ตอนที่แล้วตอนที่ 22
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปตอนที่ 24

ตอนที่ 23


หลังจากยืนยันว่าไมเคิลใช้ดอกไม้แผดเผาแล้ว ผมจงใจไม่ใช้เวทย์โจมตีโดยตรงเลย

เพราะว่าถ้าต้องสู้กับไมเคิลด้วยเวทมนตร์ในสภาพที่พลังเวทย์ลดลง 99% มันจะยากกว่าในการเปิดเผยว่าเขาใช้ยา

นั่นจึงเป็นเหตุผลที่ผมจงใจใช้ ‘กำลัง’

มันเป็นวิธีอันตรายที่อาจทำให้เขาบาดเจ็บรุนแรงได้

แค่ดีดนิ้ว

แค่ต่อยเบา ๆ

มันเป็นกลยุทธ์อันยอดเยี่ยมที่จะล่อลวงผู้อยู่เบื้องหลังที่นั่งรอดูอย่างสบายใจให้ออกมา เพราะพวกเขาคงไม่รู้ด้วยซ้ำว่าตัวเองติดกับดักแล้ว

“บะ บ้าเอ้ย! ไมเคิล! รอก่อนนะ!”

อาจารย์เอลริค เกลฮิล

เขา ‘แทรกแซง’ การสอบเพราะกลัวว่าหลานจะตายไปจริง ๆ

มันทำให้เรื่องราววุ่นวายอย่างหนักกว่าเดิม

“อาจารย์เอลริค!”

เสียงยิ่งใหญ่ดังก้องไปด้วยโทสะ

ต้นเสียงนั้นไม่ใช่ใครนอกจากผู้อำนวยการไทเรียน อิกนิท

เขาปิดบังความโกรธไม่ได้อีกต่อไปและลุกขึ้นจากที่นั่งเมื่อรู้ว่าเกิดอะไรขึ้น

“กล้าดียังไง…ถึงได้ทำเรื่องแบบนี้กับสนามสอบอันศักดิ์สิทธิ์…”

“ผะ ผู้อำนวยการ…ตะ ต้องรักษาไมเคิลก่อ…”

“หุบปาก!”

โอ้ ผู้อำนวยการไทเรียน

เขามักจะยิ้มอย่างมีเมตตาเสมอ

การที่ผู้อำนวยการคนนั้นแสดงด้านที่น่าสะพรึงกลัวออกมาแบบนี้

ผมเพิ่งจะเคยเห็นเป็นครั้งแรก

“ส่งไมเคิล เกลฮิลไปที่ห้องพยาบาลเดี๋ยวนี้ ส่วนอาจารย์เอลริค ตามมาที่ห้องทำงาน”

“ครับ!”

เมื่อผู้อำนวยการสั่งแล้ว คนในสนามสอบก็เริ่มทำตามคำสั่ง

เจ้าหน้าที่พยาบาลที่ยืนประจำการอยู่ยกตัวไมเคิลแบกไปที่เปล และภูติพิทักษ์มานาที่คุ้มกันสนามสอบก็เข้าไปล้อมอาจารย์เอลริค

แต่ที่น่ากลัวที่สุดก็คือ…

“คิกคิกคิก…มันยังไม่จบหรอก…”

แม้ว่าจะถูกหามขึ้นเปลแล้ว ไมเคิลก็ยังหัวเราะอย่างควบคุมไม่ได้

ผมถามกรรมการ

“จบแล้วใช่ไหมครับ?”

“......เอ๋? เอ่อ จริงด้วย”

กรรมการมองทุกสิ่งด้วยสีหน้างุนงงและตะโกนเสียงดัง

“กะ การสอบจบแล้ว!”

การสอบรอบที่ 4 ได้ผ่านพ้นไปราวกับพายุ

ในระยะเวลาหนึ่ง เป็นแค่ ‘ความเชื่อ’ เท่านั้นในการโกงของตระกูลเกลฮิล แต่เมื่อผ่านการทดสอบแล้วก็ได้พบกับ ‘หลักฐาน’

ซึ่งเป็นหลักฐานที่นำไปสู่การสอบสวนอาจารย์เอลริค

และด้วยการสอบสวน การทุจริตมากมายที่เกิดจากอาจารย์เอลริคก็ถูกเผยออกมา

นั่นยังหมายถึงว่าชื่อของเกลฮิลจะไม่มีวันได้เข้าสู่อาณาเขตของโรงเรียนอีกแล้ว

“ไมเคิลน่ะ ได้ยินว่าเขาถูกไล่ออกนะ”

“อีกแค่เทอมเดียวก็จะเรียนจบแล้วแท้ ๆ …น่าสงสารจัง”

ข่าวลือว่าไมเคิล เกลฮิลถูกไล่ออกนั้นเผยแพร่ออกมาเป็นวงกว้าง

ข่าวลือนั้นมาจากผู้อาวุโสของตระกูลเกลฮิลที่มายังโรงเรียนด้วยตัวเอง

แต่มันก็ยังไม่ได้รับการยืนยัน

เพราะอาจารย์เอลริคเองก็พยายามที่จะแบกรับความผิดทั้งหมดและยืนกรานว่าเขาเป็นคนบังคับให้ไมเคิลดื่มยา

เขาทำแบบนี้เพื่อที่จะช่วยไมเคิลให้ได้จนถึงที่สุด

เอาเถอะ ไม่ว่าเขาจะถูกไล่ออกหรือไม่…

อำนาจของชื่อเกลฮิลในโรงเรียนก็จะหายไปในอีกไม่นาน

ไมเคิลเองก็จะไม่ได้เรียนจบในฐานะนักเรียนดีเด่น

และเขาก็จะไม่ได้รับเลือกเป็นตัวแทนของโรงเรียนในเทศกาลใหญ่ที่จะเกิดขึ้นในอีกไม่กี่เดือน

และเพราะเรื่องนี้ ผมก็เลยได้รับชื่อเล่นใหม่ว่า ‘นักไล่ออก’

เบน พอลท์ที่พยายามจะฆ่าผมด้วยเวทมนตร์ก่อนหน้านี้

และตอนนี้ยังไมเคิล เกลฮิลอีก

ใครที่พยายามจะเผชิญหน้ากับผมล้วนโดนไล่ออกทั้งสิ้น

‘เอ่อ นี่เราควรจะดีใจดีไหมเนี่ย?’

“รู้ไหม…บรรยากาศในโรงเรียนตอนนี้น่ากลัวชอบกล”

“อืม…”

แม้ว่าการสอบอันยาวนานจะจบลงแล้ว บรรยากาศในโรงเรียนก็ชวนหนาวสั่นและเงียบกริบ

นั่นก็เป็นเพราะว่าจอมเวทย์จากตระกูลเกลฮิลนั้นมาที่โรงเรียนหลายครั้งในหนึ่งวัน

ซึ่งทุกคนก็ล้วนมาเพื่อจับตามองผม

“รูน อาเดลใช่ไหม?”

“...ใช่”

ทีแรก พอถามชื่อผมเสร็จแล้วพวกเขาก็ไม่ได้เข้าหาเป็นพิเศษและสังเกตการณ์จากระยะไกล

แต่ผมก็เดาได้ว่าคนทั้งหมดนี้มีความคิดร้ายกับผม

“บ้าที่สุด! พวกมันต่างหากที่ทำเรื่องไม่ดี แล้วตอนนี้คิดจะโทษนายงั้นเหรอ?”

“ไม่ต้องห่วงหรอกน่า”

เจสันบ่นเมื่อมองคนเหล่านี้ ส่วนผมก็ส่ายหน้าไม่ใส่ใจ

ที่บ้านเกลฮิล

ทั้งตระกูลนั้นไม่ได้เสียหายแค่เพราะเรื่องเสื่อมเสียที่เกิดขึ้นในโรงเรียน

สำหรับพวกเขา มันก็แค่รอยข่วนเล็ก ๆ

แต่สำหรับผม ผมโดนหมายหัวโดยตระกูลเกลฮิลแล้วอย่างแน่นอน

เมื่อผมเป็นคนที่ไล่ลูกชายคนที่สามของตระกูลเกลฮิลออกจากโรงเรียน (ถึงจะไม่ใช่ความผิดของผมก็เถอะ) และยังไล่อาจารย์ที่พวกเขาฝังเอาไว้ในโรงเรียนออกไปอีก…

เป็นธรรมดาที่พวกเขาอยากจะกำจัดผมในทุกทางที่เป็นไปได้

ผมไม่รู้ว่าในอนาคต ตระกูลเกลฮิลจะวางแผนอะไรกับผม

“ยังไงชั้นก็ต้องปะทะกับพวกมันอยู่แล้ว มันไม่สำคัญหรอก”

ผมตัดสินใจที่จะไม่สนใจ

เพราะอย่างไรในอนาคต ผมก็ต้องเผชิญหน้ากับพวกเขาอยู่แล้ว

แล้วก็ ไม่ว่าบ้านเกลฮิลจะพยายามใช้กำลังอย่างไร พวกเขาก็ยังมีอำนาจจำกัดอยู่แค่ในอาณาจักรเรเดียนเล็ก ๆ แห่งนี้

ผมต้องแข็งแกร่งกว่านี้

และถ้าผมปีนไปอยู่ในจุดที่สูงกว่านี้ พวกเขาก็จะทำไม่ได้แม้แต่แตะต้อง

ใช่แล้ว

“รูน”

“หืม?”

“ผู้อำนวยการตามหานายอยู่น่ะ”

“...ผู้อำนวยการเหรอ?”

มันคือเวลาที่จะปีนให้สูงกว่าเดิม

ไทเรียน อิกนิท

ลูกหลานของอัครจอมเวทย์โฟรเลียน อิกนิทและเป็นผู้อำนวยการของโรงเรียน

และยังเป็นเพียงผู้เดียวในอาณาจักรที่ไม่ยอมสยบต่ออำนาจ

จอมเวทย์ผู้ซื่อตรง

การที่คนแบบนี้เชิญนักเรียนไปที่ห้องทำงานของเขานั้นเป็นเรื่องที่พิเศษมาก

และมันก็มีอยู่เหตุผลเดียวเท่านั้น

‘ตัวแทนโรงเรียน’

มีแค่นักเรียนที่โดดเด่นที่สุดเท่านั้นที่จะได้พูดคุยตัวต่อตัวกับเขา

ผมไปที่อาคารหลักและไปยังจุดสูงสุดของโรงเรียน

ห้องของผู้อำนวยการนั้นอยู่ในชั้นที่ 41 ของอาคารหลัก และยังไม่มีบันไดที่ไปถึงชั้นนั้นด้วย

มีแค่ทางเดียวที่จะไปข้างบนนั้นได้

มีแค่ ‘ถนนมานา’ ที่ตั้งอยู่กลางอาคารหลักเท่านั้นที่พาไปยังชั้นบนสุด

แน่นอนว่าในการจะใช้ถนนมานา จำเป็นต้องได้รับอนุญาตจากผู้อำนวยการ แต่ผมถูกเชิญแล้ว

ภูติผู้พิทักษ์มานาที่คุ้มกันถนนมานาหลีกทางให้กับผม

“อนุญาตให้เข้า”

บนถนนมานา มีแค่สองตัวเลขเท่านั้น

นั่นคือชั้น 1 และชั้น 41

ผมปล่อยมานามาที่มือและกดเลข 41 อย่างไม่ลังเล

ถนนมานานั้นต้องใช้มานาของผู้ร่ายในการทำงาน ถ้าหากไม่ใช่จอมเวทย์ก็เป็นไปไม่ได้ที่จะเข้ามา

วิ๊งงงงงงง

ประตูปิดหลังจากรับมานาของผมไป

‘อึก’

มันพุ่งขึ้นเร็วมาก มากพอที่จะทำให้มึนหัวไปหนึ่งวินาทีและพาผมมาถึงชั้นบนสุด

มันคือเวลาเพียงพริบตาเดียว

ในตอนที่ผมกำลังจะรู้สึกเวียนหัว ผมก็มาถึงชั้น 41 ในทันทีและประตูถนนมานาก็เปิดออก

นี่เป็นครั้งแรกที่ผมมายังชั้นที่ 41 ของโรงเรียน

แต่ว่า…

“...อะไรกัน?”

มีบางอย่างผิดปกติ

เมื่อประตูเปิด สิ่งที่ผมเห็นคือดินแดนอาเดลไม่ผิดแน่

ทะเลใต้อันงดงามกว้างใหญ่ไร้สิ้นสุด

เกาะน้อยใหญ่เชื่อมต่อกันดั่งภาพเขียนบนขอบฟ้า

จะเห็นทุ่งนากว้างถ้าหากมองลงมาเล็กน้อยจากชายฝั่ง

ภาพอันอบอุ่นและสงบของชนบท

แต่มีบางอย่างแปลกไป

ที่กลางทุ่งหญ้านั้นไม่เหมือนกับอาเดลบ้านเกิดของผมที่เป็นดินแดนชนบทเล็ก ๆ ที่นั่นมีเก้าอี้ตัวใหญ่วางอยู่

ผมรู้จักเก้าอี้นั้นดีกว่าใคร

มันคือบัลลังก์แห่งทีรอน

ราชาแห่งจอมเวทย์

เก้าอี้ที่มีเพียงจอมเวทย์ที่ทรงพลังที่สุดในโลกเท่านั้นที่จะนั่งได้

เก้าอี้ที่เหมาะสมกับจอมเวทย์ที่ทุกคนให้ความสนใจ

ทำไมมันถึงมาอยู่ในดินแดนอาเดลล่ะ?

ถึงตอนนี้

“ดูอะไรอยู่เหรอ รูน?”

“......ครับ?”

ผมหันหน้าไปหาเสียงที่คุ้มเคยจากด้านหลัง

ผู้อำนวยการไทเรียน อิกนิทยืนอยู่ตรงนั้น

“...ผู้อำนวยการ”

เมื่อผมทัก ผู้อำนวยการก็ยิ้มอย่างมีเมตตาและพูดกับผม

“ตกใจที่เห็นภาพแปลก ๆ เหรอ?”

“ครับ…นิดหน่อยน่ะ”

ในตอนนี้ ภาพดินแดนอาเดลและบัลลังก์แห่งทีรอนได้หายไปแล้ว

สิ่งเดียวที่ผมเห็นคือภาพป่ากว้างใหญ่รอบโรงเรียนเมื่อมองลงมาจากชั้น 41

“ที่ชั้น 41 น่ะ คือจุดที่ดวงตาแห่งมัลเลอรอกถูกสร้างขึ้นใหม่เอาไว้ รู้จักดวงตาแห่งมัลเลอรอกไหม?”

“...เคยได้ยินครับ”

ดวงตาแห่งมัลเลอรอก

ผู้นำของเหล่าปีศาจที่บุกเข้ามาในทวีปฟรีเลียเป็นตนแรกคือมัลเลอรอก

ว่ากันว่าเขาใช้พลังพิเศษเพื่อทำให้เป้าหมายเห็นสิ่งที่ปรารถนามากที่สุด หลอกหลอนพวกเขาและควบคุมจิตใจจนกว่าจะตาย

หลังจากการตายของมัลเลอรอก ชิ้นส่วนของร่างกายของเขาก็กระจัดกระจายไปในหลายสิบชนชาติของทวีปฟรีเลีย

และทุกคนก็สร้างมันขึ้นมาเป็นอาติแฟกต์

และในบรรดากลุ่มคนเหล่านั้น ผู้ที่ได้ ‘ดวงตา’ ของมัลเลอรอกก็คือโรงเรียนเวทมนตร์อิกนิท

ดวงตาแห่งมัลเลอรอกนั้นอยู่บนชั้น 41 แห่งนี้

สิ่งที่อาติแฟกต์แสดงให้ผมเห็นก็คือ

‘ดินแดนอาเดลกับบัลลังก์แห่งทีรอน’

ทำไมดวงตามัลเลอรอกถึงแสดงภาพแบบนี้ล่ะ?

ผู้อำนวยการอธิบายกับผม

“ไม่ว่าจะเห็นอะไร…แต่ดวงตามัลเลอรอกจะแสดงโลกที่นายอยากเห็น โลกที่นายเพิ่งเห็นคือโลกที่ใกล้เคียงกับที่ปรารถนา”

ดวงตามัลเลอรอก ที่บอกว่าจะแสดงภาพที่อยากเห็นให้เห็น

มันพูดถึงความปรารถนา

ความปรารถนาที่จะเป็นจอมเวทย์ที่แข็งแกร่งกว่าใคร

ความปรารถนาที่จะให้ตระกูลอาเดลยืนอยู่เป็นศูนย์กลางของโลก

ได้เห็นแบบนี้ อาติแฟกต์เปิดเผยความจริงแบบเปลือยเปล่าออกมา

เพราะผมรู้สึกเหมือนว่ากำลังเปลือยอยู่จริง ๆ

“ชั้นชอบที่นี่นะ ดวงตามัลเลอรอกแสดงสิ่งที่อยากเห็นให้เห็น โลกที่ปรารถนา นายสงสัยรึเปล่าว่ามันเป็นยังไง?”

“ครับ”

“โลกที่นักเรียนทำตัวเหมือนกับนักเรียน และจอมเวทย์ทำตัวเหมือนกับจอมเวทย์”

มันเข้าใจได้ไม่ยาก

แต่มันเป็นโลกที่ยากจะได้เห็นในความเป็นจริง

ผมมาที่นี่ด้วยจิตใจที่เบาสบาย แต่ส่วนหนึ่งเริ่มจะหนักอึ้งขึ้นมาแล้ว

จากนั้นผู้อำนวยการไทเรียนก็มองผมด้วยรอยยิ้มเบา ๆ

“รูน ชั้นชอบนายมากนะ”

“...งั้นเหรอครับ?”

“‘นักเรียนที่ทำตัวเหมือนนักเรียน’ อย่างนายไม่ค่อยมีในโรงเรียนนี้หรอก”

“ครับ จอมเวทย์ที่ไม่ค่อยเหมือนจอมเวทย์แบบผมก็ไม่ค่อยมีเหมือนกัน”

“หืม? แบบนั้นเหรอ? ฮ่าฮ่าฮ่า…ไปกันเถอะ”

ผู้อำนวยการไทเรียนหัวเราะชอบใจกับมุกตลกของผมและเริ่มเดินมาข้างหน้า

ในพื้นที่พิเศษแห่งนี้นั้นถูกสร้างผ่านดวงตาแห่งมัลเลอรอก

ชั้น 41 ของโรงเรียน

มันแสดงถึงสเน่ห์ที่ไม่รู้จบ

ในขณะนั้น มันชักชวนผมให้เห็นบัลลังก์แห่งทีรอนอยู่ในดินแดนอาเดล

และตอนนี้ มันก็พาผมไปยัง ‘เทศกาลใหญ่’ ที่จะเกิดขึ้นในเดือนที่ 7 ของปี

ในที่แห่งนั้น ผมได้เข้าไปในฐานะตัวแทนของโรงเรียน และเป็นผู้ที่ชนะอย่างมั่นใจ

ขณะที่เดินไปยังประตูห้องทำงาน ผมเห็นตัวเองยืนอย่างมั่นใจอยู่หน้านักเรียนหลายร้อยคนของโรงเรียนเวทมนตร์อิกนิทและเรียนจบในฐานะนักเรียนที่ดีที่สุด

มันเป็นความรู้สึกแปลก เหมือนกับว่ามันเห็นสิ่งที่อยู่ลึกที่สุดในความคิดผม

“นั่งสิ”

โล่งอกที่ห้องทำงานของผู้อำนวยการนั้นไม่มีอะไรพิเศษ

โต๊ะทำงานที่เรียบร้อยนั้นไม่ได้มีลูกเล่นให้ผมตกใจ

หลังจากนั่งบนโซฟาสีน้ำตาลนุ่มแล้ว ผมก็จิบชาอุ่น ๆ ที่ผู้อำนวยการชงให้

ดื่มด่ำกับเวลานี้

ผู้อำนวยการให้เวลาผมสงบตัวเอง

ผมพยักหน้าหลังจากดื่มชาไปแล้วครึ่งแก้ว

ผู้อำนวยการถามผมด้วยสีหน้าที่จริงจังกว่าเดิม

“รูน อยากจะถามนายซักเรื่อง พอจะตอบให้ได้ไหม?”

“ได้ครับ”

“รู้ได้ยังไงว่าไมเคิลใช้ดอกไม้แผดเผา?”

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด