ตอนที่แล้วบทที่ 3 - อาจารย์ของผม
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปบทที่ 5 - การทำสมาธิโดยการนอน

บทที่ 4 - ความรู้ขั้นพื้นฐาน


“เว่ยจางกง เธอคิดว่าตอนนี้กี่โมงแล้ว?” อาจารย์ซิวถามด้วยสายตาที่เต็มไปด้วยความโกรธ

“อา!! อาจารย์ ทำไมอาจารย์มาอยู่ตรงนี้ล่ะครับ? โอ! ผมขอโทษ เมื่อเช้านี้ผมนอนตื่นสายครับ”

ความจริงก็คือ.. ผมรู้สึกกลัวที่วันนี้จะเจอกับอาจารย์ที่น่ากลัวคนนี้ ผมเลยจบลงที่การเดินวนไปวนมาอยู่หน้าประตูทางเข้าของโรงเรียนโดยที่ไม่กล้าเดินเข้าโรงเรียน ผมไม่คาดคิดว่าอาจารย์จะเดินออกมา ผมซวยแล้ว

ตามคาด “เธอนอนตื่นสาย แสดงว่าพลังใจของเธอไม่เพียงพอ สิ่งที่สำคัญที่สุดสำหรับนักเวทย์ในการฝึกหัดคือเจตจำนง คือพลังใจ ดูท่าแล้วเธอต้องการแรงกระตุ้นเป็นอย่างมาก ไป วิ่งรอบสนาม 5 รอบ จนกว่าเธอจะรู้สึกตื่นตัว กระฉับกระเฉง”

ไม่มีทางเลือก ผมเริ่มวิ่งช้า ๆ ด้วยความเร็วที่อ้อยอิ่ง

“ชื่อของข้าคือซิวซีหยู ฟังคำข้า จงออกมาข้ารับใช้แห่งข้า เสือแห่งแสง”

นี่คือสัตว์เวทย์ระดับ 5 (ทุกคนที่เรียนเวทย์มนต์สามารถครอบครองสัตว์เวทย์เป็นของตัวเองได้ แต่ละคนสามารถมีได้มากกว่า 1 ตัว แต่การการอัญเชิญมากกว่า 1 ตัวจะใช้พลังใจในปริมาณมากมายมหาศาล)

“จางกง วิ่งให้เร็วขี้นอีก ถ้ามันไล่เธอทัน เธอน่าจะรู้นะว่าจะเกิดอะไรขึ้น”

มองดูเสือแห่งแสงที่ตัวใหญ่กว่าผม 4-5 เท่า มันทำให้ผมได้รับแรงกระตุ้นอย่างสูง ความกลัวกว่าจะถูกกินรีดพลังของผมออกมา ผมส่งตัวเองพุ่งไปข้างหน้าเร็วขึ้นกว่าเดิม เสือแห่งแสงของอาจารย์ตามผมมาห่าง ๆ ไม่ช้าเกินไป และไม่ห่างจากผมมากนัก ถ้าผมลดความเร็วลง แม้แต่เพียงเล็กน้อย ธนูแสงจะบินมาขู่ผม ทำให้ผมต้องะเร่งความเร็วขึ้นอีกครั้ง (เวทย์แสงระดับพื้นฐาน และระดับกลาง รวมทั้งหมดแล้วมีเวทย์โจมตีเพียงเวทย์เดียว และมันอยู่เพียงระดับ 2)

อา......ผมมันน่าอนาถจริง ๆ

ในที่สุด ผมเสร็จสิ้นการวิ่งที่เหมือนกับการเดินทางไกลครั้งนี้ อาจารย์ซิวยอมปล่อยให้ผมพักได้ตั้ง 15 นาที ไม่น่าเชื่อจริง ๆ

อา......ชีวิตของผมเต็มไปด้วยความทุกข์ทรมานได้อย่างไร

“หมดเวลาพักแล้ว ตอนนี้ เราจะมาดูกันว่าเธอได้เรียนอะไรมาแล้วบ้าง เธอรู้จักเวทย์อะไรบ้าง จางกง?”

“ผมรู้จักเวทย์ส่องสว่างครับอาจารย์”

“อะไรอีก?”

“ไม่มีแล้วครับ”

“2 ปีที่ผ่านมา เธอเรียนได้แค่เวทย์ส่องสว่างได้อย่างเดียว?”

ต่อมา อาจารย์ซิวถามผมมากมายเกี่ยวกับความรู้เบื้องต้นเกี่ยวกับเวทย์มนต์ของผม และบางคำถามเกี่ยวกับการประยุกต์ใช้ ความรู้เกี่ยวกับทฤษฎีเวทย์มนต์พื้นฐานของผมนั้นย่ำแย่มาก ๆ เนื่องจากผมใช้เวลาส่วนใหญ่ในห้องเรียนไปกับการนอน อย่างไรก็ตามถ้าพูดถึงการประยุกต์ใช้ ผมคิดว่าคำตอบของผมค่อนข้างดี ถ้าให้พูดโดยรวมแล้ว ผมเป็นคนฉลาดมาก

อาจารย์ซิวมองมาที่ผม 2 นาทีเต็ม ก่อนที่จะถอนหายใจยาว

“ฉันมาเจอนักเรียนที่ขี้เกียจขนาดนี้ได้ยังไงกันนะ? อา...ไม่น่าแปลกใจเลยว่าทำไมอาจารย์หลินถึงขอให้อาจารย์สอนเธอ ถึงอาจารย์จะรู้อยู่แล้วว่าคะแนนของเธอค่อนข้างต่ำ แต่อาจารย์ก็ไม่คาดคิดว่าจะแย่ถึงขนาดนี้ โอเค!! วันนี้เลิกเรียนแค่นี้ พรุ่งนี้อย่ามาสาย” หลังจากเจอนักเรียนที่ต่ำกว่ามาตรฐานมาก แม้แต่เขาก็ช่วยไม่ได้

อะไรนะ? วันนี้เรียนเสร็จแล้ว มันยังเป็นช่วงเช้าอยู่เลย อาจารย์ช่างดีจริง ๆ !!

“จริงสิ อาจารย์มีการบ้านให้เธอทำ” หลังจากพูดจบ เขาส่งหนังสือเล่มหนาให้ผม 2 เล่ม

หลังจากรับหนังสือมา ผมอ่านหน้าปก เล่มหนึ่งคือ ‘ทฤษฎีเวทย์มนต์พื้นฐาน’ ส่วนอีกเล่มคือ ‘เวทย์หลักของเวทย์แสงและการอธิบาย’ ให้หนังสือ 2 เล่มนี้กับผม อาจารย์คาดหวังจะให้ผมทำอะไรกับมัน? ผมรู้สึกแปลกใจกับเจตนาของอาจารย์ขึ้นมาอย่างช่วยไม่ได้

“สำหรับพรุ่งนี้ เธอต้องจำทฤษฎีเวทย์มนต์พื้นฐานให้ได้ ด้วยวิธีนี้เธอถึงจะสามารถเพิ่มความรู้เกี่ยวกับทฤษฎีเวทย์มนต์ของเธอได้ อาจารย์ไม่ต้องการให้นักเรียนของอาจารย์แพ้นักเรียนคนอื่น ๆ ส่วนหนังสืออีกเล่ม เธอค่อย ๆ อ่านไป เอาล่ะ ตอนนี้เธอกลับบ้านได้แล้ว”

“อาจารย์ ผมต้องจำเนื้อหาของทฤษฎีเวทย์มนต์พื้นฐานทั้งเล่มเลยเหรอ?” ผมยังมีความหวังเล็ก ๆ อยู่ตอนที่ถาม

“แน่นอน พรุ่งนี้อาจารย์จะสอบทานความรู้ของเธอ ถ้าเธอยังอยากเล่นกับเจ้าเสืออีก เธอไม่ต้องจำก็ได้”

หลังคำตอบ อาจารย์ซิวหันหลังเดินกลับไปที่ห้องพักอาจารย์ ปล่อยให้ผมยืนตะลึงอยู่คนเดียว

นี่มันอาจารย์ประเภทไหนกันแน่? อา...นี่มันปีศาจชัด ๆ ให้เวลาผมแค่วันเดียวในการจำหนังสือที่หนา 300-400 หน้า วันนี้อากาศค่อนข้างดี มีแดด ลมไม่แรง มันช่างแตกต่างกับอารมณ์ผมตอนนี้เหลือเกิน

กลับถึงบ้าน แม่กับพ่อไม่อยู่บ้าน ทั้งคู่ยังอยู่ที่ทำงาน (พ่อทำงานเป็นช่างหล่อโลหะ ส่วนแม่เป็นผู้เยียวยาอยู่ในหมู่บ้าน)

ผมหยิบ ‘ทฤษฎีเวทย์มนต์พื้นฐาน’ ออกมา เริ่มพลิกหน้าหนังสือ ถีงผมจะขี้เกียจ แต่เมื่อคิดถึงบทลงโทษของปีศาจ.....กล้ามเนื้อน่องของผมยังตึงอยู่เลย มีทางเลือกอย่างอื่นเหลืออยู่อีกหรือ ไม่ ผมต้องท่องหนังสือ

พระอาทิตย์ลับขอบฟ้าในที่สุด ด้วยความพยายมอย่างไม่เหน็ดไม่เหนื่อยของผม ในที่สุดผมก็สามารถจำได้ถึง 10 หน้า แค่ 10 หน้า อา........ชีวิตผม...จบกัน

“โอ้! ใครกลับบ้านเร็วกันเนี่ย?” ปกติแล้วคนที่กลับบ้านคนแรกจะเป็นแม่ของผม

“ผมเองครับ”

ได้ยินเสียงอันอ่อนล้าของผม แม่รีบเดินเข้ามาดู

“ลูกแม่ ทำไมลูกกลับบ้านเร็วล่ะวันนี้? ทำไมดูหมดแรงขนาดนี้ ไปทำอะไรผิดมาเลยโดนดุใช่มั้ย?”

“ไม่ใช่ครับแม่” เมื่อคิดถึงการบ้านที่เป็นไปไม่ได้ ผมวิ่งเข้าไปกอดแม่แล้วเริ่มร้องไห้ ทั้งหมดทั้งมวล ผมอายุเพิ่ง 7 ขวบ

ขณะที่กอดผม แม่เริ่มถาม

“เกิดอะไรขี้น? รีบบอกแม่มา มีคนรังแกลูกใช่มั้ย?”

“ใช่ ใช่ อาจารย์คนใหม่ของผมแย่มากจริง ๆ การบ้านที่เขาให้ผม มันไม่มีทางทำได้เลยครับ แล้วเขายังทำโทษผมด้วยล่ะ”

“หือ!! การบ้านอะไร? อาจารย์ของลูกทำโทษยังไง?”

อย่างกระมิดกระเมี้ยน ผมค่อย ๆ เล่าให้แม่ฟังถึงเรื่องที่เกิดขึ้นที่โรงเรียนวันนี้

“จางกง ลูกต่างหากที่เป็นคนผิด ที่ผ่านมา แม่รู้ว่าผลการเรียนของลูกไม่ค่อยดี แต่แม่ก็ไม่คิดว่ามันจะแย่ขนาดนี้ เหลือเชื่อจริง ๆ ตั้ง 2 ปี ลูกไม่รู้แม้กระทั่งพื้นฐาน อาจารย์ของลูกทำถูกแล้ว คนขี้เกียจอย่างลูก ต้องเจออาจารย์เขี้ยว ๆ อย่างนี้แหละถึงจะสอนลูกได้ แม่กับพ่อเลี้ยงลูกจนเสียคนแล้ว”

“แม่ลูกพูดถูกแล้ว มาให้พ่อดูหน่อย การบ้านอะไรยากนักหนา”

พ่อก็กลับถึงบ้านแล้ว

หลังจากเห็นการบ้านของผม พ่อยิ้มออกมา

“เจ้าลูกโง่ ไหนปกติชอบบอกว่าตัวเองฉลาดไม่ใช่เหรอ? ทำไมถึงเปลี่ยนเป็นโง่ตอนนี้? หนังสือมันดูหนาก็จริง แต่ลูกไม่จำเป็นต้องจำมันทั้งหมด ปล่อยให้แม่ไปทำข้าวเย็น เดี๋ยวพ่อช่วยสอนให้ว่าต้องทำแบบไหน” หลังจากนั้นพ่อช่วยสอนให้ผมทำการบ้านอันแสนยากนี้จนเสร็จ

“ฟังนะ จางกง บทนี้หลัก ๆ แล้วพูดถึงการประยุกต์ใช้ทฤษฎีของเวทย์มนต์ ในโลกของเรา มีธาตุต่าง ๆ อยู่มากมาย ลูกรู้จักธาตุพื้นฐานทั้ง 6 ใช่มั้ย เพื่อที่จะใช้เวทย์มนต์ ลูกต้องสื่อสารกับองค์ประกอบของธาตุ ทำให้มันจดจำ และรู้จักลูก แล้วรวมตัว วนเวียนอยู่รอบ ๆ ตัวลูก ขั้นถัดไปลูกต้องเปลี่ยนแก่นแท้เวทย์มนต์ที่รวมตัวกันอยู่รอบ ๆ ตัวลูกผ่านการร่ายเวทย์ เพื่อให้ได้ผลลัพธ์ตามที่ลูกต้องการ ลูกดูให้ดีนะ นี่คือเวทย์มนต์”

“ชื่อของข้าคือเว่ยหลี่โอว แก่นแห่งลม ฟังคำข้า มาหาข้า ปกป้องเพื่อนของเจ้า - โล่สายลม!!” พ่อผมค่อย ๆ อธิบายพร้อมกับร่ายเวทย์เป็นตัวอย่างเพื่อสร้างแรงบันดาลใจให้แก่ผม เขาแบ่งเนื้อหาในหนังสือออกเป็นส่วน ๆ ตามเนื้อหาสำคัญ แล้วค่อย ๆ อธิบายเนื้อหาของทฤษฎีแต่ละส่วนนั้นให้ผม พอมีพ่อมาช่วยแนะแนวทางให้ คนฉลาดอย่างผมก็เข้าใจเคล็ดลับขึ้นมาทันที ทำให้ผมหลงไหลในเวทย์มนต์เพิ่มมากขึ้น

“เอาล่ะ นี่ก็ค่อนข้างดึกแล้ว เหลืออีกแค่นิดหน่อย เดี๋ยวพรุ่งนี้เช้าค่อยมาอ่านต่อให้จบ”

“ครับพ่อ ผมไม่เคยนึกเลยว่าเวทย์มนต์จะเป็นแบบนี้” หลังจากได้เรียนรู้ทฤษฎีเวทย์มนต์มากขึ้น ผมเริ่มดื่มด่ำกับความลึกซึ้งของเวทย์มนต์ขึ้นมาอย่างช่วยไม่ได้ (แค่คืนเดียว ผมได้ความรู้มากกว่า 2 ปีที่ผมเอ้อระเหยอยู่)

“จางกง ก่อนหน้านี้ เป็นเพราะพ่อกับแม่ไม่ค่อยสนใจเกี่ยวกับการเรียนของลูก เป็นความผิดของพ่อกับแม่เอง ต่อไป พ่อจะสอนลูกให้บ่อยขึ้น จากกงของเราจะต้องเป็นนักเวทย์ที่มีชื่อเสียงอย่างแน่นอน”

พ่อมองผมอย่างอ่อนโยน พร้อมกับลูบหัวผมไปด้วย

“พ่อ ผมจะตั้งใจศึกษาเวทย์มนต์อย่างแน่นอน”

หลังจากศึกษาบทเรียนแรกเกี่ยวกับเวทย์มนต์ในครั้งนี้ บุตรแห่งแสงเริ่มจริงจังกับการศึกษาเวทย์มนต์อย่างไม่รู้ตัว (นี่ยังไม่นับว่า ไม่ว่าเขาจะตั้งใจหรือไม่ แต่อาจารย์ซิวไม่ยอมให้เขาขี้เกียจอย่างแน่นอน ฮา!!)

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด