ตอนที่แล้วตอนที่ 142: 1 ปีต่อมา
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปตอนที่ 144: ทุ่งดาวแห่งความตาย

ตอนที่ 143: กลับมา


ตอนที่ 143: กลับมา

ผมเผ้าหนวดเคราของเซี่ยเฟยรกรุงรังราวกับคนป่า ซึ่งในปีที่ผ่านมามันก็มีผมหงอกขึ้นแซมมาทั่วทั้งศีรษะของเขา

จากนั้นชายหนุ่มก็ทำการจัดแจงเสื้อผ้าด้วยฝ่ามือและทำการหวีผมที่ยุ่งเหยิงให้เรียบร้อย ก่อนที่เขาจะหยิบลูกบอลทองคำออกมาจากแหวนมิติแล้วเอามาวางไว้บนฝ่ามือ

“ที่นี่มีของดีอยู่เยอะจริง ๆ สมแล้วที่มันเป็นดาวมรดกจากอารยธรรมโบราณ แต่น่าเสียดายที่พวกเราเอามันกลับไปด้วยไม่ได้” อันธกล่าวขึ้นมาอย่างไม่เต็มใจ

“ไม่เป็นไร ฉันได้ของที่ฉันต้องการมากที่สุดแล้ว ในเมื่อกฎถูกบัญญัติเอามาไว้แบบนี้พวกเราก็ทำอะไรไม่ได้” เซี่ยเฟยกล่าวพร้อมกับเผยรอยยิ้มออกมาเล็กน้อย

“นายพูดถูก ถึงแม้ของที่นี่จะดีสักแค่ไหนแต่ตราบใดก็ตามที่เรายังมีชีวิตอยู่ สักวันพวกเราก็จะมีโอกาสได้พบกับของพวกนี้อีก” อันธกล่าวพร้อมกับพยักหน้า

ต่อมาชายหนุ่มก็ใช้นิ้วสัมผัสกับลูกบอลสีทองเบา ๆ ทำให้ลูกบอลพุ่งหายไปในอากาศและร่างของเขาที่เคยยืนอยู่บนยอดเขาก็หายไปด้วยเช่นเดียวกัน

ณ ซากปรักหักพังของเมือง 02 บนดาว YZZ-7526

ปัจจุบันครูฝึกกำลังนำนักเรียนจากค่ายฝึกจัสทิสลีกเข้าไปทำการสำรวจสถาบันวิจัยแร่ธาตุที่อยู่ใต้ดิน

ครูฝึกคนนี้มีชื่อว่า ‘ตู่เล่ย’ เป็นหนึ่งในครูฝึกที่อยู่ในเหตุการณ์ที่เซี่ยเฟยหายตัวไปเมื่อปีที่แล้วด้วย แต่ในตอนนี้เขาได้เลื่อนตำแหน่งแล้วเขาจึงสามารถนำทีมนักเรียนไปสำรวจยังสถานที่ต่าง ๆ ได้อย่างอิสระ

ทีมของนักเรียนที่ติดตามเขามาเป็นนักเรียนใหม่ที่พึ่งมีโอกาสได้เข้าค่ายชั้นในเหมือนกับเซี่ยเฟย โดยทีมสำรวจจะเดินทางไปยังดาวดวงนี้เป็นประจำในช่วงเวลาทุก ๆ 6 เดือน

“ที่นี่เคยเป็นสถาบันวิจัยแร่ธาตุของอารยธรรมโบราณมาก่อน ถึงแม้ว่าข้างในจะไม่ได้หลงเหลืออุปกรณ์อะไรแล้วแต่ทุกคนก็ยังมีโอกาสที่ดีที่จะได้สัมผัสกับสิ่งปลูกสร้างที่ยังคงมีความสมบูรณ์” ตู่เล่ยอธิบายขึ้นมาด้วยรอยยิ้มขณะใช้มืออีกข้างชี้ไปยังสถาบันวิจัยด้านหลัง

เหล่านักเรียนต่างก็รับฟังด้วยความตื่นเต้น เนื่องจากสิ่งปลูกสร้างสมัยโบราณที่ยังสมบูรณ์เป็นสิ่งที่หาได้ยากมาก เพราะท้ายที่สุดพวกหุ่นยนต์ก็บุกถล่มมนุษย์ไปทั่วทั้งจักรวาลทำให้สถานที่ที่มีความสมบูรณ์ขนาดนี้หลงเหลืออยู่เพียงแค่ไม่กี่ที่เท่านั้น

ประตูโลหะที่เคยถูกเซี่ยเฟยทำลายได้รับการซ่อมแซมและติดตั้งระบบรักษาความปลอดภัยโดยทางสมาพันธ์เรียบร้อยแล้ว ทำให้สถาบันวิจัยแห่งนี้ตกอยู่ภายใต้การควบคุมของสมาพันธ์โดยสมบูรณ์

หลังจากตู่เล่ยทำการสแกนลายนิ้วมือและม่านตา เขาก็นำนักเรียนเข้าไปเยี่ยมชมสถาบันวิจัยที่ว่างเปล่า เพราะทางสมาพันธ์ได้ทำการขนอุปกรณ์ภายในห้องออกไปจนหมดแล้ว

ถึงแม้ว่าอุปกรณ์ที่ทรงคุณค่าจะถูกนำออกไปแต่อุปกรณ์ดำรงชีวิตยังคงไม่บุบสลาย เหล่านักเรียนจึงทำการตรวจสอบสถานที่แห่งนี้ด้วยความอยากรู้อยากเห็น มันจึงมีนักเรียนบางคนเริ่มทิ้งตัวนอนลงไปบนเตียงของมนุษย์โบราณ แล้วมันก็มีนักเรียนบางคนลองให้เครื่องสังเคราะห์อาหารผลิตอาหารออกมาให้กิน

อาหารสังเคราะห์พวกนี้มีรสชาติที่แย่มากแต่พวกนักเรียนก็ยังคงกินอาหารเข้าไปอย่างไม่หยุดปาก พร้อมกับทำการจินตนาการภายในใจของภาพที่บรรพบุรุษของพวกเขาอาศัยอยู่ในสถาบันวิจัยแห่งนี้

“เอาล่ะหลังจากนี้ฉันจะพาไปยังส่วนที่ลึกลับที่สุดของสถาบันวิจัย ที่นั่นเป็นสถานที่ทดลองมนุษย์โบราณและมีคุกที่เอาไว้ขังพวกมนุษย์โบราณด้วย เมื่อปีที่แล้วมีนักเรียนคนหนึ่งหายตัวไปภายในคุกอย่างลึกลับ จนกระทั่งในตอนนี้ก็ยังไม่มีใครค้นหาตัวเขาพบเลย ดังนั้นทุกคนจะต้องติดตามครูมาอย่างใกล้ชิด ระวังอย่าให้ตกหลุมดำในห้องขังห้องนั้นไปเชียวล่ะ” ตู่เล่ยพูดติดตลก

“มันมีหลุมดำอยู่จริง ๆ หรอ?”

“นักเรียนคนนั้นหายตัวไปได้ยังไง?”

เหล่านักเรียนเริ่มพูดคุยกันเบา ๆ เกี่ยวกับเหตุการณ์การหายตัวไปอย่างลึกลับของเซี่ยเฟย ท้ายที่สุดรุ่นพี่ของพวกเขาก็หายตัวไปในห้องขังอย่างลึกลับและมันก็ยังไม่มีใครสามารถให้คำตอบกับเรื่องนี้ได้

ตู่เล่ยพานักเรียนเดินผ่านช่องทางลับเข้าไปยังห้องทดลองสมองมนุษย์ ก่อนที่จะพาเดินเข้าไปในห้องขัง

แต่ทันทีที่เปิดประตูร่างของตู่เล่ยก็ชะงักค้างอย่างฉับพลัน

ภาพตรงหน้าคือชายผู้มีผมเผ้าหนวดเครารุงรังกำลังยืนคาบบุหรี่ด้วยท่าทางสบาย ๆ

ชิ้ง! ชิ้ง! ชิ้ง!

นักเรียนที่อยู่ด้านหลังตู่เล่ยเริ่มดึงอาวุธออกมาทีละคน เพราะท้ายที่สุดลักษณะของเซี่ยเฟยในขณะนี้ก็ดูค่อนข้างที่จะน่ากลัว

เซี่ยเฟยใช้มือจัดผมเผ้าให้เรียบร้อยก่อนที่เขาจะเดินเข้าไปหาครูฝึกด้วยรอยยิ้ม

หลังจากชายหนุ่มเดินเข้ามาใกล้ตู่เล่ยก็ได้พบว่าชายคนนี้ดูคุ้นตามาก เพียงแต่เขามีผมเผ้าและเคราหนาที่แตกต่างไปจากเดิม

“เซี่ยเฟย?!” ตู่เล่ยตะโกนออกมาด้วยความตกใจพร้อมกับดวงตาที่เบิกกว้างจนลูกกะตาแทบจะหลุดออกมาจากเบ้า

“กะ…กลับมาแล้ว…หรอ? เมื่อปีที่แล้วไปเที่ยวไหนมา…” ตู่เล่ยยิงคำถามออกมาด้วยความตะกุกตะกัก

เซี่ยเฟยถูกจัดให้พักในห้องที่เงียบสงบ ซึ่งในระหว่างทางเขาปฏิเสธที่จะตอบคำถามของทุกคนและคำพูดทิ้งท้ายที่เขาได้บอกเอาไว้ก่อนจะเดินเข้าประตูนั่นก็คือ

“ถ้าถึงเวลาอาหารเย็นแล้ว อย่าลืมเรียกผมด้วย”

ปัง!

เซี่ยเฟยปิดประตูห้องทิ้งพวกตู่เล่ยเอาไว้ด้านนอก จากนั้นเขาก็เข้าไปทำธุระในห้องน้ำ

“เอาล่ะทุกคนแยกย้ายกันไปได้แล้ว” ตู่เล่ยหันไปบอกกับนักเรียนทุกคนก่อนที่เขาจะเดินไปยังห้องบัญชาการเพื่อติดต่อไปยังสำนักงานใหญ่

“เขากลับมาแล้วครับ!” ตู่เล่ยกล่าวรายงานหลังจากที่ร่างของเย่จิ่งชานปรากฏขึ้นบนหน้าจอ

“ใจเย็น ๆ ค่อย ๆ ตั้งสติ แล้วบอกฉันทีว่าใครกลับมา” เย่จิ่งชานกล่าวขึ้นมาด้วยใบหน้าที่เย็นชาเช่นเดิม

“เซี่ยเฟยครับ! เซี่ยเฟยกลับมาแล้ว!!”

“อะไรนะ?! พูดอีกครั้งหนึ่งสิ” เย่จิ่งชานผงะไปเล็กน้อย

หลังจากนั้นตู่เล่ยก็เริ่มเล่าเรื่องตั้งแต่ที่เขานำทีมเด็กนักเรียนเข้าไปสำรวจสถาบันวิจัย ก่อนที่จะได้ไปพบกับเซี่ยเฟยในห้องขัง

“เขาได้บอกไหมว่าปีที่แล้วเขาหายตัวไปไหน” เย่จิ่งชานกล่าวถามพร้อมกับถอนหายใจ

“ไม่ครับ ผมพยายามถามเขาหลายครั้งแล้วแต่เขาก็ไม่ยอมเล่าอะไรเลย แต่ถ้าดูจากเสื้อผ้าและบาดแผลบนร่างกายแล้ว ผมก็คิดว่าปีที่ผ่านมาคงจะไม่ใช่ปีที่ดีสำหรับเขาแน่นอน” ตู่เล่ยกล่าวพร้อมกับส่ายหัว

“เอาล่ะรีบนำตัวเซี่ยเฟยกลับมาที่ค่ายฝึกเดี๋ยวนี้ เดี๋ยวฉันจะเป็นคนจัดการเรื่องนี้เอง แต่อย่าลืมเก็บเรื่องนี้เป็นความลับห้ามบอกใครคนอื่นจนกว่าฉันจะอนุญาต” เย่จิ่งชานกล่าว

“ผู้บัญชาการเย่แล้วผมจะทำยังไงกับพวกเด็กนักเรียนดีครับถ้าหากว่าผมพาเซี่ยเฟยกลับไป” ตู่เล่ยกล่าวขึ้นมาอย่างร้อนรน

“เรื่องง่าย ๆ แบบนี้ยังจำเป็นจะต้องถามอยู่อีกหรอ! ปล่อยพวกเขาเอาไว้ที่นั่นแหละแล้วส่งครูฝึกคนอื่นไปรับกลับมา ตอนนี้สิ่งที่นายจำเป็นจะต้องทำคือการเอาเซี่ยเฟยกลับมาที่ค่ายฝึกเดี๋ยวนี้” เย่จิ่งชานกล่าวพร้อมกับขมวดคิ้ว

“ได้ครับ” ตู่เล่ยพยักหน้ารับอย่างเกรงกลัว

หลังจากตู่เล่ยวางสายไปเขาก็รู้สึกว่าหัวใจของเขากำลังเต้นด้วยความเร็วมากกว่า 200 ครั้งต่อนาที นี่ถ้าหากว่าเขายังต้องพูดคุยกับเย่จิ่งชานต่อไปมันก็อาจจะทำให้เขาหัวใจวายตายได้เลย

เมื่อหยดน้ำเย็นกระทบลงใบหน้ามันก็ทำให้เซี่ยเฟยรู้สึกสดชื่น จากนั้นเขาก็ใช้กรรไกรตัดผมเผ้าให้เข้าที่และทำการโกนหนวดเคราให้เรียบร้อย

ร่างกายของชายหนุ่มมีความผอมลงและแข็งแรงขึ้นมากกว่าเดิม แต่ทั่วทั้งร่างของเขากลับมีแผลเป็นอยู่เป็นจำนวนนับไม่ถ้วน โดยเฉพาะตรงบริเวณหน้าอกที่มีรอยแผลเป็นสีแดงขนาดใหญ่

หลังจากทำการเช็ดตัวเซี่ยเฟยก็เดินไปที่เตียงพร้อมกับหยิบชุดวินด์ชาโดว์ขึ้นมาจากพื้น

อย่างไรก็ตามเมื่อชายหนุ่มชูชุดต่อสู้ขึ้นสะท้อนแสงแดดเขาก็ต้องส่ายหัวให้กับตัวเอง เพราะทั่วทั้งชุดมีรูน้อยใหญ่อยู่อย่างมากมายทำให้มีช่องแสงเป็นจำนวนมากที่ส่องทะลุชุดออกมา

“ทิ้งมันไปเถอะ ชุดต่อสู้นี้มันใช้การไม่ได้แล้ว” อันธกล่าวขณะที่ยืนอยู่ข้าง ๆ

เซี่ยเฟยพยักหน้ารับพร้อมกับโยนชุดต่อสู้ทิ้งไปแม้ว่าภายในใจของเขาจะรู้สึกเสียดายเล็กน้อย แต่ชุดต่อสู้ที่ไม่สามารถปกป้องผู้สวมใส่ได้มันก็ไม่สมควรที่จะเป็นชุดต่อสู้อีกต่อไป

“ชุดนี่มันมีราคามากกว่า 300 ล้านสตาร์คอยน์เลยนะ” เซี่ยเฟยกล่าวพร้อมกับเผยรอยยิ้มออกมาแห้ง ๆ

“มันก็แค่ชุดต่อสู้ชุดหนึ่งเท่านั้นแหละ” อันธมองไปยังชายหนุ่มด้วยสายตาที่ว่างเปล่าคล้ายกับเอือมระอากับความงกของชายหนุ่มคนนี้

“นายไม่เคยยากจนนี่ นายจะไปรู้ค่าของเงินได้ยังไง” เซี่ยเฟยโต้ตอบกลับไป

เมื่ออันธพิจารณาคำพูดของเซี่ยเฟยดูแล้วเขาก็ได้พบว่าตัวเองไม่เคยกังวลเรื่องเงินมาก่อนจริง ๆ เขาจึงไม่สามารถทำความเข้าใจความขมขื่นของชายหนุ่มตรงหน้าได้

ต่อมาเซี่ยเฟยก็ได้หยิบชุดกีฬาตัวเก่งตั้งแต่สมัยเขาใส่ปั่นจักรยานส่งของขึ้นมาสวมใส่อีกครั้งพร้อมกับหยิบเชสซิ่งไลท์ผูกไว้ที่แขนขวาตามความเคยชิน

ชายหนุ่มติดนิสัยผูกเชสซิ่งไลท์กับแขนขวาของเขาเป็นประจำอยู่แล้ว ซึ่งถ้าหากว่าเขาไม่ได้มีอาวุธติดตัวไว้มันก็จะทำให้เขารู้สึกไม่สบายใจจนไม่สามารถนอนหลับพักผ่อนได้จริง ๆ

อย่างไรก็ตามชายหนุ่มก็ทำการพิจารณาคมดาบสีฟ้าของเชสซิ่งไลท์ซ้ำแล้วซ้ำเล่า ซึ่งใบดาบนั้นเต็มไปด้วยรอยแตกร้าวมากมายและคมของดาบก็มีรูปร่างคล้ายกับฟันเลื่อย

เซี่ยเฟยจำทุกรอยแผลที่เกิดขึ้นบนใบดาบนี้ได้อย่างชัดเจน เพราะมันเป็นการต่อสู้ที่ยากลำบากและอันตรายจนเขารู้สึกเหมือนกับมันเพิ่งเกิดขึ้นเมื่อวาน

อันธกำลังพยายามจะพูดอะไรออกไป แต่เซี่ยเฟยกลับยกมือขึ้นมาห้ามเอาไว้เสียก่อน

“ไม่ต้องพูด ฉันเข้าใจว่าอาวุธชิ้นนี้ก็ไม่ควรเก็บเอาไว้แล้วด้วยเหมือนกันและฉันก็จำเป็นจะต้องทิ้งอาวุธราคา 200 ล้านสตาร์คอยน์ไป”

หลังจากใช้เวลาทำใจสักพักเซี่ยเฟยก็ถอดเชสซิ่งไลท์ออกไปโยนทิ้ง

การทำแบบนี้ทำให้เขารู้สึกอึดอัดไปทั่วทั้งตัว เพราะถ้าหากว่าเขาไม่มีชุดวินด์ชาโดว์กับเชสซิ่งไลท์ มันก็เหมือนกับเขาขาดแขนขาของตัวเองไปและทำให้ความรู้สึกหวาดระแวงเริ่มปรากฏขึ้นมา

ในช่วงเวลา 1 ปีอันยากลำบากไม่เพียงแต่เขาจะสูญเสียชุดต่อสู้และอาวุธคู่ใจไปเท่านั้น แต่สมุนไพรและอาหารในแหวนมิติก็ถูกใช้จนหมดเกลี้ยงเช่นเดียวกัน ซึ่งแม้แต่ไข่ทองคำที่เป็นจักรกลสังหารของอารยธรรมโบราณก็ถูกใช้ออกไปแล้วด้วยเช่นกัน

ชายหนุ่มค่อย ๆ เทของออกจากแหวนมิติทีละชิ้น ก่อนที่เขาจะได้พบว่าเครื่องรับสัญญาณที่พอตเตอร์ได้ทิ้งเอาไว้กำลังส่องแสงกระพริบออกมาอย่างต่อเนื่อง

***************

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด