ตอนที่แล้วตัวประกอบแรงค์ EX — 0067
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปตัวประกอบแรงค์ EX — 0069

ตัวประกอบแรงค์ EX — 0068


19. หัวหน้าทีมทะเลสาบนิรันดร์ Live in Korea (6)

* * *

หลังจากจบพิธีมอบดอกคาร์เนชั่นกระดาษก็เป็นเวลาอาหารเย็น

เมนูอาหารชุดเกาหลี

เห็ดหอมทอด ปลาหมึกทอด ฟักทองทอด และซี่โครงเนื้อวัวตุ๋นหั่นบาง ทั้งหมดเสิร์ฟมาในถาดเก้าหลุม

อาหารจานหลักคือซุปหม้อไฟ ‘ยอลกูจาทัง’ รสชาติเอร็ดอร่อย

ขณะที่น้องเล็กอึนแจโฮกำลังลำบากเพราะตักซุปหม้อไฟไม่ถึง คนโตกับคนรองก็ยื่นชามออกมาหาฉัน

“ข้าขอแปะก๊วยกับเห็ดหอม…!”

“ข้าขอลูกชิ้นกุ้งเยอะๆ!”

“ได้เลย กินเยอะๆ นะ”

“ขอบคุณครับ/ค่ะ!”

เด็กทั้งสามคนทำตัวเอาแต่ใจอย่างที่ไม่เคยเป็น

สามพี่น้องลูกหลานเสือเงินเล่าว่า พวกเขาพับดอกคาร์เนชั่นกระดาษมาเท่ากับจำนวนเผ่าเสือและลูกหลานทุกคนที่รู้จัก และเพราะด้วยเหตุนั้น

‘คงเหนื่อยมากสินะ’

ฉันมีความสุขที่ได้แบ่งปันอาหารในส่วนที่หยิบถึง ให้กับทั้งเด็กทั้งสามที่กำลังอ่อนเพลีย

วังจีโฮที่มองดูเหตุการณ์ด้วยตาเป็นประกาย ทำสิ่งที่ไม่มีใครคาดคิด

“ลองกินนี่สิ”

วังจีโฮเลียนแบบฉัน โดยการยื่นหอยเป๋าฮื้อและปลิงทะเลจำนวนมากให้น้องเล็กอึนแจโฮ

‘ดูท่าจะไม่ค่อยชอบอาหารทะเล…’

อึนแจโฮจะปฏิเสธก็กระไรอยู่ ทำได้แค่ก้มมองจานด้วยน้ำตาซึมเบ้า

แกร่ก!

“อะ…”

แบคโฮกุนที่มองอยู่สักพัก เปลี่ยนจานของน้องเล็กเป็นซี่โครงเนื้อแล่บางโดยไม่พูดไม่จา

“ขอบคุณครับ ท่านเสือเหลือง ท่านเสือขาว…”

อึนแจโฮที่เป็นอิสระจากแรงกดดันของอาหารทะเล กล่าวขอบคุณอย่างสุภาพ

วังจีโฮเผยสีหน้าซับซ้อน ในขณะที่แบคโฮกุนกินปลิงทะเลเข้าไปด้วยใบหน้าไร้อารมณ์

ดูเหมือนว่าทักษะในการเลี้ยงเด็กของแบคโฮกุน จะเหนือกว่าวังจีโฮหลายขุม

* * *

ระหว่างทางกลับหอพัก

แบคโฮกุนเดินในจังหวะเชื่องช้าที่เจ้าบ่วงพอจะตามทัน

ปกติแล้วเจ้าบ่วงจะวิ่งส่ายไปมาระหว่างฉันกับแบคโฮกุน แต่วันนี้คงกลัวว่ามงกุฎกระดาษบนหัวจะหล่น

‘ตอนที่วิ่งไปบนทางเดินแล้วเผลอทำมงกุฎดอกไม้ตก เจ้าบ่วงทำหน้าเหมือนโลกทั้งใบแตกสลาย’

ย้อนกลับไปตอนนั้น ลูกสุนัขขนฟูชะงักฝีเท้าแน่นิ่งราวกับมีใครกดปุ่มหยุด

มันทำตัวแข็งทื่ออยู่นาน จนกระทั่งแบคโฮกุนช่วยหยิบมงกุฎกลับมาสวมศีรษะอีกครั้ง

ดูเหมือนสามพี่น้องจะถ่ายวิดีโอไว้ได้พอดี ฉันจึงขอให้พวกเขาส่งมาทีหลัง

* * *

หลังจากเดินร่วมทางกับเจ้าบ่วงและแบคโฮกุนมาจนถึงหอพัก

ก่อนจะเข้าเขตหอพักปีหนึ่ง ฉันนำดอกไม้กระดาษเก็บใส่หน้าต่างไอเท็ม

ขณะเดินกลับห้องของตัวเองด้วยความคิดทำนองว่า ‘วันนี้คงหลับฝันดีแน่’ ฉันเห็นบุคคลที่คาดไม่ถึงระหว่างทาง

“…หือ รองหัวหน้าห้อง”

ณ พื้นที่ส่วนกลางบนชั้นสิบเจ็ด

แม้จะค่อนข้างดึก แต่เม็งเฮียวทงยังคงนั่งเหม่อบนโซฟาในพื้นที่รับรอง

ปกติแถวนี้จะมีเด็กปีหนึ่งราวสามสี่คนจับกลุ่มนั่งอ่านหนังสือ หรือไม่ก็เปิดโฮโลแกรมเล่น

แต่ตอนนี้มีเพียงเม็งเฮียวทง

‘ชั้นปีสองกับปีสามยังเหลือนักเรียนค่อนข้างมาก แต่เด็กปีหนึ่งเกือบทั้งหมดกลับบ้านไปหาพ่อแม่แล้ว แม้แต่ซาวอลเซอึมก็บอกว่าจะกลับ… ในเมื่อเป็นวันผู้ปกครอง เม็งเฮียวทงคงทำตัวไม่ถูกสินะ’

การฟ้องร้องระหว่างเม็งเฮียวทงกับพ่อแท้ๆ ที่ขายเขา ยังคงอยู่ระหว่างกระบวนการ

นับตั้งแต่วันเกิดชเวย็อนทึก เม็งเฮียวทงไม่ได้พูดถึงพ่ออีกเลย

เขาอาจไม่พูด แต่ใช่ว่าจะไม่คิดอะไรในหัว

“มาทำอะไรแถวนี้”

“นั่งเล่นน่ะ”

ฉันเปลี่ยนใจยังไม่กลับห้อง แต่นั่งลงบนโซฟาฝั่งตรงข้ามเม็งเฮียวทง

“แล้วรองหัวหน้าห้องไม่กลับบ้าน?”

“ฉันไม่มีบ้านให้กลับ เพราะยกเลิกสัญญาเช่าก่อนจะเข้ามาอยู่ที่หอ”

“…หา?”

ฉันตอบคำถามของเม็งเฮียวทงเถรตรงเกินไปหน่อย

เปลี่ยนคำตอบให้ดูเหมาะสมดีไหม?

ถึงจะรู้สึกผิดที่ตอบไปแบบนั้น แต่นั่นก็คือความจริง

“พ่อแม่กับน้องๆ ของฉันจากไปนานแล้ว ถึงเช่าบ้านไปก็ไม่มีใครช่วยดูแล ก็เลยยกเลิกสัญญาเช่าก่อนจะเข้ามาอยู่หอใน”

“…เอ่อ ขอโทษ”

เม็งเฮียวทงทำหน้าสำนึกผิด

“…ตั้งแต่นายกี่ขวบ?”

เม็งเฮียวทงพยายามพูดอะไรสักอย่างเพื่อเปลี่ยนบรรยากาศที่น่าอึดอัดนี้

ดูเหมือนฉันจะทำพลาดด้วยการพูดออกไปว่า ‘พวกเขาจากไปนานแล้ว’

เพราะมันอาจดูนานในความทรงจำของฉัน แต่สำหรับโลกใบนี้ มันเพิ่งเกิดขึ้นเมื่อฤดูใบไม้ร่วงปีที่แล้ว

“ปีที่แล้วน่ะ”

โครม!

ได้ยินคำตอบของฉัน เม็งเฮียวทงใช้หัวโขกกำแพงด้านหลังโซฟา

แน่นอนว่าศีรษะหินผาของเขาไม่เป็นอะไร แต่ฉันห่วงกำแพงหอพักมากกว่า

“ข…ขอโทษ… ฉันผิดไปแล้ว”

“ขอโทษทำไม?”

“ช่างเถอะน่า ฉันอยากขอโทษ!”

บรรยากาศยิ่งน่าอึดอัดกว่าเดิม

และเมื่อไม่มีคนอื่น บทสนทนาจึงขาดช่วงไปกะทันหัน

ขณะที่เริ่มลังเลว่าควรไปกดเครื่องดื่มจากตู้อัตโนมัติดีไหม เม็งเฮียวทงเป็นฝ่ายทำลายความเงียบ

“…นี่ ครูประจำชั้นกับทนายไม่อยากให้ฉันติดต่อกลับไป… ฉันควรทำยังไงดี”

ไม่ต้องบอกก็รู้ว่าหมายถึงใคร

เป็นพ่อของเขาแน่นอน – พ่อระยำที่ขายเม็งเฮียวทงให้ไฟต์คลับ และตอนนี้เป็นทั้งคนตกงานและลูกหนี้หัวโต

เม็งเฮียวทงเลือกที่จะหนีจากไฟต์คลับ แต่ในใจลึกๆ คงตัดขาดพ่อไม่ได้

‘เม็งเฮียวทงเพิ่งอายุสิบเจ็ด ถึงจะเคยผ่านอะไรมามาก แต่ก็คงยากที่จะตัดความสัมพันธ์กับพ่อแท้ๆ ที่มีแค่คนเดียวในโลก’

เขาแหงนหน้ามองเพดานโดยยังเอาศีรษะพิงกำแพง

“…ใครบางคนพูดไว้ว่า หนึ่งในความกตัญญูที่ลูกจะทำให้พ่อแม่ได้ ก็คือการปล่อยพวกท่านได้ชดใช้บาปและกลายเป็นคนใหม่… แต่ก็ไม่รู้สิ”

เศษขยะที่ไม่มีคุณงามความดีใดเลยนอกจากให้กำเนิดเม็งเฮียวทง

แน่นอน ฉันอยากแนะนำเขาว่า อย่าติดต่อกลับไปเด็ดขาด

‘แต่ในเมื่อเม็งเฮียวทงไม่คิดจะติดต่อกลับอยู่แล้ว เราไม่พูดคงจะดีกว่า’

ถึงคำพูดจะแฝงความลังเล แต่เม็งเฮียวทงไม่มีท่าทีจะจับดีไวซ์แม้แต่น้อย

ยังไงเสีย เขาก็ไม่ใช่คนที่จะฝ่าฝืนคำแนะนำของฮัมกึนยอง หรือคำสั่งของทนายอยู่แล้ว

บรือออ—

ระหว่างนั้นฉันได้ยินเสียงเครื่องฟอกอากาศหยุดทำงาน

ยิ่งความเงียบครอบงำนานเข้า ฉันตัดสินใจพูดบางสิ่งเพื่อเปลี่ยนบทสนทนา

“กินอะไรหรือยัง”

“…ยัง”

ฉันถามเพราะคาดหวังสกิลการบรรยายอาหารของนักชิมลับ

ไม่อยากเชื่อว่าเม็งเฮียวทง ผู้เคยลิ้มลองทุกเมนูของโรงอาหารหอใน จะงดมื้อค่ำของวันนี้!

เรื่องพ่อคงกวนใจมากเลยสินะ

ถ้ายิ่งท้องหิว สมองก็จะยิ่งฟุ้งซ่าน

คงต้องหาอะไรยัดใส่ปากสักหน่อย

“ไปร้านสะดวกซื้อกัน”

ภายในลิฟต์ที่กำลังมุ่งหน้าลงสู่ชั้นหนึ่ง

ตอนแรกคิดว่าจะลงรวดเดียวถึง เพราะช่วงนี้ไม่น่าจะมีคน แต่ลิฟต์กลับหยุดกลางคัน

“เพื่อนร่วมห้องนี่นา”

“หือ? ส…สวัสดี…!”

ตามที่เม็งเฮียวทงบอก อีกฝ่ายคืออีเรนากับฮันอี

พวกเธอก็ไม่มีบ้านให้กลับเหมือนกัน ก็เลยยังอยู่ที่หอ

“เรากำลังจะไปร้านสะดวกซื้อ พวกเธอจะไปไหน?”

“ออกมาเดินเล่นน่ะ เรนาบ่นว่ารีเฟรชปวดหัว”

ดูท่าอีเรนาจะยังติดอยู่ในวังวนนรก ‘รีเฟรชรอคนคืนบัตร’

เรื่องนี้ฉันคุยกับวังจีโฮไว้แล้ว คงต้องหาทางปล่อยอีเรนาให้เป็นอิสระจากนรกเร็วๆ นี้

“ถ้าไปร้านสะดวกซื้อกันเถอะ ถ้ามีโปร 3+1 จะได้แบ่งกันกิน”

“ตกลง!”

“ใช่…! ขอให้มีโปรไอศกรีมทีเถอะ!”

ขณะเดินไปยังร้านสะดวกซื้อด้านนอกเขตโรงเรียน ฉันเปรยขึ้นมาว่า ‘ในวันจัดคอนเสิร์ตน่ะ ทางโรงเรียนยังรับสมัครพนักงานรายวันอยู่นะ’

ได้ยินแบบนั้น ใบหน้าอีเรนาที่หดหู่อยู่ตลอด กลับมามีชีวิตชีวาทันที

“จริงหรือ? ฉันอยากทำ!”

“ลองดูสิ อีเรนา”

“อื้อ…!”

ตำแหน่งพนักงานรายวันไม่ได้ว่างแค่ที่เดียว ฉันจึงอยากชวนคนอื่นมาทำด้วยกัน

น่าเสียดาย ฮันอีกับเม็งเฮียวทงตอบปฏิเสธ เพราะวันในคอนเสิร์ตของควอนเจอิน พวกเขามีนัดทำงานพิเศษอยู่ก่อนแล้ว

เราสี่คนซื้อคิมบับสามเหลี่ยม ขนมปัง ของว่าง และไอศกรีมจำนวนมากจากร้านสะดวกซื้อ

ภายในล็อบบี้ชั้นล่างสุดของตึกหอปีหนึ่ง แก๊งเด็กห้องศูนย์สี่คนนั่งกินของว่างจนย่างเข้าวันที่ 8 เมษายน

* * *

ยังไม่เลยเที่ยงคืน

คิมชินรกแวะไปยังคฤหาสน์ของวังมยองโฮ

“ขอโทษที่มาช้า พอดีวันนี้ติดประชุมครู… ท่านเสือเหลือง ท่านเสือขาว… โชอึยชินกลับไปแล้วหรือ?”

ดอกคาร์เนชั่นกระดาษถูกตกแต่งบนปกเสื้อของสองเผ่าเสือในตำนาน – เสือเหลืองและเสือขาว – ที่กำลังนั่งบนโซฟาในห้องนั่งเล่น

“ใช่ พวกเราคุยจบแล้ว โชอึยชินก็เลยกลับหอพัก”

เสือเหลืองยิ้มอย่างมีเลศนัย

‘คราวนี้จะสั่งอะไรอีกนะ…’

ก่อนหน้านี้เสือเหลืองได้ขู่คิมชินรก - ผู้เคยเปรยๆ ว่าช่วงนี้งานยุ่ง - ว่า ‘วันนี้ต้องแวะมาที่คฤหาสน์ให้ได้!’

นับตั้งแต่เสือเหลืองกระฉับกระเฉงขึ้นในพักหลัง บรรดาเผ่าเสือใช้ชีวิตลำบากขึ้นมาก

พวกเขายินดีที่เสือเหลืองเปลี่ยนไป แต่ก็แลกมากับความเหนื่อยล้าเกินจะต้านทาน

คิมชินรกที่เป็นหนึ่งในลูกหลาน ก็ต้องหั่นเวลานอนของตัวเองไปหลายชั่วโมง

“เอ้านี่ ดอกไม้สำหรับเจ้า… เด็กๆ รอจนหลับไปแล้ว พวกเขากำชับให้ข้ามอบมันให้เจ้าภายในวันนี้”

เสือเหลืองโน้มตัวหยิบดอกคาร์เนชั่นกระดาษบนโต๊ะแล้วทำท่ายื่นให้

เมื่อเดินเข้าไปใกล้โซฟา คิมชินรกเห็นลูกหลานเสือเงินทั้งสาม รวมถึงสัตว์ศักดิ์สิทธิ์ กำลังหลับสนิทบนโซฟาและพรม

คิมชินรกไม่คิดไม่ฝันตนจะมีโอกาสได้รับดอกคาร์เนชั่นเหมือนกับคนอื่น

ขณะรับดอกไม้จากเสือเหลือง ใบหน้าของเขายังคงไม่หายจากอาการตะลึง

“…ขอบคุณ”

คิมชินรกนำดอกคาร์เนชั่นกระดาษสอดไว้ในเสื้ออย่างทะนุถนอม

“ยังมีดอกคาร์เนชั่นสำหรับเสือแดงด้วย ข้าฝากไปให้เจ้านั่นได้ไหม?”

คิมชินรกมีประสบการณ์สอนมนุษย์มานานนับสิบปี

ย่อมทราบดีว่าวันนี้คือวันอะไร และดอกคาร์เนชั่นมีความหมายอย่างไร

คิมชินรกพูดโดยไม่เหลียวไปมองดอกไม้กระดาษที่วางอยู่บนโต๊ะ

“ดอกไม้ของเสือแดง… ให้เด็กๆ มอบให้กับมือดีกว่า”

“เจ้าก็คิดแบบนั้นสินะ”

“ขอรับ”

สีหน้าคิมชินรกดูไม่เป็นธรรมชาตินัก ราวกับกำลังสวมหน้ากาก

“ถ้าเสร็จธุระแล้ว ข้าขอตัวก่อน… ต้องรีบส่งข้อมูลให้กับรัฐสภาและสภาเทศบาลกรุงโซลภายในสัปดาห์นี้… แล้วพบกันใหม่ ท่านเสือเหลือง ท่านเสือขาว”

คิมชินรกไม่เปิดโอกาสให้เสือเหลืองตอบโต้ พูดจบก็หันหลังเดินออกไปทันที

เมื่อแผ่นหลังคิมชินรกลับสายตาไปจากคฤหาสน์ เสือเหลืองเปิดปากอีกครั้ง

“ดูจากการที่พูดออกมาเองโดยไม่ได้ถาม… ใส่ใจผิดคาดแฮะ…”

เสือเหลืองกล่าวขณะมองหน้าเสือขาว

“เจอแบบนี้เข้า ทั้งเสือแดงและคิมชินรกต่างก็ไปไม่เป็น… คิดงั้นไหมเสือขาว?”

ไม่ผิดจากที่เสือเหลืองคาด เสือขาวไม่ได้ให้คำตอบ

* * *

เมื่อย่างเข้าสุดสัปดาห์ ฉัน อูซังฮุน และจางนัมอุกนัดกันไปเที่ยว

“ทำไมนายถึงดูเพลียๆ ?”

“เมื่อคืนไปเดินเล่นกับเพื่อนๆ ที่หอพักจนนอนดึกไปหน่อย”

“อึยชิน วัยรุ่นควรนอนให้เพียงพอนะ มันสอดคล้องกับการเจริญเติบโตและทักษะทางวิชาการ… มีงานวิจัยระบุว่าการนอนน้อยจะส่งผลให้พลังพิเศษพัฒนาช้าไปด้วย…”

วันนี้จางนัมอุกก็ยังจู้จี้ขี้บ่นเหมือนเดิม

พวกเราฟังเสียงบ่นของจางนัมอุกจนกระทั่งมาถึงหน้าโรงหนัง

กำหนดการแรกคือการดูหนัง เพราะอูซังฮุนมีเรื่องที่อยากดูเป็นพิเศษ

เรื่องที่อูซังฮุนเลือก คือหนังสูตรสำเร็จของฮอลลีวู้ด ซึ่งมีสตาร์เพลเยอร์ชาวเกาหลีเล่นในฐานะนักแสดงรับเชิญ

แต่ตรงข้ามกับภาพโปสเตอร์ขายฝัน เขาปรากฏตัวในหนังมีแค่ไม่กี่ฉากเท่านั้น

อย่างไรก็ดี เมื่อหนังจบ อูซังฮุนเอาแต่พูดถึงฉากเหล่านั้นซ้ำไปซ้ำมาหลายครั้ง

‘เป็นแฟนคลับของเพลเยอร์คนนั้นสินะ’

ในการแข่งบาสเกตบอลที่มีพระเอกเข้าร่วม สตาร์เพลเยอร์ชาวเกาหลีระเบิดพลังพิเศษในจังหวะเหมาะเจาะก่อนที่เท้าจะแตะพื้น พร้อมกับชู้ตด้วยท่วงท่าอันสมบูรณ์แบบ

อูซังฮุนคงชื่นชอบสตาร์เพลเยอร์เกาหลีคนนั้นเพราะเป็นนักบาสเหมือนกัน

ถัดมา หัวข้อสนทนาเปลี่ยนไป

“ซีฮูเล่าว่านายกับพี่ 6 เป็นเพื่อนสมัยเด็กกัน และยังบอกด้วยว่าพี่ซังฮีคือผู้มีพระคุณและคนสำคัญของพี่ 6…”

“…เพื่อนสมัยเด็กกับผีน่ะสิ”

สงสัยจะหมายถึงโดวอนอู

อูซังฮุนตัดบทจางนัมอุกด้วยน้ำเสียงแข็งกร้าว

“เกิดอะไรขึ้นงั้นหรือ? พี่ 6 ชื่นชมพี่ซังฮีมากเลยนะ”

“…ก็แค่ทำให้คนที่เสียสติโดยสมบูรณ์ พอจะกลับมาใช้ชีวิตในสังคมได้บ้าง”

ฟังดูแย่ทั้งคู่เลยแฮะ

สีหน้าอูซังฮุนที่พูดเช่นนั้น กำลังยับยู่ยี่

ดูท่าจะมีเบื้องหลังที่ทำให้โดวอนอูมักทำตัวแปลกๆ ต่อหน้าอูซังฮี แต่อูซังฮุนไม่คิดที่จะเล่า

จางนัมอุกที่สังเกตเห็นเหมือนกับฉัน ตัดสินใจเปลี่ยนเรื่องคุย

“จริงสิอึยชิน ได้ยินมาจากซีฮู ฉันคิดว่าพวกเราควรทำตัวให้ว่างในสัปดาห์หน้า หรือไม่ก็ช่วงเสาร์อาทิตย์หน้า”

“ทำไมล่ะ”

“เห็นว่าทาง TC กรุปจะจัดงานเลี้ยงมอบรางวัลน่ะ เพื่อตอบแทนที่ช่วยบรรเทาความเสียหายในเหตุร้าย ณ สนามเบสบอลจัมชิลเมื่อวันเด็ก”

มีอะไรแบบนั้นด้วยสินะ

ถ้ามันเกิดขึ้นจริง ราวๆ สัปดาห์หน้าคงมีการติดต่อมาผ่านทางโรงเรียน

‘มีความเป็นไปได้สูงที่ตัวละครหลักจะร่วมงานด้วย… อยากไปจังแฮะ’

เราสามคนแวะกินหมี่เย็นหมูสามชั้นสำหรับห้าคน จากนั้นก็เข้าห้องเล่นเกม VR

คงเพราะไม่ค่อยได้เล่นเกมอื่นนอกจากเพลเมโก

ฉันมีอัตราการชนะต่ำที่สุด และอูซังฮุนมีอัตราการชนะสูงจนน่าเหลือเชื่อ

พวกเราเที่ยวเล่นจนถึงใกล้เวลาเคอร์ฟิวของจางนัมอุก แล้วก็แยกย้ายโดยสัญญาว่าจะนัดเที่ยวกันอีก

* * *

สุดสัปดาห์จบลงแล้ว เริ่มเข้าสัปดาห์ใหม่

ณ วันงานคอนเสิร์ตของหัวหน้าทีมทะเลสาบนิรันดร์ - ‘ควอนเจอิน Live in Korea’

______________________

★★ ช่วงนี้มีโปรโมชั่นลดราคา สามารถตรวจสอบได้ที่ Inbox ของเพจ BJK Novel★★

ตอนฟรีลงทุกวันอังคาร พุธ เสาร์ และอาทิตย์ (4/4)

ติดตามผลงานของผู้แปล และนิยายทุกตอนได้ที่เพจเฟสบุค:

https://www.facebook.com/bjknovel/

หรือพิมพ์ค้นหา: bjknovel

5 2 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด