ตอนที่แล้วตอนที่ 147: เซเลสเชียลมูน
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปตอนที่ 149: เครื่องขยายพลังชาร์จ

ตอนที่ 148: การเข้ารหัสหุ่นยนต์เบื้องต้น


ตอนที่ 148: การเข้ารหัสหุ่นยนต์เบื้องต้น

คืนนั้นเซี่ยเฟยเชิญเยว่เกอ, เฉินตง, เป๋ยไฮ่, หมานจุน, โบซิงวาและเย่เสี่ยวหานไปทานอาหาร ซึ่งหลังจากที่เขากล่าวคำอำลาสั้น ๆ เขาก็มุ่งหน้าตรงไปยังภูมิภาคดาวคานิดี้ซึ่งเป็นสถานที่ตั้งของกลุ่มดาวนครหลวง

แวมไพร์ค่อย ๆ เคลื่อนที่ไปตามระบบนำทางอัตโนมัติ ขณะที่เซี่ยเฟยเข้าห้องพักเพื่อทำการศึกษาเรื่องต่าง ๆ อย่างจริงจัง

สิ่งที่ชายหนุ่มกำลังพยายามศึกษาคือการทำอย่างไรให้บริษัทควอนตัมยกระดับอุตสาหกรรมให้มีความยิ่งใหญ่มากขึ้นกว่าเดิม ซึ่งในตอนนี้ทางบริษัทสามารถทำการผลิตสินค้าราคาถูกได้เท่านั้น มันยังขาดสินค้าสำคัญที่จะช่วยยกระดับให้บริษัทกลายเป็นบริษัทขนาดใหญ่

หลังจากติดต่อพูดคุยกับชาร์ลีแล้วเซี่ยเฟยก็ได้รู้ว่าในช่วงปีที่ผ่านมาไม่เพียงแต่บริษัทควอนตัมจะอยู่รอดในตลาดที่มีการแข่งขันกันอย่างรุนแรงเท่านั้น แต่บริษัทยังมีกำไรสุทธิถึง 150 ล้านสตาร์คอยน์อีกด้วย

เงินจำนวนนี้ไม่ได้มีสาระสำคัญอะไรกับเซี่ยเฟยมากนัก แต่มันถือว่าเป็นเงินก้อนสำคัญสำหรับบริษัทควอนตัมที่ยังถือว่าเป็นบริษัทน้องใหม่ในจักรวาล ท้ายที่สุดเงินทุกเหรียญในเงินจำนวนนี้ก็มาจากกระเป๋าสตางค์ของมนุษย์ต่างดาว มันจึงเป็นครั้งแรกในประวัติศาสตร์ของบริษัทบนดาวโลกที่สามารถออกไปแข่งขันในระดับจักรวาลได้

ข้อเท็จจริงนี้ได้พิสูจน์แล้วว่าตราบใดก็ตามที่มนุษย์บนโลกทุ่มเทความสามารถของพวกเขาอย่างเต็มที่ พวกเขาก็มีดีมากพอที่จะแข่งขันกับบริษัทต่าง ๆ ในจักรวาลได้ ซึ่งมันก็ทำให้ช่วงเวลานับจากนี้คนบนโลกไม่จำเป็นที่จะต้องรู้สึกต่ำต้อยเมื่ออยู่ต่อหน้าพวกมนุษย์ต่างดาวอีกต่อไป

ขณะเดียวกันอันเดร์ก็ถอยตัวเองไปอยู่หลังม่านในฐานะของที่ปรึกษาที่คอยดูแลภาพรวมของบริษัทเพียงเท่านั้น โดยเขาจะมีหน้าที่คอยทำการตัดสินใจในเรื่องสำคัญ ๆ ส่วนภาระในการบริหารส่วนใหญ่จะเป็นหน้าที่ของชาร์ลี

ชาร์ลีมีอายุน้อยกว่าเซี่ยเฟยเพียงแค่ 2 ปีแต่เขาก็เป็นเด็กหนุ่มที่เกิดมาในตระกูลรอธส์ไชลด์ ยิ่งไปกว่านั้นความเขินอายที่เขามีในตอนแรกก็หายไปจนหมดแล้ว มันจึงเผยให้เห็นความเฉลียวฉลาดและความกล้าหาญอย่างที่นักธุรกิจควรจะมี

เซี่ยเฟยได้บอกทุกคนตั้งแต่แรกแล้วว่าให้พวกเขาทำการบริหารบริษัทควอนตัมอย่างอิสระได้เลย เพราะท้ายที่สุดเขาก็ให้ความไว้วางใจทั้งอันเดร์, อู่หลงและชาร์ลีเป็นอย่างดี ที่สำคัญคือคนเหล่านี้ก็บริหารบริษัทโดยไม่ทำให้เขารู้สึกผิดหวังเลย

หากพิจารณาจากแนวโน้มของบริษัทควอนตัมแล้ว เขาก็เชื่อว่าเมื่อเวลาผ่านไปบริษัทแห่งนี้จะกลายเป็นหนึ่งในบริษัทสำคัญของจักรวาลอย่างแน่นอน

ขณะเดียวกันไม่ว่าจะเป็นโบเดน , ซาร่า, เอเลนหรือซันนี่ที่ชายหนุ่มได้นำพวกเขากลับไปยังดาวโลกก็เริ่มที่จะมีบทบาทสำคัญมากขึ้นเรื่อย ๆ โดยโบเดนรับผิดชอบการบำรุงรักษาของกองยาน ขณะที่ซาร่าก็รับผิดชอบการปฎิบัติงานของกองยานขนส่งโดยตรง ซึ่งด้วยการสนับสนุนของบุคคลที่สำคัญทั้งสองคนนี่เองมันจึงทำให้กองยานขนส่งของบริษัทมีความยิ่งใหญ่ขึ้นไปเรื่อย ๆ

ขณะเดียวกันเอเลนก็ได้เข้าร่วมกับทีมวิจัยและพัฒนาเทคโนโลยีของบริษัทพร้อมกับใช้ประสบการณ์ของเขาในการช่วยสร้างระบบเรดาร์ขนาดเล็กที่มีชื่อว่า ‘ดัส’

ถึงแม้ว่าระบบเรดาร์ขนาดเล็กนี้จะไม่สามารถปล่อยสัญญาณออกมาได้แรงมากนัก แต่ความแม่นยำของมันก็ค่อนข้างสูงทำให้ในปีที่แล้วผลกำไรเกือบ 1 ใน 3 ของบริษัทมาจากยอดขายของดัส ซึ่งมันแสดงให้เห็นว่าผลิตภัณฑ์ชิ้นนี้มีความสำคัญกับบริษัทมากแค่ไหน

ส่วนทางด้านของซันนี่ก็เป็นคนที่มีบุคลิกที่ร่าเริง ดังนั้นเขาจึงทำหน้าที่เป็นตัวแทนบริษัทที่คอยเจรจาเรื่องต่าง ๆ กับบริษัทอื่น ๆ ซึ่งผลงานในปีที่ผ่านมาอดีตคนขับแท็กซี่คนนี้ก็ทำผลงานได้เป็นอย่างดีและช่วยสร้างเครือข่ายทางธุรกิจให้กับบริษัทได้อย่างมากมาย

เซี่ยเฟยเคยกังวลว่าซันนี่อาจจะปรับตัวเข้ากับบริษัทไม่ได้ แต่เมื่อดูจากผลประกอบการในปีที่ผ่านมามันก็ดูเหมือนกับว่าเขาจะกังวลมากจนเกินไป

ความเป็นจริงกลับกลายเป็นว่าบุคลิกกะล่อนของซันนี่กลับกลายเป็นอาวุธที่ดีที่ช่วยให้คู่ค้าทางธุรกิจยอมจำนนต่อชายคนนี้อย่างรวดเร็ว

เซี่ยเฟยรู้สึกว่าไม่ว่าใครที่ได้อยู่ในตำแหน่งที่เหมาะสมกับตัวเองก็เริ่มเปล่งประกายศักยภาพออกมาให้โลกได้เห็น เพราะหากย้อนกลับไปใครจะไปคิดว่าเอเลนที่ต้องหลบหนีหัวซุกหัวซุนออกมาจากเขตดาววิลเดอร์เนสจะกลายเป็นนักประดิษฐ์ที่ผลิตสินค้าที่สำคัญของบริษัท ขณะที่ซันนี่ซึ่งเคยเป็นเพียงแค่คนขับรถแท็กซี่จะกลายเป็นนักเจรจามือโปรที่เก่งกาจ

ผลงานของบริษัทควอนตัมในปีที่ผ่านมาช่วยทำการปรับโครงสร้างกำลังการผลิตบนโลกเรียบร้อยแล้ว ปัญหาในตอนนี้คือพวกเขาจะทำอย่างไรให้กำลังการผลิตถูกเปลี่ยนเป็นผลกำไรของบริษัท

เนื่องมาจากการค้าระหว่างโลกกับต่างดาวที่มีมากขึ้นเรื่อย ๆ มันจึงทำให้เงินสกุลแอลไลคอยน์แข็งค่าขึ้นจากเดิมเช่นเดียวกัน โดยในปัจจุบันเงิน 1 สตาร์คอยน์สามารถแลกเปลี่ยนเป็นแอลไลคอยน์ได้เพียงแค่ 1,200 เหรียญเท่านั้น และในอนาคตอันใกล้เงินสกุลแอลไลคอยน์ย่อมได้รับการยอมรับจากธนาคารระหว่างดวงดาวอย่างแน่นอน ซึ่งในเวลานั้นผู้คนบนโลกก็จะสามารถเข้าถึงสตาร์คอยน์ได้อย่างง่ายดาย

แต่ในเวลานั้นทรัพยากรแรงงานราคาถูกบนโลกก็จะไม่มีอีกต่อไป และบริษัทควอนตัมก็จะไม่สามารถใช้ประโยชน์จากเรื่องนี้ในการทำกำไรต่อไปได้

ขณะเดียวกันการพึ่งพาเพียงแค่ผลิตภัณฑ์คุณภาพต่ำก็ไม่สามารถที่จะเพิ่มผลกำไรให้กับบริษัทได้มากนัก เพราะถึงแม้ว่าพวกเขาจะขายผลิตภัณฑ์พวกนี้ออกไปหลายตัน แต่พวกเขาก็ได้รับผลกำไรกลับมาเพียงแค่ไม่กี่พันสตาร์คอยน์ หรือมันอาจจะกล่าวอีกนัยหนึ่งได้ว่าการพึ่งพาเพียงแค่ผลิตภัณฑ์คุณภาพต่ำไม่สามารถนำมาเป็นกลยุทธ์ระยะยาวของบริษัทได้

ปัจจุบันหน้าจอโฮโลแกรห์มด้านหน้าเซี่ยเฟยตกอยู่ในความว่างเปล่าและระบบประมวลคลื่นความคิดก็กำลังทำงานอยู่ ดังนั้นตราบใดที่เซี่ยเฟยได้คิดอะไรออกไปข้อมูลของสิ่งที่เขาคิดก็จะปรากฏขึ้นบนหน้าจอทันที

ชายหนุ่มจุดบุหรี่นั่งคิดอยู่บนเก้าอี้อย่างเงียบ ๆ

ผลิตภัณฑ์ที่บริษัทควอนตัมต้องการในตอนนี้ไม่ควรจะต้องใช้เทคนิคในการผลิตยากมากนัก เพราะถึงแม้ว่าพวกเขาจะได้ซื้ออุปกรณ์เครื่องมือมาจากอารยธรรมต่างดาว แต่พวกเขาก็ยังไม่ได้มีความเชี่ยวชาญในการใช้อุปกรณ์เหล่านั้น มันจึงทำให้ทางบริษัทยังไม่สามารถทำการผลิตอุปกรณ์ที่มีความซับซ้อนได้

นอกจากนี้การออกแบบผลิตภัณฑ์ยังต้องคำนึงถึงพื้นฐานเทคโนโลยีที่บริษัทมีอยู่ในปัจจุบัน และเซี่ยเฟยก็ไม่สามารถออกแบบผลิตภัณฑ์ที่เหนือกว่าความรู้ของตัวเองได้แม้ว่าเขาจะต้องการก็ตาม

3 เรื่องหลัก ๆ ที่เขาพอจะมีความรู้อยู่ในตอนนี้ คือ เรื่องอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์, เครื่องจักรและการปรุงยา แต่ถึงแม้ว่าเขาจะพอมีฐานความรู้แต่เขาก็ยังขาดประสบการณ์ในการออกแบบผลิตภัณฑ์อยู่ดี

การออกแบบผลิตภัณฑ์เชิงอุตสาหกรรมมีความแตกต่างจากการประดิษฐ์สิ่งของเล็ก ๆ ให้กับตัวเองอย่างสิ้นเชิง เพราะสิ่งที่สำคัญที่สุดในการออกแบบผลิตภัณฑ์ในเชิงอุตสาหกรรมคือการพยายามควบคุมต้นทุนของผลิตภัณฑ์ให้ต่ำที่สุด แต่ทำให้คุณภาพของผลิตภัณฑ์อยู่ในระดับที่บริษัทสามารถยอมรับได้

ท้ายที่สุดยิ่งใครสามารถควบคุมต้นทุนของผลิตภัณฑ์ได้มากกว่าก็จะยิ่งมีความสามารถในการแข่งขันได้มากขึ้น เนื่องจากพวกเขาสามารถที่จะลดราคาลงมาต่ำกว่าคู่แข่งได้ตราบใดก็ตามที่พวกเขามีต้นทุนในการผลิตที่ต่ำกว่า

แม้ว่าจะใช้เวลาคิดอยู่นานแต่เซี่ยเฟยก็ยังคิดอะไรไม่ออก เพราะสำหรับคนที่ไม่มีประสบการณ์แล้วการพยายามคิดผลิตภัณฑ์ในเชิงอุตสาหกรรมมันก็ไม่ใช่เรื่องง่าย

“นายคิดว่ามันพอจะมีโอกาสเป็นไปได้ไหมที่น้ำยาสูตรของนายจะถูกนำไปผลิตในเชิงอุตสาหกรรมเป็นจำนวนมาก?” เซี่ยเฟยถามอันธที่นั่งอยู่ข้าง ๆ

“ก่อนอื่นสูตรน้ำยาพวกนี้มาจากอาจารย์ของฉันและนายก็ไม่มีสิทธิ์เอาพวกมันไปผลิตขาย ยิ่งไปกว่านั้นนายอย่าลืมว่าวิธีการผลิตน้ำยาสูตรอาจารย์มีความเสี่ยงมากแค่ไหน ความผิดพลาดแม้แต่เพียงเล็กน้อยมันก็จะเปลี่ยนให้น้ำยาพวกนี้กลายเป็นยาพิษที่ร้ายแรงได้เลย ที่สำคัญนายคงจะไม่ลืมใช่ไหมว่าน้ำยาสูตรนี้เป็นน้ำยาที่มาพร้อมกับความเจ็บปวด ถึงแม้นายจะทนความเจ็บพวกนั้นได้แต่คนอื่นจะทนได้เหมือนนายไหม?”

คำอธิบายจากอันธถึงกับทำให้เซี่ยเฟยพูดไม่ออก เพราะท้ายที่สุดสูตรผสมน้ำยาของอันธทุกชนิดก็ถูกผลิตขึ้นมาจากวัตถุดิบที่มีความขัดแย้งกันอย่างรุนแรง ดังนั้นถึงแม้ว่าผลของน้ำยาสูตรอันธจะค่อนข้างดีแต่ความเสี่ยงในการผลิตก็สูงมากเป็นเงาตามตัว

“ดูเหมือนว่าจะต้องตัดเรื่องน้ำยาออกไป ตอนนี้เหลือแค่เรื่องอิเล็กทรอนิกส์กับเครื่องจักรเท่านั้น”

ความรู้เรื่องเครื่องจักรส่วนใหญ่เขาได้รับมาจากการดัดแปลงยานร่วมกันกับลุงพอตเตอร์ ด้วยเหตุนี้ความรู้ในส่วนนี้จึงเอนเอียงไปทางด้านการบำรุงรักษาและการดัดแปลงยานอวกาศเป็นหลัก

ถึงแม้ว่าเซี่ยเฟยจะได้เรียนรู้เรื่องเครื่องจักรมาอย่างมากมาย แต่เมื่อเทียบกับพอตเตอร์ความรู้ของเขาก็ยังค่อนข้างธรรมดา มันจึงเหลือเพียงแค่หัวข้ออุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์เท่านั้นที่เขายังพอจะมีความสามารถในการออกแบบผลิตภัณฑ์ได้

ชายหนุ่มได้เรียนรู้เรื่องอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์มาจากหนังสือโบราณในห้องสมุด แน่นอนว่าผลิตภัณฑ์พวกนี้ย่อมต้องการเทคโนโลยีขั้นสูงมารองรับในระหว่างการผลิต ดังนั้นถึงแม้ว่าเซี่ยเฟยจะสามารถเลียนแบบเทคโนโลยีโบราณได้จริง ๆ แต่ท้ายที่สุดมันก็จะประสบปัญหาในเรื่องของการผลิตเชิงอุตสาหกรรมอยู่ดี

ในที่สุดความคิดของเซี่ยเฟยก็วนกลับมาที่จุดเดิมอีกครั้ง ซึ่งดูเหมือนว่าการออกแบบผลิตภัณฑ์จะไม่ได้ง่ายอย่างที่เขาได้คิดเอาไว้ในตอนแรก

หลังจากชายหนุ่มรู้สึกหดหู่ใจอยู่สักพัก เขาก็นอนลงบนเตียงพร้อมกับเรียกไฟล์หนังสือขึ้นมาอ่าน

แน่นอนว่าหนังสือที่เซี่ยเฟยเลือกมาอ่านย่อมต้องเป็นความรู้เบื้องต้นเกี่ยวกับการถอดรหัสหุ่นยนต์ ซึ่งหลังจากที่เขาได้อ่านไปหลายสิบหน้าเขาก็ได้รู้ว่าการทำความเข้าใจเนื้อหาของหนังสือเล่มนี้ไม่ง่ายเหมือนกับความรู้เบื้องต้นเกี่ยวกับการเขียนโค้ดคอมพิวเตอร์เลย เพราะกระบวนการทั้งหมดเป็นกระบวนการที่เกี่ยวข้องกับการเขียนโค้ดให้กับปัญญาประดิษฐ์

ถึงแม้ตัวหนังสือบนหน้าปกของหนังสือเล่มนี้จะดูเรียบง่าย แต่ความรู้ทางทฤษฎีที่เกี่ยวข้องกับเนื้อหาในหนังสือเล่มนี้เป็นเรื่องที่ทำความเข้าใจได้ยากมาก

เนื้อหาในหนังสือมีตั้งแต่วิธีการออกแบบรูปร่างของหุ่นยนต์, ระบบการรักษาสมดุลย์ไปจนถึงการเขียนโค้ดปัญญาประดิษฐ์ฝังลงไปในหุ่นยนต์ ซึ่งถ้าหากว่าใครทำความเข้าใจเนื้อหาในหนังสือเล่มนี้ได้อย่างแตกฉาน พวกเขาก็จะมีความรู้มากพอจะสร้างหุ่นยนต์ขึ้นมาได้เลย

สิ่งที่สำคัญที่สุดคือภายในหนังสือมีการอธิบายกรณียกตัวอย่างในการผลิตหุ่นยนต์รุ่นต่าง ๆ อย่างมากมาย ทำให้ผู้อ่านสามารถสร้างภาพขึ้นมาภายในใจคล้ายกับพวกเขากำลังดูหนัง

เนื้อหาในหนังสือสามารถดึงดูดความสนใจของเซี่ยเฟยได้อย่างบ้าคลั่งจนทำให้ชายหนุ่มเอาแต่อ่านหนังสือจนถึงขั้นลืมกินลืมนอนเลยทีเดียว

เมื่อเซี่ยเฟยได้อ่านเนื้อหาในเรื่องการวิจัยและพัฒนาหุ่นยนต์ในกรณีที่ล้มเหลวเขาก็รู้สึกเศร้าไปกับผู้เขียนหนังสือ และเมื่อเขาได้อ่านเนื้อหาของการวิจัยที่ประสบความสำเร็จเขาก็รู้สึกตื่นเต้นไปกับผู้เขียนหนังสือเช่นเดียวกัน

กาลเวลาผ่านพ้นไปอย่างรวดเร็ว โดยในตอนนี้เซี่ยเฟยเป็นเหมือนกับต้นไม้ที่คอยดูดซับสารอาหารจากหนังสือตลอดเวลา และพยายามจินตนาการถึงจักรวาลที่มนุษย์และหุ่นยนต์อาศัยอยู่ร่วมกัน

ผลจากวิชามนตราอสูรทำให้เซี่ยเฟยมีดวงตาและระบบประสาทที่ไม่ธรรมดา มันจึงทำให้เขาสามารถอ่านหนังสือ 10 บรรทัดได้ในพริบตา นอกจากนี้การที่พื้นที่สมองส่วนที่ 7 ของเขาถูกเปิดออกอย่างสมบูรณ์ มันยังช่วยทำให้เขาจดจำเนื้อหาในหนังสือได้อย่างรวดเร็ว ชายหนุ่มจึงได้ใช้เวลาในการอ่านหนังสือเล่มนี้เพียงแค่ 3 วันเท่านั้น

ชายหนุ่มปิดหน้าจอและต้องการที่จะนอนพักสักครู่ แต่สมองของเขายังคงคิดถึงเรื่องที่เขาเพิ่งอ่านมาจนทำให้เขานอนหลับไม่ลง

“ขออ่านอีกรอบก็แล้วกัน” เซี่ยเฟยพูดกับตัวเอง

การพยายามอธิบายความตื่นเต้นที่เกิดขึ้นภายในใจของเขาในตอนนี้เป็นเรื่องที่ยากมาก เพราะชายหนุ่มกำลังรู้สึกราวกับว่าตรงหน้าของเขากำลังมีหุ่นยนต์พูดคุยกันอยู่

ถึงแม้ว่ารูปลักษณ์ของหุ่นยนต์ในจินตนาการของเซี่ยเฟยจะดูแข็ง ๆ ไปบ้าง แต่พวกมันก็มีอารมณ์ความคิดไม่ต่างไปจากมนุษย์

ตั้งแต่เด็กจนโตเซี่ยเฟยไม่เคยถูกอบรมเรื่องหุ่นยนต์ทำลายล้างเผ่าพันธุ์มนุษย์มาก่อน และถึงแม้ว่าเขาจะได้มาเรียนรู้เรื่องนี้ในตอนที่เขาโตแล้ว แต่เขาก็ไม่เคยรู้สึกเกลียดหุ่นยนต์พวกนั้นเลย

เมื่อหุ่นยนต์มีอารมณ์เช่นเดียวกับมนุษย์ มันก็หมายความว่าหุ่นยนต์เหล่านั้นได้ก้าวเท้าเกินขอบเขตของเครื่องจักรไปเป็นที่เรียบร้อยแล้ว ขณะเดียวกันการทำสงครามก็เป็นเรื่องปกติของมนุษย์ ดังนั้นหุ่นยนต์จะคิดเรื่องสงครามบ้างมันก็คงจะไม่ใช่เรื่องแปลกอะไร

ชายหนุ่มยังคงอ่านหนังสืออย่างบ้าคลั่งต่อไปและด้วยข้อมูลใหม่ที่มีความเกี่ยวข้องกับหุ่นยนต์ มันจึงทำให้ความรู้เกี่ยวกับเทคโนโลยีโบราณถูกซึมซับเข้าไปในสมองของเซี่ยเฟยอย่างต่อเนื่อง

เซี่ยเฟยไม่เชื่อว่าหากเขาอ่านหนังสือครบ 1,000 รอบ เขาจะไม่สามารถทำความเข้าใจเนื้อหาในหนังสือได้หมด ดังนั้นเขาจะอ่านหนังสือพวกนี้ซ้ำ ๆ ไปเรื่อย ๆ จนกว่าเขาจะสามารถทำความเข้าใจเนื้อหาทั้งหมดภายในหนังสือได้

แม้เซี่ยเฟยจะไม่ฉลาดเหมือนกับอัจฉริยะแต่เขาก็มีความอุตสาหะไม่แพ้ใคร นอกจากนี้ชายหนุ่มยังไม่เคยเรียนหลักสูตรของจักรวาล มันจึงทำให้วิธีการเรียนรู้และวิธีการอ่านของเขายังคงเป็นวิธีการแบบดั้งเดิม

ชายหนุ่มค่อย ๆ ซึมซับข้อมูลในหนังสือเข้าไปทีละนิดและถึงแม้ว่าเขาจะอ่านเนื้อหาบางส่วนไม่เข้าใจ แต่เขาก็ยังคงอ่านหนังสือต่อเนื่องต่อไปโดยไม่คิดที่จะยอมแพ้

วันเวลาผ่านพ้นไปอย่างรวดเร็วทำให้ในพริบตาเซี่ยเฟยก็อยู่บนยานอวกาศมาเป็นเวลานานกว่าครึ่งเดือนแล้ว และในเวลาอีกเพียงแค่ 5 วันเขาก็จะเดินทางถึงกลุ่มดาวนครหลวงของพันธมิตรมนุษย์

ในช่วงครึ่งเดือนที่ผ่านมาชายหนุ่มไม่ได้พักผ่อนเลยแม้แต่ชั่วโมงเดียว เมื่อไหร่ก็ตามที่เขาหิวเขาก็จะกินอาหารง่าย ๆ เพื่อเติมเต็มความหิวโดยเร็วที่สุด ซึ่งในช่วงเวลานี้เขาหมกมุ่นอยู่กับการอ่านหนังสืออย่างบ้าคลั่งโดยไม่มีเวลาแม้แต่จะไปอาบน้ำด้วยซ้ำ

ขณะที่เซี่ยเฟยอ่านหนังสือในรอบที่ 9 จู่ ๆ มันก็มีความคิดหนึ่งแว๊บเข้ามาในหัวของเขาโดยไม่ได้ตั้งใจ

ปรากฏการณ์นี้คล้ายกับน้ำฝนหยดน้อย ๆ ที่ตกลงไปบนพื้นอย่างต่อเนื่อง ก่อนที่หยดน้ำฝนจะรวมตัวกันกลายเป็นแอ่งน้ำเล็ก ๆ และพัฒนาจนกลายเป็นมหาสมุทรในที่สุด

เมื่อจู่ ๆ มันได้มีแรงบันดาลใจปรากฏขึ้นมา เซี่ยเฟยก็รีบกระโดดขึ้นมาจากเตียงและเขียนทุกอย่างออกไปโดยเร็วที่สุด

ลายเส้นบนหน้าจอถูกขีดเขียนขึ้นมาอย่างต่อเนื่อง ซึ่งหลังจากที่เวลาได้ผ่านพ้นไปหลายชั่วโมงแผนภาพโครงสร้างของเครื่องกลที่ซับซ้อนก็ปรากฎขึ้นมาบนหน้าจอ

สิ่งที่ปรากฏขึ้นมาบนหน้าจอนี้เป็นการตกผลึกความรู้ทั้งหมดที่เขาได้สะสมมา โดยพึ่งพาความรู้ทางเทคโนโลยีของอารยธรรมโบราณเป็นส่วนใหญ่

เซี่ยเฟยมองสิ่งที่เขาออกแบบเป็นเหมือนกับลูกของตัวเอง และสิ่งที่เขาต้องการจะทำในตอนนี้คือการเลี้ยงดูลูกให้เติบโตขึ้นมามีชีวิตที่สมบูรณ์

ภาพวาดบนหน้าจอถูกแก้ไขซ้ำแล้วซ้ำเล่า โดยเขาพยายามปรับแต่งและแก้ไขให้ผลิตภัณฑ์นี้ได้เข้าใกล้คำว่าความสมบูรณ์แบบมากที่สุด

พริบตาเดียววันเวลาก็ผ่านพ้นไปถึง 3 วันซึ่งในเวลานี้เซี่ยเฟยกำลังยืนจุดบุหรี่ดูภาพวาดบนหน้าจอด้วยความพึงพอใจ

“นั่นมันอะไร?” อันธที่เฝ้าดูมานานอดที่จะถามขึ้นมาไม่ได้

“มันคือผลิตภัณฑ์... ผลิตภัณฑ์ที่จะสามารถขายออกไปได้ทั่วทั้งจักรวาล” เซี่ยเฟยตอบด้วยรอยยิ้ม

***************

ตอนนี้แปลโคตรยากเลย!!!!

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด