ตอนที่แล้วบทที่ 416 - พลังวิญญาณหนาแน่น บทที่ 417 - แอบมอง
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปบทที่ 420 - คลื่นสัตว์ร้ายที่น่ากลัว บทที่ 421 - อยู่ในภาพลวงตา

(ฟรี) บทที่ 418 - ขอบเขตเทพจักรพรรดิ บทที่ 419 - เข้ารับการทดสอบ


1/6

บทที่ 418 - ขอบเขตเทพจักรพรรดิ

เมื่อรู้ว่าไป่หยู่เจ๋อคอยสอดแนมเขาอย่างลับๆมาโดยตลอด จิตใจหยางซือเล่ยกลายเป็นซับซ้อนและมืดมนขึ้นทันที

ทั้งนี้ทั้งนั้นก็เพราะ ทักษะกลืนกินโลหะเป็นของระบบ ดังนั้นเขาจึงระมัดระวังและเก็บงำความลับนี้เสมอมา

อย่างไรก็ตาม ไป่หยู่เจ๋อกลับมองออก!

สถานการณ์เช่นนี้ มันทำให้หยางซือเล่ยต้องระวังตัวมากขึ้น

ไป่หยู่เจ๋อยิ้มและกล่าวว่า “เราเทพผู้เที่ยงแท้มีอายุมากว่าสามพันปีแล้ว ประสบพบเจอผู้คนมานับไม่ถ้วน แต่เจ้าเป็นคนที่แปลกที่สุดเท่าที่ข้าเคยเห็นมา”

อะไรนะ?

สามพันปี!?

หยางซือเล่ยตกตะลึง ตาเบิกกว้างอย่างกะทันหัน ถึงแม้ว่าเขาจะรู้ ว่าร่างกายของผู้บำเพ็ญเพียรสามารถควบคุมได้โดยอาศัยพลังวิญญาณ ทำให้มีอายุยืนยาวกว่าคนทั่วไป

แต่ถึงอย่างนั้น นี่เป็นครั้งแรกที่เขาได้ยิน ว่าคนๆหนึ่งสามารถมีชีวิตยืนยาวได้ขนาดนี้

อายุมากกว่าสามพันปี?

นี่มันสัตว์ประหลาดเฒ่าชัดๆ!

กระนั้น ไป่หยู่เจ๋อซึ่งอยู่ต่อหน้าเขา ดูจากหน้าตายังไงก็อายุไม่เกินสามสิบปี

คาดไม่ถึงเลย ว่าเขาจะมีชีวิตอยู่มานานขนาดนั้นแล้ว!

“ท่านมีอายุเป็นสามพันปีจริงๆน่ะหรือ?”

หยางซือเล่ยแอบกลืนน้ำลาย อดถามเพื่อความมั่นใจไม่ได้

เขาคิดว่าตัวเองหูฝาดไม่ก็อีกฝ่ายพูดผิดมากกว่า

“อืม ใช่แล้ว” ไป่หยู่เจ๋อพยักหน้าด้วยใบหน้าสงบ “ถ้าให้ชัดกว่านี้ก็คงอายุซักราวๆ 3,600 ปี แต่จำนวนเป๊ะๆ เราเทพผู้เที่ยงแท้ก็ลืมไปแล้วเช่นกัน”

หลังจากได้รับการยืนยันแล้ว หยางซือเล่ยอ้าปากค้าง

ให้ตายเหอะ!

เขาคือสัตว์ประหลาดเฒ่าที่มีชีวิตอยู่มาเป็นพันๆปีจริงๆ

ตัวตนระดับนี้ อยากจะรู้จังว่าพลังรบของเขาจะอยู่ในขอบเขตที่น่าสะพรึงกลัวขนาดไหน

หยางซือเล่ยพยายามอย่างยิ่งที่จะทำให้ใจที่ปั่นป่วนสงบลง

ขณะเดียวกันก็ต้องแอบขอบคุณไป่หยู่เจ๋อที่ดูเหมือนจะมีอารมณ์ขันอยู่บ้าง มิฉะนั้นตอนหยางซือเล่ยปฏิเสธ แล้วอีกฝ่ายมีเกิดฉุนเฉียว เกรงว่าเขาคงถูกทุบตีสั่งสอนไปแล้ว จากนั้นก็บังคับข่มขู่ ไม่มีทางสนทนานานเป็นครึ่งค่อนวันเช่นนี้ได้

“เราเทพผู้เที่ยงแท้ได้มาถึงขอบเขตเทพจักรพรรดิแล้ว ดังนั้นเวลาพันปี มันจึงไม่มีอะไรมากไปกว่าปลายนิ้วสัมผัส”

คล้ายสังเกตเห็นความประหลาดใจลึกๆของหยางซือเล่ย ไป่หยู่เจ๋อกล่าวอย่างสบายๆ แต่ในดวงตาที่ไร้ระลอกคลื่นมาโดยตลอดของเขา เวลานี้กลับเต็มไปด้วยความผันผวน คล้ายกำลังบ่งบอกถึงความเหงาที่ไม่อาจบรรยายได้

ยังไงซะ หลังจากอยู่มานานหลายพันปี ญาติและมิตรสหายของตนก็ล้วนลาจาก จมอยู่ในสายธารแห่งกาลเวลาไปนานแล้ว

ตอนนี้เหลือแต่เขาที่โดดเดี่ยว ต้องมาคอยพิทักษ์หอทงเทียนแห่งนี้ ปล่อยวันเวลาผ่านไปอย่างว่างเปล่า

“ขอบเขตเทพจักรพรรดิ!”

ได้ยินประโยคนี้ หยางซือเล่ยนิ่งงัน หลังจากผ่านวันเวลาในโลกแห่งศิลปะการต่อสู้ใบนี้มาเป็นปีๆ เขาก็สามารถเข้าใจได้คร่าวๆ ว่าการแบ่งขอบเขตสูงสุดของนักบู๊ เหนือขอบเขตเทพวิญญาณขึ้นไป คือขอบเขตเทพปฐพี ต่อมาก็ขอบเขตเทพสวรรค์ สุดท้ายขอบเขตเทพจักรพรรดิ

เมื่อมาถึงขอบเขตนี้แล้ว อาจกล่าวได้ว่าในโลกแห่งศิลปะการต่อสู้บนทวีปเทียนหยาน เขาได้มาถึงจุดสูงสุดเป็นที่เรียบร้อย

และในขอบเขตเทพจักรพรรดิ มันจะถูกแบ่งออกเป็นห้าขั้น

การที่ไป่หยู่เจ๋อสามารถเป็นผู้พิทักษ์หอทงเทียนซึ่งอยู่เหนือทุกกองกำลังนิกายในแดนเหนือได้ แสดงว่าพลังรบที่แท้จริงของไป่หยู่เจ๋อ บางทีอาจไปถึงขั้นห้าในขอบเขตจักรพรรดิแล้วก็ได้!

มหาเทพเบื้องหน้าเขา หยางซือเล่ยเดาว่าคงมีแต่ต้องใช้นิวเคลียร์เท่านั้น จึงจะคุกคามอีกฝ่ายได้

อย่างไรก็ตาม ร้านค้าอาวุธในระบบของเขาตอนนี้ มันปลดล็อคถึงแค่ประเภทเครื่องบินขับไล่เท่านั้น พวกขีปนาวุธหนักยังไม่สามารถซื้อได้

มีก็แต่ขีปนาวุธเบาที่ติดตั้งบนเครื่องบินขับไล่เพียงอย่างเดียว ซึ่งอะไรพวกนี้ มากสุดสามารถจัดการได้แค่ขอบเขตเทพปฐพีเท่านั้น

สำหรับขอบเขตเทพสวรรค์ หรือมหาอำนาจอย่างขอบเขตเทพจักรพรรดิ หากพบเจอมีแต่ต้องหนีเท่านั้น

2/6

บทที่ 419 - เข้ารับการทดสอบ

ไป่หยู่เจ๋อมองหยางซือเล่ยด้วยดวงตาที่ลึกล้ำ เขายิ้มบางและกล่าวว่า “แม้เราเทพผู้เที่ยงแท้จะสงสัยใคร่รู้ว่าเจ้ามีความสามารถในการกลืนกินโลหะได้อย่างไร”

“ยังไงก็ตาม ทุกคนมีความลับเป็นของตัวเอง เราเทพผู้เที่ยงแท้จะไม่สืบเสาะต่อ”

ได้ยินแบบนี้ หยางซือเล่ยลอบถอนหายใจด้วยความโล่งอก

ด้วยพลังรบอันยิ่งใหญ่ของไป่หยู่เจ๋อ รู้ไว้เถอะว่าเขาไม่จำเป็นต้องใช้วิธีอย่างการทรมานเพื่อเค้นถาม เพียงใช้วิชาค้นวิญญาณ ก็สามารเข้าถึงข้อมูลได้อย่างง่ายดาย

วิชาค้นวิญญาณ ในโลกแห่งศิลปะการต่อสู้มันคือเคล็ดที่ชั่วร้ายอย่างยิ่ง สามารถบังคับค้นความทรงจำทั้งหมดของฝ่ายตรงข้ามได้

แม้ค้นไม่ลึกแต่สมองจะได้รับความเสียหาย สุดท้ายกลายเป็นคนบ้า

และหากค้นลึก ฝ่ายที่โดนอาจตายได้ในทันที

และในระหว่างการค้นวิญญาณ มันจะเกิดความเจ็บปวดที่กรีดลึกเข้าไปในจิตวิญญาณ ทรมานจนร้องขอความตาย!

คิดได้แบบนี้ หยางซือเล่ยลอบกลืนน้ำลาย แน่นอน เขาย่อมไม่เต็มใจเปิดเผยความลับของระบบ เพราะมันรังแต่จะสร้างปัญหาตามมา

ไป่หยู่เจ๋อจ้องหยางซือเล่ย เอ่ยอย่างสงบว่า “แม้ข้าจะไม่รู้ว่าก่อนเข้าหอทงเทียนเจ้าผ่านอะไรมาบ้าง แต่ในช่วงสิบกว่าวันที่ผ่านมา เราเทพผู้เที่ยงแท้ชื่นชมในความสามารถของเจ้ามาก”

“ขอบคุณมากสำหรับคำชม”

หยางซือเล่ยไม่ถ่อมตัว ใบหน้าที่อ่อนเยาว์ผุดรอยยิ้ม แม้เขาไม่กล้าพูดว่าตอนนี้ตนแข็งแกร่งที่สุดในบรรดาคนวัยเดียวกัน แต่เขาก็มั่นใจสุดๆว่าความเร็วในการยกระดับของเขา มันไวที่สุดในแผ่นดินใหญ่!

ไป่หยู่เจ๋อยิ้มและกล่าวว่า “หากเจ้าสามารถผ่านการทดสอบครั้งต่อไปของหอทงเทียน เจ้าจะได้รับเหล็กเทพทองคำ 5 ล้านจิน”

อะไรนะ?

เหล็กเทพทองคำ 5 ล้านจิน!

ได้ยินประโยคนี้ หัวใจอย่างซือเล่ยเต้นรัวอย่างเป็นบ้าเป็นหลัง

เหล็กเทพทองคำคือโลหะคุณภาพสูงกว่าเหล็กวิญญาณลี้ลับ เป็นอะไรที่หายากมาก

สิ่งสำคัญที่สุดก็คือ เมื่อนำเหล็กเทพทองคำไปแลกแต้มเสริมพลัง มันจะมีค่าสูงกว่าเดิมพันเท่า และในจำนวนนี้เทียบได้กับ 5,000 ล้าน!

หยางซือเล่ยอดไม่ได้ต้องสูดหายใจเย็นเยียบ 5,000 ล้านแต้ม มันมากพอแล้วที่จะใช้จ่ายฟุ่มเฟือยไปอีกนาน!

“ข้ามีคำถาม ในตึกหลังใหญ่ที่เหมือนกับหอทงเทียนแห่งนี้ มีแค่ท่านอยู่คนเดียวงั้นหรือ?”

หยางซือเล่ยปรับอารมณ์เล็กน้อย จากนั้นก็เปิดปากถาม

“เมื่อสามพันปีก่อนมีห้า แต่หลังจากข้าปรากฏตัวขึ้นไม่นาน พวกเขาทั้งหมดก็จากไป”

ไป่หยู่เจ๋อไม่ได้ปิดบัง แต่ประโยคนี้ไม่ได้อธิบายทั้งหมด เพราะความหมายของการจากไป หากให้ระบุชัดๆ มันบอกได้สองความหมาย

หนึ่งคือตาย อีกหนึ่งคือออกจากหอทงเทียนไปแล้ว

ในส่วนของเรื่องนี้ หยางซือเล่ยไม่ต้องการถามอีกต่อไป กล่าวอย่างตรงไปตรงมา “ข้ายอมรับการทดสอบของหอทงเทียน เริ่มกันได้รึยัง?”

ได้ยินหยางซือเล่ยตอบตกลงในที่สุด สีสันของความโล่งใจปรากฏขึ้นในดวงตาของไป่หยู่เจ๋อ

“ใเมื่อเจ้ายอมรับการทดสอบ ข้าก็จะไม่พูดไร้สาระอะไรอีก งั้น ... มาเริ่มกันเลย!”

สิ้นเสียง ร่างของไป่หยู่เจ๋อสั่นไหว พลันหายวับไปในอากาศ

วินาทีถัดมา ฉากเบื้องหน้าหยางซือเล่ยได้เปลี่ยนไปอย่างกระทันหัน มันกลายเป็นพื้นที่ราบกว้างใหญ่ ล้อมรอบด้วยหินรูปร่างแปลกตา

เท่าที่ตาเห็น มันไกลไร้ที่สิ้นสุด แต่สภาพแวดล้อมที่ดูสงบเช่นนี้ สำหรับหยางซือเล่ย เขากลับรู้สึกเย็นสันหลังอย่างบอกไม่ถูก

“เสี่ยวหยวนก็หายไปด้วย!?”

หยางซือเล่ยก้มมองไปรอบๆ แต่ก็ต้องประหลาดใจที่พบว่าเสี่ยวหยวนซึ่งยืนอยู่ข้างเขาเมื่อครู่ มันได้หายไปแล้ว

ฮู้มมมม ฮู้มมมม——!

ในตอนนั้นเอง สัตว์ร้ายฝูงหนึ่งได้ปรากฏตัวขึ้นบนแผ่นดินนี้โดยปราศจากการเตือนใดๆล่วงหน้า

คลื่นสัตว์ร้ายสีดำทะมึนกระเพื่อมไปมาดูน่าหวาดกลัว ใบหน้าของพวกมันดุร้าย ร้องคำรามและวิ่งตรงมายังหยางซือเล่ย กระทั่งก้อนหินที่ขวางทาง ก็ยังถูกบดขยี้เป็นชิ้นเล็กชิ้นน้อย