ตอนที่แล้วบทที่ 437-438
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปบทที่ 441-442

บทที่ 439-440


บทที่ 439

ความจริงที่ไม่คาดไม่ถึง

 

ปกติแล้วเจียงเชิ้งหนานเป็นคนนิสัยอ่อนโยน แต่เมื่อต้องเผชิญพบกับความไม่ถูกต้อง เขาก็พร้อมเข้าไปทำให้มันถูกต้อง ตอนนี้เขาพุ่งตัวไปข้างหน้าอย่างรวดเร็วโดยไม่คิดอะไร

เขาผลักชายคนนั้นถอยหลังไปชนเข้ากับกำแพง ก่อนแสดงสีหน้าโกรธเกรี้ยว แล้วยกมืออีกข้างขึ้นมาต่อยอีกฝ่ายในทันที

“คุณ... นี่คุณเข้ามาทำอะไร?”

หญิงวัยกลางคนตกใจเมื่อเห็นชายแปลกหน้าสวมชุดสูทวิ่งเข้ามา พร้อมกับอารมณ์โกรธที่รุนแรง ราวกับสัตว์ร้ายที่ควบคุมไม่ได้ เธอจึงกรีดร้องเสียงดังเพื่อขอความช่วยเหลือ

“ช่วยฉันด้วย! ใครก็ได้ช่วยที!”

“ว๊าย!”

หลังจากเสียงกรีดร้องดังขึ้น และก้องกังวานไปทั่วอาคารอยู่นาน

เสียงฝีเท้าหลายคนดังขึ้น บรรดาเพื่อนบ้านต่างวิ่งเข้ามามุงดูสถานการณ์ตรงหน้าประตูห้อง

ภายในห้องและนอกห้องตอนนี้วุ่นวายมาก เสียงของทุกคนดังขึ้นพร้อมกันจนฟังแทบไม่รู้เรื่อง

“คนนี้บ้าเป็นคนรึเปล่า? ใครก็ได้โทรเรียกตำรวจที!”

เสียงของคุณป้าอีกคนพูดด้วยความเป็นกังวล

“พระเจ้าช่วย! มีคนวิกลจริตแบบนี้บุกเข้ามาในอาคารได้ยังไง? เป็นแบบนี้พวกเราจะตายกันหมด ทำไมถึงต้องมาสร้างความวุ่นวายกับพวกเราด้วย?”

เสียงของคุณป้าอีกหนึ่งคนดังขึ้น และน้ำเสียงนั้นเต็มไปด้วยความหวาดกลัว

ระหว่างที่ทุกคนกำลังชุลมุนและพูดกันเสียงดัง ชายวัยกลางคนที่ถูกเจียงเชิ้งหนานล็อกไว้ เขาต่อยสวนเพื่อตอบโต้    เจียงเชิ้งหนานกลับทันที ทำให้แว่นของเขากระเด็นหล่นตกลงบนพื้น

เจียงเชิ้งหนานรู้สึกตาพร่ามัวจนมองเห็นไม่ค่อยชัด หลังจากถูกต่อยจนแว่นตกหายไป

ทันใดนั้นเอง เสียงตกใจของหญิงสาวคนหนึ่งดังขึ้นมาจากตรงประตู

“เจียง... เจียงเชิ้งหนาน?”

เสียงที่คุ้นเคยแบบนี้!

เป็นเสียงของเฟยเสวี่ยไม่ผิดแน่!

“เฟยเสวี่ย! เฟยเสวี่ย! ผมมาช่วยแล้ว! ผมไม่ปล่อยให้คุณไปกับพวกมันหรอก!”

เจียงเชิ้งหนานหันไปทางประตูแล้วตะโกนเสียงดัง แต่ตาของเขายังพร่ามัวมองอะไรไม่ค่อยเห็น จึงเห็นเพียงเงาตะคุ่ม ๆ หลายคนตรงประตูเท่านั้น

ซือเฟยเสวี่ยที่ยืนดูอยู่ข้างประตูตกตะลึงเล็กน้อย เขากำลังพูดอะไร? แล้วทำไมเขาถึงอยู่ที่นี่?

แถมยังเรียกฉันว่า “เฟยเสวี่ย” ด้วยไม่ใช่เหรอ? นานมากแล้วที่ไม่ได้ยินเขาเรียกฉันแบบนี้...

เจียงเชิ้งหนานรู้ว่าตอนนี้เขามองเธอไม่ค่อยชัด บวกกับกลุ่มคนที่ยืนแออัด เขาจึงตะโกนอีกครั้งว่า

“คนพวกนี้! คนพวกนี้กำลังบังคับให้เฟยเสวี่ยไปขายตัว! ผมกำลังสั่งสองพวกเขาอยู่! ทุกคนรีบมาช่วยกันจัดการเร็ว!”

ผู้หญิงวัยกลางคนในตอนแรกพูดว่า

“คุณกำลังพูดเรื่องอะไร?! พวกเราเป็นพลเมืองดีนะ!”

แม้แต่กลุ่มคนที่อยู่นอกประตูต่างตกตะลึงเช่นกัน ครอบครัวนี้เป็นเพื่อนบ้านที่ดีมาก เป็นไปไม่ได้ที่พวกเขาจะทำอย่างนั้น!

ผู้ชายคนนี้เสียสติไปแล้วรึไง?

ชายวัยกลางคนอาศัยโอกาสตอนเจียงเชิ้งหนานกำลังเผลอ ต่อยสวนกลับไปที่จมูกของเจียงเชิ้งหนานเข้าเต็ม ๆ ทำให้เขาโซเซไปข้างหลัง ก่อนล้มลงบนโซฟา

เดิมทีเขาเป็นคนที่กระดูกอ่อนแออยู่แล้ว เมื่อได้รับบาดเจ็บรุนแรงเหมือนในตอนนี้ เขาจึงไม่สามารถทนความเจ็บได้และล้มลง

“หยุดได้แล้ว...”

ซือเฟยเสวี่ยยืนดูต่อไปไม่ได้ ก่อนรีบเดินเข้าไปในห้อง แล้วห้ามปรามพวกเขา

เมื่อชายวัยกลางคนเห็นซือเฟยเสวี่ย เขาหันไปถามเธอว่า

“เฟยเสวี่ย เธอรู้จักผู้ชายคนนี้ด้วยเหรอ?”

เจียงเชิ้งหนานพยายามคลำไปมาบนพื้นจนพบแว่นของเขาที่เสียรูปทรงและพังยับเยิน แต่เขาก็หยิบแว่นขึ้นมาสวมด้วยมือที่สั่นเทา ถึงสวมแว่นแล้วจะมองไม่ค่อยชัดเหมือนเดิม แต่เขาก็สัมผัสเธอได้ จึงพูดขึ้นว่า

“เฟยเสวี่ย อย่าตกลงทำเรื่องแบบนั้นเด็ดขาด ผมรู้แล้วว่าแม่คุณป่วยอยู่... ผมจะช่วยครอบครัวคุณเอง”

ซือเฟยเสวี่ยตกตะลึงอีกครั้ง ดูเหมือนว่าเจียงเชิ้งหนานต่างไปจากก่อนหน้านี้หนึ่งชั่วโมงมาก ๆ...

“แล้วทำไมคุณถึงมาที่นี่?”

ขณะเดียวกัน หลังจากชายวัยกลางคนฟังเจียงเชิ้งหนานพูดจบ เขาก็หันไปมองเจียงเชิ้งหนานด้วยสีหน้าเหนื่อยใจ ปรากฏว่าเรื่องทั้งหมดนี้เป็นการเข้าใจผิดและเขาต้องรีบอธิบาย

“ผมได้ยินคุณพูดว่า บังคับให้เฟยเสวี่ยขายตัวสินะ…”

ผู้หญิงวัยกลางคนกะพริบตาปริบ เขาเข้าใจแบบนั้นไปได้ยังไง?

“ฉันว่าคุณเข้าใจผิดแล้ว พวกเรากำลังดูทีวีอยู่ต่างหากล่ะ!”

บทที่ 440

คงเป็นคนเข้าห้องผิด

ดูทีวีเหรอ?

เมื่อได้ยินคำนี้ เจียงเชิ้งหนานเพิ่งรู้ตัว ดูทีวี!

ขณะเดียวกัน เสียงของหญิงวัยกลางคนก็ดังมาจากลำโพงของทีวีเครื่องเก่าที่เขาไม่ทันได้สังเกต

“มานี่ คืนนี้เธอต้องไปกับฉัน แค่เปลืองตัวนิดหน่อยก็ได้เงินแล้ว! ทีนี้เธอจะได้มีเงินช่วยครอบครัวไง!”

ภายในห้องเงียบกริบอยู่สักพัก...

ทุกคนต่างมองหน้ากัน และเข้าใจสิ่งที่เกิดขึ้นแล้ว

ไม่นานเสียงพูดคุยกันก็ค่อย ๆ เงียบลง

สีหน้าของซือเฟยเสวี่ยว่างเปล่าในทันที

ส่วนเจียงเชิ้งหนานมีสีหน้าแดงก่ำ โธ่เว้ย น่าขายหน้าที่สุด

กลายเป็นว่าฉันเข้าใจผิดไปเอง... นี่มันฝันร้ายตอนตื่น  ชัด ๆ...

“นี่เจ้าหนุ่ม คราวหน้าคราวหลังอย่าหุนหันพลันแล่นแบบนี้อีกนะ!” ชายวัยกลางคนมองเจียงเชิ้งหนานอย่างเหนื่อยใจ ก่อนเตือนสติเขาแล้วลุกไปเก็บของ

ซือเฟยเสวี่ยหยิบกระดาษทิชชูสีขาวออกมา ก่อนลังเลอยู่พักหนึ่ง แล้วส่งให้เจียงเชิ้งหนาน

“คุณ... เช็ดก่อนสิ”

เมื่อเห็นซือเฟยเสวี่ยยื่นกระดาษทิชชูมาให้                   เจียงเชิ้งหนานก็รู้สึกมีความสุขมาก

ทำให้เขานึกถึงวันวานสมัยมัธยมปลายขึ้นมาทันที...

เขาหันหน้าไปอีกทาง รีบเช็ดเลือดตรงจมูกออก แล้วรีบรวบรวมสติเพื่อไม่ให้เธอเห็นสีหน้าอับอายของเขา

เมื่อเช็ดเสร็จแล้ว เขาหันหน้ากลับมาก็พบว่าซือเฟยเสวี่ยหายตัวไปแล้ว

แม้แต่กลุ่มคนที่ยืนดูสถานการณ์ก่อนหน้านี้ก็หายไปอย่างรวดเร็วเช่นกัน

ชายวัยกลางคนยกมือขึ้นมาแล้วชี้ไปที่ประตูถัดไป ก่อนส่งสัญญาณให้เขา รีบออกไปหาหญิงสาวคนนั้น

เจียงเชิ้งหนานลุกขึ้นยืน ก่อนขอโทษซ้ำแล้วซ้ำเล่าแล้วกล่าวขอบคุณ

“ขอโทษครับ! แต่ก็ขอบคุณมากครับ!”

เขาหยิบเงินจำนวนหนึ่งขึ้นมา ยัดใส่ในมือชายวัยกลางคนแล้วเดินออกไป

ก็... ให้เขาเอาไปจ่ายค่าซ่อมประตูละกัน...

อืม แต่ฉันมันใจร้อนเกินไปจริง ๆ...

แต่ยังดี เฟยเสวี่ยรู้จักทุกคนที่อยู่ที่นี่... ฉันหวังว่าเรื่องนี้จะไม่ทำให้เธออยู่อย่างลำบากนะ...

เจียงเชิ้งหนานรีบวิ่งออกไป จนมาหยุดตรงหน้าห้อง      ซือเฟยเสวี่ย  เมื่อเช็กแล้วว่าเลขห้องตรงกับข้อมูลที่ได้มา เขาก็เตรียมใจให้พร้อมอีกครั้ง...

ก่อนยกมือขึ้นแล้วเคาะประตูเบา ๆ

“เฟยเสวี่ย... ให้ผมเข้าไปได้ไหม?”

ภายในห้อง ซือเฟยเสวี่ยกำลังป้อนยาให้แม่อยู่ เมื่อเธอได้ยินเสียงเคาะประตูก็ขมวดคิ้วทันที

เขามาหาฉันจริง ๆ ด้วย...

แปลว่า คุณป้ามู่คงไปพูดอะไรกับเขาไว้สินะ...

แต่นี่ก็ผ่านมาหลายปีแล้วนะ ฉันไม่อยากยุ่งเกี่ยวกับเขาอีก เขาจะรู้บ้างไหมว่าตัวเองไม่ควรมาที่นี่?

แม่ของเธอกระแอมไอสองถึงสามครั้งแล้วพูดว่า

“เฟยเสวี่ยลูก เพื่อนมาหาเหรอ? ทำไมไม่เปิดประตูให้เขาล่ะ?”

ซือเฟยเสวี่ยรีบตอบกลับ

“เปล่าค่ะ... หนูเดาว่าคงเข้าผิดห้อง”

แม่ของเธอรู้ดีว่าหลังจากตัวเองป่วยหนักมาหลายปี นอกจากเพื่อนบ้านที่นี่แล้ว ก็ไม่มีใครอื่นมาเยี่ยมพวกเธอเลยสักคน ในเวลานี้ เมื่อเธอได้ยินเสียงผู้ชายข้างนอกเรียกชื่อเฟยเสวี่ย จึงรีบบอกเหตุผลกับลูกสาวว่า

“ไม่ได้นะเฟยเสวี่ย เขาไม่ได้เข้าห้องผิดหรอกมั้ง คนรู้จักของหนูสินะ? ไปเปิดประตูให้เขาเถอะ”

ซือเฟยเสวี่ยหยุดป้อนยาไปชั่วขณะ เธอเริ่มลังเลที่จะลุกขึ้น แต่เมื่อแม่ของเธอพูดอย่างนั้น เธอก็ไม่สามารถละเลยคำขอนี้ได้

เธอจึงวางชามยาลง แล้วเดินไปเปิดประตูด้วยท่าทางอึดอัดใจ

เมื่อประตูเปิดออก บุคคลที่คุ้นเคยกำลังยืนรอเธออยู่ แต่ใบหน้านั้นกลับซีดเซียว อีกทั้งยังมีท่าทีที่แตกต่างจากก่อนหน้านี้ ดูเหมือนว่าเจียงเชิ้งหนานรู้สึกประหม่าไม่ใช่น้อย

เมื่อเห็นห้องของซือเฟยเสวี่ย ที่ทรุดโทรม เล็กแคบ และแทบไม่มีเฟอร์นิเจอร์เลย ทำให้เขาอดรู้สึกหดหู่ใจไม่ได้

เขาไม่เคยคิดมาก่อนเลยว่าแม่และลูกสาวสองคนนี้จะอาศัยอยู่ในห้องเช่าที่น่าหดหู่ใจมานานนับหลายปี

“คุณ... คุณไม่ควรมาหาฉันในที่แบบนี้”

“ผมเป็นคนขอให้คุณป้าบอกที่อยู่คุณ... ถ้าคืนนี้ผมไม่มา ผมกลัวว่าจะต้องเสียใจไปตลอดชีวิต”

ซือเฟยเสวี่ยหรี่ตาลง ไม่กล้ามองเขาโดยตรง

“คุณ... เข้ามาก่อนสิ ข้างนอกมันหนาว”