ตอนที่แล้วตำนานเทพปีศาจข้ามภพ บทที่ 254 หญิงที่น่ารังเกียจ
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปตำนานเทพปีศาจข้ามภพ บทที่ 256 ผู้บัญชาการปีศาจแมงมุม

ตำนานเทพปีศาจข้ามภพ บทที่ 255 กลับเมืองเจียเผิง (อ่านฟรี)


ตำนานเทพปีศาจข้ามภพ บทที่ 255 กลับเมืองเจียเผิง (อ่านฟรี)

แปลโดย iPAT  

สีหน้าของหลิวรู่ผิงเปลี่ยนไปเล็กน้อย แต่นางไม่กล้าตอบโต้ซุนฝูไป่ ดังนั้นนางจึงเบือนหน้าไปทางอื่น

หลี่ฉิงซานให้เสี่ยวอันรออยู่ข้างนอกขณะที่เขาเดินเข้าไปในเมืองเพียงลำพัง โครงสร้างที่พับขึ้นลงเหมือนเทคโนโลยีแห่งอนาคตในภาพยนตร์ดูน่าตื่นตาตื่นใจมาก

เมื่อเขามาถึงด้านหน้าร้านขายสินค้าเบ็ดเตล็ด เขาก็เปิดประตูและทำให้แสงส่องลงบนถนนที่มืดมิด

หลี่ฉิงซานได้ยินเสียงที่คุ้นเคยสองสามเสียงและได้ยินเสียงของหลิวรู่ผิงเช่นกัน เขายกคิ้วขึ้นข้างหนึ่งแต่เขาไม่รู้สึกเกลียดชังมากนัก สิ่งที่เขาทำคือหามุมอับและรออยู่อย่างเงียบๆ

ไม่กี่ชั่วโมงต่อมา เมืองทั้งหมดก็หายไป มีเพียงร้านขายสินค้าเบ็ดเตล็ดเท่านั้นที่เหลืออยู่

จอมยุทธ์ทั้งหมดออกมาจากร้าน คนสุดท้ายที่เดินออกมาคือหญิงร่างท้วมที่บังเอิญเป็นเจ้าของร้านเบ็ดเตล็ดชื่อซือเพ่ยเพ่ย

มีการรวมตัวทุกครั้งที่ร้านค้าปิด แต่ตอนนี้ไม่มีผู้ใดมีอารมณ์สังสรรค์อีกต่อไปเนื่องจากความโชคร้ายที่เกิดขึ้น

ในที่สุดเมืองทั้งหมดก็กลายเป็นเมืองขนาดเล็กอยู่ในมือของซือเพ่ยเพ่ย นางเก็บมันไว้ในกระเป๋าร้อยสมบัติก่อนจะโยนเรือไม้ลำเล็กขึ้นไปในอากาศ เรือขยายใหญ่ขึ้นเป็นร้อยเท่าและลอยอยู่บนท้องฟ้า

“ข้าจะกลับไปที่เมืองชิงเหอเพื่อรายงานเรื่องที่เกิดขึ้นกับสำนัก หากผู้ใดต้องการไปเมืองชิงเหอ เชิญขึ้นเรือ หากผู้ใดมีเรื่องอื่นต้องจัดการ เช่นนั้นก็ดูแลตนเอง ขอโทษที่ไม่สามารถไปส่ง เมืองเมฆาล่องจะเปิดทำการอีกครั้งในเดือนสามเมื่อสำนักศึกษาร้อยจอมยุทธ์เปิดรับสมัครศิษย์ใหม่ โปรดอย่าพลาด”

หลังจากนั้นเรือใบสีขาวก็บินขึ้นสู่ท้องฟ้าและหายไปในกลุ่มเมฆ

มีสิบกว่าชีวิตที่เฝ้ามองเรือแล่นออกไปก่อนจะเอ่ยปากอำลากันและกัน

หลี่ฉิงซานบังเอิญอยู่ในกลุ่มพวกเขา แม้เขาจะได้เห็นสิ่งมหัศจรรย์มามากในโลกใบนี้ แต่เขายังรู้สึกประหลาดใจทุกครั้งที่เห็นสิ่งใหม่ๆ

เขาก้มศีรษะลงและมองไปทางหลิวรู่ผิงที่เดินจากไป

…..

ในส่วนลึกใต้พื้นพิภพ ปีศาจรวมตัวกันและขู่คำรามใส่กัน

หากพวกมันเป็นมนุษย์ มันคงเกิดการต่อสู้ครั้งใหญ่ขึ้นแล้ว ท้ายที่สุดมนุษย์ก็เป็นสิ่งมีชีวิตที่สามารถสาปแช่งและแทงกันตายเพียงเพราะการมองหน้ากันแวบเดียว

ปีศาจไม่ฉลาดพอที่จะพัฒนาความคิดที่ซับซ้อนเช่นความเย่อหยิ่ง ในขณะที่ความโกรธไม่มีค่าสำหรับการอยู่รอด หากการต่อสู้ครั้งใหญ่เกิดขึ้น แม้แต่ฝ่ายชนะก็จะสูญเสียทหารปีศาจไปอย่างน้อยครึ่งหนึ่ง กระทั่งชีวิตของผู้นำก็อาจถูกคุกคาม

ผู้ใดจะบ้าพอที่จะประกาศสงคราม อาจเป็นมนุษย์? แต่สำหรับปีศาจ ขุนพลปีศาจเลือกที่จะเจรจา อย่างไรก็ตามวิธีเจรจาของพวกมันอาจดูโบราณและป่าเถื่อนในสายตาของมนุษย์

ปราณปีศาจของขุนพลปีศาจสี่ตนพลุ่งพล่านขึ้น แต่ในจังหวะนี้ทหารปีศาจจากด้านหนึ่งกลับรีบวิ่งเข้ามารายงานอย่างลนลาน

“ราชาผู้ยิ่งใหญ่ จากด้านล่าง นางมาจากด้านล่าง!”

ก่อนที่มันจะกล่าวจบ ดวงตาขนาดเท่าตะเกียงแปดดวงก็สว่างขึ้นในถ้ำอันมืดมิด ดวงตาแต่ละดวงเต็มไปด้วยความชั่วร้ายและป่าเถื่อนที่ไม่อาจจินตนาการถึง

ภายใต้การจ้องมองของดวงตาเหล่านั้น ปีศาจทั้งหมดตัวสั่นด้วยความหวาดกลัว ปีศาจขนาดใหญ่หลายตัวที่เคยกวัดแกว่งเขี้ยวเล็บ ตอนนี้กลับนอนครวญครงอยู่ที่นั่น

อย่างไรก็ตามสิ่งที่โผล่ออกมาจากความมืดกลับเป็นผู้หญิงที่ดูเย็นชาในชุดคลุมสีแดงสด ริมฝีปากสีแดงของนางแยกออกเล็กน้อยขณะที่นางกล่าวอย่างเย็นชาว่า “เจ้ากิ้งกืออยู่ที่ใด?”

…..

หลิวรู่ผิงบ่นอยู่ในใจที่ซือเพ่ยเพ่ยปฏิเสธที่จะให้นางขึ้นเรือ มิฉะนั้นผู้ใดจะรู้ว่ามันจะดูยิ่งใหญ่เพียงใดหากนางกลับกองกำลังของนางด้วยเรือลำนี้

นางนั่งอยู่บนพรมที่บินอยู่กลางอากาศ แม้มันจะบินได้ไม่สูง แต่ภูมิประเทศที่ทุรกันดารก็ไม่ใช่ปัญหาสำหรับนางอีกต่อไป

ขณะที่นางกำลังสงสัยว่าจะได้รับการต้อนรับอย่างไรเมื่อนางกลับบ้าน สายลมกรรโชกแรงก็พัดเข้ามา ก่อนที่นางจะตระหนักว่าเกิดสิ่งใดขึ้น มือขนาดใหญ่ที่มองไม่เห็นก็คว้ากุมลำคอของนางและยกนางขึ้นสู่อากาศ

หลี่ฉิงซานปรากฏตัวขึ้น เขาถือวาฬกลืนวารีไว้ในมือและถาม “เจ้าจำสิ่งนี้ได้หรือไม่?”

นางจะไม่รู้จักมันได้อย่างไร ดวงตาของหลิวรู่ผิงเต็มไปด้วยความหวาดกลัว นางเริ่มวิงวอน จากนั้นนางก็รู็สึกว่ามือที่จับคอของนางคลายออก “เจ้าคือหนิวจูเซี่ยงั้นหรือ? ขอบคุณสวรรค์ที่เจ้าปลอดภัย ข้าได้ยินว่าคนนิกายระบำไก่ฟ้ากำลังตามล่าเจ้า มันทำให้ข้ากังวลมากจนนอนไม่หลับไปหลายวัน”

“เจ้ายังปฏิเสธมันหลังจากทั้งหมดที่เกิดขึ้นจนถึงตอนนี้งั้นหรือ?” หากหลี่ฉิงวานไม่ได้ยินสิ่งที่นางกล่าวก่อนหน้านี้ในร้านขายสินค้าเบ็ดเตล็ด เขาอาจถูกนางหลอกอีกครั้ง

“นั่นเป็นเพียงคำพูดด้านเดียวของพวกเขา” หลิวรู่ผิงกล่าว นางดูมีเหตุผลและนางยังหลั่งน้ำตาของหญิงงาม

หลี่ฉิงซานเริ่มลังเล เดิมทีเขาต้องการให้นางยอมรับ แต่เขาไม่คาดหวังว่านางจะปฏิเสธ นอกจากคำพูดเพียงฝ่ายเดียวของชายสวมหน้ากาก เขาก็ไม่มีหลักฐานอื่นที่พิสูจน์ได้ว่าหลิวรู่ผิงแทงข้างหลังเขา

หลิวรู่ผิงกล่าว “ตราบเท่าที่ท่านไว้ชีวิตข้า ข้าจะทำทุกอย่างที่ท่านต้องการ”

หลี่ฉิงซานเย้ยหยันตัวเอง “ข้าไม่ใช่ศาล เหตุใดต้องใช้หลักฐาน? ในเมื่อเจ้าต้องการให้ข้าตาย ข้าก็จะส่งเจ้าไปก่อน!” เขายกดาบขึ้น จากนั้นเลือดก็สาดกระเซ็น แต่ก่อนที่มันจะตกถึงพื้น มันก็หลอมรวมเข้ากับเปลวไฟของเสี่ยวอัน ร่องรอยทั้งหมดของนางถูกลบออกไปอย่างสมบูรณ์

ยิ่งสิ่งมีชีวิตสวยงามมากเท่าใด การทำลายพวกมันก็ยิ่งน่าตื่นเต้นมากเท่านั้น อาจมีเพียงมนุษย์ที่สามารถเข้าใจความคิดที่ซับซ้อนเช่นนี้ สำหรับปีศาจ พวกมันจะฆ่าเพื่อเป็นอาหารเท่านั้น

หลี่ฉิงซานไม่ต้องการกลายเป็นคนที่มีจิตใจบิดเบี้ยว แม้เขาจะพยายามอย่างเต็มที่แต่มันก็ไม่ง่ายและเขาก็ไม่มีความคิดที่จะกินมนุษย์

เมื่อทิศตะวันออกสว่างขึ้น หลี่ฉิงซานก็หยุดเคลื่อนที่และมองไปยังเมืองใหญ่ที่ตั้งตระหง่านอยู่ใกล้กับภูเขาและแม่น้ำ หลังจากหลายเดือน ในที่สุดเขาก็กลับมาเมืองเจียเผิงอีกครั้ง

หลี่ฉิงซานเปลี่ยนไปสวมชุดเครื่องแบบของผู้พิทักษ์หมาป่าอินทรีย์และติดดาบวายุไว้ที่เอว ขณะที่เสี่ยวอันกลับสู่ร่างมนุาย์และสวมชุดใหม่เช่นกัน

หลี่ฉิงซานจับมือเสี่ยวอันและเดินเข้าไปในเมืองเจียเผิง

เขาเดินเล่นอย่างสบายอารมณ์และมองอาคารบ้านเรือนที่ประดับตกแต่งด้วยโคมไฟสีแดงไปทุกหนทุกแห่ง

เขาจำได้ทันทีว่านี่เป็นปีใหม่ เมื่อคำนวณเวลา เขาแก่ขึ้นอีกปีแล้ว ตอนนี้เขาอายุสิบเจ็ด

ไก่ขันขณะที่ควันเริ่มลอยขึ้นจากปล่องไฟ

ชีวิตก่อนหน้าเขาทำสิ่งใดตอนอายุสิบเจ็ด เขายังเรียนหนังสืออยู่ในโรงเรียน ใช้ชีวิตที่น่าเบื่อและซ้ำซากจำเจแบบนักเรียนมัธยมปลายทั่วไป แต่ตอนนี้เขาคร่าชีวิตผู้คนไปหลายพันคนแล้ว เขาต้องยอมรับว่าวิถีชีวิตแบบหลังน่าสนใจกว่าเล็กน้อย

บางทีบางคนอาจถอนหายใจด้วยความโศกเศร้าที่เป็นคนธรรมดา หรือบางทีพวกเขาอาจคิดถึงชีวิตที่สงบสุขในอดีต อย่างไรก็ตามหลี่ฉิงซานไม่มีความคิดเช่นนั้น เขาเต็มใจที่จะเผชิญหน้ากับอันตราย ละทิ้งจริยธรรมบางอย่างเพื่อแลกกับความน่าสนใจของมัน

ที่เชิงเขา หลี่ฉิงซานมองอินทรีย์โลหะก่อนจะปีนขึ้นบันได