ตอนที่ 1045 ดูเหมือนว่าเป้าหมายของ หลินฟาน คงจะเป็นทะเลแห่งดวงดาว

ที่สำนักงานใหญ่ของ เทียนต้า แอร์ไลน์ สำนักงานประธานกรรมการ

วันนี้ หลินฟาน ได้จัดการงานของบริษัทเสร็จแล้ว เมื่อนั้นเขาก็ได้ดูเวลา ตอนนี้มันก็เป็นเวลา 3 ทุ่มแล้ว นี่เขายุ่งจนลืมดูเวลาไปเลย

ในที่สุดวันหนึ่งก็ได้สิ้นสุดลงอีกครั้ง หลินฟาน เองรู้สึกโล่งใจเล็กน้อย

สำหรับ หลินฟาน แล้ว เมื่อเร็วๆ นี้ ..มันก็ได้มีหลายสิ่งหลายอย่างที่ต้องทำ ทั้งปัจจุบัน หยงจิ่ว กรุ๊ป ก็กําลังอยู่บนเส้นทางของการพัฒนาไปอย่างรวดเร็ว หลายโครงการเองก็กำลังก้าวหน้าไปพร้อมกัน แม้ว่า หลินฟาน ชอบที่จะอยู่เฉยๆ เป็นผู้สั่งงานมากกว่า แต่ในฐานะบอสใหญ่แล้ว เขาเองก็ไม่สามารถ ‘นอนราบ’(1) อย่างสมบูรณ์ได้ ดังนั้นในช่วงเวลานี้ เขาเองจึงได้ยุ่งอยู่กับการจัดการกิจการของบริษัททุกวัน และต้องทำหน้าที่เป็นประธานกลุ่มแสนล้านที่แสนจะน่าเบื่อ..

โชคดีที่ทุกอย่างค่อนข้างราบรื่น หลินฟาน ได้อาศัยทักษะด้านการลงทุนระดับบนสุด จึงจัดการบริษัทอย่างเป็นระเบียบ และทุกอย่างก็กําลังก้าวไปสู่เส้นทางที่ถูกต้อง

ในเขตหนานซานของหยุนเฉิง โรงงานรถยนต์ขนาดใหญ่หนึ่งล้านตารางเมตรของ หยงจิ่ว กรุ๊ป ก็กําลังก่อสร้างอย่างเต็มกําลัง โรงงานขนาดใหญ่แห่งนี้กำลังเติบโต ในขณะเดียวกัน โรงงานแห่งนี้ก็ถูกนําโดย เจียง จงเฉิน ที่ได้รับหน้าที่เป็นหัวหน้าโครงการ ซึ่งดำเนินการผลิตรถยนต์พลังงานใหม่คันแรกของ หยงจิ่ว กรุ๊ป ทั้งตอนนี้มันก็ได้พัฒนาขึ้นมาแล้ว และก็คาดว่าเมื่อรถคันนี้ได้ออกสู่ตลาด มันก็จะสร้างความฮือฮาให้กับตลาดได้ ..ในทันที

เนื่องจาก หลินฟาน ได้ประกาศการสร้างรถยนต์ขึ้นมา มันก็ได้มีชื่อเสียงขึ้นมาในช่วงก่อนหน้านี้ ทั้งยังดึงดูดความสนใจจากสายตาของผู้คนนับไม่ถ้วน และผู้คนก็ได้ตั้งตารอรถที่ หลินฟาน ..ได้สร้างขึ้น

และรถคันแรกนี้ ..มันก็จะเป็นไปตามความคาดหมายของ หลินฟาน อย่างครบถ้วน, หลินฟาน เองก็มีความรู้จากทักษะผู้เชี่ยวชาญด้านยานยนต์ระดับบนสุด ความรู้ด้านรถยนต์ของเขาเองก็อยู่ในระดับโลก, ดังนั้น รถที่เขาสร้างขึ้นก็จะเป็นรถอันดับต้นๆ ของโลกด้วยเช่นกัน

นอกจากโรงงานผลิตรถยนต์ที่อยู่ระหว่างการก่อสร้างแล้ว ยังมีอาคารสํานักงานใหญ่ของ หยงจิ่ว กรุ๊ป ที่กําลังจะเริ่มก่อสร้างด้วย เมื่อไม่นานมานี้ หลินฟาน ได้ประมูลที่ดินของตระกูลหลี่ ในราคาสูงถึง 10,000 ล้าน เพื่อสร้างอาคารสํานักงานใหญ่ เป้าหมายของ หลินฟาน คือการสร้างสถานที่สําคัญแห่งใหม่ในเมืองหยุนเฉิง ตอนนี้ที่ดินได้รับการส่งมอบแล้ว และกําลังจะเริ่มโครงการก่อสร้างอาคารสํานักงานใหญ่

นอกจากนี้ยังมีโครงการชิป หลังจากที่ หลินฟาน ได้ไปพบกับนายกเทศมนตรีที่เทศบาลเมืองหางโจว เป็นการส่วนตัว จาง จิง ผู้รับผิดชอบโครงการผลิตชิป ก็ได้นําทีมไปยังหางโจว เพื่อเจรจาเซ็นสัญญากับทางเทศบาลเมืองหางโจวอย่างเป็นทางการ และกําลังจะประกาศว่าได้ดำเนินการก่อตั้งโรงงานผลิตชิปเฉาฟาน ในเมืองหางโจว โรงงานผลิตชิปขนาดใหญ่เอง ในอีกไม่ช้านานก็จะเริ่มการก่อสร้างขึ้นเช่นกัน และนี่ก็จะเป็นโครงการขนาดใหญ่แห่งที่สามของ หยงจิ่ว กรุ๊ป

นอกจากนี้ หยงจิ่ว กรุ๊ป ยังมีโครงการสุดยอดที่แอบซ่อนเร้นจากโลกภายนอกอยู่ นั่นก็คือ โครงการสำรวจอวกาศ เหอ เฉา อดีตอัจฉริยะด้านจรวด ซึ่งเป็นหัวหน้าโครงการ ตอนนี้เขาก็กําลังก้มหน้าก้มตาพัฒนาจรวดรุ่นแรกบนเกาะเฉียนป้า…

ในก่อนหน้านี้ ระบบได้ให้รางวัลเป็น เกาะเฉียนป้า แก่เขา เกาะเฉียนป้าแห่งนี้จึงได้ถูกใช้เป็นฐานพัฒนาจรวด โดย หลินฟาน คิดว่ามันเหมาะสมที่สุด และมันก็สามารถจินตนาการได้เลยว่า ..ถ้าวันหนึ่ง หลินฟาน ได้ประกาศออกไปว่า กำลังสร้างจรวดอย่างเป็นทางการ แน่นอนว่ามันจะทําให้เกิดความรู้สึกมากมายขนาดไหน

ชิป, รถยนต์พลังงานใหม่, จรวด สิ่งเหล่านี้ล้วนแล้วแต่เป็นสุดยอดเทคโนโลยีที่แสดงถึงอนาคต ดูเหมือนว่าเป้าหมายของ หลินฟาน คงจะเป็นทะเลแห่งดวงดาว (จุดจบของนิรันดร)

แน่นอนว่า ..นอกเหนือจากโครงการหลักที่ยอดเยี่ยมเหล่านี้แล้ว โครงการที่ หลินฟาน ลงทุนในฐานะผู้เชี่ยวชาญด้านการลงทุน ก็มีอีกหลายโครงการมากมาย

โครงการล่าสุดของ หลินฟาน ก็คือการซื้อ สโมสรฟุตบอลหยุนเฉิง

ข่าวนี้ ก็ไม่ได้สร้างความฮือฮาอะไรมากนัก, ประการแรก หลินฟาน เองก็ไม่ได้โฆษณาชวนเชื่ออย่างโจ่งแจ้ง ประการที่สอง ทีมฟุตบอลหยุนเฉิง ก็ไม่มีใครให้ความสนใจ พูดตรงๆ ก็คือ ความนิยมต่ำเกินไป

ไม่ใช่หมายความว่าทีมหยุนเฉิง จะไม่มีแฟนๆ แต่กลุ่มแฟนๆ หลักของทีมหยุนเฉิง ก็เป็นชาวเมืองหยุนเฉิง ซึ่งมันก็เป็นความรู้สึกในท้องถิ่น

น่าเสียดายที่ในอดีต.. ผลงานของทีมหยุนเฉิง ได้ทำให้แฟนบอลผิดหวัง, แฟนบอลหลายคนเองที่ได้ตั้งความหวังกับทีมหยุนเฉิง มานานนั้น, แต่เมื่อพูดถึงทีมหยุนเฉิง พวกเขาต่างก็ได้แสดงสีหน้าเกลียดชังออกมา หลอมเหล็กทั้งหมด แต่มันกลับไม่สามารถออกมาเป็นเหล็กกล้าได้(2) แม้ว่าแฟนบอลหลายคนตอนนี้ได้เลิกดูทีมหยุนเฉิงแล้ว และหันไปชอบทีมทางฝั่งยุโรป ถึงอย่างไรท้ายที่สุด ระดับของอีกฝ่ายก็สูงกว่ามากจริงๆ

ทีมหยุนเฉิง ที่ได้ถูกซื้อไปโดย หลินฟาน คนที่ร่ำรวยที่สุดในหยุนเฉิง.. ข่าวนี้แฟนๆ หลายคนก็ได้รับรู้อย่างรวดเร็ว แต่พวกเขาก็ไม่ได้คาดหวังอะไรมากนัก

ไชน่าซูเปอร์ลีกก็กําลังจะเริ่มขึ้นแล้ว แฟนๆ ทุกคนต่างก็คิดว่าคราวนี้ทีมหยุนเฉิง หากสามารถรักษาตําแหน่งได้สําเร็จ มันก็จะถือว่าดีมากแล้ว แต่มันก็มีความเป็นไปได้สูงที่ ทีมหยุนเฉิง จะตกชั้นลงมา ไม่มีทาง.. ทีมหยุนเฉิงในตอนนี้ นับได้ว่าเลวร้ายมาก

สิ่งเดียวที่ทําให้แฟนๆ สามารถคาดหวังได้ คือการปฏิรูปของ หลินฟาน ในทีมตอนนี้ได้เกิดการปฏิรูปขึ้น และครั้งนี้ก็เรียกได้ว่ารุนแรงมาก.. หลินฟาน ได้ไล่หัวหน้าโค้ช หลี่ ซานเฟิ่ง ออก และได้ให้ อู๋ ต๋า ขึ้นมาเป็นหัวหน้าโค้ช

อู๋ ต๋า คือนักเตะอัจฉริยะจากเมืองหยุนเฉิง คนหนุ่มสาวหลายคนไม่รู้จักเขา แต่กลับแฟนบอลรุ่นใหญ่บางคนก็กลับอดไม่ได้ที่จะถอนหายใจออกมา เมื่อพวกเขาได้พูดถึง อู๋ ต๋า

การที่ หลินฟาน ได้เลือกใช้งาน อู๋ ต๋า ในครั้งนี้ ไม่รู้ว่าจะทําให้ ทีมหยุนเฉิง เปลี่ยนแปลงได้หรือไม่ และนี่ก็คือสิ่งที่แฟนๆ อยากรู้อยากเห็นมากที่สุด

และในเวลานี้ อู๋ ต๋า ก็กําลังพาทีมหยุนเฉิง ไปฝึกซ้อมแบบปิด เพื่อเตรียมต้อนรับซูเปอร์ลีกที่กําลังจะมาถึง..

ไม่ว่าจะเป็นโครงการไฮเทคที่แสดงถึงอนาคต หรือฟุตบอล ซึ่งต่างก็เป็นโครงการที่มีจุดเด่นในลักษณะเดียวกัน นั่นก็คือการเผาผลาญเงิน ที่มันต้องใช้เงินลงทุนมหาศาล

ก่อนหน้านี้ หลินฟาน และพี่สาวของเขา เฟิ่ง รั่วหลาน ได้ร่วมมือกันก่อตั้งบริษัทการลงทุน รั่วฟาน แคปปิตอล ซึ่งเชี่ยวชาญด้านการจัดการเงินลงทุนเหล่านี้ และเมื่อเร็วๆ นี้ รั่วฟาน แคปปิตอล ก็ได้มีเงินทุนมากขึ้น เพราะจํานวนเงินลงทุนทั้งหมดนั้นมันมีมากเกินไป หลินฟาน จึงได้ใช้เงินออกไปเหมือนกับน้ำไหล แต่โชคดีที่ หยงจิ่ว กรุ๊ป มีความแข็งแกร่ง และควบคู่ไปกับ เฟิ่ง รั่วหลาน นางมารแห่งโลกการเงิน ที่ตัวเธอเองก็เป็นประธานของ หลงเหิง กรุ๊ป ยักษ์ใหญ่ทางการเงิน ซึ่งบอกได้เลยว่า เรื่อง ..เงิน ไม่ใช่ปัญหา

อย่างไรก็ตาม แม้ว่าเงินจะไม่ใช่ปัญหา แต่ถ้าเงินที่ใช้ไปแล้ว ไม่มีผลตอบแทน หรือแม้กระทั่งขาดทุน แม้ว่าทรัพยากรทางการเงินจะแข็งแกร่งแค่ไหนก็ตาม มันก็จะไม่ยั่งยืน ทั้งยังยากที่จะรักษาเอาไว้ได้

ด้านหนึ่ง หยงจิ่ว กรุ๊ป ก็กำลังพัฒนาอย่างรวดเร็ว แต่อีกด้านหนึ่งก็กำลังเผชิญกับวิกฤต และความท้าทายต่างๆ

หลังจากมูลค่าตลาดของ หยงจิ่ว กรุ๊ป ทะลุ 300 พันล้าน ชื่อเสียงของ หยงจิ่ว กรุ๊ป ก็เริ่มดังไปทั่วเจียงหนาน เพราะเมื่อมองไปที่เจียงหนาน บริษัทที่สามารถทะลุมูลค่าตลาด 300 พันล้านได้นั้น มีเพียงสองแห่งเท่านั้น คือ หยงจิ่ว กรุ๊ป และวั่นกู่ กรุ๊ป!

กลุ่ม หยงจิ่ว นั้นแข็งแกร่งมาก และมีแนวโน้มที่จะแซงหน้า กลุ่ม วั่นกู่ และกลายเป็นคนที่ร่ำรวยที่สุดในเจียงหนาน ซึ่งได้ทำให้หลายคนรู้สึกเหลือเชื่อ

อย่างที่รู้กันดีอยู่แล้วว่า ต้นไม้ใหญ่มักถูกลมโค่นล้ม และแน่นอนว่าต้องมีหลายคนที่อยากดูเรื่องตลกของ หยงจิ่ว กรุ๊ป และคนที่อยากทำลาย หยงจิ่ว กรุ๊ป ก็มี โดยเฉพาะ วั่นกู่ กรุ๊ป

ตระกูลเว่ย จะไม่มองดูตําแหน่งเศรษฐีอันดับหนึ่งของเจียงหนาน ถูกแย่งไปโดย หยงจิ่ว กรุ๊ป อย่างแน่นอน และตระกูลเว่ย เองก็ได้จ้องมอง หลินฟาน มาโดยตลอด ทั้งพวกเขาก็พร้อมที่จะขัดขวาง หลินฟาน ให้สะดุดได้อยู่เสมอ

แต่.. หลินฟาน ก็ชัดเจนมากเกี่ยวกับเรื่องนี้

หลินฟาน เองก็ไม่ใช่คนประเภทที่ต้องนั่งรอความตาย เขาจะไม่เลือกเผชิญหน้าอย่างอดทน ตรงกันข้าม เขาเองก็ได้กําลังเตรียมการอยู่แล้ว.. และพยายามควบคุมความคิดริเริ่มในการก่อสงครามทางธุรกิจในครั้งนี้

หาก ตระกูลเว่ย ต้องการที่จะซุ่มโจมตี กลุ่ม หยงจิ่ว แน่นอนเขา ..จะทําให้ ตระกูลเว่ย ต้องเสียใจ

ก๊อก ก๊อก…

เสียงเคาะประตู ได้ดึงความคิดที่ยุ่งเหยิงเล็กน้อยของ หลินฟาน ให้กลับเข้ามา..

หลินฟาน ได้เงยหน้าขึ้น และก็ได้เห็นว่า เว่ย เยว่เอ๋อร์ ได้กำลังยืนอยู่ที่หน้าประตู เว่ย เยว่เอ๋อร์ ในชุดทํางานเช่นนี้ ไม่ว่าจะมองกี่ครั้ง มันก็ยังทําให้ หลินฟาน รู้สึกประหลาดใจได้ในทุกๆ ครั้ง เธอสวยมาก สวยมากจริงๆ ทั้งมันก็เป็นความงามที่ไม่มีใครเทียบได้

“คุณจะเลิกงานแล้วหรือ?” เว่ย เยว่เอ๋อร์ ได้พูดด้วยรอยยิ้มเล็กน้อย

หลินฟาน ยิ้ม แล้วพูดว่า : “อืม ผมเลิกงานแล้ว คุณต้องการให้ผมไปส่งคุณไหม?”

เว่ย เยว่เอ๋อร์ ได้พยักหน้า : “อืม.. โอเค”

สิ่งที่เธอคาดหวังมากที่สุด.. ก็คือการได้อยู่กับ หลินฟาน หลังเลิกงาน.. และช่วงเวลาที่ หลินฟาน ทํางานล่วงเวลา เธอเองก็ต้องการที่จะอยู่ด้วย แม้ว่าเขาจะพาเธอไปส่งที่บ้าน หรือไปทานข้าวเย็นด้วยกัน เธอก็มีความสุขมากแล้ว เพียงแค่ให้เธอได้อยู่กับ หลินฟาน ทุกอย่าง และทุกๆ ช่วงเวลามันก็ถือได้ว่า ..คุ้มค่า แล้ว

“งั้น.. เราไปกันเถอะ” หลินฟาน ได้ลุกขึ้น และได้หยิบกุญแจรถที่วางอยู่ข้างๆ

ทั้งสอง.. ได้เดินออกจากสำนักงาน แล้วไปขึ้นรถ Rolls-Royce ของหลินฟาน

หลินฟาน กําลังจะสตาร์ทรถ แต่กลับพบว่ารถน้ำมันหมด ที่แท้ หลินฟาน ก็ยุ่งเกินไปในตอนเช้า และไม่มีเวลาที่จะไปเติมน้ำมัน ต่อมาก็ยุ่งเกี่ยวกับงานในบริษัท จนลืมไปซะสนิท..

หลินฟาน ได้ยิ้มอย่างขมขื่น รถหรู 8 ล้าน แต่ในเมื่อมันไม่มีน้ำมัน ก็ไม่ต่างอันใดกับเศษเหล็ก…

(1)[นอนราบ (躺平)] - คือปฏิกิริยาหนีความกดดันในสังคมของกลุ่มคนรุ่นใหม่ในจีน ทั้งในวัยคนหนุ่มสาวที่กำลังทำงาน ‘วัฒนธรรมนอนราบ’ อันเนื่องมาจากความท้อแท้ต่อสภาพกดดันในสังคมโดยเฉพาะวัฒนธรรมการทำงานที่หนักสาหัสเกินไปแต่กลับได้รับผลประโยชน์ที่ไม่สมกับที่ได้ลงแรงเหนื่อยยาก จนกระทั่งมาถึงจุดที่ไม่ต้องการทนอยู่กับสภาพนี้อีกต่อไป และหันหลังให้กับความคาดหวังของสังคม

(2)[หลอมเหล็กให้มันเป็นเหล็กกล้า (恨铁不成钢)] - กล่าวถึง ความรู้สึกที่ไม่พอใจต่อผู้ถูกคาดหวัง ที่ไม่ทำตามที่ความคาดหวัง หรือยังไม่ก้าวหน้า และหวังว่าจะดีขึ้น

    หมายถึง การตั้งความหวัง หรือเข้มงวดกับคนๆ หนึ่ง เพื่อหวังว่าคนๆ นั้นจะได้ดิบได้ดี