ตอนที่แล้วตอนที่ 24 ป่าแดนวงกต
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปตอนที่ 26 ตำราอาวุธเทพ

ตอนที่ 25 จ้าวอสูรเฟินเทียน


นี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่ถังฮวนขึ้นเรือ

ในชีวิตที่แล้ว เขาเคยขึ้นเรือใหญ่สองครั้ง ดังนั้นครั้งนี้จึงเป็นครั้งที่สาม เรือลำนี้ยาวยี่สิบถึงสามสิบเมตรเท่านั้น ขนาดนั้นยังห่างไกลจากเรือยักษ์ในชีวิตที่แล้วมาของเขาอยู่มาก แต่ความเร็วของมันนั้นเหนือกว่า ถังฮวนประเมินด้วยสายตาและคิดว่ามันน่าจะเร็วอย่างน้อย 50 กิโลเมตรต่อชั่วโมง

นี่ไม่ใช่ความเร็วที่สูงสุด ว่ากันว่าเรือบางลำนั้นเร็วเกิน 100 กิโลเมตรต่อชั่วโมงไปแล้ว นั่นหมายความว่ามันแทบจะบินจากผิวน้ำได้

เหตุผลก็คือมีค่ายกลอยู่ในเรือ และมันก็น่าจะเป็นสิ่งที่ส่งต่อมาจากเผ่าสวรรค์แห่งดินแดนจิตศักดิ์สิทธิ์

ตราบเท่าที่มีอัญมณีที่เรียกว่าหินกำเนิดมนต์เพื่อใช้งานค่ายกล เรือก็จะเคลื่อนที่ได้อย่างรวดเร็วและความเร็วก็ยังควบคุมได้ มันสะดวกเป็นอย่างมาก

“ค่ายกล ดินแดนรุ่งโรจน์ก็มีของแบบนั้นสินะ”

เมื่อถังฉวนนึกถึงความทรงจำอันน่าเวทนาที่เขามีเกี่ยวกับเผ่าสวรรค์และค่ายกล รอยยิ้มชื่นชมก็เกิดขึ้นบนใบหน้าของเขา

“นี่ นี่ เจ้าเคยได้ยินไหม? ครั้งนี้เราชนะสงครามกับอสูรด้วย!”

ไม่นานจากนั้นถังฮวนก็ได้ยินเสียงและหันไปมอง เขาเห็นคนที่พูดเป็นชายหนุ่มที่นั่งอยู่แถวหน้าเขา เขาตัวสูงแข็งแกร่งและคำพูดของเขาก็ดึงความสนใจของจอมยุทธหลายคน

มีคนมากกว่าร้อยคนบนเรือ และทั้งหมดก็อาจจะเป็นจอมยุทธด้วย ส่วนมากนั้นเป็นชายหนุ่มและหญิงสาวเว้นแต่ชายและหญิงที่แก่กว่าเล็กน้อย พวกเขาอายุราวสี่สิบปี ระหว่างชายและหญิงนั้นมีอีกคนหนึ่งที่หลับอยู่บนตักของผู้หญิง ไม่เห็นหน้าชัดเจนนัก

“จริงรึ? เขาบอกว่ากองทัพมนุษย์กับกองทัพอสูรอยู่ระหว่างการเผชิญหน้ากันที่กลางดินแดนต้นกำเนิดไม่ใช่รึ?”

ชายหนุ่มชุดขาวอดถามไม่ได้

“ข่าวนี้มันนานมาแล้วนะ”

ชายตัวสูงหัวเราะและเริ่มโม้

“เมื่อเกือบเดือนก่อน มียอดฝีมือปริศนาปรากฏตัวขึ้นที่ฝั่งเราและเอาชนะยอดฝีมือเผ่าอสูรได้ พวกเราชาวมนุษย์ได้ผนึกกำลังกันสวนกลับกองทัพอสูรจนถอยกลับไปจนถึงที่ราบสองดินแดนที่อยู่ระหว่างดินแดนต้นกำเนิดและดินแดนสงบสุข”

“สิบวันก่อน การต่อสู้ครั้งใหญ่เกิดขึ้นที่นั่น และยอดฝีมือที่เข้าร่วมการต่อสู้อันดุเดือดกับจ้าวอสูรเฟินเทียนที่เพิ่งจะมาถึงเมืองก้นบึ้งจากดินแดนสงบสุข”

“ผลเป็นอย่างไรรึ?”

หญิงสาวชุดสีเหลืองถามตามเรื่องราว เมื่อคนรอบ ๆ ได้ยินพวกเขาก็สนใจเช่นกัน

“ผลก็คือจ้าวอสูรเฟินเทียนบาดเจ็บสาหัสและต้องถอยกลับเมืองก้นบึ้ง ส่วนเผ่าอสูรก็ไม่มีทางเลือกนอกจากสงบศึกและหยุดการรุกรานดินแดนต้นกำเนิดชั่วคราว”

ชายตัวสูงลุกขึ้นและเหวี่ยงกำปั้นด้วยความตื่นเต้น

“เอ๋?”

เสียงร้องแปลกใจและเสียงอ้าปากค้างดังจากคนโดยสาย

จ้าวอสูรเฟินเทียนของเผ่าอสูรนั้นเป็นสิ่งมีชีวิตที่แข็งแกร่งที่สุดในโลกใบนี้ ยากมากที่จะหาคนที่ยืนทัดเทียมเสมอบ่าเสมอไหล่ได้ โดยเฉพาะเผ่ามนุษย์

หลายปีมาแล้วที่เผ่ามนุษย์ได้เกิดการต่อสู้ภายในขึ้น เผ่าอสูรที่ถูกสยบภายใต้ดินแดนสงบสุขของมนุษย์ในไม่กี่ปีที่ผ่านมาก็ฉวยโอกาสนี้ จ้าวอสูรเฟินเทียนและมหาราชาอสูรทั้งแปดใต้การบัญชาของเขาได้นำทัพอสูรรุกรานดินแดนต้นกำเนิดซึ่งมนุษย์ครอบครองอยู่เป็นส่วนใหญ่ ผลก็คือกองทัพมนุษย์นั้นไร้ทางต่อต้าน และดินแดนส่วนใหญ่ก็ถูกยึดไป ด้วยสถานการณ์เช่นนี้ สามอาณาจักรถึงกับเตรียมการที่จะถอนตัวออกจากดินแดนต้นกำเนิดด้วยอำนาจทั้งหมดที่มี

เมื่อเป็นเช่นนั้น จอมยุทธมากมายในดินแดนรุ่งโรจน์ก็เตรียมใจที่จะเสียดินแดนต้นกำเนิดไปแล้ว

แต่ในตอนนี้ มีคนกลับพูดว่าไม่ใช่แค่กองกำลังพันธมิตรของมนุษย์จะขับไล่กองทัพอสูรไปได้ที่ทุ่งสองดินแดน แต่แม้กระทั่งจ้าวอสูรเฟินเทียนก็บาดเจ็บสาหัส…

ข่าวนี้น่าตกตะลึงเกินไป และผู้คนก็ไม่อยากจะเชื่อมันในตอนนี้

โดยเฉพาะข่าวเรื่องเฟินเทียนนั้นยิ่งไม่น่าเชื่อเข้าไปใหญ่ ท่ามกลางยอดฝีมือที่แข็งแกร่งทุกคนในสามอาณาจักร มีคนที่หยุดจ้าวอสูรที่น่าสะพรึงกลัวผู้นั้นได้จริงหรือ?

“แล้วยอดฝีมือคนนั้นอยู่ไหนล่ะ?”

ไม่นานหลังจากที่ชายสวมชุดดำร่างกำยำถาม ริมฝีปากเขาก็แสดงอาการยั่วยุออกมา

ชายตัวสูงส่าหน้าอย่างเศร้ใจ

“ข้าไม่รู้ หลังจากต่อสู้กับจ้าวอสูรเฟินเทียนแล้วยอดฝีมือคนนั้นก็หายตัวไปอย่างไร้ร่องรอยและไม่เคยปรากฏตัวขึ้นมาอีกเลย จากที่ข้าเดา เขาน่าจะเหมือนกับจ้าวอสูรเฟินเทียนที่บาดเจ็บหนักในสงครามนั้น เขาคงจะไปรักษาตัวนั่นแหละ”

“แล้วเจ้ารู้ว่ายอดฝีมือคนนั้นมาจากไหนหรือไม่? เขามาจากอาณาจักรใดในสามอาณาจักรหรือ?”

ชายชุดดำร่างกำยำถามอีกครั้ง

“ข้าก็ไม่รู้”

ชายตัวสูงหัวเราะ

“ไม่ต้องพูดถึงเรื่องที่ข้าไม่รู้หรอก แม้แต่นักรบจากสามอาณาจักรในสงครามทุ่งสองดินแดนเองก็ไม่รู้ ไม่อย่างนั้นเขาจะพูดว่าเขาผู้นั้นเป็นยอดฝีมือปริศนาหรือ?”

“หึ เจ้าก็แค่แต่งเรื่องขึ้นมาเอง!”

ชายชุดดำร่างกำยำเหยียดหยามและถอนหายใจแรง เขาทำหน้าเหมือนกับ ‘ข้ารู้แล้วว่าต้องเป็นแบบนี้!’ ออกมา และความตกใจกับข่าวนี้ของคนโดยรอบก็จางลงไปเพราะพวกเขาต่างสงสัยในความจริง

“เรื่องแบบนี้จะแต่งขึ้นมาได้อย่างไรเล่า?”

ชายตัวสูงจ้องมองเขาและตะโกนอย่างวิตกกังวล

“ลุงของข้าคือแม่ทัพฉิวจี้แห่งอาณาจักรถัง เขาเข้าร่วมสงครามที่ทุ่งสองดินแดนด้วยตัวเองและถูกส่งกลับมาส่งข่าว เขาผ่านเมื่อคลื่นคลั่งเมื่อวานนี้และบอกเรื่องทั้งหมดกับข้า เขาเห็นด้วยตาตัวเอง มันจะเป็นเรื่องโกหกได้อย่างไร?”

“หึหึ…”

แต่เขาก็ถูกระเบิดเสียงหัวเราะใส่

มันดีกว่าที่ชายตัวสูงจะไม่พูดมันออกมาเพราะมันยิ่งไม่น่าเชื่อ แม่ทัพอาณาจักรถังที่เข้าร่วมสงครามใหญ่ที่ทุ่งสองดินแดนกลับไม่รู้ว่าใครคือยอดฝีมือที่ช่วยกองทัพมนุษย์ขับไล่เผ่าอสูรเป็นใคร

“นี่พวกเจ้า ข้าพูดเรื่องจริงนะ!”

ชายตัวสูงตะโกนราวกับคนบ้า

แต่น่าเสียดาย ครั้งนี้ไม่มีใครเชื่อเขาอีกแล้ว ชายตัวสูงตะโกนอีกหลายครั้งและนั่งลงด้วยความไม่พอใจ สีหน้าเขาเต็มไปด้วยความโมโห

“หรือว่าเขาจะพูดจริง?”

ถังฮวนไม่เชื่อเขาตั้งแต่แรกเพราะคำพูดเขาเต็มไปด้วยช่องโหว่ แต่ดูจากสีหน้าของเขาแล้ว ถังฮวนเริ่มสงสัย

เหตุผลที่เขาพูดนั้นเป็นไปได้ก็เพราะว่าลุงเขาไม่ได้บอกความจริง อย่างเช่นยอดฝีมือคนนั้นไม่คิดจะเปิดเผยตัวตน ดังนั้นเขาจึงให้เหล่าแม่ทัพของสามอาณาจักรปิดบังความลับเอาไว้ หรือยอดฝีมือคนนั้นก็ไม่ได้เปิดเผยใบหน้าออกมาเลย เป็นไปได้ที่ยอดฝีมือคนนั้นจะใช้กำลังข่มขู่เหล่าแม่ทัพสามอาณาจักรและร่วมมือกันกับกองทัพพันธมิตรของมนุษย์ขับไล่กองทัพอสูรออกไปที่ทุ่งสองดินแดน

ไม่ว่าจะเป็นแบบไหนก็เป็นไปได้ทั้งนั้น!

“พี่ชาย ข้าเชื่อพี่นะ!”

ต่อมาถังฮวนก็ยิ้มและตบบ่าของชายตัวสูง

ชายตัวสูงอารมณ์เปลี่ยนไปในทันที หลังจากถูกถังฮวนตบบ่าแล้วเขาก็หันมาเบิกตากว้างมองกลับทันที แต่ประโยคต่อมาของถังฮวนก็ทำให้ใบหน้าโมโหของเขาจางหายไปแทนที่ด้วยหน้าที่แดงจากความตื่นเต้น

“เจ้าเชื่อเรื่องที่ข้าพูดจริง ๆ รึ?”

“แน่นอน!”

ถังฮวนหัวเราะและพยักหน้า

“ให้ข้าพูดเถอะ ข้าไม่ได้โกหก ไม่ว่าเรื่องที่ข้าพูดจะจริงหรือไม่ เจ้าก็จะรู้ในตอนที่เราไปถึงดินแดนต้นกำเนิด”

ชายตัวสูงดีใจและมองถังฮวนราวกับว่ากำลังมองมิตรแท้

“น้องชาย เจ้าชื่ออะไรรึ? ข้าชื่อฉิวเจี้ยนจากเมืองคลื่นคลั่ง”

“ถังฮวน”

ถังฮวนยิ้มอีกครั้ง

“ตระกูลถังรึ?”

ฉิวเจี้ยนขมวดคิ้วเมื่อได้ยินดังนั้น

“ไม่ใช่ ข้าไม่มีความสัมพันธ์อะไรกับตระกูลถัง ข้าแค่บังเอิญมีสกุลถังเท่านั้น”

ถังฮวนส่ายหน้า

“ดีแล้วที่เจ้าไม่ได้มาจากตระกูลถัง ในเมืองคลื่นคลั่งน่ะ ที่ข้าเกลียดที่สุดก็คือตระกูลถังนั่นแหละ”

คิ้วที่ขมวดของฉิวเจี้ยนคลายลง

“...”

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด