2. การทดสอบพลังวิญญาณ
เด็กน้อยวิลเลี่ยมนั่งสีหน้าเหม่อลอยบนอยู่เก้าอี้ไม้เรียบง่ายที่ตั้งอยู่ในที่แคบๆ
ไม่นานมานี้เขาถูกศัตรูตลอดกาลฟันจนยับเยิน
เขาก้มลงมองตัวเขาและตรวจดูว่าตรงส่วนไหนที่ถูกหางเหล่านี้แทง
แต่กลับไม่พบร่องรอยใดๆแม้แต่รอยเดียว
มันแปลกมาก แต่สิ่งที่แปลกกว่าคือสิ่งที่เขาเพิ่งเจอมา
เขารู้สึกเหมือนเป็นเรือเสากระโดงหักที่เคว้งคว้างอยู่กลางพายุฝน
หลังจากผ่านไปหนึ่งชั่วโมง เขาก็ควบคุมอารมณ์ที่ยุ่งเหยิงและจิตใจที่สับสนได้
ตอนนี้โลกภายนอกกลายเป็นสีดำสนิท แสดงให้เห็นว่าเป็นเวลากลางคืนที่ดึกแค่ไหนแล้ว
เขายังไม่อยู่ในอารมณ์ที่จะคิดถึงการนอนหลับ
เขาเพิ่งฟื้นคืนชีพด้วยการถูกส่งย้อนเวลากลับมาโดยพลังลึกลับ
การต่อสู้ที่สิ้นหวังกับสัตว์อสูรจิ้งจอกเก้าหางยังคงวนเวียนอยู่ในใจแม้จะผ่านไปหนึ่งชั่วโมงแล้วก็ตาม
“’งั้นแสดงว่าข้ากลับมาที่สถานศึกษา… เฮ้อ”
เขาสูดลมหายใจเข้าลึกๆ ขณะนึกทบทวนถึงชีวิตที่ผ่านมาในสถานศึกษาแห่งนี้
ในที่นี้วิลเลียมไม่ได้มีชีวิตความเป็นอยู่ที่ดีนัก
เขาไม่ได้มีจุดเริ่มต้นที่มาจากตระกูลอันทรงเกียรติหรือตระกูลที่ร่ำรวย
สถานศึกษาแห่งนี้จัดได้ว่าเป็นหนึ่งในสถานศึกษาที่มีชื่อเสียงที่สุด
ในอาณาจักรมนุษย์ทางตอนใต้ทั้งหมด
แต่เขาอยู่ในฐานะของพนักงานทำงานเบ็ดเตล็ดตัวเล็กๆเท่านั้น
พนักงานทำงานเบ็ดเตล็ดมีหน้าที่เพียงอย่างเดียวคือ
ช่วยขนของและจัดหาสิ่งของตามความต้องการ
ให้กับศิษย์ที่ลงทะเบียนอย่างเป็นทางการของสถานศึกษา
เด็กเหล่านั้นมาจากครอบครัวที่ร่ำรวยและตระกูลที่แข็งแกร่ง
เขามีหน้าที่ต้องรับใช้พวกเขาในตอนกลางวัน
อาจดูเหมือนเป็นชีวิตที่ย่ำแย่ แต่จริงๆก็ไม่ได้แย่ขนาดนั้น
ผลตอบแทนจากการทำงานแปดชั่วโมงในทุกวัน ทำให้เขามีที่อยู่อาศัย
มีทรัพยากรเพียงเล็กน้อยจากสถานศึกษา
และยังมีโอกาสเข้าร่วมเรียนและแม้กระทั่งการออกสำรวจภายนอก
แต่เมื่อเทียบกับชีวิตที่เพิ่งจบลงด้วยน้ำมือของจิ้งจอกเก้าหาง
เขารู้ว่านี่ไม่ใช่ชีวิตที่เหมาะสมกับเขา มันไม่ใช่ชีวิตที่เขาต้องการ
“ข้าจะต้องเปลี่ยนทุกสิ่ง”
เขากำหมัดทั้งสองแน่น ร่างกายที่บอบบางสั่นสะท้านเล็กน้อย
“ข้าได้รับโอกาสที่จะตอบแทนสิ่งที่ไอ้จิ้งจอกเฮงซวยนั้นทำกับข้ากลับเป็นสองเท่า ข้าจะไม่ยอมเสียเวลาไปแม้แต่วินาทีเดียว มันต้องไม่ใช่แบบนี้”
เขามองผ่านหน้าต่างบานเล็กในห้องแคบๆนี้ออกไปข้างนอก
สิ่งนี้เรียกได้ว่าเป็นที่อยู่อาศัยของเขา
แต่จริงๆแล้วมันเป็นแค่ห้องเล็กๆไร้ประโยชน์ที่ตั้งอยู่รอบนอกสถานศึกษา
เขาไม่คิดเลยว่าความปรารถนาในวาระสุดท้ายจะกลายเป็นจริง
เขาตะโกนใส่หน้าเจ้าสุนัขจิ้งจอกตัวนั้น
แต่ไม่เคยคิดหรือแม้แต่ฝันว่าเขาจะถูกส่งย้อนเวลากลับมามีชีวิตอีกครั้ง
เมื่อเขานึกถึงคำพูดสุดท้ายที่เขาตะโกนออกมาก่อนตาย
เขาก็เริ่มสงบสติอารมณ์ลง
“ข้าต้องวางแผนให้ดี”
เขาพูดกับตัวเองก่อนจะเปิดลิ้นชักในโต๊ะหยิบบางอย่างออกมา
มันคือผลึกสีขาวบริสุทธิ์ที่มีผิวเป็นประกายระยิบระยับ
มันเป็นคริสตัลที่รู้จักกันในโลกนี้ในชื่อคริสตัลวิญญาณ ซึ่งเป็นสกุลเงินสากลที่ใช้ในโลกนี้
เขาวางมันไว้บนโต๊ะหลังจากปัดฝุ่นออกแล้ว จากนั้นเขาก็หยิบของอีกชิ้นออกมาจากลิ้นชัก
มันคือเทียนสั้นและหนา ผิวด้านนอกของมันเต็มไปด้วยจุดเขียวกลมๆ
ที่ไม่สม่ำเสมอซึ่งเกิดจาการหลอมละลายของเทียน
มันคือเทียนแห่งแสงที่พบได้ทั่วไปในโลกนี้ใช้เพื่อขจัดความมืด
มันไม่มีอะไรอื่นนอกจากวัสดุสีเขียวนี้ แต่เมื่อสัมผัสกับไฟ
มันจะเผาไหม้และเปล่งแสงมากพอที่จะขับไล่ความมืด
มันสร้างมาจากแร่ทั่วไปซึ่งพบข้างเหมืองแร่ขนาดใหญ่
มันไม่มีค่าอะไรนอกจากเอาไว้ใช้ส่องแสงในตอนกลางคืน
แต่วิลเลียมรู้วิธีใช้ประโยชน์อีกหลายอย่างของวัสดุนี้
ของทั้งสองอย่างที่วิลเลียมเอาออกมาเป็นของค่อนข้างธรรมดาที่ไม่มีค่ามากนักในโลกนี้
มันไม่น่าแปลกที่พนักงานทำงานเบ็ดเตล็ดอย่างเขาจะได้รับของแบบนี้จากสถานศึกษา
“ข้าจำได้ว่าเมื่อก่อนความแข็งแกร่งของข้าหยุดนิ่งอยู่นานก่อนการล่มสลายครั้งใหญ่ แต่ข้ายังต้องทดสอบมัน”
เขาพึมพำก่อนจะถือคริสตัลวิญญาณไว้ในมือข้างหนึ่ง และถือเทียนแห่งแสงในมืออีกข้าง
เขาใช้พลังวิญญาณที่อ่อนแอในร่างเขาจุดไฟเหนือเทียนแห่งแสงจากนั้นก็รอ
ในสายตาของคนอื่น เทียนจะดูเหมือนจะใช้ทดสอบอะไรไม่ได้
แต่เขารู้ว่าวัสดุของเทียนเป็นตัวกระตุ้นที่สมบูรณ์แบบของวัสดุตัวนำต่างๆอย่างเช่นคริสตัลวิญญาณ
การทดสอบพลังวิญญาณในโลกนี้มีวิธีการที่แตกต่างกัน
แต่สำหรับวิลเลี่ยม วิธีเหล่านั้นเป็นวิธีที่ไม่สมบูรณ์และเชื่องช้าในสายตาของเขา
เขาคิดจะใช้วิธีใหม่นี้ทดสอบพลังวิญญาณของเขา มันเป็นวิธีที่ยังไม่เป็นที่รู้จักในโลกนี้
คริสตัลวิญญาณถูกขุดขึ้นจากเหมืองขนาดใหญ่ทั่วโลก
ก้อนที่เขามีอยู่ถือได้เป็นระดับต่ำที่สุด มันมีพลังวิญญาณในระดับปานกลาง
แต่เพียงพอที่จะใช้ในการทดสอบของเขา
ทันทีที่ไฟปรากฏขึ้น เทียนสีเขียวทั้งหมดก็ติดไฟส่องแสงสีเขียวจางๆ ตามปกติ
แต่ดวงตาของวิลเลียมจับจ้องไปที่ตัวเทียน ไม่ใช่แสงของมัน
ไฟทำให้เทียนทั้งเล่มร้อนขึ้น วัสดุนี้จะกลายเป็นของเหลวเมื่อสัมผัสกับไฟเหมือนกับเทียนไข
ลูกปัดสีเขียวจางๆเริ่มก่อตัวขึ้นบนผิวที่ไม่สม่ำเสมอของเทียน
เมื่อเห็นสิ่งนี้ วิลเลี่ยมก็เอียงเทียนไปไว้เหนือคริสตัลปล่อยให้ลูกปัดสีเขียวเล็กๆ หล่นลงบนผิวที่เรียบของมัน
หนึ่งเม็ด ห้าเม็ด หนึ่งร้อยเม็ด เมื่อผิวของคริสตัลถูกครอบคลุมทั้งหมดแล้ว
เขาก็วางเทียนไว้ข้างๆ ถือคริสตัลวิญญาณไว้ในมือทั้งสองข้างก่อนจะถูมันช้าๆ
เมื่อวัสดุสีเขียวของเทียนปกคลุมผิวทั้งหมดอย่างสม่ำเสมอแล้วเขาก็หยุด
*ฟุ่บ!*
เขาค่อยๆ อัดฉีดพลังวิญญาณเข้าไปในคริสตัลอย่างช้าๆ
ทันทีที่พลังวิญญาณของเขาสัมผัสกับผิวของมัน มันก็เริ่มส่องแสงสีเขียวจางๆ
ก่อนที่วัสดุสีเขียวจะค่อยๆซึมเข้าไปภายในคริสตัลและในที่สุดก็หายไปเหมือนไม่เคยมีมาก่อน
อย่างไรก็ตาม ใบหน้าเล็กๆ ของเขากลับไม่มีปฏิกิริยาใดๆเลยแม้แต่น้อย
ทันทีที่จุดสุดท้ายของวัสดุสีเขียวหายไป ก็มีการเปลี่ยนแปลงใหม่เกิดขึ้นที่ใจกลางของคริสตัลวิญญาณ
แสงวาบปรากฏขึ้นริบหรี่ก่อนที่มันจะเริ่มวิวัฒนาการ
วิลเลียมยังคงอัดฉีดพลังของเขาเข้าไปในคริสตัลจนกระทั่งการเปลี่ยนแปลงหยุดลง
และมีภาพที่ชัดเจนปรากฏขึ้นต่อหน้าของเขา
เขายกคริสตัลขึ้นมาดูใกล้ๆ ตรวจสอบรูปแบบและสีภายในคริสตัล
“สีขาวจางๆ มีเพียงสิบสองจุดเท่านั้น… มันคือความแข็งแกร่งของข้าในตอนนี้… เฮ้อ!”
เขาพูดด้วยน้ำเสียงโศกเศร้า
“คะแนนวิญญาณสิบสองแต้ม ไม่ได้ใกล้เคียงกับการเป็นปรมาจารย์จิตวิญญาณเลย”
เขาไม่รู้ว่าจะร้องไห้หรือหัวเราะกับผลลัพธ์ดังกล่าวดี
ถ้ามีใครย้อนเวลากลับมาในช่วงเวลาที่เขาอยู่ในวัยเยาว์
และมาบอกเขาว่าโชคชะตาของเขาจะเปลี่ยนไป
กลายเป็นปรมาจารย์จิตวิญญาณที่ทรงพลังในอีกยี่สิบปีข้างหน้า
เขาจะเรียกชายคนนี้ว่าคนบ้า!