ตอนที่แล้วบทที่ 24: มอนสเตอร์ที่ตกลงมาจากท้องฟ้า
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปบทที่ 26: กับดักมอนสเตอร์และม่านแสงควอนตัมเร้นกาย

บทที่ 25: สู้กับศพจากอาคารป่าและการพัฒนา


โดนมอนสเตอร์ไล่ล่าแบบนี้มันทรมานใจจริง ๆ ถ้าไม่สู้กลับไม่ก็ไม่ใช่ถังเจิ้นแล้ว

ทว่าแม้อยากจะทำมันก็ต้องอยู่ให้ห่างจากฐานทัพของอีกฝ่ายซะก่อน  ไม่งั้นหากไอ้ตัวใหญ่มันออกนอกฐานมาไล่ทุบตีเขาด้วยตัวเองล่ะก็ถังเจิ้นคงไม่มีโอกาสแม้แต่จะร้องไห้

ถังเจิ้นที่ตัดสินใจแล้วจึงเริ่มควบคุมความเร็วของตนให้รักษาระยะห่างจากไอ้พวกทหารผีอย่างเหมาะสม  นอกจากเพื่อทิ้งระยะห่างกับพวกมันแล้วยังเพื่อให้ตัวเองอยู่ในระยะมองเห็นเป็นตัวล่อพวกมันออกห่างจากอาคารป่าอีกด้วย

ซึ่งก็โชคยังดีที่ไอ้มอนสเตอร์พวกนี้ที่วิ่งตามมาเหลือแต่ทหารผีดาบโล่อะไรพวกนี้ที่เป็นพวกตีใกล้เลยไม่มีความสามารถในการโจมตีระยะไกล  ไม่อย่างนั้นถังเจิ้นคงโดนหลอยหลังไปแล้ว

กระนั้นเมื่อเทียบกับพวกมันที่วิ่งเอา ๆ เหมือนมีแรงที่ไม่มีวันหมดแล้วถังเจิ้นดูจะเจองานหนักกว่าเยอะ

ถ้าเขายังคงวิ่งต่อแบบนี้ล่ะก็แม้ว่าจะไม่โดนพวกมันฟันตายเขาก็อาจจะหมดแรงร่วงลงไปกองก่อน

หลังจากสูดหายใจเข้าลึก ๆ ไปฟืดหนึ่งแล้วถังเจิ้นก็เรียกปืนพกออกมาจากกลางอากาศแล้วหันไปเล็งด้วยความเร็วสูงปานฟ้าแลบแล้วก็ลั่นไกใส่ไอ้ตัวดาบโล่ที่วิ่งนำมาใกล้สุด!

ปัง ปัง ปัง!

กระสุนสามนัดนี้เร็วมากและชำแรกเข้าร่างของมันจนกระตุกตามแรงกระแทก  แต่แม้เกราะเยิน ๆ ที่มันใส่อยู่จะโดนยิงจนกระจุยไปแล้วก็ตาม  แต่ฉากร่วงลงไปกองดังที่คาดไว้กลับไม่ปรากฏให้เห็น  กระสุนสามนัดของถังเจิ้นทำได้แค่เจาะรูที่ตัวมันเฉย ๆ!

“ห่าเอ๊ย  เชี่ยไรมันวะเนี่ย!”

ถังเจิ้นตกตะลึง  อาวุธสังหารมอนสเตอร์ในมือที่ใช้ได้ผลมาตลอดกลับไม่อาจแผลงฤทธิ์ตามที่คาดไว้ให้

แถมร่างของไอ้ทหารผีดาบโล่กลับทำให้ถังเจิ้นรู้สึกว่ามันเป็นยางชิ้นหนึ่งซึ่งสามารถยืดหยุ่นได้!

และมันยังฉวยจังหวะที่ถังเจิ้นมัวยืนงงเข้าประชิดตัวเขาได้  ใบหน้าอันดุดันของมันอยู่ใกล้แค่เอื้อม  ดาบในมือมันก็เงื้อขึ้นฟ้าแล้วและพร้อมที่จะสับเขาให้ขาดทันที

ถังเจิ้นไม่กล้าที่จะลังเลและกลับหลังวิ่งหนีอีกครั้งด้วยความสิ้นหวัง  หลังจากวิ่งต่อเนื่องหนึ่งนาทีเต็ม ๆ เขาก็เว้นระยะห่างจากมันพอประมาณได้อีกรอบ

ถังเจิ้นหายใจหอบหนักหยิบดาบของตนออกมาจากกลางอากาศ  และตั้งท่ารอเลย  พอเมื่อไอ้ตัวดาบโล่นั่นมันเข้ามาใกล้เขาก็ฟาดดาบใส่มันด้วยกำลังทั้งหมดที่มี

ดาบที่ทำจากแหนบรถนั้นมีขนาดใหญ่และหนักมาก  เมื่อฟาดลงไปก็สับเข้าที่ไหล่ของไอ้ทหารผีดาบโล่ตัวดังกล่าวเข้าเต็ม ๆ แล้วเฉือนต่อจนจบงานทำให้แขนของมันตั้งแต่ไหล่ลงไปร่วงไปกองที่พื้น

เรื่องที่เกิดทำเอาถังเจิ้นแทบจะบ้าตาย  เพราะไอ้ทหารผีดาบโล่ที่โดนตัดแขนไปข้างหนึ่งกลับไม่ได้รู้สึกเจ็บปวดอะไรเลย  ร่างมันแค่กระตุกถอยหลังไปนิดหน่อยแล้วก็โงนเงนมุ่งหน้าตรงเข้าประชิดถังเจิ้นต่อ

“ไอ่เวรเอ๊ย  แล้วกูจะสู้ยังง้ายยยยยยย!”

ถังเจิ้นตะโกนก่นด่าไปพลางหันหลังวิ่งหนีอีกรอบ

การทดลองสองครั้งได้พิสูจน์แล้วว่าต่อให้ถังเจิ้นจะสามารถฉีกพวกมันให้เป็นชิ้น ๆ ได้หรือจะผ่าพวกมันเป็นสองท่อนพวกเวรนี่ก็คงจะไม่ยอมตายและพยายามกระดึ๊บเข้ามากัดคอเขาจนได้อยู่ดี

จะว่าไปแอปเครื่องตรวจจับก็บอกอยู่นี่หว่าว่าพวกมันไม่กลัวความเจ็บปวด!

แปลว่าวิธีการต่อสู้แบบประชิดตัวไม่ได้ผล  ดังนั้นถังเจิ้นจึงทำได้เพียงอย่างเดียวคือใช้จุดอ่อนของมันเพื่อฆ่าทิ้ง!

ด้วยเหตุนี้ถังเจิ้นจึงเทเลพอร์ตอีกรอบ

เมื่อเห็นว่าถังเจิ้นหายตัวไปอย่างไร้ร่องรอยอีกครั้งไอ้ทหารผีตัวที่ไล่ตามมาติด ๆ ก็ถึงกับแหกปากคำรามขึ้นฟ้าเสียงดังลั่น  จากนั้นก็เดินวนอยู่รอบ ๆ จุดที่เขาหายไปโดยไม่ยอมจากไปไหนอยู่นานโข

และเมื่อถังเจิ้นปรากฏตัวอีกครั้งคราวนี้ในมือเขาถือถังน้ำมันเอาไว้ด้วยแล้ว

จริง ๆ มันคือเชื้อเพลิงที่เขาเก็บสำรองไว้ที่บ้านเผื่อไว้ใช้กับรถเอทีวียามฉุกเฉิน  แต่ไม่นึกเลยว่าจู่ ๆ จะได้เอามาใช้ประโยชน์แถมผิดประเภทไปไกลซะขนาดนี้

!

เมื่อโผล่มาเจอกับไอ้พวกทหารผีดาบโล่อีกครั้งเขาก็กระโจนใส่พวกมันทันที่ที่เห็นหน้ากัน  โดยเขาได้เหวี่ยงตัวสุดแรงสาดน้ำมันทั้งถังใส่พวกมันจนเปียกโชกไม่ต่างจากไก่ตกน้ำ

ในขณะที่โยนถังเชื้อเพลิงทิ้งถังเจิ้นก็จุดไฟแช็กใส่ทิชชูเปียกน้ำมันและปาใส่พวกมันอย่างว่องไว

ไฟที่ลุกพรึบขึ้นมาเกิดเป็นควันดำขโมงโฉงเฉงกลายอากาศประกอบกับเสียงกรีดร้องโหยหวนของไอ้พวกทหารผีเป็นซาวด์เอฟเฟกต์

เปรี๊ยะ

เสียงสะเก็ดไฟระเบิดพร้อมกับเปลวไฟที่พุ่งสูงขึ้นฟ้าและพวกทหารผีดาบโล่ที่ไล่ตามมาก็แปรสภาพกลายเป็นคบเพลิงร่างคนไปทั้ง ๆ อย่างนั้น  การเผาไหม้นั้นรุนแรงมาก ๆ มีการปล่อยควันดำออกมาเป็นระลอก ๆ

ในระหว่างนั้นมีเสียงแปลก ๆ คือ “ฉ่า~” ซึ่งเป็นเสียงอันเป็นเอกลักษณ์ยามเมื่อเนื้อและไขมันถูกไฟเผา

แต่ฉากที่ทำให้ถังเจิ้นต้องซีดไปเลยก็คือแม้ไอ้พวกทหารผีดาบโล่มันจะกำลังโดนไฟคลอกอยู่ก็ตาม  แต่มือของพวกมันยังคงโบกสะบัดดาบขนาดใหญ่ไล่ตามถังเจิ้นกันอย่างเมามันไม่ยอมเลิก

ความตกตะลึงพรึงเพริดของถังเจิ้นคงเกินกว่าที่คนทั่ว ๆ ไปจะจินตนาการออก  ขณะที่เขาพยายามหลบหลีกพวกมันอยู่นั้นเองการเคลื่อนไหวของพวกมันก็ค่อย ๆ ช้าลงไปเรื่อย ๆ ทำให้เขาสามารถสังเกตปฏิกิริยาตอนถูกเผาของพวกมันได้

หลังจากหลบหลีกไปได้อีกไม่กี่นาทีเหล่าทหารผีทั้งหลายที่มีกำลังไม่รู้จักหมดก็พากันทรุดลงกับพื้นแปรสภาพกลายเป็นกองก้อนถ่านดำ ๆ ในที่สุด

และบนทุ่งหญ้าบริเวณนั้นได้มีมีเศษแขนขาไหม้เกรียมตกกระจายเกลื่อนกลาดอยู่ทุกหนทุกแห่ง  ซึ่งตอนที่พวกมันไล่ฆ่าถังเจิ้นชิ้นส่วนที่ถูกเผาจนติดกันไม่อยู่ก็ร่วงตามทางไปด้วย

ปึก

ถังเจิ้นทรุดตัวลงกับพื้นหอบหายใจอย่างแรง  เขาเหนื่อยมาก  การกระทำทั้งหมดนี้ทำเอาเหนื่อยจนปอดแทบจะระเบิด

เมื่อมองไปยังศพของไอ้พวกทหารผีดาบโล่บนพื้นแววตาของเขาก็เปล่งประกายระยิบระยับ  และเขาก็ได้เรียนรู้ว่าแม้การต่อสู้เป็นตายกับไอ้พวกนี้มันจะอันตรายและลำบากเหลือเกินก็ตาม  ทว่ามันกลับสอนให้เขารู้จักคิด

ในอนาคตวิธีการฆ่ามอนสเตอร์จะต้องมีความยืดหยุ่นมากขึ้น  ไม่จำเป็นต้องยึดติดกับโหมดการต่อสู้อย่างการใช้มือเปล่าหรือกระสุนปืนยิงเท่านั้น  เหมือนอย่างที่เมื่อกี๊เขาใช้ไฟเผาพวกมัน

เมื่อเช็คข้อมูลส่วนตัวในมือถือก็พบว่ามีความคืบหน้าในการจะอัปเลเวลอย่างมาก  แปลว่าการฆ่าครั้งนี้คือได้ผลจริง!

ตามความคืบหน้านี้หากจัดอีกซักรอบล่ะก็สามารถเลื่อนเป็นเลเวล 2 ได้เลย

ขนาดเลเวล 1 ก็ยังครอบครองพลังที่แข็งแกร่งมากแล้ว  แปลว่าเลเวล 2 จะต้องทรงพลังยิ่งขึ้นไปอีก

หัวใจของถังเจิ้นเริ่มร้อนรุ่ม  และชั่วพริบตานั้นเองในสายตาเขาแล้วเย่โหลว (อาคารป่า) อันแปลกประหลาดและน่าสะพรึงกลัวก็ดูเหมือนจะกลายเป็นกองลูกปัดสมองที่ส่องแสงแวววาวรอให้เขาไปจุดไฟเผาแล้วปล้นทุกสิ่งทุกอย่างเข้ากระเป๋าให้หมดเกลี้ยง!

เพียงแต่การลากมอนสเตอร์เป็นฝูงเมื่อกี๊มันทำเอาตัวเขาเองหัวใจแทบจะระเบิด  ถังเจิ้นเลยตัดสินใจไม่ทำอะไรที่มันเสี่ยงขนาดนั้นอีกต่อไป

จุดที่ของเย่โหลวปรากฏตัวนั้นอยู่ใกล้เมืองเฮยเหยียน  ดังนั้นเชื่อขนมกินได้เลยว่ามันต้องดึงดูดความสนใจของกองกำลังต่าง ๆ ได้  และเกรงว่าอีกไม่นานจะมีผู้พเนจรจำนวนมากรวมไปถึงกองกำลังทุกขนาดแห่กันไปที่นั่นแน่นอน

เพราะฉะนั้นตัวเขาจะเหลือเวลาให้โซโล่ไม่มากแล้ว  ต่อไปจะต้องแข่งกับเวลา!

ถังเจิ้นฝืนความอ่อนล้าของร่างกายแล้วรีบไปเก็บลูกปัดสมองของพวกทหารผีดาบโล่ทั้งหลายโยนหายไปกลางอากาศแล้วเทเลพอร์ตไปในทันที

หลังจากกลับถึงบ้านถังเจิ้นก็เปลี่ยนเสื้อผ้าแล้วรีบไปที่ซูเปอร์มาร์เก็ตใกล้ ๆ เพื่อซื้อลูกโป่ง  จากนั้นก็วิ่งกลับบ้านแล้วนำเชื้อเพลิงที่เหลืออยู่ออกมา

เอาเชื้อเพลิงใส่ภาชนะแล้วเอาพวกเครื่องปรุงรส  น้ำตาลทราย  และเม็ดยางเติมลงไปในเชื้อเพลิงทำให้เชื้อเพลิงนั้นเปลี่ยนหน้าตาไปจนจำหน้าเดิมไม่ได้

จากนั้นก็ใช้กรวยช่วยในการบรรจุเชื้อเพลิงผสมดังกล่าวใส่ในลูกโป่ง  หลังจากที่ทำลูกโป่งเชื้อเพลิงไปได้ประมาณ 20 กว่าลูกแล้วเขาก็ทำโมโลตอฟค็อกเทลขึ้นมาอีกชุดหนึ่ง

อาวุธบ้าน ๆ ที่แค่เอาเชื้อเพลิงใส่ในขวดแก้วแล้วเอาผ้ายัดลงปากขวดให้ปลายผ้าด้านในจุ่มกับเชื้อเพลิงส่วนปลายผ้าด้านนอกก็ให้ย้อย ๆ ไว้จุดไฟ  พลังทำลายล้างสูงในราคาย่อมเยา!

หลังจากทำงานเสร็จแล้วถังเจิ้นก็ไปแยกชิ้นส่วนรถเอทีวี  จากนั้นจึงเคลื่อนย้ายชิ้นส่วนไปยังโลกโหลวเฉิง  ทำแบบนี้อยู่หลายครั้งจนครบทุกชิ้น

ต่อมาถังเจิ้นก็ออกแรงแขนใช้พลั่วขุดดินเต็มแรงเพื่อทำหลุมที่เหมือนคูน้ำยาวกว่าสิบเมตรโดยมีพื้นที่ตรงกลางขนาดพอ ๆ กับรถเอทีวี

เสร็จโยนหญ้าแห้งลงไปสุม ๆ แล้วเอาเชื้อเพลิงอีกถังเทราดลงไป  ต่อมาก็ปิดปากหลุมอำพรางให้มันเนียน ๆ

เสร็จเรื่องหลุมแล้วก็พักผ่อนแป๊บหนึ่งเนื่องจากทำงานมาอย่างยาวนาน  แล้วค่อยประกอบชิ้นส่วนรถเอทีวีที่กระจัดกระจายอยู่บนพื้น

ครึ่งชั่วโมงต่อมาก็มีเสียงคำรามของเครื่องยนต์ดังกระหึ่ม  มันอาจเป็นยานพาหนะสำหรับลุยทุกพื้นที่คันแรกในโลกโหลวเฉิงก็เป็นได้  มันคำรามเคลื่อนที่บดขยี้วัชพืช  ถังเจิ้นขับตรงไปยังตำแหน่งของเย่โหลวที่พึ่งทะเลาะกันมา

ใช้เวลาไม่นานถังเจิ้นก็มาจอดมองตัวอาคารที่ดูน่าขนลุกซึ่งมีซากศพเดินลาดตระเวนอยู่รอบ ๆ และแน่นอนว่าไอ้มอนสเตอร์พวกนั้นมันก็พบเขาเข้าแล้วเช่นกัน

เอาจริง ๆ คือไม่มีทางที่จะไม่เห็น  เพราะยังไงเสียงคำรามของเครื่องยนต์เอทีวีมันก็เสียงดังฟังชัดเกินไป  ใครที่ไม่ได้หูหนวกยังไงก็ได้ยิน

แต่ถังเจิ้นก็ไม่รู้ว่าไอ้พวกซอมบี้เหล่านี้มันหูหนวกรึเปล่า  รู้แต่ว่าตอนนี้พวกมันกำลังวิ่งเข้ามาหาด้วยความกระเหี้ยนกระหือรือ

ครั้งนี้ไม่เห็นไอ้เจ้ามอนสเตอร์ระดับหลิงจู่ที่น่าสะพรึงกลัวตัวนั้นแล้ว  แต่ถังเจิ้นที่มีตาที่เฉียบแหลมพอที่จะสังเกตเห็นว่ามีหลายตัวที่สวมหน้ากาก  เกราะหนัง  หน้าไม้เบา  และดาบสั้นรอบเอว

เมื่อเทียบกับพวกซากศพตัวอื่น ๆ แล้วไอ้พวกตัวเกราะหนังนี่ดูจะมีความยืดหยุ่นกว่าเยอะ  พวกมันรวมตัวกันเข้ามาจากทุกทิศทุกทางของเงามืดในตัวอาคารแล้วแอบซุ่มอยู่เงียบ ๆ

จริง ๆ แล้วถ้าไม่เพ่งดูดี ๆ ล่ะก็อาจมองข้ามเงามืดเหล่านี้ที่พวกมันซุ่มซ่อนไปเลยเนื่องจากจับพิรุธอะไรไม่เจอ

ถังเจิ้นจ้องพวกมันแค่ไม่กี่ลมหายใจก็มีข้อความเด้งขึ้นมาให้อ่าน [นักสืบผีเงา  มีการเคลื่อนไหวที่ยืดหยุ่น  อาวุธมีพิษซากศพ  พลังการต่อสู้ในตอนกลางคืนเพิ่มขึ้น 30% กลัวแสงจ้าและเปลวไฟ ]

ถังเจิ้นขมวดคิ้ว ‘พวกเชี่ยนี่มาไงอี๊กกกกกกกก?’

ถ้ามันมาจากถิ่นทุรกันดารเหมือนมอนสเตอร์ทั่ว ๆ ไปก็ไม่เท่าไหร่  แต่ถ้าพวกมันมาจากไอ้ช่องว่างสีดำก่อนหน้านี้ล่ะก็ปัญหาละ

เพราะคงมีแต่สวรรค์เท่านั้นที่จะรู้ว่ามีมอนสเตอร์กี่ตัวที่อยู่หลังช่องว่างสีดำอันน่าสะพรึงกลัวนั่น  และหากพวกมันหลั่งไหลออกมาปานลำธารอันไร้ที่สิ้นสุดล่ะก็เท่ากับเป็นหายนะอันเลวร้ายที่สุดของเหล่าผู้พเนจรที่อยู่ใกล้เคียงและยังรวมไปถึงเมืองเฮยเหยียนด้วย

แต่ตอนนี้ถังเจิ้นไม่มีเวลามาสนใจชีวิตของคนอื่น  เพราะไอ้พวกทหารผีดาบโล่เจ็ดแปดตัวกับทหารผีธนูเลเวล 2 อีก 2 ตัววิ่งไล่เข้ามาแล้ว  และในบรรดาทหารผีพวกนี้มีหัวหน้าทหารผีที่น่าจะเป็นเลเวล 3 อยู่ด้วย!

หลังจากที่ถังเจิ้นแอบด่าพ่อแม่พวกมันเสร็จแล้วเขาก็กลับรถทันทีพร้อมล่อไอ้พวกซากศพให้วิ่งตามตรงไปยังหลุมที่ขุดไว้ก่อนหน้านี้

ความเร็วของรถเอทีวีนั้นสูงกว่าความเร็วในการวิ่งของพวกมันมาก  ดังนั้นถังเจิ้นเลยสามารถเอาลูกโป่งเชื้อเพลิงออกมารอได้อย่างใจเย็นแล้วหันหลังไปปาใส่พวกมันตามแต่จะฉวยโอกาสได้

มอนสเตอร์บางตัวก็วิ่งชนลูกโป่งแล้วมันก็แตกสาดเชื้อเพลิงที่มีลักษณะเหนียวเหนอะหนะเต็มตัว  แต่พวกมันก็ยังไม่รู้เรื่องและวิ่งไล่ตามถังเจิ้นต่ออย่างไม่มีลดละ

ลูกธนูเย็นเยียบก็บินไล่หลังเขามาเป็นระยะ ๆ เหมือนกันทำให้ถังเจิ้นไม่กล้าประมาท  ถ้าไม่ใช่เพราะที่นั่งมีการเสริมแผ่นเหล็กบวกกับหมวกนิรภัยที่ครอบหัวอยู่ล่ะก็ป่านนี้ลูกธนูน่าจะกระซวกทั้งหลังทั้งหัวเขาตายไปซักสี่ซ้าห้ารอบได้แล้วมั้ง

ยังโชคดีที่ไอ้พวกผีบ้านี่มันไม่ฉลาดขนาดรู้วิธียิงยางรถ  ไม่งั้นแผนที่เตรียมมาทั้งหมดคือล้มละลายหายสูญ

วิ่งไล่กันมาตลอดทางจนในที่สุดถังเจิ้นก็มาถึงสถานที่ที่เขาวางกับดักไว้

5 1 โหวต
Article Rating
1 Comment
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด