ตอนที่แล้วบทที่ 158: ปัญหาใหญ่! แต่ก็แก้ง่าย!
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปบทที่ 160: วิธีรวยแบบใหม่ ขโมยป้ายของบ้านไร่ชิงหลิน!

บทที่ 159: มันเกิดเรื่องแบบนี้ขึ้นได้ยังไง! ฉันเป็นคนเขียนงั้นเหรอ!


ค่ำคืนผ่านไปอย่างรวดเร็ว

ศาสตราจารย์เหรินตื่นแต่เช้าอาบน้ำแต่งตัวแล้วเดินลงไปรำไทเก๊กตามปกติ

ทั้งหน้าที่การงานและการผักผ่อนล้วนทำได้อย่างปกติสุขดี

เมื่อรำไทเก๊กเสร็จแล้วก็กลับเข้าบ้านมาเจอกับข้าวต้มที่ภรรยาจัดเตรียมไว้ให้แล้ว

แต่หลังจากที่กินไปได้แค่คำสองคำเท่านั้นก็เห็นว่ามือถือของตนมีสายเข้า  พอชะโงกดูก็พบว่าเป็นศาสตราจารย์หลิวซึ่งเป็นเพื่อนกัน  อีกฝ่ายเป็นหัวหน้าศูนย์วิจัยสถาบันการเกษตรในเขตเมืองหมิง

อาจารย์เหรินเลยรับสายทันที “ไงเฒ่าหลิว  ทำไมถึงได้โทรหาฉันตั้งแต่เช้าล่ะหืม?”

แล้วเสียงของศาสตราจารย์หลิวก็ดังมาจากปลายสาย “นึกแล้วเชียวว่านายต้องตื่นแล้ว  นายนี่ก่อเรื่องก่อราวในเน็ตซะใหญ่โตเลยนา  ฉันเลยถูกคนขอให้มาไกล่เกลี่ยเนี่ย!”

“เดี๋ยวก่อน!” จู่ ๆ ศาสตราจารย์เหรินก็ตกใจ

“เรื่องในเน็ตอะไรยังไง?  เกิดเรื่องอะไรขึ้น!”

“หา?” ศาสตราจารย์หลิวที่ปลายสายก็ตกใจกับคำถามของอีกฝ่ายเหมือนกัน

“เฮ่ย ๆ เฒ่าเหริน  ในเน็ตน่ะเรื่องราวใหญ่โตซะขนานนั้นแต่นายที่เป็นตัวต้นเรื่องกลับไม่รู้ว่าเกิดไรขึ้นเนี่ยนะ?  ก็นายแสดงความคิดเห็นตำหนิบ้านไร่ชิงหลินไว้นี่  ใช่มะ?  แล้วตอนนี้คลิปนายก็กลายเป็นข่าวไปแล้วนาเว่ย!”

“เฒ่าหลิว!  รอแป๊บนะ!” ศาสตราจารย์เหรินขมวดคิ้วแน่น  จากนั้นก็ขอให้ภรรยาเอามือถือของเธอมาเปิดติ๊กต็อกให้ดู  และก็ต้องพบคลิปที่มีทั้งหน้าและเสียงของตนพูดจาน้ำไหลไฟดับด้วยความโกรธในทันที

แม้เขาจะอายุมากและมีงานรัดตัว  แต่ก็พอจะมีความเข้าใจแพลตฟอร์มสื่อสังคมออนไลน์เหล่านี้อยู่บ้าง  สาเหตุก็มาจากภรรยาที่มักจะเปิดฟังเพลงดูคลิปฆ่าเวลายามว่างนั่นแหล่ะ

“ในฐานะศาสตราจารย์ที่ทุ่มเทให้กับการวิจัยด้านสุขภาพแล้วบอกเลยว่าฉันโกรธสิ่งที่บ้านไร่ชิงหลินทำมาก...”

เมื่อได้เห็นยอดไลค์และอ่านคอมเมนต์แล้วเขาก็รู้เลยว่านี่มันเรื่องใหญ่โคตร ๆ แล้ว  และเมื่อเลื่อนดูคลิปต่อ ๆ ไปทุกคลิปก็ได้เห็นบล็อกเกอร์สายแสดงความคิดเห็นมาแสดงตัวออกความคิดเห็นสนับสนุนเขาและโจมตีบ้านไร่ชิงหลินอีก

“ไอ้พวกนี้มันบ้าไปแล้ว!” อาจารย์เหรินดุอย่างโกรธจัด

ในคลิปที่ลงไปนั่นเป็นตัวเขาจริง ๆ พูดเองจริง ๆ ไม่ปฏิเสธ  แต่สถานการณ์จริง ๆ มันไม่ใช่แบบนั้นเลย  เขาไม่ได้จะโจมตีบ้านไร่ชิงหลินออกสื่อหรืออะไร  ไม่ได้ทำคลิปตัวเองแสดงความเห็นลงอินเทอร์เน็ตด้วย  ที่เขาพูดตอนนั้นเขากำลังนั่งจ้องลูกชายตัวเองอยู่  แถมคำพูดทั้งหมดก็ยังมีเป้าหมายที่ลูกสะใภ้ด้วย

ลูกชายของเขาเป็นพวกประมาทเลินเล่อและไม่ได้เก่งทางวิชาการมาโดยตลอด  ดังนั้นเขาจึงอาศัยเส้นสายช่วยให้ลูกขายสามารถเข้าสถาบันวิจัยของเพื่อนได้  แต่ใครมันจะไปนึกล่ะว่ามันโตจนป่านนี้แล้วก็ยังจะประมาทเลินเล่ออยู่ไม่รู้จักพัฒนา

มันไปได้เมียเป็นอีสาวมือเปล่าที่ไม่มีดีอะไรให้อวดแต่ดันชอบอวดดี

และในครั้งนี้การทดลองที่สำคัญของเพื่อนคนนั้นกำลังขาดแคลนกำลังคนอยู่แท้ ๆ แต่ดูเมียมันซิ  ดันยุให้ผัวทิ้งงานไปเที่ยวบ้านไร่ชิงหลินเพื่อไปเอาเหล้าสมุนไพรชิงหลินสูตรแก้ริดสีดวงทวารเพราะตัวเองดันเป็นริดสีดวงขึ้นมาซะงั้น

ไอ้คนเป็นพ่อได้ยินแบบนี้ก็ขึ้นสิครับรออะไร  ด้วยความโมโหขาดสติในตอนนั้นจึงได้พล่ามด่าลูกชายลูกสะใภ้ไปซะหมดเปลือก  การที่ผู้หญิงจะกังวลเรื่องนี้มันก็พอเข้าใจ  แต่พอมาบวกกับเหล้าสมุนไพรชิงหลินที่บรรยายสรรพคุณเกินสามัญสำนึกแบบนั้นแล้ว  ในฐานะนักวิจัยแถมกำลังขึ้นด้วยแล้วใครมันจะไปเชื่อล่ะว่าคนเป็นริดสีดวงกินแอลกอฮอล์แล้วมันจะหาย?

แน่นอนว่าไอ้ที่ด่า ๆ ไปตอนนั้นก็ไม่ได้กะจะทำร้ายจิตใจอะไรหรอก  ใจก็แค่อยากอธิบายสามัญสำนึกให้ฟังเท่านั้นเอง  แต่เพราะมันโกรธไงเลยกลายเป็นแบบนั้นไป

และเมื่อนึกถึงคลิปที่ได้เห็นเพราะถูกเพื่อนโทรมาเตือนแล้วก็พอจะเดาได้ว่าเรื่องบ้านี่มันเกิดขึ้นมาได้ยังไง

นังผู้หญิงโง่นั่นมันกล้าแอบถ่ายคนในครอบครัวไปโพสต์ลงในอินเทอร์เน็ตจำเกิดเรื่องเกิดราวโกลาหลใหญ่โต

การที่ต้องแต่งผู้หญิงคนนี้เข้าบ้านเนี่ยมันช่างน่าเศร้าแท้ ๆ

ศาสตราจารย์เหรินได้แต่ถอนหายใจ

ไม่ว่าจะยังไงก็ตามผู้หญิงคนนั้นก็เป็นคนคลอดหลานสาวให้เขา

เอาจริง ๆ ถ้าตอนนั้นหล่อนไม่ท้องเขาคงไม่มีวันปล่อยให้ลูกชายตัวเองแต่งงานกับแม่นี่หรอก

และแล้วศาสตราจารย์เหรินก็ทำได้เพียงแค่พูดกับอีกฝ่ายไปว่า “เฒ่าหลิว  ฉันรู้แล้วว่ามันเกิดเรื่องอะไรขึ้น  แต่ฉันไม่ใช่คนทำจริง ๆ”

ตอนนี้เขาเข้าใจแล้วว่าผู้อาวุโสหยวนรู้สึกอย่างไรที่จู่ ๆ ก็มาพบว่าบัญชีติ๊กต็อกของตนมียอดผู้ติดตามเป็นสิบล้านโดยไม่เคยรู้ตัวมาก่อน

เขาก็ไม่คิดมาก่อนเหมือนกันว่าเรื่องบ้า ๆ แบบนี้มันจะมาเกิดขึ้นกับตัวเองด้วย

“เฒ่าหลิว  ที่นายโทรมาได้แบบนี้แปลว่าความสัมพันธ์ของนายกับบ้านไร่ชิงหลินไม่ใช่เรียบง่ายใช่มั้ย?” ศาสตราจารย์เหรินถามอีกครั้ง

ศาสตราจารย์หลิวตอบว่า “เฒ่าเหรินเอ๊ย  ฉันว่านายคิดผิดแล้วล่ะนะ  ฉันเชื่อจริง ๆ ว่าเหล้าสมุนไพรชิงหลินมันแก้ริดสีดวงได้จริง  และนายกำลังเข้าใจอีกฝ่ายผิดอยู่  ฉันเลยเต็มใจโทรมาช่วยไกล่เกลี่ยนี่ไง”

“เหล้าสมุนไพรนั่นมันรักษาริดสีดวงได้จริงเหรอ?  ทั้ง ๆ ที่มันผิดสามัญสำนึกขนาดนั้นน่ะนะ!?” ศาสตราจารย์เหรินยังคงตกใจ  ตอนนี้สามัญสำนึกกำลังมีข้อกังขา

“ฉันรู้ว่ามันผิดสามัญสำนึก  แต่เท่าที่ฉันรู้มาคือมันเป็นไปแล้วจริง ๆ แถมยังออกฤทธิ์ได้รุนแรงเหนือกว่ายาริดสีดวงตามท้องตลาดอีกด้วย” ศาสตราจารย์หลิวตอบด้วยความมั่นใจ

“ถึงมันจะไม่น่าเชื่อ  แต่มันก็ไม่แน่บางทีมันอาจมีส่วนประกอบที่แปรสภาพผิดธรรมชาติกลายเป็นตัวยาในเหล้าสมุนไพรนั่นอยู่ก็ได้  ซึ่งก็ไม่ใช่เรื่องแปลกสำหรับวิทยาศาสตร์หนิ”

เมื่อศาสตราจารย์เหรินได้ยินสิ่งนี้เขาก็สนใจทันที “ที่นายโทรมาได้แบบนี้แปลว่านายเองก็ต้องมีช่องทางติดต่อบ้านไร่ชิงหลินใช่มั้ยเฒ่าหลิว?  ช่วยติดต่อทางนั้นบอกว่าฉันขอเหล้าสมุนไพรนั่นมาศึกษาให้ฉันหน่อยสิ”

การเกิดการแปรสภาพแบบผิดธรรมชาติใด ๆ ล้วนอาจส่งเสริมความก้าวหน้าพัฒนางานวิจัยได้ทั้งสิ้น

เป็นเรื่องปกติที่คนเป็นริดสีดวงทวารควรต้องเลี่ยงเครื่องดื่มแอลกอฮอล์  อีกทั้งยังเป็นหลักการสำคัญของวิทยาศาสตร์เพื่อสุขภาพและวิถีชีวิตที่ดีด้วย  แต่ตอนนี้กลับมีเหล้าสมุนไพรชิงหลินที่คนเป็นโรงริดสีดวงทวารดื่มแล้วหายจึงมีโอกาสสูงที่ในเหล้าสมุนไพรนั่นจะมีองค์ประกอบที่เกิดจากการแปรสภาพผิดธรรมชาติและส่งผลบางอย่างต่ออาการของโรคริดสีดวงทวาร  และแปลว่านี่มันเรื่องใหญ่

สำหรับคนอย่างเขาแล้วนี่ถือว่าเป็นอะไรที่สามารถดึงดูดใจได้อย่างถึงที่สุดจริง ๆ

ศาสตราจารย์หลิวไปยินที่อีกฝ่ายร้องขอก็ยิ้มออกมา “ตอนนี้สภาพการในสื่อโซเชียลไม่ดีต่อบ้านไร่ชิงหลินเลย  เพราะงั้นทางนั้นถึงได้โพสต์คลิปเชิญให้นายไปตรวจสอบผลของเหล้าสมุนไพรชิงหลินด้วยตัวเองซึ่งตอนนี้ก็กำลังรอนายตอบกลับอยู่”

เมื่อศาสตราจารย์เหรินได้ยินสิ่งนี้ก็ตอบไปโดยไม่ลังเล “นายบอกทางนั้นด้วยว่าฉันจะไปแน่นอน  แล้วเย็น ๆ ฉันจะโทรหานายอีกที  เออ  แล้วก็เรื่องนี้มันเกิดเพราะฉันเอง  เดี๋ยวฉันจะถ่ายคลิปฝากไปให้บ้านไรชิงหลินด้วย”

“โอเค” ศาสตราจารย์หลิวกล่าว

…...................................................................................................

บ้านไร่ชิงหลิน

ฉินหลินไปที่โกดังเช่าเพื่อเอาของจากในเกมไปส่งที่บ้านไร่  และเมื่อมาถึงห้องทำงานวีแชตก็เด้งแจ้งเตือนขึ้นพอดี  เปิดดูก็รู้ว่าเป็นหลี่ไข่ทักมาโดยแนบคลิปวิดีโอมาให้ด้วย

ใต้คลิปหลี่ไข่ได้แนบคำบรรยายไว้ว่า ‘เป็นเรื่องเข้าใจผิด  ศาสตราจารย์เหรินเองไม่รู้ว่าเกิดเรื่องวุ่นวายขึ้นในโลกออนไลน์  แล้วทางนั้นก็สัญญาแล้วว่าจะมาบ้านไร่ชิงหลิน  ตอนนี้อยู่ที่เขตเมืองหมิงแล้วก็น่าจะมาถึงพรุ่งนี้’

อ่านเนื้อความเสร็จแล้วฉินหลินก็แตะหน้าจอเปิดคลิปขึ้นมาดูซึ่งเป็นคลิปที่ศาสตราเหรินถ่ายเอง

“ฉันขอโทษกับเรื่องที่เกิดขึ้นในอินเทอร์เน็ตด้วยจริง ๆ ไม่ได้คิดว่าความเห็นของตัวเองจะดึงกระแสความคิดของสาธารณชนจนต้องกลายเป็นแบบนี้  แล้วอีกอย่างฉันก็ด่วนตัดสินเหล้าสมุนไพรชิงหลินโดยไม่ได้ดูข้อเท็จจริงให้ละเอียดถี่ถ้วนก่อนด้วยซึ่งไม่สมกับเป็นนักวิทยาศาสตร์เลย  ดังนั้นจึงต้องขออภัยทุกท่านมา ณ ที่นี้”

“แน่นอนว่าถ้าตามปกติแล้วผู้ที่เป็นโรคริดสีดวงทวารควรต้องหลีกเลี่ยงเครื่องดื่มแอลกอฮอล์  แต่หากมีการเกิดปฏิกิริยาทางเคมีทำให้เกิดการแปรสภาพอย่างผิดธรรมชาติขึ้นล่ะก็นั่นจะเป็นอีกเรื่องหนึ่งไปเลย  และข่าวที่ฉันได้มาใหม่ก็คือเหล้าสมุนไพรชิงหลินมีองค์ประกอบที่เกิดจากการแปรสภาพแบบผิดธรรมชาติดังกล่าวอยู่  หากสามารถนำมาศึกษาทำความเข้าใจได้ล่ะก็จะต้องเป็นประโยชน์ต่อผู้ที่เป็นโรคริดสีดวงทวารอย่างมากเป็นแน่  ดังนั้นฉันเลยตัดสินใจจะไปที่บ้านไร่ชิงหลินด้วยตัวเอง”

“แล้วฉันได้ให้ทนายจัดการกับผู้ที่แอบถ่ายฉันและเอาคลิปนั้นลงในโซเชียลมีเดียแล้ว  ซึ่งฉันจะไม่ยอมปล่อยคนเหล่านั้นไปอย่างแน่นอน!”

น้ำเสียงในประโยคสุดท้ายของศาสตราจารย์เหรินเฉียบขาดมาก  เนื่องจากเขารู้ว่าต้องเป็นฝีมือของแม่ลูกสะใภ้ตัวแสบกับเพื่อนสนิทของมันชัวร์ ๆ

เรื่องนี้เขาจะไม่ยอมปล่อยไปอย่างเด็ดขาด  เพราะหากครั้งนี้ปล่อยไปพวกมันอาจจะเหลิงแล้วทำอีกก็ได้ใครจะรู้

เมื่อฉินหลินดูคลิปนี้จบเขาก็ประทับใจในตัวศาสตราจารย์เหรินทันที  ด้วยฐานะของคนระดับนั้นแล้วในโลกนี้คงจะมีน้อยคนนักที่กล้าอัดคลิปขอโทษอย่างจริงใจและยอมรับความผิดพลาดอย่างไม่เห็นแก่ตัว

อีกทั้งยังส่งคลิปนี้ให้เขาด้วย  แปลว่าอยากให้เขาเอาลงในเน็ตเพื่อแก้ไขสถานการณ์ของบ้านไร่ชิงหลิน

ช่างรอบคอบสมกับเป็นศาสตราจารย์

จากนั้นประตูห้องทำงานก็เปิดออกและเป็นจ้าวโม่ชิงที่รีบร้อนเข้ามา “ฉินหลิน  ศาสตราจารย์คนนั้นไม่ตอบคลิปเราเลยอะ  ที่อาจารย์หลี่ติดต่อไปเป็นยังไงมั่ง?”

ฉินหลินยื่นมือถือให้เธอ “เอาคลิปนี้ไปจัดการ”

จ้าวโม่ชิงรับมือถือมาดูด้วยความสงสัยและเห็นคลิปวิดีโอของศาสตราจารย์เหริน

“เดี๋ยวฉันจัดการเอง” จ้าวโม่ชิงบอกหลังจากดูคลิปจบและรีบออกไปพร้อมกับโทรศัพท์มือถือของฉินหลิน  ด้วยคลิปวิดีโอนี้และว่าความวุ่นวายบนอินเทอร์เน็ตจะผ่านพ้นไปแถมยังเปลี่ยนของเสียให้เป็นข้อดีได้ด้วย

โลกออนไลน์

หลังคุกรุ่นกันมาทั้งคืนในที่สุดความแรงในเรื่องความขัดแย้งระหว่างศาสตราจารย์เหรินกับบ้านไร่ชิงหลินก็ถึงจุดระเบิดในที่สุด  มีบล็อกเกอร์มากมายโพสต์คลิปแสดงความคิดเห็นโจมตีบ้านไร่ชิงหลินเหมือนกับไอ้พี่ซ่งที่นำโด่งไปก่อนแล้ว

ในห้องทำงานแห่งหนึ่ง

พี่ซ่งกำลังให้ความสนใจกับข้อมูลในหลังบ้านของช่องตัวเองอยู่ตลอดเวลา  มันยิ่งมาก็ยิ่งลุ้นเพราะครั้งนี้มันใส่สุดเกียร์จริง ๆ นอกจากคำพูดยุแยงให้ทั้งสองฝ่ายแตกกันแบบเนียน ๆ แล้วยังบวกกับเงินสองแสนที่ลงไปกับติ๊กต็อกพลัสด้วย

วิธีการลงคลิปวิดีโอยุแยงตะแคงรั่วแบบนี้จริง ๆ แล้วเป็นเรื่องที่สุ่มเสี่ยงมาก ๆ เพราะหากเกิดคดีพลิกขึ้นมานี่เจ็บหนักจนอาจถึงขั้นจบเห่ได้เลย

แต่มันก็ยังคิดว่าไม่มีทางที่จะถูกผู้อาวุโสอย่างศาสตราจารย์เหรินทำคดีพลิก  ดังนั้นก็เลยไม่ได้ห่วงกฎอะไรมากนัก

“พี่ซ่ง!  บ้านไร่ชิงหลินลงคลิปอีกแล้ว!” ผู้ช่วยพูดด้วยน้ำเสียงเร่งรีบ

พี่ซ่งก็ยิ้มเย้ยไปว่า “ต้องเป็นเพราะเมื่อวานศาสตราจารย์เหรินไม่ตอบคลิปของพวกมันชัวร์ ๆ วันนี้มันเลยลงอีกรอบ!”

“ไม่ใช่แล้วพี่ซ่ง  มาดูนี่ก่อนเร็วเข้า” น้ำเสียงผู้ช่วยบ่งบอกว่ากำลังกังวล

พี่ซ่งก็งงสิ  เลยขยับไปดูด้วยและเมื่อเห็นคลิปใหม่ที่บ้านไร่ชิงหลินลงก็เป็นต้องตกตะลึง!

คลิปวิดีโอตอบกลับจากศาสตราจารย์เหริน?  แถมยังบอกขอโทษและจะไปที่บ้านไร่ชิงหลินด้วยตัวเองอีก!

“เป็นไปได้ไงวะเนี่ยยยยยยยยยยยยยยยยยยย!” พี่ซ่งไม่อยากจะเชื่อ

เรื่องแบบนี้มันไม่ควรเกิดขึ้น!

แต่มันดันเกิดขึ้นไปแล้ว!

แถมศาสตราจารย์เหรินยังพูดถึงองค์ประกอบที่เกิดจากการแปรสภาพแบบผิดธรรมชาติอะไรนั่นอีก  แน่นอนว่าพวกพี่ซ่งฟังไม่รู้เรื่อง  แต่พอจะจับใจความได้ว่าสรุปแล้วเหล้าสมุนไพรชิงหลินมันใช้รักษาโรคริดสีดวงทวารได้จริง!

พี่ซ่งตอนนี้เหมือนคนเมาหมัดที่โดนต่อยจนมึนหัวไปหมด

มันหมดเงินไป 200,000 เพื่อซื้อความฝัน  แต่ตอนนี้ฝันนั้นกลับวิ่งหนีหายไปซะแล้ว  แบบนี้มันต่างจากโกงกันตรงไหน?

และไม่ใช่แค่พี่ซ่งหรอกที่เป็น  พวกบล็อกเกอร์สายแสดงความคิดเห็นทุกคนที่โพสต์คลิปโจมตีบ้านไร่ชิงหลินก็กำลังหัวระเบิดไปกับระเบิดลูดนี้จนไม่อาจค้นคำอะไรมาบรรยายความรู้สึกได้เช่นเดียวกัน

ถ้าศาสตราจารย์เหรินเองก็เป็นฝ่ายถูกด้วยมันจะเป็นอะไรที่ยังพอกล้อมแกล้มเอาตัวรอดกันไปได้บ้าง  แต่นี่อาจารย์แกดันบอกว่าตัวเองผิดเองตรง ๆ ซะงั้น  แล้วพวกบล็อกเกอร์ที่จัดการแบ่งฝ่ายกันเองแล้วมาอยู่ฝ่ายแกล่ะ  ยิ่งคิดยิ่งอับอายเหมือนโดนหมัดหนัก ๆ ซัดหน้าจนเมาจริง ๆ

คดีพลิกที่ไม่ควรเกิดกลับเกิดขึ้นแล้ว

อันที่จริงก็ต่างทำตัวเองทั้งนั้น  ที่ต้องเป็นแบบนี้เหตุก็เพราะเอาแต่แสดงความคิดเห็นทั้ง ๆ ที่ไม่ได้มีความรู้ไม่ใช่เหรอ?  เพราะไม่ได้แสดงความคิดเห็นที่เป็นกลางทั้ง ๆ ที่ทำตัวเป็นคนที่มีใจเป็นกลางไม่ใช่เหรอ?

ควรตั้งคำถามกับพฤติกรรมชอบแสดงความคิดเห็นในทำนองนี้ของตนเองได้แล้วมั้ง

ส่วนสำคัญอีกส่วนหนึ่งคือช่วงท้ายคลิป  ที่ว่านั่นมันหมายถึงเรื่องอะไร?  อาจารย์แกไม่ได้ถ่ายคลิปแล้วลงในแอคเคาน์ส่วนตัวหรอกเหรอ?  หรือว่าจะมีเรื่องราวเบื้องหลังอะไรอยู่?

เพราะน้ำเสียงตอนบอกว่าจะให้ทนายความจัดการคนที่แอบถ่ายแล้วเอามาลงโซเชียลนั่นคือจริงจังจนคนที่ได้ฟังต้องขนลุกซู่

บล็อกเกอร์สายแสดงความคิดเห็นเหล่านี้ได้ฟังถึงกับแทบหยุดหายใจและกลับไปหาคลิปวิดีโออันแรกที่เป็นตัวต้นเรื่องให้พวกตนต้องออกมาเกาะกระแส  แต่สุดท้ายหายังไงก็หาไม่พบซึ่งแปลว่ามันได้ถูกลบไปแล้ว

นี่มันเหมือนโดดลงกับดักเองชัด ๆ และแต่ละคนต่างก็ทยอยลบคลิปของตนทันที

ส่วนคลิปขอโทษของศาสตราจารย์เหรินก็ได้รับความนิยมอย่างมาก  บรรดาคลิปโจมตีบ้านไร่ชิงหลินก็หายวับไปอย่างรวดเร็ว

แม้แต่พวกชาวเน็ตสายเกรียนแตกทั้งหลายที่จะเข้าไปร่วมคอมเมนต์โจมตีต่อเพื่อสร้างความเมามันก็ยังไม่อาจหาคลิปเหล่านั้นเจออีก

ทางด้านพี่ซ่งก็รีบบอกผู้ช่วยอย่างเร็วว่า “เร็ว ๆ รีบลบคลิปเดี๋ยวนี้เลย  พวกเราโดนหลอกเข้าให้แล้ว!”

คดีที่ไม่น่าพลิกกับพลิกไปแล้วแบบนี้จะให้ทำไงได้?  ลงคลิปโจมตีอาจารย์เหรินเหรอ?  อยากไปกินข้าวฟรีรึไงถึงคิดแบบนั้น?  แต่ก่อนที่จะไปกินข้าวฟรีบัญชีที่มียอดผู้ติดตามเกือบสามล้านอาจจะเจ๊งก่อนก็เป็นได้

โชคยังดีที่เป็นศาสตราจารย์เหริน  เพราะศาสตราจารย์แกเป็นคนเอ่ยปากขอโทษต่อทุก ๆ คนเองเลยซึ่งไม่ได้ส่งผลร้ายหนักหนาอะไรนัก  แต่เอาจริง ๆ ใครมันจะไปคิดล่ะว่าอุบัติเหตุแบบนี้มันก็เกิดขึ้นได้ด้วย

แล้วยังจะไปเอาเรื่องกับศาสตราจารย์ต่อได้ยังไงในเมื่อทำตัวเองทั้งนั้น?

แต่ก็เสียดายเงินสองแสน

พี่ซ่งคิดแบบนี้

แต่ไม่นานผู้ช่วยก็เอาคลิปให้ดูด้วยสีหน้าอัปลักษณ์ “พี่ซ่ง  แย่แล้วพี่  มีคนจงใจแกล้งพี่อะ  เหมือนจะเป็นบล็อกเกอร์สายแสดงความเห็นหน้าใหม่  ก่อนหน้านี้มันเข้ามาป่วนในคลิปที่พี่โพสต์เลยถูกเตะออก  แล้วตอนนี้มันกำลังเอาคลิปที่พี่โพสต์มาโจมตีพี่เองบอกว่าพี่จงใจยุแยงศาสตราจารย์เหรินกับบ้านไร่ชิงหลินให้ผิดใจกันเพื่อสร้างชื่อเสียงให้ตัวเอง  เป็นต้นเหตุของความโกลาหลในโลกออนไลน์เมื่อคืนนี้เพราะงั้นต้องรับผิดชอบด้วย!”

“อะไรนะ!?” ใบหน้าของพี่ซ่งอัปลักษณ์สุดขีดแต่ก็รีบกดดูคลิป

“...ต้องบอกว่าพี่ซ่งคนนี้นี่ก็ช่างทำงานละเอียดซะจริง ๆ อาศัยการฉวยโอกาสเกาะศาสตราจารย์ที่กำลังเป็นกระแสเพื่อดึงกระแสเข้าสู่ตัวเอง  ใช้คำพูดเล็ก ๆ น้อย ๆ แต่ก่อให้เกิดความขัดแย้งรุนแรงเพื่อหาประโชน์  ช่างน่าอายจริง ๆ ทุกคน  อะลองดูคลิปของมันนะ...”

เห็นได้ชัดว่าพี่ซ่งดูเหมือนจะลืมไปแล้วว่าในแวดวงของเน็ตไอเอลทั้งหลายเองก็มักจะใช้วิธีการเอาเปรียบกันเองเพื่อปีนขึ้นที่สูง  ตัวเองที่ไปดูถูกคนอื่นเขาแบบนั้นก็สามารถโดนเองบ้างได้เหมือนกัน

ในทำนองเดียวกันการที่บล็อกเกอร์สายแสดงความคิดเห็นจะโดนบล็อกเกอร์คนอื่นเอาไปโจมตีบ้างก็เป็นเรื่องปกติใช่มั้ยล่ะ?

แน่นอนว่าไม่ต้องรอนาน  ไอ้พี่ซ่งดูคลิปยังไม่ทันจบก็กระเบิดอารมณ์ขึ้นมา  เพราะที่หน้าเพจหลังบ้านตัวเลขยอดซับลดเอา ๆ แถมคนที่ดูคลิปของไอ้หมอนั่นก็เข้ามาประณามหยามเหยียดกันรัว ๆ

“เชี่ยเอ๊ยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยย” พี่ซ่งปามือถือทิ้งเพื่อระบายความแค้น

โลกออนไลน์

หลังจากที่บ้านไร่ชิงหลินโพสต์คลิปล่าสุดทิศทางลมก็เปลี่ยนไปทันที  และคำพูดของศาสตราจารย์เหรินก็ยังกระตุ้นความอยากรู้อยากเห็นของทุกคนด้วยว่าเหล้าดองสมุนไพรของบ้านไร่ชิงหลินมันได้ผลจริงหรือไม่ในทันที

แล้วผลกระทบอีกเรื่องคือตอนนี้มีอีกหลายคนที่กำลังเสียดาย  เพราะก่อนหน้านี้ตัวเองได้ตัดสินใจว่าจะไปบ้านไร่ชิงหลินแล้วแท้ ๆ แต่กลับต้องระงับแผนการเดินทางเพราะเรื่องราวในโลกออนไลน์

คิดจะไปตอนนี้ต่อให้จะเร่งรีบขนาดไหนมันก็สายเกินไปแล้ว

พวกเขารู้ดีว่านอกจากต้องพลาดโอกาสในการรักษาโรคริดสีดวงทวารที่เป็นอยู่แล้ว  ยามที่โรคมันปะทุกำเริบขึ้นมาในอนาคตรับรองว่าต้องมานั่งเสียใจภายหลังอีกรอบแน่นอน

ในบ้านแห่งหนึ่ง

นักเปิดโปงฉุนฉุนก็กำลังอ้าปากค้าง

เพราะรายนี้ก็เสียเงินไปหนึ่งแสนแต่กลับกลายเป็นเสียเปล่า

เธอคิดว่าตัวเองถูกไอ้ชาติชั่วศาสตราจารย์แซ่เหรินนั่นหลอกเอาซะงั้น

คิดได้ดังนั้นก็เตะเก้าอี้ตัวข้าง ๆ จนกระเด็นเพื่อระบายความแค้น

แล้วขณะที่กำลังจะระเบิดลงอีกรอบนั่นเองจู่ ๆ ก็มีข้อความเข้า  เมื่อเปิดดูก็เห็นว่าเป็นข้อความจากศาลซึ่งทำให้หล่อนต้องสีตกในทันที

“...เนื่องจากคุณไม่ได้มาขึ้นศาล  ศาลจึงแจ้งให้คุณทราบอย่างเป็นทางการว่าคุณแพ้คดีหมิ่นประมาทบ้านไร่ชิงหลิน...  ตามคำขอร้องของโจทก์คุณจะต้องจ่ายค่าชดเชยแก่บ้านไร่ชิงหลิน 500,000 หยวน.. .  หากไม่ชำระเงินภายในเวลาที่กำหนดศาลจะต้องบังคับใช้มาตรการที่เข้มข้น”

อ่านแล้วสีหน้าก็ยิ่งอัปลักษณ์ลงกว่าเดิม

สาเหตุที่เธอเกลียดชังบ้านไร่ชิงหลินก็เพราะอีกฝ่ายขอให้ไอ้ทนายแซ่ฉู่ส่งฟ้องเธอนี่แหล่ะ

“ห้าแสน!  ห้าแสนเนี่ยนะ!” นักเปิดโปงฉุนฉุนพึมพำด้วยความหงุดหงิดเปิดมือถือเช็คดูยอดเงิน

ตอนนี้เริ่มเสียใจแล้วว่าทำไมตัวเองต้องไปใส่ร้ายบ้านไร่ชิงหลินเพราะแค่อยากได้เงินเล็ก ๆ น้อย ๆ แบบนั้น  ตอนนี้ไม่เพียงแต่ช่องที่ทำจะหายไปเท่านั้น  แต้ยังต้องจ่ายค่าเสียหายให้อีกฝ่ายถึง 500,000 หยวนอีก

แล้วพอนับจำนวนเงินที่เหลือ ๆ อยู่จากหลาย ๆ แห่งมารวมกันก็ยิ่งต้องหน้าซีด  เพราะนอกจากจะต้องจ่ายเงินให้พนักงานที่ออกไปแล้วยังต้องจ่ายเงินให้กับทางธนาคารเพื่อเป็นค่าเสียหายในสัญญาโฆษณาด้วย  ตอนนี้เงินที่เหลือนับรวม ๆ แล้วมีอยู่ 400,000 หยวนซึ่งยังอีกไกลกว่าจะถึง 500,000 ส่วนต่าง 100,000

แล้วที่แย่ที่สุดคือไอ้ส่วนต่างนี่มันเกิดขึ้นเพราะเมื่อคืนเธอพึ่งเอาเงิน 100,000 ไปจ้างกองทัพเกรียนให้ช่วยโจมตีบ้านไร่ชิงหลิน

“ทำไม...  ถึงเป็นงี้...”

เธอไม่รู้จะอธิบายความรู้สึกตอนนี้ยังไงเลย

........................................................................................................

หลังจากลมเปลี่ยนทิศทำให้นักท่องเที่ยวจำนวนมากกำลังรีบเดินทางหมายจะไปเที่ยวบ้านไร่ชิงหลินด้วยความกระตือรือร้น

บนรถไฟความเร็วสูง  หวางหยางนั่งอยู่ข้างหน้าต่าง  ที่ต้องขึ้นรถไฟมาแบบนี้เพราะมันไม่มีเวลาแล้ว  ขับรถมาเองยังไงก็ไม่ทันแน่ ๆ

ในอ้อมแขนของเขาคือหญิงสาวที่มีรูปร่างดี  แต่งตัวสวย  ดูเงียบขรึมสมเป็นกุลสตรี

ก็คือแฟนเขานั่นแหล่ะชื่อซูจวน  จะว่าเป็นคู่หมั้นก็ได้  ก็สัญญาไว้แล้วนี่ว่าหลังจากกลับจากบ้านไร่ชิงหลินคราวนี้จะไปจดทะเบียนสมรสกัน

ก็เพราะเพื่อสนิทปานพี่น้องกันคนนั้นนั่นแหล่ะที่ทำให้เขาตัดสินใจได้ว่าตัวเองควรจะแต่งงานกับใครดี

พี่น้องแสนดีเป็นคนรักสนุก  เมื่อสนุกจนพอแล้วก็กะจะหาผู้หญิงดี ๆ ลงหลักปักฐาน  พอได้แล้วใครมันจะไปเชื่อว่าผู้หญิงดี ๆ นางนั้นกลับมีอดีตที่หนักยิ่งกว่าตัวเองซะอีก  และที่หลอนที่สุดในตอนนี้คือลูกของทั้งสองเริ่มรู้ความแล้ว...

คนหลั่นล้าชอบเที่ยวไนต์คลับอย่างพวกเขาก็เหมาะสมแล้วกับผู้หญิงหลั่นล้าเหมือนกัน

เมื่อมองดูชุดเนี้ยม ๆ ของซูจวนในอ้อมแขนเขาก็แทบไม่อยากจะนึกเลยว่าแม่กุลสตรีแต่งหน้าหนาเตอะนี่ตัวจริงตอนกลางคืนเป็นยังไง

ซูจวนไม่รู้ว่าหวางหยางกำลังคิดอะไรอยู่  เธอกำลังดูมือถือพร้อมกับพูดเบา ๆ ว่า “พี่หยาง  ไม่คิดเลยนะว่าศาสตราจารย์คนนั้นจะเอ่ยปากขอโทษ”

หวางหยางได้ยินก็ยิ้ม “แล้วไม่ดีเหรอ?  เพราะคลิปแรกสุดของแกน่าจะทำให้จำนวนคนไปบ้านไร่ชิงหลินน้อยลง  เราอาจไม่มีคู่แข่งเลยก็เป็นได้  เผลอ ๆ อาจเจอผลประโยชน์มากขึ้นก็เป็นได้นา”

“จริงด้วยพี่หยาง  พี่นี่ฉลาดจังเลย” ซูจวนพูดชื่นชมทันที

ในไม่ช้าไฟก็มาถึงสถานี  แต่พอลงรถมาก็ต้องพบว่าความคิดก่อนหน้านี้ของตนนี่ก็ช่างมั่วซั่วโดยแท้

เพราะตรงที่รอรถมีคนต่อคิวรอขึ้นแท็กซี่ยาวเหยียดถึง 2 แถว  แถมแท็กซี่แต่ละคันนี่เรียกว่าอัดกันเป็นปลากระป๋องไปเลย

“อ่าวเฮ่ย!  นี่เอ็งก็จะไปบ้านไร่ชิงหลินด้วยเอ่อ?”

“เออ!  เอ็งก็ด้วยเอ่อ?”

“ทำไมบ้านไร่ชิงหลินต้องมาเปิดในอำเภอเล็ก ๆ งี้ด้วยว้า  จะไปทีนี่ต้องต่อคิวซะนานเลย”

“จริง  แต่ที่สำคัญที่สุดคือแท็กซี่แม่งน้อยเกิ๊น  ดูดิกว่าจะมีคนมาโบกให้ออกไป”

“...”

ทั้งหมดนี่คือนักท่องเที่ยวที่จะไปเที่ยวบ้านไร่ชิงหลิน  แต่ละคนต่างจับกลุ่มคุยกันพร้อมบ่นด้วยความกระวนกระวายใจ

ใครมันจะไปคิดล่ะว่าในอำเภอเล็ก ๆ แบบนี้จะต้องมารอคิวขึ้นแท็กซี่

กลับกัน  เหล่าคนขับแท็กซี่ทั้งหลายนี่มีความสุขขีกันเหลือเกินทั้ง ๆ ที่พวกตัวเองมีจำนวนไม่พอต่อความต้องการของลูกค้า  จากสถานี่ไปบ้านไร่ชิงหลินก็ 40 นาที  ค่าโดยสารรอบละประมาณ 70 – 85 หยวน

วันหนึ่งวิ่งจากสถานีไปบ้านไร่ชิงหลิน 10 เที่ยวเหนาะ ๆ แล้วขากลับยังรับคนจากบ้านไร่ชิงหลินมาส่งได้อีก!

ทำให้ต่อวันหาลูกค้าได้ 15 กลุ่มแบบไม่ยาก  ทำให้ได้เงินค่าโดยสารประมาณวันละ 1,050 – 1275 หยวน  หลังจากหักค่าน้ำมันและค่าใช้จ่ายอื่น ๆ แล้วก็เอาเป็นว่าหาเงินได้เดือนละเป็นหมื่นได้สบาย ๆ แล้วกัน

สำคัญคือนักท่องเที่ยวที่จะไปบ้านไร่ชิงหลินก็เยอะเกินไป  รถที่จะรับส่งก็ไม่พอทำให้บริษัทมีแผนจะเพิ่มจำนวนรถด้วย

อาจกล่าวได้ว่าในอำเภอโหยวเฉิงซึ่งมีเงินเดือนต่อหัวอยู่ที่ 3,000 – 4,000 หยวนแล้วคนขับแท็กซี่ได้กลายเป็นกลุ่มคนที่มีรายได้สูง  และกลายเป็นอาชีพที่ผู้คนต้องการมากที่สุด

เหตุการณ์นี้ทำให้พวกเขารู้สึกขอบคุณบ้านไร่ชิงหลินมาก  พวกเขายังรู้ว่างานที่ได้มานี้เป็นบ้านไร่ชิงหลินที่มอบให้  ดังนั้นพวกเขาจึงมักจะช่วยเหลือบ้านไร่ชิงหลินโดยการแนะนำสถานการณ์ของบ้านไร่ให้กับนักท่องเที่ยวที่มาว่าสามารถเพลิดเพลินกับอะไรได้บ้าง  และยังเล่าแต่สิ่งดี ๆ ของบ้านไร่ชิงหลินให้ฟังด้วย

พวกเขารู้ว่าตราบใดที่บ้านไร่ชิงหลินไม่ล่มสลายงานของพวกเขาก็จะมั่นคงยั่งยืน

หวางหยางกับซูจวนรออยู่นานมากจนในที่สุดก็มาถึงบ้านไร่ชิงหลินจนได้  ทันทีที่ลงรถมาเสียงแรกเลยที่ได้ยินคือเสียงฉาบ  กลอง  และเสียงประทัด

ทั้งคู่เห็นว่าได้มีป้ายที่มีผ้าสีแดงคลุมไว้แขวนแทนที่ป้ายเดิมซึ่งเดาว่าน่าจะเป็นป้ายใหม่ที่ทางบ้านไร่หามาเปลี่ยน

ในเวลานี้มีนักท่องเที่ยวจำนวนมากล้อมรอบอยู่ตรงทางเข้าและกำลังสงสัยในป้ายแผ่นใหม่ของบ้านไร่ชิงหลิน

ฉินหลิน, จ้าวโม่ชิง, เหล่าซุปเปอร์ไวเซอร์, เฉินเชิ่งเฟย  หม่าเลี่ยเหวิน  และหลี่ชิงก็เข้ามาดูอยู่ใกล้ ๆ ฟังเสียงประทัดที่ระเบิดกันอย่างรัว

“เฒ่าเฉิน  นายว่าป้ายจะหน้าตาเป็นไง” หม่าเลี่ยเหวินถามด้วยความสงสัย

ตั้งแต่มาที่นี่จนถึงตอนนี้พวกเขาก็ยังไม่เคยได้เห็นป้าย

“ต้องออกมาดีชัวร์อยู่แล้ว  เพราะแบบป้ายฉันเป็นคนทำ  ส่วนแบบอักษรเป็นฝีมือเปี่ยวจู” เฉินเชิ่งเฟยยิ้มตอบ

“หวังว่าทุกท่านจะไม่ผิดหวัง” เฉินเฟิงอู่พูดพลางประสานมือคารวะทุกคนรอบข้าง

นักท่องเที่ยวที่รายล้อมได้ยินเสียงประทัดรัวขึ้นเรื่อย ๆ

และในเวลานี้เองเฉินต้าเป่ยได้เดินไปที่ด้านล่างของป้ายแล้วคว้ามุมของผ้าแดง

พิธีเปิดบ้านไร่นั้นไม่ได้มีรายละเอียดอะไรมากมายเหมือนบริษัทใหญ่ ๆ มีก็แค่ฆ้อง  ฉาบ  กลอง  และประทัด  ซึ่งเป็นของเฉลิมฉลองปกติ  และของสมนาคุณอีก 4,666 ชิ้นที่จะทำให้นักท่องเที่ยวมีชีวิตชีวา

และฉินหลินก็ไม่ได้ออกไปเปิดม่านเองเหมือนเหล่าเจ้าของกิจการใหญ่ ๆ คนอื่นด้วยซ้ำ

เขาไม่ได้อยากเปิดเผยตัวซึ่งมันจะทำให้เขาสามารถทำอะไรได้อย่างคล่องตัวมากกว่า

ส่วนเฉินต้าเป่ยที่ต้องออกหน้านั้นย่อมรู้สึกตื่นเต้นกว่าใคร

การที่เถ้าแก่มอบหมายให้งานสำคัญอย่างการเปิดผ้านี่แสดงถึงความไว้วางใจ  แสดงว่าตนคือคนสนิทของเถ้าแก่

“เปิดม่าน!”

เฉินต้าเป่ยตะโกนพร้อมดึงผ้าแดงออกอย่างสวยงาม

ต่อมา...

ป้ายไม้หวงฮัวหลีคุณภาพเลเวล 2 ได้ปรากฏขึ้นแก่สายตาของทุก ๆ คนโดยมีคำว่า ‘บ้านไร่ชิงหลิน’ พิมพ์อยู่

คุณสมบัติดึงดูดความสนใจ +2 และบรรยากาศทางศิลปะ +2 ยังทำให้ผู้คนไม่สามารถละสายตาออกจากมันได้ในทันที

แถมตัวอักษร ‘บ้านไร่ชิงหลิน’ นั้นยังงดงามดูวิจิตรศิลป์โดยไม่รู้จะสรรค์หาคำใด ๆ มาพรรณนา

หม่าเลี่ยเหวินที่เห็นก็ตะลึงไปเหมือนกัน “อาจารย์เฉิน  คำที่อาจารย์เขียนนี่สุดยอดจริง ๆ เป็นครั้งแรกเลยนะครับที่ผมได้เห็นตัวอักษรที่ยอดเยี่ยมขนาดนี้  อาจารย์ช่วยจัดให้บริษัทผมบ้างได้มั้ยครับ”

หลี่ชิงอดพูดไม่ได้เลยว่า “อาจารย์เฉิน  แบบอักษรของอาจารย์ดีสุดในประเทศจริง ๆ อย่างน้อย ๆ ก็ดีกว่าแบบอักษรที่ผมเคยเห็นมาทั้งหมดล่ะครับ”

เฉินเชิ่งเฟยมองไปที่ตัวอักษรด้วยอาการคิ้วขมวด

เขารู้สึกเหมือนมันไม่ค่อยถูกต้อง ‘ทำไมมันเหมือนแต่ดันไม่เหมือนกันวะ?’

ที่ตะลึงกว่าคือตัวอาจารย์เฉินเฟิงอู่เอง  เขาไม่อยากจะเชื่อว่าคำว่า ‘บ้านไร่ชิงหลิน’ นั่นตัวเองเป็นคนเขียนจริง ๆ

ตอนที่เขาเขียนลงกระดาษมันไม่ได้ให้ความรู้สึกมีชีวิตแบบนี้  แต่ทำไมพอไปอยู่บนป้ายแล้วมันกลับให้ความรู้สึกว่านี่แหล่ะชีวิตขึ้นมาได้ล่ะ?

ตัวเขาเองเห็นปุ๊บยังตกหลุมรักเลยทั้งที่มาจากลายมือตัวเองแท้ ๆ แบบนี้จึงไม่ใช่เรื่องแปลกเลยที่หลี่ชิงจะชมว่าเป็นอันดับหนึ่ง

“หรือว่าตอนนั้นเราจะระเบิดพลังแฝงเหนือธรรมชาติออกมาวะ?  หรือเราจะมีพลังลับอันแข็งแกร่งซ่อนอยู่?” อาจารย์เฉินเฟิงหวู่พึมพำกับตัวเองพยายามนึกถึงสภาวะตอนที่เขียน ณ ตอนนั้นให้ออก

ดูเหมือนตอนนั้นตัวเองจะเมาหนัก  พอได้รับสายจากลูกชายของลูกพี่ลูกน้องอย่างเฉินเชิ่งเฟยก็เลยได้เขียนตัวอักษรเหล่านั้นออกมาลวก ๆ ด้วยฤทธิ์ของแอลกอฮอล์แล้วส่งให้อีกฝ่าย  ส่วนตอนนี้กระดาษที่มีตัวอักษรต้นฉบับนั้นเอาทิ้งลงถังขยะใบไหนไปแล้วก็ไม่รู้

ยิ่งหลังจากมาเจอการรับรองอันดีเยี่ยมของเถ้าแก่บ้านไร่แล้วด้วยมันก็ยิ่งอับอายไม่กล้าพูดถึงแบบอักษรบ้า ๆ บอ ๆ ตอนนั้นเลย

แต่ใครมันจะไปเชื่อล่ะว่าไอ้ลายมือบ้า ๆ บอ ๆ ตอนนั้นมันจะออกมาดีได้ขนาดนี้

หรือเราจะเปิดประสบการณ์ใหม่?  การดื่มเหล้าจนเมาไม่เพียงแค่ไม่ทำให้ฝีมือการเขียนพู่กันห่วยลงเท่านั้น  แต่กลับทำให้ฝีมือสูงขึ้น?

ปรมาจารย์เฉินเฟิงอู่รู้สึกกระตือรือร้นอยากกลับบ้านไปลองอีกซักรอบมันเดี๋ยวนี้เลย

ปล. ตอนยาวโคตร  แต่ให้อ่านฟรีไปเลย

5 1 โหวต
Article Rating
1 Comment
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด