ตอนที่แล้วบทที่ 19 ซาลาแมนเดอร์พสุธา
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปบทที่ 21 ผู้ทำพันธสัญญาปีศาจ

บทที่ 20 เธออยากรู้จริงๆหรอ?


“ดูเหมือนว่ากัปตันริสมีบางอย่างที่อยากจะพูด ทำไมคุณไม่ลองพูดถึงเรื่องนี้สักหน่อยล่ะ” จู่ๆลิเนตต์ก็เอ่ยขึ้นหลังจากเหลือบมองกัปตันของกลุ่มคุ้มกัน

วานสงสัยทันทีว่าทำไมแม่มดที่แท้จริงอย่างเธอ พยายามทำให้มันเป็นเรื่องใหญ่จากคำพูดที่กล่าวออกมา

อย่างไรก็ตาม คำพูดต่อไปของกัปตันริสทำให้เขาประหลาดใจในทันที

“ก็เป็นไปตามชายหนุ่มผู้นี้ได้กล่าวมาครับ กลุ่มคุ้มกันเหล็กไหลของเรามัวเมากับความสำเร็จ และหากตัดสินจากความสำเร็จในปัจจุบันของเรา ข้าไม่เคยคิดเกี่ยวกับการพัฒนากลุ่มเลย ข้าเข้าใจและรับรู้ถึงข้อบกพร่องของกลุ่มคุ้มกันเหล็กไหลแล้ว” กัปตันริสก้มหัวให้วาน

มันต้องใช้อะไรบ้างนะ ในการทำให้ผู้เชี่ยวชาญออร่าระดับ 2 ถึงกับยอมก้มหัวให้กับผู้อื่น

“มันเป็นเรื่องดีถ้าคุณเข้าใจและรู้ว่าต้องปรับปรุงตรงไหน อย่างไรก็ตามผมคงพูดไม่มากขนาดนี้ถ้าไม่ใช่เพราะการยืนกรานของเลดี้ลิเลีย คุณควรขอบคุณเธอแทนนะครับ” วานมอบความดีความชอบให้ลิเลีย

ข้อบกพร่องที่เขาชี้ให้เห็นไม่ใช่เรื่องยากที่จะเข้าใจ กลุ่มคุ้มกันเหล็กไหลสามารถเข้าใจได้ถ้าคิดสักนิด ปัญหาคือพวกเขาไม่เคยพยายามคิดถึงเรื่องนี้เลย

“อย่างไรก็ตาม ข้าควรจะขอบคุณคุณทั้งสองคนอย่างสุดซึ้งในนามของกลุ่มคุ้มกันเหล็กไหล ข้าจะนำเรื่องนี้กลับไปสู่ศูนย์บัญชาการหลักอย่างแน่นอน” กัปตันริสกล่าวอย่างหนักแน่น “ขอบคุณครับ เลดี้ลิเลีย ขอบคุณนะ …?”

“วานครับ เรียกผมว่าวานก็ได้” วานกล่าวอย่างสบายๆ

กัปตันริสพยักหน้าและพูดว่า “ขอบคุณนะ วาน”

ด้วยการสนทนาเพียงเล็กน้อย ความประทับใจของกลุ่มคุ้มกันที่มีต่อวานก็เปลี่ยนไปอย่างสิ้นเชิง แม้ว่านักรบหนุ่มบางคนยังคงดื้อรั้น แต่คนอื่นๆก็รับรู้ถึงคุณค่าของวานแล้ว

กัปตันริสนั้นถ่อมตนและแสวงหาความรู้ของวาน ยิ่งพวกเขามีปฏิสัมพันธ์กันในระหว่างการเดินทางมากเท่าไหร่ กัปตันก็ยิ่งตระหนักว่าความรู้ของวานนั้นมีมากมายเพียงใด

“น่าประทับใจมาก” จู่ๆลิเนตต์ก็ชื่นชมวานและพูดว่า “เป็นเรื่องยากที่จะพบคนฉลาดอย่างคุณ แต่ที่รู้ๆกัน ฉันไม่เข้าใจว่าทำไมคุณถึงตัดสินใจเดินทางคนเดียวโดยมีการเตรียมตัวเพียงเล็กน้อย”

“เป็นไปได้ไหมว่าคุณตั้งเป้ามาที่กลุ่มของเราตั้งแต่แรกแล้ว? งั้นเจตนาของคุณคืออะไร?” สายตาของลิเนตต์ก็เฉียบคมขึ้นทันที

“คุณคิดมากไปเองครับท่านหญิง เราแค่บังเอิญมาเจอกันระหว่างทางแค่นั้น” วานยิ้ม

เป็นธรรมดาที่เขาจะเตรียมพร้อมสำหรับการเดินทางโดยนำเสบียงอาหารและน้ำประมาณสิบวันมาด้วย

อย่างไรก็ตาม ส่วนใหญ่นั้นถูกเก็บไว้ในพื้นที่กลืนสวรรค์ ทำให้คนอื่นสามารถเห็นเพียงแค่เขาถือมีดสั้นคู่หนึ่ง กระเป๋าใส่อาหารสามวัน และกระเป๋าเล็กๆอีกสองสามใบที่ใส่อะไรไม่รู้

เขาไม่มีเจตนาที่จะกล่าวถึงพื้นที่กลืนสวรรค์

“ผมอ่านหนังสือครบหมื่นเล่มแล้วครับ ดังนั้นจึงถึงเวลาที่จะเริ่มเดินทางหมื่นไมล์ เหตุผลที่ผมเดินทางคนเดียวคือเพื่อหาประสบการณ์ มันค่อนข้างน่าหดหู่ที่จะสงสัยพรหมลิขิตที่พาผมมาพบกับสาวงามทั้งสองนั้นเป็นแผนการที่วางไว้โดยมีเจตนาร้าย ว่าไหมครับ”

เมื่อวานพูดเช่นนี้ เลดี้ลิเนตต์ก็ระเบิดเสียงหัวเราะออกมาในทันทีและคลายความตึงเครียดที่เธอสร้างขึ้นระหว่างพวกเขาในขณะที่ลิเลีย หน้าแดงด้วยความอับอาย

บางทีอาจเป็นเพราะการใช้ชีวิตแบบดอกไม้ในเรือนกระจก ลิเลียจึงไม่คุ้นเคยกับการหว่านเสน่ห์ของวาน

“คุณพูดถูก นั่นคงจะน่าหดหู่มากเลย ฉันขอโทษที่คิดแบบนั้นนะ” ลิเนตต์ปาดน้ำตาที่มาจากการหัวเราะก่อนจะพูดว่า “นี่เป็นครั้งแรกที่ฉันได้ยินคนพูดว่าต้องอ่านหนังสือหมื่นเล่มก่อนที่จะเดินทางหนึ่งหมื่นไมล์”

“อ่านหนังสือหมื่นเล่มไม่เท่าเดินทางหมื่นไมล์? ฉันคิดว่าวลีนี้ควรจะเป็นแบบนี้นะคะ” ลิเลียพูดเบาๆด้วยความสงสัย

“มันก็ใช่ อย่างไรก็ตาม โลกเป็นสถานที่ที่ไร้ความปราณี และอันตรายยังแฝงตัวอยู่ทุกซอกทุกมุม นั่นเป็นเหตุผลที่เราต้องอ่านหนังสือหมื่นเล่มเพื่อเดินทางหมื่นไมล์ เป็นเรื่องที่น่าสงสัยว่าเราจะสามารถเดินทางไปได้ไกลแค่ไหนก่อนที่จะถูกฆ่าตายหากขาดความรู้” วานกล่าว

“อย่างที่คิด คุณมีความรู้ที่มากมายจริงๆ และยังมีมุมมองที่ลึกซึ้ง เห็นความเป็นจริงของโลก อย่างไรก็ตาม ฉันยังมีข้อสงสัยบางอย่างที่ต้องการคำชี้แจง หากคุณไม่รังเกียจที่จะถูกถามนะ” ลิเนตต์พูดในขณะที่จ้องไปที่วานโดยตรง

“โปรดถามมาได้เลยครับ ท่านหญิง” วานแสดงท่าทางตรงไปตรงมา

“เนื่องจากคุณคุ้นเคยกับภูมิภาคนี้เป็นอย่างดี จึงควรเข้าใจว่าตอนกลางคืนนั้นหนาวเย็นขนาดไหน แต่ทั้งๆที่รู้เช่นนั้นแล้ว คุณกลับลืมเอาอุปกรณ์ตั้งแคมป์มาได้อย่างไรกัน?” ลิเนตต์ตั้งข้อสงสัย

“อา นี่…” วานยิ้มโดยไม่สูญเสียความสุขุมและพูดว่า “ร่างกายของผมอาจจะดูอ่อนแอและผอมบาง แต่ผมก็ยังคงเป็นลูกหลานของแม่มด และกายานั้นค่อนข้างพิเศษ ดังนั้นผมเลยไม่เห็นความจำเป็นในการกางเต็นท์ สิ่งที่ผมต้องการเพียงแต่ผืนแผ่นดินเป็นที่นอนและท้องฟ้าเป็นผ้าห่ม”

ถึงอย่างนั้น วานก็พูดความจริงเพียงครึ่งเดียว

หากเขาต้องนอนในที่เปิดโล่งของภูมิภาคจันทราทมิฬในตอนกลางคืน เขาจะต้องกลายเป็นก้อนน้ำแข็งอย่างแน่นอน

“ฉันไม่รู้ว่าจริงหรือเปล่า แต่อย่างน้อยฉันก็เห็นว่าคุณหยิ่งและกล้าพอที่จะเดินทางคนเดียวโดยไม่มีพวกมัน”

หลังจากสนทนากันสักพัก ลิเนตต์ก็สังเกตเห็นสีหน้าท่าทางมุ่ยๆของลิเลีย และตัดสินใจหยุดการสนทนากับวาน

“ฮ่าฮ่า มาจบการสนทนากันตรงนี่ดีกว่า ฉันจะไม่เสียเวลาของคุณอีกแล้ว และปล่อยให้คุณอยู่กับน้องสาวของฉัน โธ่เจ้ากาน้ำที่น่าสงสารดูเหมือนว่าเธอกำลังจะระเบิดเลย” ลิเนตต์แกล้งแล้วหัวเราะเบาๆ

“พี่!”

เมื่อเห็นปฏิกิริยาเขินอายของลิเลีย ลิเนตต์ได้แต่หัวเราะหนักขึ้นกว่าเดิมก่อนจะส่ายหัวและมุ่งความสนใจไปที่การเดินทางข้างหน้า

น่าเสียดายที่เธอยังขุดคุ้ยหาเบื้องหลังของวานไม่จบ

ในขณะเดียวกัน ถึงลิเลียจะไม่ได้มีความกล้าแบบลิเนตต์ แต่เธอก็ยังอยากรู้เหมือนกันว่าแหล่งที่มาของความรู้มากมายของวานนั้นมาจากไหนกันแน่

หลังจากที่ลิเลียควบคุมอารมณ์ที่ไม่สงบของเธอได้ เธอรีบถามทันทีว่า “เฮ้ วาน เธอต้องเรียนรู้ทุกอย่างจากห้องสมุดใช่ไหมคะ? แต่ผู้ชายมักจะเข้าห้องสมุดไม่ได้ไม่ใช่หรอ…”

“ผมเข้าถึงได้หลังจากได้รับความช่วยเหลือจากแม่มดอาวุโสครับ” วานยิ้มอย่างสบายๆก่อนที่จะเหม่อลอยเล็กน้อย

อย่างไรก็ตาม คำถามต่อมาของลิเลียทำให้เขากลับมาขณะที่เธอถามด้วยความประหลาดใจ “ความช่วยเหลือของแม่มดอาวุโสงั้นหรอคะ? เธอได้มันมายังไง?”

“อยากรู้จริงๆหรอครับ?” วานมองกลับมาที่เธอด้วยรอยยิ้มซุกซน

5 1 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด