บทที่ 28 – กลายเป็นศิษย์
ตอนที่ผมฟื้นขึ้นมาอีกครั้งหนึ่ง ผมพบตัวเองอยู่ในห้องนอนเรียบง่ายไม่มีการตกแต่งใด ๆ ผมอยู่ที่ไหน? เสี่ยวจิน! เสี่ยวจินเป็นยังไงบ้าง? ผมมองเข้าไปในตัวเองทันที โชคดี ถึงแม้ว่าเสี่ยวจินจะหลับลึกอยู่ แต่ผมก็ยังรู้สึกถึงพลังชีวิตของมันได้ เสี่ยวจินของผม ในที่สุดแกก็กลับมามีชีวิตอีกครั้งหนึ่ง น้ำตาของผมไหลออกมาอย่างไม่รู้ตัว
ตอนนี้จิตใจของผมสงบลง ส่วนเรื่องที่ผมสูญเสียพลังชีวิตไป มันไม่ได้สนใจเลย
มีเสียงดังขึ้นที่ประตู นักเวทย์เฒ่าเดินเข้ามา
“เธอฟื้นแล้ว?”
“ครับ ที่นี่คือที่ไหนครับ?”
“ห้องนอนของอาจารย์เอง ทำตัวตามสบาย เดี๋ยวอาจารย์ออกไปหาอะไรมาให้กิน เธอคงจะหิวมากแล้ว”
“ขอบคุณมากครับ อาจารย์” ผมรู้สึกขอบคุณนักเวทย์ชราคนนี้จากส่วนลึกของจิตใจ ถ้าไม่มีเขา เสี่ยวจินคงไม่สามารถฟื้นกลับมาอยู่กับผมได้
หลังจากนั้นไม่นาน นักเวทย์เฒ่าเอาอาหารจำนวนมากเข้ามา ผมสวาปามเข้าไปจนอิ่ม ผมอารมณ์ดีเป็นอย่างมาก เป็นธรรมดาที่ความอยากอาหารผมก็จะดีมากขึ้นไปด้วย อาหารที่วางอยู่อร่อยจริง ๆ ฮิฮิ!
“ค่อย ๆ กิน เดี๋ยวสำลัก!”
“ผมหลับไปนานแค่ไหนครับอาจารย์?”
“7 วัน”
“หา!! นานขนาดนั้นเลย!!?” ผมตกใจ
“นี่ถือว่าเร็วแล้ว พลังเวทย์ของเธอยอดเยี่ยมมาก อาจารย์ยังคิดว่าอย่างน้อยเธอต้องใช้เวลา 10 วันถึงจะฟื้น”
“ถึงว่าทำมันผมถึงได้หิวมากขนาดนี้! ผมหลับไปตั้งนาน อา!ใช่แล้ว ผมยังไม่รู้ชื่ออาจารย์เลย”
“อาจารย์ชื่อตี้เหล่าหลุน”
“อาจารย์อยากถามเธออีกครั้ง เธอจะยอมเป็นลูกศิษย์ และเป็นผู้สืบทอดเวทย์แห่งแสงของอาจารย์หรือไม่?” นักเวทย์ชรายกเรื่องเก่าขึ้นมาถามอีกครั้ง
ผมคิดอยู่สักพัก “ผมยอมรับครับ”
“อาจารย์ไม่ได้ช่วยสัตว์เวทย์ของเธอ เพื่อที่จะใช้เป็นข้อแลกเปลี่ยนให้เธอยอมเป็นลูกศิษย์ เธอต้องคิดอย่างรอบคอบ อาจารย์หวังว่าเธอจะทำทุกอย่างโดยสมัครใจ”
“อาจารย์ตี้ ผมทำด้วยความสมัครใจ ผมรู้สึกว่าอาจารย์ทรงพลังมาก ผมอยากเรียนกับอาจารย์ ผมเข้าใจแล้วตอนนี้ว่าผมอ่อนแอมาก ผมอยากแข็งแกร่งขึ้น”
“แล้วทำไมเธอถึงอยากแข็งแกร่งขึ้นล่ะ?” อาจารย์ตี้ถามผมอย่างสนใจ
“ผมอยากใช้ความแข็งแกร่งของตัวเอง ปกป้องครอบครัวและเพื่อนของผม” ผมตอบอย่างแน่วแน่
“ดีมาก อาจารย์ยอมรับเธอเป็นลูกศิษย์ เธอเป็นลูกศิษย์คนเดียว และเป็นคนสุดท้ายของอาจารย์”
“ทำไมอาจารย์ไม่มีลูกศิษย์ ทั้ง ๆ ที่มีพลังระดับนี้?” ผมถามด้วยความงง
อาจารย์ตี้ถอนหายใจ “ทุกวันนี้ มีคนจำนวนไม่มากที่อยากเรียนเวทย์มนต์แห่งแสง แล้วในหมู่คนที่อยากเรียนรู้ หาคนที่มีพรสวรรค์ได้น้อยมาก นี่คือเหตุผลที่อาจารย์อยากรับเธอเป็นศิษย์”
“แล้วไม่ต้องทดสอบผมก่อนเหรอ? อาจารย์คนก่อนของผมเคยบอกผมว่า นักเวทย์ที่ทรงพลังต้องให้ลูกศิษย์ของเขาผ่านการทดสอบมากมาย ก่อนที่จะรับเป็นศิษย์”
“เด็กโง่! เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นกับสัตว์เวทย์ของเธอ ถือเป็นการทดสอบที่ดีที่สุดแล้ว”
“ขอบคุณครับอาจารย์ ต่อไปผมจะตั้งใจเรียนเวทย์ภายใต้การดูแลของอาจารย์ ที่ผ่านมา ผมทำตัวเหลวไหล แต่ตอนนี้ผมมีบทเรียนแล้ว ต้องแข็งแกร่งเท่านั้นถึงจะปกป้องตัวเองและคนอื่นได้”
“วิธีการคิดของเธอถูกต้อง ดูเป็นผู้ใหญ่ขึ้นหน่อยแล้ว” อาจารย์ตี้หัวเราะ
“อาจารย์ เราจะเริ่มเรียนกันเมื่อไหร่ครับ?”
“ไม่ต้องตื่นเต้นไป ดูเหมือนเธอรีบร้อนอยากเพิ่มความแข็งแกร่งของตัวเองมาก อันที่จริง อาจารย์อยากเริ่มเร็วกว่าเธออีก แต่อาจารย์มีข้อเรียกร้องอย่างหนึ่ง นั่นคือเธอต้องเป็นมหาเมธีเวทย์ให้ได้” อาจารย์ตี้พูดอย่างจริงจัง
“อาจารย์ไม่ต้องกังวลครับ ผมเป็นมหาเมธีเวทย์ได้อย่างแน่นอน” ผมให้คำสัญญา
“โอ้!! ใช่แล้วอาจารย์ ผมไม่ได้เข้าเรียนตั้งหลายวัน ผมต้องทำยังไงดี?”
“สบายใจได้ อาจารย์ส่งใบลาให้เธอแล้ว เธอสามารถพักฟื้นอยู่ที่นี้ได้อย่างสบายใจ”
“โรงเรียนคุยง่ายอย่างนั้นเลยหรือครับ?” ผมสงสัย
“อาจารย์ลืมบอกเธอ อาจารย์คืออาจารย์ใหญ่ของโรงเรียนมัธยมเวทย์มนต์หลวง ฮ่าฮ่า” อาจารย์ตี้ยิ้มเจ้าเล่ห์
“อะไรนะ?” ผมตัวแข็งทื่อเพราะข้อมูลนี้ “อาจารย์! อาจารย์เป็นนักเวทย์ระดับไหน?”
“เมธีเวทย์ แล้วก็ยังเป็นรองประธานผู้ทรงเกียรติของสหพันธ์เวทย์มนต์อีกด้วย เป็นยังไง พอจะเป็นอาจารย์ของเธอได้มั้ย?”
“ว้าว!!! อาจารย์ช่างแข็งแกร่งเกรียงไกร!! อาจารย์คือ 1 ใน 10 ของเมธีเวทย์ของทวีป”
“ถูกต้อง ใน 10 นักเวทย์สูงสุด อาจารย์เป็นอันดับ 4” เหมือนว่าอาจารย์ตี้จะไม่พอใจอันดับของตัวเองเล็กน้อยตอนที่พูด
"อาจารย์ไม่ต้องอารมณ์เสียครับ อาจารย์แข็งแกร่งมากแล้ว อีกอย่าง ถึงอาจารย์จะแต่อันดับ 4 แต่ในอนาคตอาจารย์จะมีลูกศิษย์ที่เป็นอันดับ 1 ของทวีป มันจะทำให้อาจารย์มีชื่อเสียง เกียรติยศเฟื่องฟู ฮ่าฮ่า!”
“ลูกศิษย์อันดับ 1 ในทวีป? ใคร?” อาจารย์! อาจารย์ไม่เข้าใจจริง ๆ เหรอ?
ผมชี้ไปที่จมูกตัวเอง “ผมไง!”
อาจารย์ตี้เขกหัวผมอย่างแรง มันบวมเป็นลูกมะนาว “เจ้าเด็กหลงตัวเอง! เธอนี่มันหนังหนาจริง ๆ ระวังไว้เถอะ การสอนของอาจารย์เข้มงวดมาก ถ้าเธอไม่พยายามอย่างเต็มที่ แล้วทำให้อาจารย์เสียหน้าล่ะ ไม่ต้องคิดเลยว่าจะเกิดอะไรขึ้น หึหึ!! ......”
ถึงผมจะยังไม่ได้เริ่มเรียนกับเขา ผมยังเริ่มสัมผัสได้ว่าอาจารย์ตี้เป็นผู้เฒ่าที่ใจดีและมีอารมณ์ขัน เขาไม่น่าจะสอนผมโหดเหมือนกับปีศาจเฒ่า
ผมยืนขึ้นอย่างให้ความเคารพ“อาจารย์วางใจได้เลย ผมไม่ทำให้อาจารย์เสียหน้าแน่นอน!”
“เธอไม่ต้องไปเรียนในชั้นเรียนอีกแล้ว อาจารย์บอกอาจารย์ประจำชั้นของเธอเรียบร้อย ต่อจากนี้ไปเธอจะอาศัยอยู่ที่นี่ อาจารย์จะสอนเวทย์มนต์ใหนเธอด้วยตัวเอง แล้วเรื่องที่เกิดขึ้นมา เธอต้องไม่โทษไห่รื่อ เขาก็ไม่สามารถควบคุมสถานการณ์ได้ อีกอย่างหนึ่ง อาจารย์ไม่อยากให้เธอบอกคนอื่นเรื่องที่เธอชุบชีวิตสัตว์เวทย์ของเธอ มันจะดีกว่าถ้าให้พวกเขาเข้าใจว่าเสี่ยวจินตายไปแล้ว รอจนกว่ามันจะสามารถป้องกันตัวเองได้ ค่อยให้มันแสดงตัว”
“ได้ครับ” เสี่ยวจินไม่ตาย ดังนั้นผมไม่โทษไห่รื่ออีกแล้ว ถ้าต้องการจะบอกว่าเป็นความผิดของใคร คน ๆ นั้นน่าจะเป็นผม ผมเป็นคนเรียกเสี่ยวจินออกมาเอง!
“เธอพักอยู่ที่นี่ก่อน ตอนนี้ร่างกายของเธออ่อนแอมาก เธอเพิ่งเสียพลังชีวิตไปครึ่งหนึ่ง อาจารย์ใช้เวทย์แสงระดับกลางช่วยเธอแล้ว แต่มันเหมือนจะไม่ได้ผลมากนัก บางทีมันอาจจะไม่ตรงกับอาการของเธอ แม้แต่อาจารย์ก็ไม่รู้ว่าเวทย์ที่เธอใช้ไป มันจะส่งผลข้างเคียงอะไรบ้าง” อาจารย์ตี้พูดเหมือนเสียใจเล็กน้อย
“อาจารย์ ไม่เป็นไรครับ ผมทำโดยสมัครใจ ผมจะรับผิดชอบกับผลที่เกิดขึ้นในอนาคตเอง” ผมทำให้เขาสบายใจ
“จางกง เธอเป็นเด็กดีจริง ๆ อ้อ! ทำไมธาตุแสงถึงรวมกันอยู่ที่เธอตลอดเวลาที่เธอหลับ? แถมยังเร็วมากอีกด้วย”
หลังจากได้ยินเขาถามคำถามนี้ ผมรู้สึกอาย ๆ อะไรก็ไม่รู้ ผมเริ่มอธิบายวิธี ‘นอนสมาธิ’ ของผมให้เขาฟังตั้งแต่ต้นจนจบ
“เจ้าเด็กนี่! เฮ้อ! อาจารย์ไม่รู้จะเรียกเธอว่าอัจฉริยะ หรือตัวขี้เกียจดี แต่อาจารย์ไม่คิดเหมือนกันว่าวิธีนี้จะช่วยให้ได้รับการยอมรับจากธาตุแสงได้โดยบังเอิญ อาจารย์เพิ่งได้รับการยอมรับเมื่อตอนอายุ 60 ปีนี้เอง”
ผมได้แต่ยิ้มเขิน ๆ