ตอนที่แล้วบทที่ 23 – เจอกับซิงไห่เย่ว
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปบทที่ 25 - การต่อสู้ของเสี่ยวจิน

บทที่ 24 – การประลองที่เลี่ยงไม่ได้


“นายคือนักเรียนปี 2 ที่คนเขาเรียกกันว่าถังข้าวธาตุแสง?” นักเรียนที่สวมชุดคลุมเวทย์ไฟคนนี้ ไม่เหมือนนักเรียนคนอื่นที่กำลังให้ความสนใจอยู่ที่ไห่เย่ว และหม่าเคอ แต่กับมองมาที่ผมตาไม่กระพริบ เขาต้องเป็นซิงไห่รื่อ พี่ชายของซิงไห่เย่ว

“สวัสดี ผมชื่อเว่ยจางกง นักเรียนเวทย์แสงปี 2 คุณคือ?” ผมตอบกลับ

“ฉันคือซิงไห่รื่อ นายเป็นเพื่อนของเจ้าเค้กข้าวเหนียวนั่นใช่มั้ย?” ไห่รื่อชี้นิ้วไปทางหม่าเคอ

ผมกล่าวด้วยความลังเลนิดหน่อย “ใช่แล้ว พวกเราเป็นเพื่อนกัน”

“ถ้าพูดอย่างนั้น นายต้องเป็นคนที่รักษาอาการบาดเจ็บก่อนหน้านั้นใช่มั้ย?” ไห่รื่อถามอย่างไม่มีเจตนาดี

“อ่ะ! ประมาณ...”

“ใช่ หรือไม่ใช่ อะไรแน่?”

“ใช่ ผมใช้เวทย์ฟื้นฟูแสงรักษาเขา”

“ถ้าอย่างนั้น วันนี้ฉันจะดูว่านายจะรักษาตัวเองได้ดีขนาดไหน” ไห่รื่อคำรามเสียงต่ำอย่างดุร้าย “มาประลองชี้แนะกัน”

ตอนที่ไห่รื่อเริ่มเดินตรงมาที่ผมอย่างไม่ลังเล สถานการณ์ของหม่าเคอไม่ได้ดีกว่าผม ไม่มีใครในกลุ่มของไห่เย่วให้ความสนใจเขา แต่เขาก็ยังพยายามอย่างเต็มที่ที่จะสร้างเสียงหัวเราะ

กลุ่มนักเรียนปี 3 ของไห่เย่ว ตะคอกใส่เขา “เจ้าเค้กข้าวหัวแดง ไม่ต้องมาตามพวกเรา ไม่ต้องมาชวนคุยเลย แกมันก็แค่คางคกอยากกินเนื้อหงส์”

หม่าเคอเกือบตอบกลับไม่ถูก “ผมจะทำอะไรได้ล่ะ? ใครทำให้ผมตกหลุมรักตั้งแต่ครั้งแรกที่เจอเธอล่ะ? มันเป็นรักแรกพบ” ผิวหนังของเขาไม่ได้หนาแค่ระดับธรรมดา ตามคาด

ในที่สุด ไห่เย่วต้องออกปาก “นายมันน่ารำคาญ เลือกกวนฉันสักทีได้มั้ย? นาย! เจ้าเด็กหัวเหม็น โตไปต้องเป็นคนเสเพลแน่ ๆ”

ได้ยินเสียงของไห่เย่ว ที่ใสปานเสียงนกการะเวก หม่าเคอแสดงสีหน้าหลงใหล ส่วนเนื้อหาที่เธอพูด เอ่อ...

เห็นตาของหม่าเคอเปลี่ยนเป็นรูปหัวใจ ไม่ตอบ ไห่เย่วตวาดอย่างทนไม่ได้ “เฮ้! นายได้ยินฉันมั้ย?”

“อา!! อะไร? เธอว่าอะไรนะ?”

“ฉันพูดว่านายมันน่ารำคาญ....” ไห่เย่วพูดซ้ำด้วยความโกรธ

หม่าเคออึกอัก “ผมสัญญาว่าผมจะทำตัวน่ารำคาญกับคุณคนเดียว ดีมั้ย?”

“นาย นาย นาย!!” ไห่เย่วโกรธจนพูดไม่ออก ตอนนั้นเองที่หม่าเคอรู้สึกว่าบรรยากาศอีกด้านหนึ่งเริ่มผิดปกติแล้ว

“ใครเป็นพี่ใหญ่ของนาย ตอบมาเร็ว ๆ แล้วนายตกลงจะประลองมั้ย?” ประโยคแรกถามไปที่หม่าเคอ ส่วนประโยคหลังนั้นเล็งมาที่คนน่าสงสารอย่างผม

“รุ่นพี่ พวกเราไม่ต้องสู้กันได้มั้ย ผมเคารพรักรุ่นพี่ ผมเป็นรุ่นน้อง พี่ต้องไม่อยากรังแกรุ่นน้องหรอก ใช่มั้ยครับ?”

ทุกคนเริ่มล้อมวงเข้ามาโดยมีพวกเราอยู่ตรงกลาง “ไอ้หมอนี่ไม่เห็นมีอะไรดี ขี้ขลาดก็เท่านั้น”

“แน่จริงเข้ามา ขี้ขลาด!? ห่ะ! มา เดี๋ยวฉันโชว์อะไรให้ดูว่าฉันมีอะไร ไอ้ชีวิตห่วย ๆ ของนายน่ะ ยังจะอยากมีอยู่มั้ย?” แหม! ผมล่ะอยากพูดอย่างนี้จริง ๆ

แต่! แม้แต่หม่าเคอก็ไม่กล้าเงยหน้า “หวา!! นี่ไม่ใช่พี่ใหญ่ น่าอายจริง ๆ”

ผมเดินไปตรงไปคว้าหม่าเคอไว้ “เจ้าเด็กนี่ นายยังมีหน้ามาพูดอะไรอย่างนี้อีกเหรอ? ถ้าไม่ใช่เพราะนาย ฉันคงไม่ถูกบังคับให้ประลองกับใครหรอก”

ทันใดนั้น ไห่รื่อพูดสิ่งที่ทำให้ผมหมดโอกาสหนี “ไม่อยากประลอง หือ? ถ้าอย่างนั้นก็เป็นกระสอบทราย ดีมั้ย? ฉันไม่สนใจชื่อเสียงอยู่แล้ว ใครบอกว่าฉันไม่รังแกรุ่นน้อง? ถ้าฉันไม่ชอบใคร ฉันจะอัดมัน” เขาขยับหมัดอันใหญ่โตของเขา เหมือนพยายามเทียบดูกับขนาดตัวผม

จบ! ผมจบแล้ว! ดูเหมือนผมไม่มีทางหนี พวกเรายังต้องประลองกันมั้ย? ถ้าเป็นการประลอง อย่างน้อยผมก็ไม่ตาย ผมตอบอย่างช่วยไม่ได้ “ก็ได้ ผมยอมรับการประลองชี้แนะ”

ทั้งหมดเดินไปที่สนามฝึกซ้อม แล้วยืนล้อมกันเป็นวง ผมยืนอยู่ตรงกลางกับไห่รื่อ ผมรู้ว่าผมหลบไม่พ้นแล้ว ถ้าอย่างนั้นก็ต้องสู้

“ออกมา!” ผมโบกมือกลางอากาศ รอยแตกเล็ก ๆ ปรากฏขึ้น ผมยื่นมือเข้าไปหยิบคทาเวทย์ที่ผมไม่เคยใช้ออกมา (ถุงเก็บของมิติ เวทย์มิติระดับกลางที่ผมเพิ่งเรียนเมื่อเร็ว ๆ นี้เพื่อความสะดวก ผมเก็บคทาเวทย์ไว้ในนั้น แต่ผมไม่คิดว่าผมต้องใช้มันวันนี้)

ไห่รื่อถามอย่างแปลกใจ “นายใช้เวทย์มิติได้?”

“เวทย์ธาตุรองของผมคือเวทย์มิติ” ผมตอบอย่างไม่กระตือรือร้นนัก ยังไงแล้ว ผมก็หนีเรื่องนี้ไม่พ้น แทนที่จะทำตัวขี้ขลาด ผมจะทำตัวหยาบคายและไร้เหตุผล ใครกลัวกัน?

ผมไม่กล้าชักช้า รีบร่ายเวทย์โล่ผลึกแสงปกคลุมร่างตัวเอง ด้วยพลังเวทย์ที่เพิ่มขึ้นจากการใช้คทาเวทย์ ร่างของผมถูกล้อมด้วยธาตุแสงเป็นชั้นหนา ผมพร้อมรบแล้ว

“ได้เลย ให้ฉันดูหน่อยว่านายแกร่งขนาดไหน ถึงได้กล้าเข้ามายุ่งเรื่องของคนอื่น” ไห่รื่อที่มีท่าทางผ่าเผยเหมือนภูเขาสูงที่ตั้งตระหง่าน ด้วยสีหน้าเคร่งเครียด เขาร่ายเวทย์แล้วใช้มือสะบัดเวทย์ไฟระดับกลาง ‘โซ่ลูกไฟ’ ส่งตรงมาที่ผม ผมรู้ว่าเวทย์นี้เป็นแค่การทดสอบผม ด้วยท่าทางสงบและไม่รีบร้อน ผมย้ายตัวเองไปอยู่ข้างหลังไห่รื่อ แล้วยิงธนูแสงใส่เขา อาจเป็นเพราะเขาไม่ได้ระวัง หรือมั่นใจตัวเองมากเกินไป เขาหลบไม่ทันและถูกธนูแสงเข้าอย่างจัง เพราะธนูแสงเป็นแค่เวทย์ระดับพื้นฐาน มันจึงไม่สามารถสร้างความเสียหายได้ โล่เพลิงป้องกันมันได้อย่างง่ายดาย แต่ก็ยังสร้างความตระหนกให้กับเขา

“ดูเหมือนว่าฉันจะประเมินนายต่ำเกินไป” ไห่รื่อพูดก่อนร่ายเวทย์พายุใส่ตัวเอง เหมือนกลายเป็นเงา เขาเคลื่อนที่ไปทั่วสนาม ความเร็วของเขาช้ากว่าการเคลื่อนย้ายของผมไม่มาก ผมได้แต่มองตามเงาร่างของเขา พลังที่แท้จริงของไห่รื่อนั้นแข็งแกร่ง เวทย์ระดับพื้นฐานที่เขาร่ายให้ผลเหมือนเวทย์ระดับกลาง คิดไม่ถึงจริง ๆ ผมคำนวณว่าถ้าวัดกันที่ความเร็วอย่างเดียว เราทั้งคู่ไม่น่าจะโจมตีกันถูก แต่เห็นเขาร่ายเวทย์อย่างนี้ เวทย์ที่ตามมาต้องไม่ใช่เวทย์เล็กอย่างแน่นอน ตอนนี้ผมทำได้แค่เคลื่อนย้าย

การต่อสู้ที่ดุเดือดเริ่มขึ้นแล้ว ผลจะออกมาเป็นอย่างไร? จางกงจะสามารถผ่านมันไปได้หรือไม่?

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด