บทที่11
ปัง!
ประตูห้องทำงานถูกเปิดออกอย่างแรง
อย่างไรก็ตาม ฉินซวงมองไปรอบ ๆห้องก็ไม่เห็นใคร
ฉินซวงเดินเข้ามา ในห้อง ปลายจมูกของเธอขยับเล็กน้อยและดูเหมือนว่าเธอจะได้กลิ่นบางอย่างในอากาศ...
จากนั้นเธอก็มองซ้ายมองขวา เปิดตู้ออกแล้วเดินไปยังหน้าต่างเพื่อมองลงไปด้านล่าง
แต่หลังจากมองทุกอย่างในห้องแล้วก็ไม่มีอะไรผิดปกติ
ฉินซวงขวมดคิ้วมุ่น
“พี่สาว พวกวิญญาณได้รับการชำระล้างเรียบร้อยแล้วครับ”
ไม่ช้าชายหนุ่มสองคนก็เดินมาพร้อมกับอาวุธพิเศษในมือพวกเขา
ฉินซวงไม่ตอบอะไรกลับไป ทว่าดวงตาของเธอจ้องไปยังเก้าอี้ของเฉินกั๋วตง
มันมีกลิ่นอายชั่วร้ายและอาฆาตรุนแรงบนเก้าอี้ตัวนี้และน่าจะเคยมีผีอยู่ที่นี่มาก่อน
เพื่อชายหนุ่มทั้งสองเห็นอาการของพี่สาวคนโตของเขา ทั้งสองก็ยืนอย่างเชื่อฟังที่ด้านนอกห้อง
พวกเขาไม่กล้ารบกวนพี่สาวที่อารมณ์ร้ายแบบนี้ เพราะมันจะทำให้เขาถูกลงโทษอย่างหนักจากเธอ
“ห้องนี้มีกลิ่นของคนที่ยังมีชีวิต แต่...”
ฉินซวงหยุดพูดไป
แต่เขาเพิ่งจะหายไป?
เห็นได้ชัดว่าฉินซวงได้ยินเสียงเพลงมือถือดังมาจากในห้องนี้ แต่พอเธอมาถึง เธอก็ไม่เห็นอะไรผิดปกติเลย ซึ่งมันแปลกเกินไป
“บริษัทนี้มีกี่คน?” ฉินซวงเงยหน้าขึ้นแล้วถามชายทั้งสองคนที่มาด้วยกัน
ชายหนุ่มทั้งสองรีบหยิบกระดาษสีขาวมาดู
“พี่สาว มีทั้งหมดเก้าคนครับ แต่พบเพียงสี่ศพ รวมเป็นผีเจ็ดตน ซึ่งไม่ตรงกับข้อมูลก่อนหน้านี้ มีหัวหน้าหนึ่งคนชื่อเฉินกั๋วตง”
“พวกเราคิดว่าเฉินกั๋วตงถูกพี่ฆ่าไปแล้ว ข้อมูลที่เราได้มาบอกว่าเฉินกั๋วตงอยู่ที่ห้องนี้”
มันเป็นเรื่องที่ดีที่ต้องบอกว่ามีผีน้อยกว่าที่คาดเอาไว้หนึ่งคน เพราะคนที่รอดอาจจะลางานและไม่ได้มาบริษัท แต่ก็เป็นเรื่องแปลกมากเช่นกัน
ในฐานะพี่สาวคนโตของฉินซวง สีหน้าของฉินซวงไม่เปลี่ยนแปลงหลังจากได้ยินข้อมูล แต่ดวงตาของเธอหรี่ลงโดยไม่รู้ว่าเธอกำลังคิดอะไรอยู่
………
อีกทางด้านหนึ่ง
“โชคดีที่ว่านชิวมีทักษะเทเลพอร์ต ไม่อย่างนั้นคงถูกจับได้แล้ว”
หลังจากกลับมาถึงบ้าน หลิวเฉิงก็มองมือถือในมือของเขาที่ยังคงดังเพลง แอปเปิ้ลน้อยและอดส่ายหัวไม่ได้
โชคดีที่หลิวเฉิงสร้างทักษะเทเลพอร์ตให้กับเซี่ยว่านชิว ไม่อย่างนั้นเขาคงลำบากมาก
สำหรับทักษะเทเลพอร์ตนั้น หลิวเฉิงเองก็ไม่แน่ใจเหมือนกันว่ามันหายตัวได้ถึงระยะไหน แต่เซี่ยว่านชิวพาหลิวเฉิงกลับจากบริษัทมาที่บ้านในพริบตา ระยะห่างทั้งสองที่นั้นมากกว่าสิบกิโลเมตร มันเป้นระยะทางที่นับว่าไกลมาก
“ที่รัก ฉันจะไปต้มน้ำให้นะ เดี๋ยวพอคุณอาบน้ำแล้วฉันจะช่วยนวดตัวให้นะคะ”
เซี่ยว่านชิวพูดแล้วก็มุ่งหน้าไปยังห้องน้ำทันที
ก่อนทที่หลิวเฉิงจะได้ทันพูดอะไรกลับ เธอก็เริ่มยุ่งแล้ว
เซี่ยว่านชิวรู้ว่าหลิวเฉิงต้องไม่สบายใจที่เห็นวิญญาณที่น่าขยะแขยงวันนี้ ดังนั้นเธอจึงต้องการทำให้แฟนกึ่งสามีของเธอผ่อนคลายด้วยการนวด
วิธีผ่อนคลายที่ดีที่สุดคือการนวด
“ช่างเป็นแฟนที่ช่างคิดและเอาใจใส่จริง ๆ” หลิวเฉิงมองไปยังห้องน้ำแล้วถอนหายใจ
หากเขาต้องแยกจากเซี่ยว่านชิวในอนาคต เขาไม่รู้ว่าตัวเขานั้นจะปรับตัวให้กลับมาทำทุกอย่างเองได้ยังไง
…
กริ๊งงงงง!!
ไม่ทันได้คิดอะไรมาก มือถือของเขาก็ส่งเสียงดังอีกครั้งหนึ่ง
หลิวเฉิงหยิบมันขึ้นมามองดู มันเป็นเบอร์โทรศัพท์ของน้องสาวเขา
“พี่... ทำงานอยู่เหรอ ยุ่งอยู่หรือเปล่า?0”
“ไม่ เกิดอะไรขึ้นหลินเสวี่ย มีอะไรผิดปกติเหรอ?”
หลินเสวี่ยเป็นลูกสาวของเพื่อนพ่อหลิวเฉิง เขาเห็นอีกฝ่ายเป็นน้องสาวของตัวเอง
หลังจากที่พ่อแม่ของหลิวเฉิงเสียชีวิต พ่อของหลินเสวี่ยที่มีความสัมพันธ์ที่ดีกับพ่อของเขาก็ได้รับหลิวเฉิงไปเลี้ยงและส่งเสียเขาไปโรงเรียน ตั้งแต่มัธยมต้นปี1 ครอบครัวหลินได้ช่วยเหลือหลิวเฉิงมามาก
พอขึ้นปีสอง หลิวเฉิงก็ทำงานนอกเวลาเพื่อหาเลี้ยงตัวเอง ดังนั้นเขาจึงตัดสินใจไม่รับเงินมาจากครอบครัวหลิน
แม้ว่่าตระกูลหลินจะร่ำรวยมาก แต่ท้ายที่สุดแล้ว คนอื่นก็คือคนอื่น หลิวเฉิงไม่คิดที่จะพึ่งพาตระกูลหลินไปตลอดชีวิต
อย่างไรก็ตาม สำหรับหลิวเฉิงแล้ว ครอบครัวหลินก็ยังคงเป็นผู้มีพระคุณและเขาจะไม่ลืมความเมตตาของคุณลุงหลิวและคุณป้าหลิว
ถ้าไม่ใช่เพราะตระกูลหลิน หลิวเฉิงคงต้องออกจากโรงเรียนไปหางานทำและคงไม่ได้เข้าเรียนมหาวิทยาลัยแล้ว
หลิวเฉิงคิดว่าลุงหลินของเขาเป็นเหมือนพ่อแท้ ๆอีกคนด้วยซ้ำไป
สำหรับหลินเสวี่ย แน่นอนว่าเธอถูกเขามองเหมือนน้องสาวแท้ ๆคนหนึ่ง
ถึงอย่างนั้นคุณลุงหลินและคุณป้าหลินก็ได้ชอบจับคู่เขาและหลินเสวี่ยมาโดยตลอดและต้องการให้พวกเขาสองคนแต่งงานกัน
แต่พูดตามตรง หลิวเฉิงไม่มีความรู้สึกใด ๆกับน้องสาวคนนี้ ไม่ใช่ว่าหลินเสวี่ยไม่สวย
“ฮึ่ม! เจ้าหมอนจอมขี้เกียจนี่ ทำไมรับสายฉันช้าจัง ฉันโทรไปหาตั้งสามครั้งแล้วนะ บอกแล้วไม่ใช่เหรอว่าให้เรียกฉันว่าเสี่ยวเซี่ยแต่นายกลับเรียกชื่อเต็มฉันซะได้!”
เสียงไพเราะดังมาจากอีกด้านหนึ่งของโทรศัพท์ แต่เสียงนี้ทำให้หลิวเฉิงพูดไม่ออก
ใช่ เขาไม่ได้ชอบหลินเสวี่ย มันเพราะว่าเธอเป็นคนที่นิสัยใจร้อน ขี้โมโห หยิ่งยโสและหน้าไม่อาย
บางคนอาจจะชอบนิสัยซึนเดเระของเธอเพราะว่ามันน่ารัก แต่ไม่ใช่กับเขา เขารับได้หากปฏิบัติกับเธอเหมือนน้องสาวทว่าหากให้เขาแต่งงานกับเธอ เขาจะได้มีชีวิตที่มีความสุขและสงบในอนาคเหรอ...
หลิวเฉิงชอบชีวิตประจำวันที่เงียบสงบ ฝีปากของหลินเสวี่ยเป็นอะไรที่เขารับไม่ได้
แม้รูปร่างหน้าตาดีก็ช่วยให้นิสัยดีไม่ได้
โดยเฉพาะอย่างยิ่ง เมื่อหลิวเฉิงเอาเธอมาเทียบกับเซี่ยว่านชิว แฟนผีสุดสวยที่มีน้ำใจและห่วงใยเขา มันยิ่งทำให้หลิวเฉิงไม่ต้องการแต่งงานกับหลินเสวี่ยมากยิ่งขึ้น
“ได้ ๆ หิมะน้อย จากนี้ฉันเรียกเธอว่าหลินเสวี่ยก็ได้ ฉันอยู่ที่ทำงาน มีอะไรเหรอ? มีอะไรให้ฉันช่วยล่ะ?”
“ฮึ่ม! พี่หลิวเฉิงมีเรื่องเกิดขึ้นน่ะ”
“เอ๊ะ?”
หลิวเฉิงหลับตาลง เขาเพิ่งได้ยินอะไรมา? หญิงสาวคนนี้เรียกเขาว่าพี่ชายจริง ๆเหรอ?
เป็นไปไม่ได้ เป็นไปไม่ได้อย่างแน่นอน!
แน่นอนว่าหลินเสวี่ยไม่รู้ว่าหลิวเฉิงทำท่าทางยังไงอยู่ เธอยังคงพูดต่อไป
“พี่หลิวเฉิง ฉันจะย้ายไปอยู่กับพี่”
“!!!”