ตอนที่แล้วตอนที่ 1064 จะไม่มีความปราณีใดๆ ทั้งนั้น!
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปตอนที่ 1066 เสี่ยวเยว่ ผมมีประโยคหนึ่งที่ผมจะพูดกับคุณ..

ตอนที่ 1065 และนี่คือมุมมองทั้งสามที่ ปกติ!


สองเรื่องที่ดูจะคึกคักที่สุดในวงการบันเทิงในวันนี้ คือ หัว อี้อู่ และหนิง เสี่ยวเยว่ เดิมทีทุกคนกำลังถกเถียงกันเรื่อง หัว อี้อู่ แต่จู่ๆ หนิง เสี่ยวเยว่ ก็ได้กลายมาเป็นข่าวฮือฮา เพราะปัญหาด้านการศึกษาของเธอ มันจึงได้กลายมาเป็นที่ถกเถียงกันอย่างมาก ถึงขนาดความร้อนแรงในเรื่องนี้กดทับ เรื่องราวของ หัว อี้อู่ ไป ..แน่นอน คนที่ตาสว่าง(1) ก็สามารถมองออกได้ว่าเธอได้ถูกดึงออกมาขวางทางปืน เสียแล้ว..

แต่มันก็สามารถกล่าวได้ว่าสิ่งนี่.. มันไร้สาระมาก หนิง เสี่ยวเยว่ ที่ไม่ได้ทําอะไรผิด กลับถูกชาวเน็ตจับสวมหมวกมั่วๆ ด่าทอ เยาะเย้ย ถากถาง กันตามอําเภอใจ แต่ หัว อี้อู่ กลับพลิกสถานการณ์จากกระแสไปได้เพราะโพสต์วิดีโอบล็อกที่กล่าวอ้างว่าตัวเองบริสุทธิ์ ทั้งยังทำให้ชาวเน็ตต่างรู้สึกว่าเขาบริสุทธิ์

ดังนั้นมันก็เป็นผลให้ หนิง เสี่ยวเยว่ ที่ได้เลิกเรียน เนื่องจากความยากลําบากของครอบครัว และจบการศึกษาเพียงแค่ชั้นมัธยมต้น ทั้งยังได้กลายมาเป็นบุคคลเชิงลบที่ทุกคนต่างตะโกนด่า แต่กลับ หัว อี้อู่ ซึ่งถูกกล่าวหาว่าได้ล่วงละเมิดผู้หญิงที่เมา กลับกลายเป็นดอกบัวขาวที่แสนจะบริสุทธิ์ที่ไร้ที่ติ และกลายมาเป็นผู้ที่ถูกผู้อื่นใส่ร้าย…

“ดาราที่เป็นเด็กเลวอย่าง หนิง เสี่ยวเยว่ สมควรถูกแบน!”

“ขยะอย่าง หนิง เสี่ยวเยว่ สมควรออกไปจากวงการบันเทิงซะ!”

“พี่อี้อู่ เป็นผู้บริสุทธิ์ ฉันเชื่อ พี่อี้อู่ เสมอ!”

“พี่อี้อู่ ชี้แจงแล้ว ออกมาขอโทษ พี่อี้อู่ ด้วย!”

ความคิดเห็นของทั้งสองฝ่าย เมื่อเปรียบเทียบกันแล้ว หลินฟาน ก็ถึงกลับพูดไม่ออกเล็กน้อย.. นี่ถือว่า มันเรื่องอะไรกัน?

วงการบันเทิงนี่ก็ ..น่ากลัวจริงๆ ที่แท้การจะบงการผู้คน ยังสามารถเอาจุดดำแบบนี้ออกมาได้? ชาวเน็ตเหล่านี้เองก็เช่นกัน ขาดความสามารถในการนึกคิดเกินไปไหม ทั้งยังวิ่งไปตามจังหวะความนึกคิดของผู้อื่น และก็ยังก่อกระแสความรุนแรงบนอินเทอร์เน็ต

หลินฟาน ได้เข้าใจอยู่บ้าง ส่วนใหญ่นั้นก็เพราะความแข็งแกร่งของ หนิง เสี่ยวเยว่ นั้นแย่จริงๆ ดังนั้นเธอจึงกลายมาเป็นบาปดั้งเดิม(2) เช่นเดียวกับประโยคที่มีชื่อเสียงในวงการอีสปอร์ต (Esports) ก็คือ ผักก็เป็นบาปดั้งเดิม (菜是原罪)

หนิง เสี่ยวเยว่ เนื่องจากความแข็งแกร่งของเธอเอง เธอจึงได้เดบิวต์ในตำแหน่งที่สูง และกลายมาเป็นดารา ทั้งมันก็ดูเป็นธรรมดาอยู่แล้วที่ย่อมจะถูกหลายคนดูถูกเหยียดหยาม แต่นี่มันก็ผ่านมานานมากขนาดนี้แล้ว ตัวของ หลินฟาน เองก็ไม่ได้คาดหวังว่าคนเหล่านี้จะมองมันอย่างมีเหตุผล

ถ้าไม่มากเกินไป หลินฟาน ก็มักจะขี้เกียจเกินไปที่จะสนใจเกี่ยวกับมัน หนิง เสี่ยวเยว่ เองจำเป็นที่จะต้องพลิกคําพูดพวกนี้ และต่อไปเธอเองจะต้องพึ่งพาตัวเอง เพื่อปรับปรุงความแข็งแกร่ง ไม่ว่าจะเป็นการร้องเพลง การเต้น หรือการแสดง ตราบใดที่เธอสามารถแสดงความแข็งแกร่งของเธอได้ในอนาคต ชื่อเสียงด้านลบพวกนี้มันก็จะสามารถพลิกกลับมาได้ด้วยตัวมันเอง

แม้ว่า หลินฟาน จะเข้าใจจิตวิทยาของชาวเน็ต แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าเขาจะอดทนต่อคำตำหนิของคนอื่นที่เอาแต่สวมหมวกให้กับเธอสุ่มๆ เช่นนี้ได้..

หากชาวเน็ตเพียงแค่เยาะเย้ย หนิง เสี่ยวเยว่ ที่อ่อนแอไร้เรี่ยวแรง หลินฟาน ก็อาจจะคิดนอนราบ และไม่ออกมาโต้แย้งอะไรให้มาก ตราบใดที่คําพูดดูไม่มากเกินไป ..ก็พอ

การเปิดตัวของ หนิง เสี่ยวเยว่ มันก็เป็นการยืมกฎเกณฑ์ของรายการ Creation Stars ทั้งยังเป็นการปฏิบัติตามกฎของเกมการแข่งขันเพื่อให้ได้ตําแหน่งเดบิวต์ ทั้งนี้เรื่องนี้มันก็ปฏิเสธไม่ได้ว่าเธอได้รับความโด่งดัง และค่าความนิยมของเธอก็ยังคงสูงมาก

โลกนี้.. มันก็ไม่มีกฎเกณฑ์ว่าต้องมีความแข็งแกร่งก่อนถึงจะโด่งดังขึ้นมาได้ ดังหรือไม่ดังนั้น มันก็ดูเป็นเรื่องที่ลึกลับมากอยู่แล้ว คือถึงจะมีคนที่มีความแข็งแกร่งที่ดีอยู่จริงๆ แต่ถึงอย่างไรเขาก็ไม่สามารถโด่งดังขึ้นมาได้ แต่บางคนที่ไม่มีความแข็งแกร่งอะไร แต่กลับโด่งดังขึ้นมาได้ อย่างอธิบายไม่ได้..

การที่ไม่มีความแข็งแกร่งก็ไม่ใช่ว่าเป็นบาปอะไร แต่เพราะไม่มีใครเกิดมามีอำนาจ มีความแข็งแกร่ง เมื่อนั้นทั้งหมดก็อาจกล่าวได้ว่าล้วนเป็นผลมาจากพรสวรรค์บวกกับความพยายาม ..จากในวันเก่าๆ ที่ได้มาครองซึ่งตำแหน่งหลัก

ดังนั้น หนิง เสี่ยวเยว่ จึงจำเป็นต้องโด่งดังขึ้นมาให้ได้ก่อน แล้วค่อยเอาเวลาไปเพิ่มความแข็งแกร่ง โดยทั่วไปมันก็ไม่ได้มีปัญหาอะไร และการเพิ่มความแข็งแกร่งมันก็ไม่ใช่ว่าจะสามารถทำมันได้ในชั่วข้ามคืน เหมือนกับที่คนไม่สามารถกินคำเดียวแล้วอ้วนได้..

หลินฟาน เห็นทัศนคติของ หนิง เสี่ยวเยว่ และเขาเองก็ยินดีที่จะให้เวลาเธอ เพื่อเพิ่มความแข็งแกร่ง ในกระบวนการนี้ การเยาะเย้ยของผู้อื่น หลินฟาน ก็สามารถเพิกเฉยได้ เพราะเขาเชื่อว่า หนิง เสี่ยวเยว่ จะสามารถพูดด้วยความแข็งแกร่งของเธอได้ ..ในสักวันหนึ่ง

แต่การใช้การศึกษาของ หนิง เสี่ยวเยว่ มาสร้างปัญหา ทั้งยังได้ตราหน้า สวมหมวกให้กับเธอเช่นนี้?

ต้องขออภัย หลินฟาน คงจะนั่งนิ่งเฉยไม่ได้

“หนิง เสี่ยวเยว่ จบเพียงชั้นมัธยมต้น และเธอไม่ได้แม้แต่จบการศึกษาภาคบังคับเก้าปี เธอมันเป็นได้แค่เด็กเลว!”

“ธรณีประตูของวงการบันเทิงนั้นมันต่ำเกินไปมั้ง และก็ขอแนะนําให้คนที่เรียนไม่จบมัธยมปลาย ถูกแบน!”

“ก็คือ เรียนจบแค่มัธยมต้น แต่กลับมีคุณสมบัติที่จะเป็นดารา วงการบันเทิงจะแก้ไขดาราที่มีการศึกษาต่ำเหล่านี้ ได้เมื่อไหร่กัน!”

เมื่อได้เห็นคำเหล่านี้ หลินฟาน ก็หัวเราะไม่ได้ ร้องไห้ไม่ออก

นี่คือการเลือกปฏิบัติทางการศึกษา!

กฎหมายนั้นได้มีข้อกำหนดให้ผู้ที่มีวุฒิการศึกษาต่ำ ไม่สามารถเป็นดาราได้? แล้วกฎหมายฉบับไหนเขียนไว้ว่า เด็กมัธยมต้นต้องห้ามเป็นเจ้านาย ห้ามมีความสามารถ ห้ามรวย หรือห้ามลุกฮือ?

ในแนวคิดของคนเหล่านี้ ผู้คนที่จบมัธยมต้น ควรไปเป็นกรรมกร หรือไม่ก็คนในสายการผลิต และต้องดิ้นรนอยู่ในระดับล่างตลอดทั้งชีวิต นี่เป็นสิ่งที่ควรจริงๆ หรือ?

แล้ว.. นี่มันผายลมอะไร!

นี่มันบ้าไปหมดแล้วหรือไง? รัฐสนับสนุนให้ประชาชนได้รับการศึกษา ใช้นโยบายพิเศษสนับสนุนให้ประชาชนเข้ามหาวิทยาลัย และแม้กระทั่งรับการศึกษาต่อที่สูงขึ้น ทั้งหมดนี่ก็คือหวังว่า คุณจะมีประโยชน์ และมีส่วนร่วมในการสร้างประเทศ ไม่ใช่ให้คุณถือประกาศนียบัตรใบนั้นไปดูถูกคนอื่นที่มีการศึกษาต่ำกว่าคุณ

ถ้าจะเลือกปฏิบัติทางการศึกษาจริงๆ มันก็ต้องมีโรงเรียนมัธยมต้นที่สูงกว่าโรงเรียนมัธยมต้นทั่วๆ ไป แน่นอนเช่นกัน มันก็ต้องมีโรงเรียนมัธยมปลาย ที่เหนือกว่าโรงเรียนมัธยมปลายทั่วๆ ไป ในมหาวิทยาลัยเองก็เช่นกัน ก็ต้องมีปริญญาตรีที่เหนือกว่าปริญญาตรี ปริญญาโทก็ต้องมีเหนือกว่าปริญญาโท ปริญญาเอกก็ต้องมีเหนือกว่าปริญญาเอก แม้ว่าคุณจะเรียนปริญญาเอกแล้ว แต่ผู้คนที่เรียนเหนือปริญญาเอก ก็สามารถหัวเราะเยาะคุณที่มีการศึกษาต่ำกว่าได้ งั้นทุกคนก็ต้องเรียนเหนือปริญญาเอก ถูกต้องใช่ไหมล่ะ?

สิ่งนี้มันดูไม่สมจริงเลยสักนิด เพราะการที่ได้เรียนในระดับปริญญาเอก ทรัพยากรในระดับที่สูงกว่าปริญญาเองนั้นก็ต้องมีอยู่อย่างจํากัดอยู่แล้ว และไม่ใช่ว่าทุกคนจะมีความสามารถนี้ได้ ถึงแม้จะมีกลุ่มหัวกะทิมันก็ต้องมีเป็นส่วนน้อยอยู่แล้ว

คนเหล่านี้ที่ได้เยาะเย้ย ล้อเลียน หนิง เสี่ยวเยว่ ที่มีวุฒิการศึกษาต่ำ.. แล้ว.. แบบนี้มันก็ไม่ใช่ว่าพวกเขาเองก็ได้อยู่ในห่วงโซ่แห่งดูถูกเหยียดหยามหรอกหรือยังไง โดยถูกคนที่อยู่เหนือกว่าเยาะเย้ย

ดังนั้น สังคมที่ดีจึงต้องการกําจัดการเลือกปฏิบัติทางการศึกษาออกไป และหากอนุญาตให้มีการเลือกปฏิบัติทางการศึกษา คนส่วนใหญ่ก็จะต้องตกเป็นเหยื่อ

เราเองควรสนับสนุน ส่งเสริมให้ประชาชนพยายามได้รับการศึกษามากที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้ และสามารถได้รับการศึกษาในระดับที่สูงขึ้นอย่างไม่ยอมแพ้ แต่แล้วก็ควรต้องยอมรับว่าบางคนไม่สามารถเรียนต่อได้ด้วยเหตุผลต่างๆ และสามารถถือการศึกษาต่ำได้เท่านั้น ทั้งเราเองก็ไม่ควรหัวเราะเยาะพวกเขา แต่ก็ควรให้ความเคารพพวกเขาเมื่ออยู่ต่อหน้าพวกเขา

เพราะไม่ว่าจะเป็นคนที่มีวุฒิการศึกษาอะไร ตราบใดที่ไม่ทำผิดกฎหมาย ไม่ขัดต่อความสงบเรียบร้อย และจารีตประเพณีอันดีงาม พวกเขาก็ล้วนแล้วแต่มีสิทธิที่จะแสวงหาความสุข แสวงหาความมั่งคั่ง แสวงหาชีวิตที่ดี และอนาคตที่สดใส สิทธินี้ไม่ควรถูกตําหนิ และยิ่งไม่ควรถูกจํากัด หรือควบคุม

ทั้งยิ่งไม่สมควรถูกแสดงความคิดเห็นที่ไร้ความรับผิดชอบ ซึ่งมันดูไร้สาระมาก

เด็กนักเรียนมัธยมต้นสามารถเป็นดาราได้หรือไม่? แน่นอน.. เด็กนักเรียนมัธยมต้นสามารถเป็นมหาเศรษฐีได้ แน่นอน.. เด็กนักเรียนมัธยมต้นสามารถเป็นเจ้านายคนได้ หากพวกเขามีความสามารถ!

และนี่คือมุมมองทั้งสามที่ ปกติ!

ในความเป็นจริง ตอนนี้เจ้านายหลายคนก็เป็นแค่คนที่จบชั้นมัธยมต้น แต่เหล่านักศึกษาปริญญาตรี ปริญญาโท และปริญญาเอก เหล่านี้ กลับทํางานให้กับพวกเขา พวกเขาได้พึ่งพาความขยันหมั่นเพียร ความสามารถ และโอกาส เพื่อให้บรรลุการก้าวกระโดดเหนือชนชั้น และนี่ไม่ใช่ว่าเป็นเรื่องที่ควรค่าแก่การยืนยัน?

นอกจากนี้ วงการบันเทิง คนที่มีการศึกษาต่ำในวงการบันเทิง ก็ไม่ได้มีแค่ หนิง เสี่ยวเยว่ เพียงแค่คนเดียวเท่านั้น ในความเป็นจริง มีมากเกินไปด้วยซ้ำ และนี่ก็กล่าวได้ว่าเป็นเพียงแค่ปรากฏการณ์โดยทั่วไป วงการบันเทิงเป็นสถานที่ที่มีเกณฑ์ต่ำอยู่แล้ว และก็ไม่จําเป็นต้องมาพูดถึง หนิง เสี่ยวเยว่ พูดได้เลยว่าวงการบันเทิงก็ไม่ได้ดูสูงส่งขนาดนั้น ในศตวรรษที่ผ่านมา ดาวรุ่งแห่งวงการบันเทิงฮ่องกง ดาราหลายคนก็เป็นศิลปินเพราะความยากจนในครอบครัว และด้วยเหตุผลอื่นๆ เพราะในเวลานั้น.. การเป็นศิลปินมักจะเป็นทางออก สําหรับคนจน

อย่าง ซิงฉือ (โจว ซิงฉือ (周星驰)) เจ้าของฉายา ราชาตลก ก็มีวุฒิการศึกษาระดับมัธยมศึกษาตอนต้น และแม้แต่ เฉินหลง (成龙) ที่ได้รับการยกย่องในวงการบันเทิงว่าเป็นพี่ใหญ่ หรือแม้กระทั่งเขาที่มีประกาศนียบัตรในระดับประถม เพียงเท่านั้น

ถ้าตามตรรกะของชาวเน็ตที่พยายามแกะสลักทรายเหล่านี้ ทั้ง ซิงฉือ และพี่ใหญ่เฉิน ก็คงต้องก้าวออกจากวงการบันเทิงแล้ว

วุฒิการศึกษา และความสําเร็จไม่ได้เชื่อมโยงกันอยู่แล้ว ถ้าต้องการเอาวุฒิการศึกษามาสร้างปัญหา นี่ก็คือคุณใจดํามาก ทั้งคุณมันก็ไร้เหตุผลสิ้นดี

และแน่นอนว่าจุดดําแบบนี้ มันก็ดูไม่มีประโยชน์เลยจริงๆ ชาวเน็ตที่ออกมาก่อประติมากรรมทราย ไม่ว่าพวกเขาจะตะโกนเสียงดังแค่ไหนก็เป็นเพียงได้แค่เสียงรบกวนเท่านั้น ทั้งนี้ไม่มีใครคิดจะออกมาตอบสนองต่อความไร้เหตุผลของพวกเขา และหนิง เสี่ยวเยว่ ก็จะไม่ถูกแบนจริงๆ

อย่างมากที่สุด มันก็อาจจะส่งผลกระทบต่ออารมณ์ของ หนิง เสี่ยวเยว่ เอง และคนที่ห่วงใยเธอ

อย่างไรก็ตาม หลินฟาน จําเป็นที่จะต้องทําให้เสียงรบกวนเหล่านี้เงียบลง และปิดปากที่ส่งเสียงดังเช่นนี้ ..ของพวกเขา

(1)[ตาสว่าง (明眼人)] - หมายถึง คนที่มีสายตาเฉียบแหลม และสังเกตเห็นสิ่งต่างๆ ได้อย่างชัดเจน ทั้งยังเป็นคนที่มีสติปัญญา หรือผู้มีญาณหยั่งรู้

(2)[บาปดั้งเดิม (原罪)] - หรือ “บาปกำเนิด” ถือเป็นรากเหง้าของอาชญากรรมในความคิด และพฤติกรรมของผู้คน และเป็นรากเหง้าของความชั่วร้ายทุกชนิด มันจะชักนำผู้คนไปสู่บาป และทำให้ผู้คนหลุดพ้นจากความหลุดพ้นได้ยาก ศาสนาคริสต์ ได้เชื่อว่าด้วยความรักพระเจ้าเท่านั้นที่มนุษย์จะสามารถกำจัดบาปได้ เนื่องจากพระเจ้าทรงมีความเมตตาอย่างเหลือล้น พระองค์ไม่ต้องการให้มนุษย์ต้องทนทุกข์ตลอดไป พระองค์จึงได้ส่งพระเยซูคริสต์ ‘พระบุตร’ ของพระองค์มายังโลก

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด