ตอนที่แล้วตอนที่ 145: ข่าวของแอวริล
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปตอนที่ 147: เซเลสเชียลมูน

ตอนที่ 146: ศูนย์แลกเปลี่ยน


ตอนที่ 146: ศูนย์แลกเปลี่ยน

หลังเซี่ยเฟยเดินออกจากห้องสมุดฉินหมางก็ทำการติดต่อไปหาเย่จิ่งชาน

“สวัสดีครับอาจารย์มีอะไรให้ผมรับใช้หรือเปล่าครับ” เย่จิ่งชานยังคงแสดงความเคารพฉินหมางอยู่เช่นเดิม

“ฉันมีอะไรให้นายช่วยนิดหน่อย” ฉินหมางกล่าวพร้อมกับพยักหน้าเบา ๆ

เหตุการณ์นี้ทำให้เย่จิ่งชานรู้สึกตกตะลึง เพราะปกติการที่ฉินหมางติดต่อมาก่อนก็เป็นเรื่องที่หาได้ยากมากอยู่แล้ว และการที่ชายชราได้ขอให้เขาทำอะไรให้ก็เป็นเรื่องที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน

“เชิญอาจารย์สั่งมาได้เลยครับ ศิษย์พร้อมจะทำทุกอย่างเท่าที่ทำได้” เย่จิ่งชานกล่าวพร้อมกับก้มศีรษะลง

“แอ๊ะแอ้ม… ในเมื่อตอนนี้เซี่ยเฟยกลับมาแล้วเขาก็สมควรจะต้องได้รับรางวัลที่เขาค้นพบซากปรักหักพังโบราณที่สมบูรณ์หรือเปล่า” ฉินหมางกล่าวพร้อมกับส่งเสียงกระแอมในลำคอ

ใบหน้าของเย่จิ่งชานเปลี่ยนไปเป็นน่าเกลียดชั่วขณะ เพราะเขาไม่เคยคิดเลยว่าสิ่งที่อาจารย์จะมาขอให้เขาช่วยกลับเป็นเรื่องของเซี่ยเฟยซึ่งมันก็ทำให้เขารู้สึกอึดอัดใจมาก

เขาไม่รู้ว่าความรู้สึกนี้มันคืออะไร เพราะท้ายที่สุดทั้งเขาและเซี่ยเฟยต่างก็เคยเป็นบรรณารักษ์เหมือน ๆ กัน แตกต่างกันเพียงแค่เขาแสดงความเคารพต่ออาจารย์มากกว่าอย่างชัดเจน แต่ฉินหมางกลับให้ความเอ็นดูแต่เซี่ยเฟยและคอยช่วยเหลือชายหนุ่มคนนี้แบบที่ไม่เคยทำกับเขามาก่อนเลย

ขณะเดียวกันเซี่ยเฟยก็มักที่จะนำของฝากเป็นใบชา, ขนมหรือสิ่งอื่น ๆ มาประจบประแจงฉินหมางอยู่เป็นประจำ ซึ่งในสายตาของเย่จิ่งชานแล้วการกระทำแบบนี้เป็นการกระทำที่น่าเกลียดมากจนเกินไป แต่ถึงกระนั้นฉินหมางก็ยังรู้สึกเอ็นดูเซี่ยเฟยมากถึงขั้นเริ่มสูบบุหรี่เลียนแบบชายหนุ่ม

เย่จิ่งชานถือว่าเป็นคนหัวโบราณเขาจึงคิดว่าเซี่ยเฟยมีนิสัยไม่ต่างไปจากนักเลงข้างถนน คนแบบนี้รู้จักแต่วิธีประจบประแจงโดยไม่ได้พึ่งพาความสามารถอะไรเลย

แล้วเขาจะไปญาติดีกับคนอย่างเซี่ยเฟยได้ยังไง?

“ตามกฎของสมาพันธ์เซี่ยเฟยจะได้รับเงินส่วนแบ่ง 10% จากมูลค่าของทั้งหมดที่เขาได้พบและได้รับคะแนนพิเศษจากค่าย 100,000 คะแนนครับ เดี๋ยวผมจะรีบจัดการเรื่องทั้งหมดให้กับเขาเลยครับ” เย่จิ่งชานกล่าวขณะพยายามระงับความโกรธภายในใจ

ฉินหมางพยักหน้ารับด้วยความพึงพอใจ ก่อนที่เขาจะกล่าวออกไปว่า

“ดีมาก… ว่าแต่นายสนใจจะให้โอกาสเขาแลกเปลี่ยนคะแนนในศูนย์แลกเปลี่ยนขั้นสูงดูไหม ผมหงอกของเด็กคนนั้นขึ้นทั่วทั้งหัวในเวลาเพียงแค่ 1 ปี นอกจากนี้น้ำหนักของเขาก็ลดลงไปเยอะมาก และอาวุธอุปกรณ์ของเขาก็ได้รับความเสียหายจนไม่สามารถจะใช้งานได้อีกต่อไป มันคงจะเป็นเรื่องที่ยากลำบากกว่าที่เขาจะสามารถไปหาอาวุธอุปกรณ์ที่เหมาะสมกับตัวเองได้ใหม่”

ทั้งชุดต่อสู้วินด์ชาโดว์มาร์คโฟร์และเชสซิ่งไลท์ต่างก็ล้วนแล้วแต่เป็นอุปกรณ์ระดับลีเจนด์ และการที่อุปกรณ์พวกนี้ได้รับความเสียหายในระหว่างที่เซี่ยเฟยได้หายตัวไปขณะที่เขาไปสำรวจซากปรักหักพังภายใต้การคุ้มครองของทางสมาพันธ์ มันก็ต้องมีอะไรบางอย่างชดเชยให้กับชายหนุ่มคนนี้บ้าง

‘อาจารย์! คุณเพิ่งรู้จักกับเซี่ยเฟยได้เพียงแค่ไม่กี่วันแต่คุณกลับคิดถึงเขาอยู่เสมอ ผมติดตามอาจารย์อย่างซื่อสัตย์มามากกว่า 40 ปี ทำไมอาจารย์ไม่เคยทำอะไรแบบนี้กับผมบ้าง!!’ เย่จิ่งชานคิดในใจพร้อมกับทั่วทั้งตัวที่กำลังสั่นขึ้นมาด้วยความโกรธเล็กน้อย แต่เขาก็ต้องพยายามระงับความโกรธภายในใจและพูดออกไปว่า

“อาจารย์ไม่ไช่ว่าผมไม่ต้องการให้เซี่ยเฟยเข้าถึงศูนย์แลกเปลี่ยนขั้นสูง แต่ถ้าหากว่าผมให้สิทธิพิเศษนี้กับเขาคนเดียว ผมก็เกรงว่ามันจะมีคนมาตำหนิพวกเราได้”

ทันใดนั้นเองท่าทีของฉินหมางก็เปลี่ยนไปเหมือนกับเป็นคนละคนจนมีออร่าที่น่าหวาดกลัวเหมือนกับจะทะลุผ่านเครื่องสื่อสารมา และทำให้แม้แต่เย่จิ่งชานก็ยังรู้สึกตกใจ

“นายไม่อยากทำใช่ไหม?” ฉินหมางกล่าวพร้อมกับขมวดคิ้ว

“ผมไม่ได้หมายความแบบนั้นครับอาจารย์” เย่จิ่งชานรีบโบกมือปฏิเสธอย่างรวดเร็ว

“แล้วมันหมายความว่ายังไง?” ฉินหมางยังคงไล่ถามอย่างไม่ลดละ

เย่จิ่งชานหลับตาและถอนหายใจออกมาอย่างช่วยไม่ได้ เพราะในครั้งนี้ดูเหมือนอาจารย์จะไม่ได้ล้อเล่น ดังนั้นถ้าหากว่าเขาเข้าไปขัดใจชายชรามันก็อาจจะมีหายนะตามมาก็ได้

“ได้ครับ ผมสัญญาว่าจะให้สิทธิ์เซี่ยเฟยเข้าถึงศูนย์แลกเปลี่ยนระดับ C”

“ระดับ B ห้ามต่อรอง!! นายจะเป็นคนขี้เหนียวไปไหน สมาพันธ์ไม่ใช่ธุรกิจของตระกูลนายด้วยซ้ำ นายจะเก็บของพวกนั้นเอาไว้เฉย ๆ ทำไม” ฉินหมางกล่าวขึ้นมาอย่างไม่พอใจ

ในสายตาของคนอื่นเย่จิ่งชานเป็นคนที่สง่างามและน่ากลัวอยู่เสมอ แต่ความจริงเขารู้สึกเกรงกลัวอาจารย์ของเขาอย่างสุดขั้วหัวใจ ซึ่งมันเป็นความกลัวจริง ๆ ที่ไม่ได้เกิดขึ้นมาจากการเสแสร้งแกล้งทำ

“ได้ครับ ๆ ศูนย์แลกเปลี่ยนระดับ B…” เย่จิ่งชานกัดฟันพูดรับปาก

เมื่อเย่จิ่งชานให้คำสัญญาใบหน้าของฉินหมางก็กลับมาอารมณ์ดีเหมือนเดิม เขาจึงใช้มือลูบเหล่าเฮยในอ้อมแขนและกล่าวออกไปด้วยรอยยิ้ม

“อันที่จริงนายไม่จำเป็นจะต้องกังวลเรื่องนี้มากเท่าไหร่หรอก เพราะคืนนี้เซี่ยเฟยจะออกเดินทางอีกแล้ว ฉันเดาว่าเขาคงจะไม่อยู่ลอยหน้าลอยตาทำให้นายไม่สบายใจไปอีกนาน”

เย่จิ่งชานไม่ได้พูดอะไรตอบกลับไปคล้ายกับว่าเขายอมรับคำพูดของชายชราไปโดยปริยาย

ความคิดที่เขามีต่อเซี่ยเฟยได้เปลี่ยนไปครั้งแล้วครั้งเล่า จากตอนแรกที่เขามองชายหนุ่มด้วยความชื่นชมเปลี่ยนไปเป็นความรำคาญจากปัญหาที่ชายหนุ่มได้ก่อขึ้นมา และในตอนนี้เขาก็เริ่มมีความรู้สึกเช่นเดียวกันกับผู้อำนวยการโรเบิร์ตที่ต้องการจะขับไล่เซี่ยเฟยออกไปจากสมาพันธ์โดยเร็วที่สุด

แต่ทำไมเซี่ยเฟยถึงจะเริ่มออกเดินทางทันทีที่เขาได้กลับมา? เซี่ยเฟยยังหนุ่มยังแน่นอยู่แท้ ๆ แต่ทำไมชายหนุ่มคนนี้ถึงดูยุ่งกว่าเขาที่เป็นผู้บัญชาการของค่ายฝึกจัสทิสลีก?

หรือว่าเขาจะแอบไปทำอะไรลับ ๆ?!

ฉินหมางพยายามปลอบใจเย่จิ่งชานแต่เย่จิ่งชานยังคงอารมณ์ไม่ดีเขาจึงไม่ได้ฟังคำปลอบจากอาจารย์ของเขามากนัก ซึ่งหลังจากที่เขาได้วางสายกับชายชราไปเขาก็เรียกเซี่ยเฟยที่รออยู่นอกห้องเข้ามาด้วยความโกรธ

เซี่ยเฟยเดินเข้ามาด้วยท่าทางปกติ ก่อนที่เขาจะนั่งลงยังฝั่งตรงข้ามกับเย่จิ่งชาน

“ไม่ทราบว่าผู้บัญชาการมีธุระอะไรกับผมครับ” เซี่ยเฟยถามด้วยรอยยิ้ม

ความจริงแล้วทั้งสีหน้าและน้ำเสียงของเซี่ยเฟยค่อนข้างจะเป็นปกติ ทั้งไม่ประจบประแจงและไม่ได้พูดจาล้อเลียน แต่คำพูดของเซี่ยเฟยทุกคำกลับทิ่มแทงใจของเย่จิ่งชานโดยไม่รู้ตัว

“นายหายตัวไปที่ไหนมา?” เย่จิ่งชานถามด้วยใบหน้าที่เย็นชา

“ผมจำไม่ได้ครับ ผมจำได้แค่ว่าผมหลับอยู่ในห้องขังหลังจากตื่นมาเวลาก็ผ่านพ้นมาปีนึงแล้ว” เซี่ยเฟยยักไหล่ราวกับตอบคำถามที่เขาได้เตรียมเอาไว้ล่วงหน้า

เย่จิ่งชานถอนหายใจออกมาอย่างเหนื่อยใจ เพราะท้ายที่สุดไม่ว่าเซี่ยเฟยจะแก้ตัวยังไงแต่ชายหนุ่มคนนี้ก็มีอาจารย์ของเขาคอยหนุนหลัง ดังนั้นเขาจึงไม่มีทางเลือกอื่นนอกเสียจากจะต้องยอมรับคำแก้ตัว แม้ว่าคำแก้ตัวนั้นจะเป็นเรื่องไร้สาระมากแค่ไหนก็ตาม

“ฉันจะรายงานไปที่สมาพันธ์ตามนี้ และเนื่องจากนายเป็นคนค้นพบซากอารยธรรมโบราณที่สมบูรณ์ ทางสมาพันธ์จึงให้ของรางวัลเป็นเงินมูลค่า 10% ของทุกสิ่งที่นายค้นพบและให้คะแนนพิเศษของทางค่ายกับนายเพิ่มอีก 100,000 คะแนน” เย่จิ่งชานต้องการจะจัดการเรื่องของเซี่ยเฟยให้เร็วที่สุด เขาจึงข้ามไปพูดถึงเรื่องของรางวัลแทนที่จะถามคำถามอะไรเพิ่มเติม

‘เอาว่ะแค่ 10% ก็ยังดีกว่าไม่ได้อะไรเลย’ เซี่ยเฟยคิดกับตัวเองภายในใจ

ถึงยังไงในแหวนมิติของเขาก็ยังมีซากศพของตั๊กแตนสีเขียวตัวนั้นอยู่ ยิ่งไปกว่านั้นภายในแหวนมิติยังอยู่ในสภาพสุญญากาศ เขาจึงสามารถเก็บศพเอาไว้ได้นานเท่าที่เขาต้องการโดยที่ศพไม่เน่าเปื่อย

ศพของแมลงตัวนี้มีคุณค่าต่อการวิจัยและมันย่อมมีสถาบันวิจัยที่จะยอมซื้อศพไปทำการทดลองด้วยราคาที่สูงมากอย่างแน่นอน

“มูลค่าของทั้งหมดในสถาบันวิจัยอยู่ที่ประมาณ 80,000 ล้านสตาร์คอยน์เท่ากับว่านายจะได้รับส่วนแบ่ง 8,000 ล้านสตาร์คอยน์ พร้อมกับได้รับคะแนนพิเศษอีก 100,000 คะแนน นายต้องการแลกเปลี่ยนคะแนนพวกนี้เลยไหมหรือค่อยกลับมาใช้พวกมันทีหลัง” เย่จิ่งชานกล่าวขึ้นมาอย่างรวดเร็ว

“8,000 ล้าน!” เซี่ยเฟยอุทานออกมาด้วยความตกใจ เพราะเขาไม่คิดเลยว่าแม้เขาจะได้รับส่วนแบ่งเพียงแค่ 10% แต่มันจะเป็นเงินที่มากขนาดนี้

“ผมต้องการแลกเปลี่ยนเดี๋ยวนี้เลยครับ” เซี่ยเฟยตอบพร้อมกับกลืนน้ำลายลงไปอึกหนึ่ง

อุปกรณ์ทั้งหมดของเขาได้ถูกทำลายไปจนหมดแล้ว ดังนั้นเมื่อเขามีโอกาสได้หาอุปกรณ์ใหม่เขาย่อมไม่พลาดโอกาสนี้อย่างแน่นอน

เย่จิ่งชานทำการเปิดข้อมูลศูนย์แลกเปลี่ยนขึ้นมาอย่างใจเย็น ซึ่งหลังจากที่เขาได้ทำการป้อนรหัสผ่านเขาก็ทำการเปิดหน้าจอรายการทั้งหมดให้เซี่ยเฟย

รายชื่ออุปกรณ์ที่ปรากฏขึ้นมาทำให้เซี่ยเฟยรู้สึกตกตะลึง ท้ายที่สุดเขาก็มักจะทำการตรวจสอบข้อมูลในศูนย์แลกเปลี่ยนของค่ายฝึกเป็นประจำอยู่แล้ว เพียงแต่รายชื่อของแลกเปลี่ยนที่เขาเคยเห็นไม่สามารถเอามาเทียบกับรายชื่อที่ปรากฏอยู่ตรงหน้าของเขาได้เลย

‘นี่มันเกิดอะไรขึ้น? ศูนย์แลกเปลี่ยนของค่ายฝึกมีการเปลี่ยนแปลงอย่างนั้นหรอ’ เซี่ยเฟยคิดกับตัวเองภายในใจ

เขาไม่ได้รู้ตัวด้วยซ้ำว่าเย่จิ่งชานเปิดข้อมูลศูนย์แลกเปลี่ยนระดับ B ให้กับเขาและศูนย์แลกเปลี่ยนนี้ก็ไม่ใช่ศูนย์แลกเปลี่ยนของค่ายฝึก แต่เป็นศูนย์แลกเปลี่ยนของสมาพันธ์จัสทิสสาขาภูมิภาคดาวเอ็นดาโร่ทั้งหมด

ค่ายฝึกจัสทิสลีกเป็นเพียงแค่หน่วยงานเล็ก ๆ ภายในสมาพันธ์จัสทิสทำให้ศูนย์การแลกเปลี่ยนของค่ายฝึกมีขนาดเล็กกว่าศูนย์การแลกเปลี่ยนของสมาพันธ์อย่างไม่ต้องสงสัย นอกจากนี้ศูนย์การแลกเปลี่ยนระดับ B ยังเป็นศูนย์การแลกเปลี่ยนระดับสูงที่เหล่านักเรียนไม่มีสิทธิ์ที่จะเข้าถึงได้ ด้วยเหตุนี้ภายในรายการที่ปรากฏขึ้นมาบนหน้าจอจึงมีสิ่งของระดับสูงต่าง ๆ ปรากฏขึ้นมาอย่างมากมาย

“อ้า… แบบนี้ค่อยน่าสนใจหน่อย ฉันคิดไว้แล้วว่าในสมาพันธ์คงจะไม่ได้มีแต่ขยะ” แม้แต่อันธก็ยังอดที่จะชื่นชมขึ้นมาไม่ได้

“เอาล่ะฉันจะออกไปก่อน นายมีเวลาเลือกของที่ต้องการภายใน 30 นาทีแล้วฉันจะกลับเข้ามา” เย่จิ่งชานจงใจส่งเสียงกระแอมขึ้นมา 2 ครั้งก่อนที่เขาจะบอกเงื่อนไขให้กับเซี่ยเฟย

หลังจากพูดจบเย่จิ่งชานก็เดินออกจากห้องทำงาน ซึ่งอันที่จริงเขาไม่รู้ว่าในระหว่างนี้เขาจะทำอะไรเพียงแต่เขาไม่อยากจะอยู่ภายในห้องเดียวกันกับเซี่ยเฟย

“30 นาที?” เซี่ยเฟยอุทานและสัมผัสได้ในทันทีว่ามันจะต้องมีอะไรบางอย่างซ่อนอยู่เบื้องหลังเหตุการณ์นี้อย่างแน่นอน

อย่างไรก็ตามเขาก็ไม่ต้องการละทิ้งโอกาสในครั้งนี้ไป เพราะเขาอาจจะไม่มีโอกาสได้แลกเปลี่ยนรายการระดับสูงพวกนี้อีกเลยก็ได้

อย่าลืมว่าเขากำลังจะต้องออกเดินทางไปยังภูมิภาคดาวมฤตยู ดังนั้นถ้าหากว่าเขาต้องการจะออกเดินทางได้อย่างดีเขาจะต้องเตรียมความพร้อมให้ดีเสียก่อน

นอกจากนี้ระดับความสามารถในปัจจุบันของเขาก็ไม่ได้เหมือนเดิมอีกต่อไปแล้ว มันจึงจำเป็นที่จะต้องเปลี่ยนอุปกรณ์มาคอยสนับสนุน

“ฉันเลือกชุดต่อสู้วินด์ชาโดว์รุ่นปกติตัวนี้ดีไหม? ชุดเดิมมันใส่ไม่ได้แล้ว” เซี่ยเฟยกล่าวขณะชี้ไปที่ชื่อชุดวินด์ชาโดว์บนหน้าจอ

“นายจะแลกเปลี่ยนของเกรดต่ำพวกนั้นไปทำไม ในเมื่อมันมีของที่ดีกว่าฉันคิดว่านายควรจะดูของทั้งหมดเสียก่อนแล้วค่อยคิดว่าอะไรมีประโยชน์กับนายมากที่สุด” อันธกล่าวพร้อมกับส่ายหัว จากนั้นเขาก็พูดต่อมาอีกว่า

“เร็ว ๆ เข้าสิ จะมัวยืนบื้ออยู่ทำไม อย่าลืมนะว่านายมีเวลาแค่ 30 นาที”

ภาพเหตุการณ์ต่อไปคล้ายกับว่าพวกเขาทั้งสองกำลังได้พบกับการต่อสู้อันน่าตื่นเต้น เพราะดวงตาของพวกเขาจะส่องแสงประกายออกมาให้เห็นเป็นครั้งคราว

เย่จิ่งชานจับเวลาอยู่นอกห้องอย่างเงียบ ๆ และเขาก็กำลังรู้สึกกังวลอย่างอธิบายไม่ถูก

ภายในศูนย์แลกเปลี่ยนระดับ B มีของดี ๆ ถูกเก็บไว้อย่างมากมาย ซึ่งถ้าหากเซี่ยเฟยแลกเปลี่ยนของพวกนั้นไปเย่จิ่งชานก็กังวลว่าสมาพันธ์จะได้รับผลกระทบ

ศูนย์การแลกเปลี่ยนระดับ B เป็นศูนย์การแลกเปลี่ยนสำหรับสมาชิกคนสำคัญของสมาพันธ์ เพราะภายในศูนย์แลกเปลี่ยนไม่เพียงแต่จะมีสินค้าหลากหลายเท่านั้น แต่ราคาของพวกมันยังต่ำกว่าราคาตลาดอีกด้วย

เย่จิ่งชานไม่ต้องการให้เซี่ยเฟยเลือกของจากศูนย์การแลกเปลี่ยนระดับ B ออกไป เขาจึงใช้กลอุบายในการหาข้อมูลรายการทั้งหมดตั้งแต่ระดับ B ลงไปแทน มันจึงทำให้รายการระดับ B ที่แท้จริงถูกซ่อนอยู่ในกองขยะนับพัน ซึ่งมันก็เพิ่มความยากลำบากให้กับเซี่ยเฟยในขณะที่เขาเลือกสิ่งของแลกเปลี่ยนกับคะแนน

“เซี่ยเฟยเป็นเพียงแค่นักเรียนธรรมดาเขาไม่มีทางรู้เรื่องนี้หรอก นอกจากนี้เขามีคะแนนอยู่ในมือเพียงแค่ 100,000 คะแนน มันไม่มีทางที่เขาจะใช้คะแนนทั้งหมดเพื่อแลกกับของเพียงแค่ชิ้นเดียว” เย่จิ่งชานพยายามปลอบใจตัวเอง

***************

อันนี้ก็เจ้าคิดเจ้าแค้นเหมือนกับอาจารย์ แต่มโนไปเองพี่เฟยไม่ได้ทำอะไรให้ ว่างั้นไหม? 5555

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด