ตอนที่แล้วบทที่ 147: หูเจียวเจียวจับตามองนางอย่างใกล้ชิด
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปบทที่ 149: เสี่ยวเหยากำลังแปลงร่าง

บทที่ 148: เด็กตระกูลหลงทั้ง 5


เมื่อหลงโม่เดินทางออกจากบ้านแล้ว หูเจียวเจียวก็ทำอาหารเช้าให้ลูก ๆ และยังคงมุ่งมั่นดูแลการก่อสร้างบ้านหินของภูตต่อไป

หลังจากที่ทุกคนกินข้าวกันเสร็จเรียบร้อย หลงเหยาก็ล้มตัวลงนอนที่บ้านไม้และผล็อยหลับไป

“เฮ้อ~”

เสี่ยวเหยาอยากนอนหลับตุนไว้ระหว่างที่ท่านพ่อไม่อยู่บ้าน!

แบบนี้พอพ่อมังกรกลับมา เขาจะไม่ง่วงอีกต่อไป!

เจ้ามังกรตัวเล็กผู้มีจิตใจเรียบง่ายนั้นไม่รู้เลยว่าถึงแม้เขาจะนอนเก็บแรงเอาไว้ แต่มันก็ยังไม่พออยู่ดี

ทางด้านหลงหลิงเอ๋อมาที่แม่น้ำเพื่อทำความสะอาดมีดล้ำค่าของตน นี่คืองานประจำวันที่นางทำทุกวัน นางล้างมันด้วยน้ำสะอาด จากนั้นจึงลับกับหินอย่างระมัดระวังเพื่อรักษาใบมีดให้คมอยู่เสมอ

การเคลื่อนไหวของเด็กสาวไม่ต่างจากการถือสมบัติที่หาได้ยาก

ระหว่างที่หลงหลิงเอ๋อกำลังก้มหน้าลงลับมีดบนหินก้อนใหญ่ ทันใดนั้นนางก็เห็นรองเท้าที่คุ้นเคยอยู่ตรงหน้า

นี่คือรองเท้าที่แม่จิ้งจอกของนางทำ

พอเด็กสาวเงยหน้าขึ้นและพบว่าเจ้าของรองเท้าคือหลงจง นางก็เม้มริมฝีปากแล้วบ่นอุบอิบ

“พี่สาม ทำไมถึงเดินเข้ามาเงียบ ๆ เหมือนจิงหลิง* ท่านมีอะไรหรือเปล่า?”

*จิงหลิง หรือเอลฟ์ คือสิ่งมีชีวิตในตำนานที่อาศัยอยู่ในป่า ในถ้ำ หรือใต้พื้นดิน

ตำนานเล่าว่าในป่าอันมืดมิดมีจิงหลิงกลุ่มหนึ่งอาศัยอยู่ ซึ่งพวกมันมักจะเดินทางไปมาอย่างไร้ร่องรอย และพวกนี้มักจะสนุกกับการทำให้ภูตที่เดินผ่านไปผ่านมาตกใจกลัว

บางตนถึงกับทำให้ภูตสับสนแล้วจับพวกเขากลับไปเป็นอาหาร ดังนั้นในสายตาของภูต จิงหลิงก็ไม่ต่างจากผีของมนุษย์

ภูตผู้ใหญ่มักจะใช้เรื่องเล่าเกี่ยวกับจิงหลิงเพื่อทำให้เด็กหวาดกลัว โดยกำชับให้เด็ก ๆ เชื่อฟังอย่าวิ่งเผ่นพ่านไปในที่ที่ไม่รู้จัก มิฉะนั้นพวกเขาจะถูกจิงหลิงผู้น่าสะพรึงกลัวจับตัวไป

เนื่องจากหลงจงไม่ค่อยยิ้ม บางครั้งเขาก็กลั่นแกล้งน้องสาวด้วยคำพูด ด้วยเหตุนี้หลงหลิงเอ๋อจึงมักจะเปรียบเทียบเขากับจิงหลิงอยู่เสมอ

คนเป็นพี่ชายยังคงนิ่งเงียบ เวลาผ่านไปไม่นานเขาก็หยิบบางอย่างออกมาจากอกเสื้อ และยื่นวัตถุสีดำให้อีกฝ่าย

“นี่คืออะไร?” สาวน้อยชะโงกหน้ามองดูของในมือเขาด้วยความสงสัย แต่นางไม่ได้เอื้อมมือไปหยิบมันในทันที

“นี่สำหรับเจ้า” หลงจงกล่าวพร้อมทำหน้ามุ่ย เขาก้าวไปข้างหน้า 2 ก้าวแล้วยัดของใส่มือเด็กสาว

หลงหลิงเอ๋อก้มลงมองของในมืออย่างระมัดระวัง ก่อนจะพบว่าสิ่งที่เป็นสีดำนั้นทำมาจากหนังสัตว์ โดยมีขนปุยสั้น ๆ อยู่ด้านนอก ผิวสัมผัสของมันอาจจะหยาบเล็กน้อย แถมฝีมือเย็บก็ไม่เรียบร้อย จะเห็นได้ว่ามันเป็นครั้งแรกที่เขาทำของสิ่งนี้ขึ้นมา

อย่างไรก็ตาม หากมองโดยรวมแล้วมันก็ไม่ได้แย่

สาวน้อยมองหนังสัตว์สีดำในมือแล้วถามด้วยความสงสัยว่า “มันมีไว้ทำอะไร?”

ทันทีที่นางพูดจบ นางก็ตระหนักว่าสิ่งนี้มีรูปร่างคล้ายกับมีดล้ำค่าของตัวเอง

หลงหลิงเอ๋อจึงพยายามสอดมีดเข้าไปข้างใน

“!!”

พอดีเลย!

“พี่สาม นี่คือปลอกมีดที่ท่านให้ข้าหรือ?”

ดวงตาของเด็กสาวเปล่งประกาย ในขณะที่นางหันไปมองผู้เป็นพี่ชายอย่างตื่นเต้น

เดิมทีนางไม่เคยคิดที่จะทำปลอกมีดมาก่อนเลย!

หลงจงเบือนหน้าหนีทันทีและพูดด้วยน้ำเสียงที่ไม่พอใจ “เจ้าอยากจะทำอะไรก็ทำเถอะ แต่ควรห่อมีดเก็บไว้ให้ดี ๆ ข้ากลัวว่าคนอื่นจะมาเห็นมีดเล่มนี้เข้า แล้วเจ้าจะสร้างปัญหาให้เราเสียเปล่า ๆ”

อันที่จริงเป็นเพราะเขากลัวว่าน้องสาวจะเผลอทำมีดบาดตัวเอง

ถึงอย่างไรมันก็เป็นอาวุธที่แหลมคม อีกทั้งนางเป็นเพียงเด็กผู้หญิงคนหนึ่งเท่านั้น

แต่หลงหลิงเอ๋อดูเหมือนจะไม่ได้ยินคำพูดเชิงตำหนิของพี่ชาย นางหรี่ตาลงและยิ้มอย่างอ่อนหวาน “ขอบคุณพี่สามที่ทำปลอกมีดให้ข้า ข้าชอบมันมาก”

“เฮอะ”

หลังจากนั้นนางก็เก็บมีดอย่างทะนุถนอมและพูดต่ออีกประโยค

“ท่านคงตั้งใจทำเจ้าสิ่งนี้มากเลยใช่ไหม?”

“ข้าไม่ได้ตั้งใจจะทำมันสักหน่อย” หลงจงพูดโต้แย้งพร้อมกับปั้นสีหน้าเย็นชา

หลงหลิงเอ๋อที่เห็นท่าทางของพี่ชายก็หัวเราะโดยไม่ตอบโต้อะไร แต่รอยยิ้มของนางกลับสดใสยิ่งขึ้น

ในขณะที่เด็กหนุ่มพ่นลมหายใจเบา ๆ ก่อนจะหันหน้าหนีไปทางอื่น

อีกด้านหนึ่ง

หลงอวี้กำหมัดแน่น ดวงตาของเขาเฉียบคม เขาชกต่อยต้นไม้สูงตระหง่านตรงหน้า นี่เป็นการฝึกฝนร่างกายและความแข็งแกร่งของเขา

ในยามที่เขายืนอยู่หน้าต้นไม้ใหญ่ ร่างของเด็กหนุ่มไม่ต่างจากต้นหญ้าเล็ก ๆ ทุกครั้งที่เขาออกหมัด ต้นไม้ตรงหน้าก็ไม่ขยับเลยสักนิด โดยมีเพียงเสียงเนื้อกระทบกับวัตถุแข็งดังขึ้น ทว่าเขาไม่ได้ท้อถอยเลยแม้แต่น้อย

1 หมัด 2 หมัด... ร้อยหมัด พันหมัด

ผู้เป็นพี่ใหญ่พยายามอดทนปล่อยหมัดออกไปไม่ลดละ พร้อมกับที่ในใจหวังว่าตนจะสามารถโค่นต้นไม้ต้นนี้ลงได้ในสักวัน จากนั้นเขาจึงจะฆ่าวายร้ายทุกคนที่มารังแกครอบครัวของตัวเอง แล้วกลายเป็นผู้ที่แข็งแกร่งที่สุดเพื่อคอยปกป้องพี่น้องและแม่ของตน

ตอนนี้หลงเซียวยืนอยู่ไม่ไกลจากพี่ชายคนโต เขาหลับตาฟังความเคลื่อนไหวในป่าเงียบ ๆ พลางถือหนังสติ๊กที่หูเจียวเจียวมอบให้เขาไว้

เสียงลมพัด… ใบไม้ร่วง… เสียงนกกระพือปีก...

ปัจจุบันเสียงทุกชนิดปะปนกันผ่านเข้ามาในโสตประสาทของเด็กหนุ่มผู้มองไม่เห็น ซึ่งเป็นการยากที่คนธรรมดาจะแยกแยะทิศทางของเสียงทั้งหมดได้

แต่บัดนี้ไม่มีร่องรอยของความวิตกกังวลบนใบหน้าที่เย็นชาและซีดเผือดของหลงเซียว หนึ่งในเสียงนั้นคือเสียงหมัดของพี่ชายที่กระทบกับของแข็งเหมือนระฆังที่ดังก้องอยู่ในหู เขาใช้หัวใจเป็นไม้บรรทัดในการวัดระยะห่างจากเสียงอื่น ๆ

ไม่นานก็มีเสียงลมพัดผ่าน

ขณะเดียวกัน เหล่านกบนต้นไม้ทนไม่ได้กับการชกกำปั้นเข้าใส่ต้นไม้ของหลงอวี้ พวกมันจึงกระพือปีกพร้อมกับส่งเสียงร้องและบินออกไปจากกิ่งไม้ชั่วครู่หนึ่ง

ในตอนนั้นเอง ใบหูของหลงเซียวขยับ ก่อนที่เขาจะยกมือขึ้นยิงหินก้อนเล็กที่ปลายนิ้วตรงไปที่นกอย่างแม่นยำ

ปั่ก!

มันเป็นเสียงก้อนหินชนอะไรบางอย่าง

ทางด้านหลงอวี้ลดกำปั้นลงตอนที่เห็นนกกระจอกสีเทาร่วงลงมาที่พื้น แล้วกระตุก 2-3 ครั้งก่อนจะแน่นิ่งไปในที่สุด

ถัดมา เขามองไปที่น้องชายด้วยความประหลาดใจ ไม่นานเขาก็เผยรอยยิ้มบนใบหน้าที่มักจะเคร่งขรึมอยู่เสมอ “น้องรอง เจ้ายิงเข้าเป้าแล้ว!”

หลงเซียวเองก็รู็สึกตกใจเช่นกัน เขาเม้มริมฝีปากกลั้นยิ้มเอาไว้โดยมีเพียงรอยยิ้มจาง ๆ ที่เผยให้เห็น

“เจ้าทำได้ดีมาก” คนเป็นพี่ใหญ่อุ้มนกกระจอกตัวน้อยแล้วก้าวไปตบไหล่ของน้องชายคนรอง

นี่เป็นครั้งแรกที่เขาเห็นหลงเซียวยิ้ม

ดูเหมือนว่าตั้งแต่เกิดมา น้องชายของเขามีใบหน้าซีดเซียวอยู่เสมอ แล้วเขาก็มักจะซ่อนตัวอยู่ในความมืดประหนึ่งว่าไม่อยากเห็นแสงสว่าง อีกทั้งเขาไม่เต็มใจที่จะมีปฏิสัมพันธ์กับพวกภูตคนอื่น และไม่แม้แต่จะพูดคุยกับพี่น้องของตนเองด้วย

เด็กหนุ่มคิดว่าตัวเองจะไม่มีวันได้เห็นหลงเซียวยิ้มตลอดชีวิตนี้เสียแล้ว!

ครู่ต่อมา หลงอวี้ยื่นมือไปจับมืออีกฝ่าย ก่อนจะวางนกกระจอกตัวน้อยไว้ในมือของเขา

จากนั้นเด็กหนุ่มตาบอดวางหนังสติ๊กลงเพื่อใช้มือทั้ง 2 ข้างลูบนกกระจอกตัวเล็กเรื่อย ๆ ซึ่งอุณหภูมิบนตัวของมันยังไม่ลดลง ในขณะที่ปลายนิ้วสั่นเทาสัมผัสได้ถึงขนนุ่มและความอบอุ่นจากตัวนก

มันคือเหยื่อของเขา!

นี่เป็นครั้งแรกที่เขาจับเหยื่อได้ด้วยกำลังของตัวเอง!

ต่อให้มันเป็นเพียงนกตัวจ้อย ถึงแม้ว่าเขาจะเป็นคนสุดท้ายในบรรดาพี่น้องที่สามารถยิงหนังสติ๊กโดนเป้าหมาย แต่ในที่สุดเขาก็ทำมันสำเร็จ

ทว่าสำหรับเด็กหนุ่มผู้ที่อยู่ในโลกแห่งความมืดมิด มันเหมือนเป็นก้าวที่ยิ่งใหญ่ในชีวิตของเขา

“พี่ใหญ่ ข้าทำได้ ข้าทำได้จริง ๆ”

หลังจากนั้นไม่นาน หลงเซียวก็เปิดปากที่จู่ ๆ มันก็หนักอึ้งเป็นตันและพูดด้วยเสียงสั่นเครือ

เขาไม่ใช่ขยะไร้ประโยชน์อีกต่อไปแล้วใช่ไหม?

ตอนนี้เขามีประโยชน์ขึ้นมาบ้างแล้ว!

อย่างน้อย...เด็กหนุ่มก็มีประโยชน์กว่าเดิมนิดหน่อย เขาจะได้เลิกเกลียดตัวเองให้น้อยลง

หลงอวี้เผยรอยยิ้มพึงพอใจ แม้ว่าน้องชายคนนี้จะมองไม่เห็น แต่เขาก็ยังพยักหน้าอย่างแข็งขัน “อืม เจ้าเก่งมาก”

ทันใดนั้นร่างของหลงเซียวก็สั่นไหว ขาของเขาชาไปแล้วเพราะเขาไม่ได้เคลื่อนไหวเป็นเวลานาน

ผู้เป็นพี่ใหญ่ที่เห็นอาการของอีกฝ่ายขมวดคิ้วฉับ แล้วรีบเข้าไปช่วยประคองน้องชายทันที

“น้องรอง เท่านี้ก็เพียงพอแล้ว เจ้าพักผ่อนเถอะ ในอนาคตยังมีเวลาอีกมาก”

เขาเป็นพี่ชายคนโต แม้ว่าหลงเซียวจะไม่มีความสามารถในการหาเลี้ยงตัวเอง แต่เขาก็จะดูแลน้อยชายคนนี้ไปตลอดชีวิต เขาแค่หวังว่าน้อง ๆ ของตนจะปลอดภัยและประสบความสำเร็จ ซึ่งเขาสามารถแบกรับภาระอันหนักอึ้งเหล่านั้นไว้บนบ่าตัวเองได้

ครู่ต่อมา เด็กหนุ่มตาบอดเม้มริมฝีปากพลางยกมือขึ้นเพื่อกดหลังมือของหลงอวี้ที่มีหนังสัตว์หนาปกคลุมอยู่

“พี่ใหญ่ ถ้าท่านยังใช้มือนี้ชกต้นไม้ต่อไป มือท่านก็ไร้ประโยชน์เหมือนกัน”

ร่างกายของฝ่ายที่ได้ยินประโยคข้างต้นแข็งทื่อ ก่อนที่เขาจะกลับมาปั้นสีหน้าเคร่งขรึม

หลงอวี้นึกขึ้นมาได้ว่าอีกฝ่ายมองไม่เห็น จากนั้นเขาจงใจพูดด้วยน้ำเสียงโกรธเคืองเล็กน้อย

“ข้าเป็นพี่ใหญ่หรือเจ้าเป็นพี่ใหญ่กันแน่?”

--------------------------------------------------

พูดคุยท้ายตอนกับเสี่ยวเถียว: หลงจงนี่พี่ชายจอมซึนสุด ๆ เซียวเซียวเก่งมากเลย ประสาทสัมผัสการได้ยินดีมาก

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด