวิชาขั้นปฐพีมักจะใช้โดยผู้ที่อยู่ในขอบเขตควบแน่นแก่นแท้และ ขอบเขตวิญญาณก่อกำเนิด สำหรับผู้ที่เพิ่งไปถึงขอบเขตควบแน่นแก่นแท้และสร้างเคล็ดวิชาขั้นปฐพีระดับต่ำได้ ผู้นั้นคงเป็นอัจฉริยะที่หาได้ยากมากในอาณาจักรนภาสวรรค์แม้ว่าจะเป็นเพียงเคล็ดวิชาขั้นปฐพีระดับต่ำก็ตาม

เมื่อเทียบกับเคล็ดวิชาขั้นมนุษย์ที่ใช้โดยขอบเขตรวมปราณและขอบเขตก่อตั้งรากฐาน เคล็ดวิชาขั้นปฐพีส่วนใหญ่ใช้โดยผู้ฝึกตนขอบเขตวิญญาณก่อกำเนิดในอาณาจักรเล็ก ๆ เช่นอาณาจักรนภาสวรรค์เท่านั้น

ผู้ฝึกตนขอบเขตควบแน่นแก่นแท้ที่ใช้เคล็ดวิชาขั้นปฐพี ในขณะที่บางคนยังคงใช้เคล็ดวิชาขั้นมนุษย์

ดูเหมือนว่าชิงอี้จะมีพ่อที่ร้ายกาจเลยทีเดียว

“แต่ยังมีข้อบกพร่องอยู่มากเมื่อเจ้าใช้กระบี่วายุโปรยปราย จากสิ่งที่ข้าเห็น เจ้าควรใช้พลังปราณเพื่อควบคุมกระแสลมรอบ ๆ กระบี่เพื่อเพิ่มความเร็วของมันในขณะเดียวกันก็เสริมความแข็งแกร่งให้กับคมกระบี่เพื่อสร้างความเสียหายสูงสุดแก่คู่ต่อสู้ !”

“พ่อของข้าก็พูดเช่นนี้ แต่ข้ามักจะรู้สึกว่ามันขาดอะไรบางอย่างเมื่อใดก็ตามที่ข้าใช้มัน...”

“ฮ่าฮ่า แน่นอน แม้ว่าพ่อของเจ้าจะพยายามอย่างดีที่สุดเพื่อแนะนำเจ้า แต่ก็เพราะเป็นเคล็ดวิชาขั้นปฐพี เจ้าจะไม่สามารถใช้ความแข็งแกร่งของมันได้เต็มที่ก่อนที่เจ้าจะไปถึงขอบเขตควบแน่นแก่นแท้” เซวียนห่าวหัวเราะเบา ๆ ขณะที่เขาบอกกับชิงอี้

“สำหรับตอนนี้ แทนที่จะเน้นทั้งการเสริมความแข็งแกร่งของคมกระบี่และความเร็ว ให้ลองมุ่งเน้นเฉพาะด้านใดด้านหนึ่งก่อน มาเริ่มกันที่การเสริมความแข็งแกร่งของคมกระบี่ มันน่าจะทำได้ง่ายกว่าการควบคุมกระแสลมรอบกระบี่”

เซวียนห่าวยิ้มอย่างสดใสในขณะที่เขาสอนศิษย์ของเขาถึงวิธีการใช้กระบี่วายุโปรยปรายที่พ่อของนางมอบให้

เคล็ดวิชานี้ค่อนข้างง่ายสำหรับหลินเซินที่จะใช้ลมเพื่อเพิ่มความเร็วของกระบี่ในขณะเดียวกันก็ใช้พลังปราณเพื่อเสริมแกร่งให้กับคมกระบี่

เมื่อเทียบกับเคล็ดวิชาขั้นปฐพีระดับสูงที่ทำให้ผู้ฝึกตนใช้สัมผัสเทวะเพื่อควบคุมพลังสวรรค์และโลกเพื่อทำการโจมตีที่ทำลายล้าง

เช่นเคล็ดวิชาทั่วไปที่ผู้ฝึกตนขอบเขตวิญญาณก่อกำเนิดใช้จัดการกับผู้ฝึกตนที่อ่อนแออย่างฝ่ามือเทวะ โดยพื้นฐานแล้วมันเป็นเพียงแค่การรวบรวมพลังขนาดมหึมาจากสวรรค์และโลกให้ก่อตัวเป็นฝ่ามือขนาดใหญ่ที่สามารถใช้เพื่อกำจัดผู้ฝึกตนที่ต่ำกว่าขอบเขตวิญญาณก่อกำเนิด

นอกจากนี้ยังง่ายต่อการใช้ เนื่องจากผู้ที่ใช้ฝ่ามือเทวะสามารถควบคุมให้ทำลายสิ่งไหนหรือไม่ทำลายสิ่งไหนได้ หมายความว่าฝ่ามือขนาดใหญ่สามารถกดลงทั้งเมือง แต่ไม่ได้ทำความเสียหายใส่ที่ใดเลยและจะสังหารเฉพาะเป้าหมายที่ต้องการเท่านั้น

ชิงอี้ฟังสิ่งที่เซวียนห่าวบอกนางและเริ่มฝึกฝนเคล็ดวิชานี้อย่างรวดเร็วตามที่อาจารย์ของนางกล่าว นางมุ่งความสนใจไปที่การใช้พลังปราณของนางเพื่อเสริมความแข็งแกร่งให้กับคมกระบี่

ครึ่งชั่วโมงผ่านไปอย่างรวดเร็ว ชิงอี้กวัดแกว่งกระบี่ไปมาในอากาศที่ว่างเปล่า ขณะที่นางค่อยๆ รู้สึกว่าการควบคุมพลังปราณภายในกระบี่ของนางเพิ่มขึ้นเมื่อเวลาผ่านไป

“เยี่ยมมาก เจ้าลองโจมตีสิ่งนี้ดูสิ !”

ขณะที่ชิงอี้เริ่มรู้สึกมั่นใจในกระบี่ของนาง เซวียนห่าวก็ขัดจังหวะนาง

นางมองหาที่ที่อาจารย์ที่กำลังชี้หุ่นฝึก

หุ่นฝึกดูธรรมดา แต่ชิงอี้ก็ไม่กล้าที่จะประเมินมันต่ำไปและโจมตีมันด้วยกำลังทั้งหมดของนาง นางใช้กระบี่วายุโปรยปรายในขณะที่มุ่งเน้นไปที่ความแข็งแกร่งตามที่อาจารย์บอก

กระบี่ลอยไปในอากาศทันทีที่โดนหุ่นฝึก

“…”

ไม่มีอะไรเกิดขึ้น มีเพียงรอยขีดข่วนเล็ก ๆ ที่ปรากฏบนหุ่นฝึก ทำให้ชิงอี้พูดไม่ออก

“เป็นความคืบหน้าที่ดี จากนี้ไป ข้าต้องการให้เจ้าฝึกฝนด้านเสริมความแข็งแกร่งของกระบี่วายุโปรยปรายต่อไป เมื่อเจ้าสามารถสร้างรอยให้หุ่นฝึกได้อย่างน้อยสองเซนติเมตร เราจะไปฝึกด้านความเร็วของกระบี่ ให้เจ้ารอเรื่องการบ่มเพาะก่อนในขณะนี้ เนื่องจากจะเป็นการดีที่สุดที่จะปลุกกายาศักดิ์สิทธิ์ของเจ้าก่อนที่จะเริ่มสิ่งนั้น”

เซวียนห่าวกล่าวขณะที่เขาหันหลังกลับและออกจากลานฝึก

“อย่าลืมพักเป็นระยะ ๆ และหากเจ้ามีปัญหาเกี่ยวกับการเสริมความแข็งแกร่งของกระบี่ของเจ้าให้เจ้ามาที่ห้องของข้า”

เมื่อมองไปที่อาจารย์ที่หายตัวไปจากลานฝึก ชิงอี้ก็มุ่งความสนใจไปที่หุ่นฝึกต่อไป ขณะที่นางตั้งใจอย่างเต็มที่ในการทำตามที่อาจารย์ของนางบอก

ชิงอี้เหวี่ยงกระบี่ของนางลงไปที่หุ่นฝึก ชิงอี้เริ่มฝึกกระบี่วายุโปรยปรายโดยหวังว่านางจะแข็วแกร่งเหมือนพ่อของนาง

5 2 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด