ตอนที่แล้วตอนที่ 21
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปตอนที่ 23

ตอนที่ 22


สมุนไพรแห่งการตื่น ดอกไม้แผดเผา

มันคือยาที่จะออกฤทธิ์กระตุ้นการตื่นตัวให้ระเบิดออกมาและทำให้ผู้ใช้ยาใช้ร่างกายได้เกินขีดจำกัด และมันยังมีจุดอ่อนร้ายแรงด้วย

นั่นคือการลบความเจ็บปวด

แค่ได้ฟังก็อาจจะคิดว่ามันเป็นข้อได้เปรียบ

แต่นี่คือข้อได้เปรียบเดียวสำหรับทหารที่เตรียมใจตาย

และในสถานที่ที่พลังเวทย์ถูกจำกัดไว้ที่ 99% ฤทธิ์ยาตรงนี้จึงไม่ใช่ความได้เปรียบ แต่เป็นความเสียเปรียบ

อย่างน้อยก็เมื่อต่อสู้กับผม

เขาไม่ควรจะดื่มยานี้

ทำไมน่ะหรือ?

‘เพราะพละกำลังของผมไม่ได้ถูกลดลงเลย’

นี่มันความผิดหมันต์แบบ 300%

ถ้าหากโดนหมัดของผมที่มีพลังเท่ากับโอเกอร์ ความเสียหายที่เกิดขึ้นกับร่างกายที่ไม่รับรู้ความเจ็บปวด

“ตาชั้นบ้างนะ ไมเคิล”

ผมกระโดดใส่ไมเคิลทันที

ไมเคิลใช้ความชำนาญของเขาร่ายเวทย์พร้อมกันสองชนิดราวกับรออยู่แล้ว

มือหนึ่งเป็นกำแพงน้ำแข็ง

อีกมือคือบาเรียไฟ

ชิ้ง! พรึ่บ!

เวทย์ธาตุต่อต้านกันสองธาตุไหลออกมาจากไมเคิล แล้วก็…

ปั้งงงง!

พื้นถูกแช่แข็งในทันที และกำแพงน้ำแข็งก็โผล่ขึ้นมาขวางทางผม

เวทย์นั้นหยุดผมได้อย่างสมบูรณ์

แต่ว่า

“เปล่าประโยชน์”

ถ้าผมทำลายมันมันก็พังอยู่ดี

ผมหมุนตัว 360 องศาในอากาศขณะที่วิ่งและใช้แรงเหวี่ยงนั้นหมุนตัวอัดกำแพงน้ำแข็งในทีเดียว

แกร๊ง!

เพล้ง!

กำแพงน้ำแข็งหนาแตกเป็นเสี่ยง ๆ เหมือนกับกระจกหน้าต่าง และนักเรียนก็ทำได้แค่อุทานเมื่อเห็นพลังแบบนั้น

“โอ้โห นั่นมันเวทย์อะไรน่ะ?”

“นะ นั่นมันยังเป็นเวทมนตร์อยู่เหรอ?”

“เขาเหมือนกระทิงเลย”

แม้ว่าจะไม่ร่ายเวทย์ พลังกายของผมก็มากพอที่จะทำลายกำแพงน้ำแข็งแล้ว

มากพอที่จะทำให้ไมเคิลร้อนรน

“นี่แก สารเลวเอ้ย…”

ไมเคิลตกใจอย่างหนักขณะที่กางมือตรงหน้าผม

เมื่อทำแบบนั้น กิ้งก่าตัวยักษ์ก็ปีนออกมาจากหลังบาเรียไฟที่เขาร่ายก่อนหน้านี้

“เคี๊ยกกก!”

เวทย์ชั้น 3 ที่สร้างกิ้งก่าไฟและทำให้ทุกสิ่งในระยะกลายเป็นทะเลเพลิง

ความเร็ว พลังทำลาย ขนาด

ทั้งหมดล้วนแข็งแกร่งจนน่าประทับใจ

แต่สิ่งนี้ก็หยุดการมาของผมไม่ได้เช่นกัน

ผมกระโจนไปหากองเพลิงโดยไม่ช้าลงและชกพื้นด้วยกำปั้นเพื่อร่างเวทย์ชั้น 4 ที่เรียกว่าแผ่นดินไหว

ตะ ตู้ม!

ที่กลางหมัดของผมได้เกิดเสียงคลื่นกระแทกความเร็วสูง และลมที่เกิดจากมันก็เริ่มดับไฟออกไป

ขณะเดียวกันพื้นก็เริ่มสั่นสะเทือน พื้นทรายนั้นกระเด็นขึ้นมาและเริ่มดับไฟจากกิ้งก่าเพลิง

“ว้าว!”

“เขาสวนเวทย์ไฟด้วยเวทย์ดิน”

ไม่ใช่แค่นั้น

“อ๊ะ…อ๊าก!”

เมื่อพื้นเริ่มสั่นไหว ไมเคิล เกลฮิลก็เสียการทรงตัวและเริ่มสะดุด

“ถึงตานายแล้ว ไมเคิล”

ผมย่อตัวลงและพุ่งเข้าใส่ไมเคิลด้วยความเร็วสูงเหมือนกับยิงจากธนู

หน้าไมเคิลแข็งทื่อด้วยความกลัว

“ยะ อย่าเข้ามานะ!”

ไมเคิลจ้องผมด้วยหน้าซีดเหมือนคนเห็นผีและผมก็ยกมือขวาไปทางไมเคิล

“อ๊ะ อ๊ะ …อ๊า!”

ไมเคิลเบี่ยงไหล่และหลับตาแน่นเมื่อเห็นหมัดของผม แต่ว่า…

“อย่าปอดแหกซี่”

ผมไม่ได้ชกไมเคิล

ผมงอนิ้วกลางมาใต้นิ้วโป้งและยิ้มสดใส

“ขอดีดหัวซักทีนึงนะ”

ผมเล็งที่หน้าผากของเขาหลังจากเพ่งพลังทั้งหมดที่นิ้วกลาง

“...ดะ ดีดหัว?”

ก่อนที่ไมเคิลจะพูดจบ…

ผมก็ยิงปืนที่เก็บไว้ในนิ้วกลางด้วยนิ้วโป้ง

กร๊อบบบบ!

“อ๊าก!”

การดีดที่อัดแน่นไปด้วย 1200 strength นั้นทำให้ไมเคิลกระเด็นออกไปและอ้าปากค้าง

เขากระเด็นไปสามสี่ก้าว

หลังจากโดนดีดนิ้วและกระเด็นไปเกือบ 5 เมตร ไมเคิลก็ชนกับต้นไม้และหมดสติไป

ความสงบนิ่งปกคลุมสถานที่สอบ

“นั่นมันอะไรน่ะ…”

“มะ มันจบแล้วเหรอ?”

“กะ ก็ต้องจบสิ…เขาเพิ่งจะดีดหัวไปแล้วก็…”

ยัง

มันยังไม่จบ

ถ้าหากเขากินสมุนไพรแห่งการตื่น ดอกไม้แผดเผาเข้าไป

ไมเคิลไม่รู้สึกเจ็บจากเรื่องแค่นั้น

เขาน่าจะตื่นได้แล้ว

แน่นอนว่าเป็นไปตามที่คิดไว้

“รูน…นายทำเรากลัวนะ…”

“มะ ไมเคิลลุกขึ้นมาแล้ว!”

คนที่ทำลายบรรยากาศความเงียบก็คือไมเคิล เกลฮิลนั่นเอง

แม้ว่าเขาจะล้มจากการดีดนิ้วใส่ เขาก็ลุกขึ้นมาราวกับไม่มีอะไรเกิดขึ้น

และเขาก็สะบัดหัวเพื่อดึงสติกลับมาและพูด

“แกกล้าดูถูกชั้นเรอะ? แค่ดีดนิ้…”

ใช่แล้ว

แค่ดีดนิ้ว

เขาไม่รู้ว่ามัน ‘แค่’ ดีดนิ้วหรือไม่

เพราะเขาไม่รู้สึกเจ็บปวด

แต่ความเสียหายนั้นสะสมอยู่ในร่างกายของเขา

ถ้าทำไปมากกว่านี้จะเป็นอันตรายต่อไมเคิลแน่นอน

“นายน่ะ…ไม่ควรจะทำแบบนั้นนะ”

ผมวิ่งเข้าใส่ไมเคิลและประเคนกำปั้นใส่ท้องของเขาอย่างไม่ลังเล

ปั้ง!

“เฮือก!”

เมื่อเจอกับความวิงเวียนอีกครั้งที่เขาทำไม่ได้แม้แต่หายใจ ไมเคิลก็กระเด็นไปข้างหลังอีก

นี่มันก็แค่การชกต่อย

แต่ว่า ไมเคิล…

“หึหึ…คิดว่าจะชนะด้วยหมัดเบา ๆ นั่นได้เหรอ?”

เขาพูดสวนกลับมาขณะที่รักษาสติที่หลุดลอยไปครึ่งเดียวโดยที่ไม่ยอมเป็นลม

ผมเข้าหาไมเคิลอีกครั้ง

ผมจับไหล่ทั้งสองข้างของไมเคิลอย่างแน่นหนาและร่ายต้นไม้เยือกแข็ง

กร๊อบ แกร๊บ กร๊อบ!

กิ่งไม้งอกออกมาจากใต้เท้าของไมเคิลในพริบตาและหยุดการเคลื่อนไหวของเขาอย่างสมบูรณ์ จากนั้นกิ่งไม้ก็งอกขึ้นมาแขวนเขาเอาไว้บนอากาศ

แต่ว่า

“หึหึ หึหึหึ…”

ไมเคิลหัวเราะไม่หยุดเหมือนตื่นเต้นจากอะไรบางอย่าง

“ชิ”

ถ้าเขาหมดสติไปล่ะก็

ถ้าเขาไม่ลุกขึ้นมาอีกล่ะก็

การต่อสู้นี้คงจบไปนานแล้ว

มันคือภาพที่แสดงให้เห็นถึงความน่าสะพรึงกลัวของดอกไม้แผดเผาที่ผลักผู้ใช้ให้อยู่ในสภาพปางตาย

หลังจากจับไมเคิลได้แล้วผมก็หันไปตะโกนกับกรรมการ

“ไมเคิลกินยาต้องห้ามเข้าไปครับ”

“ว่าไงนะ?”

แรงปะทะของเรื่องนี้ค่อนข้างใหญ่หลวง

มีเพียงดังขึ้นจากสถานที่สอบเต็มไปหมดและกรรมการก็ตัวแข็งทื่อไปหนึ่งวินาที และหลังจากงุนงงแล้วเขาก็ถามผมอีกครับ

“...เธอมั่นใจไหม?”

“มั่นใจครับ”

“แต่ก่อนสอบจะมีการทดสอบการใช้ยาก่อน ทุกอย่างถูกยืนยันตามขั้นตอนแล้วนะ”

“มีวิธีมากมายในการทำให้ยาที่ใช้หลอกการทดสอบการใช้ยาได้ แน่นอนว่าถ้ามีวัตถุดิบนะครับ”

“เธอกำลังจะบอกว่า…”

“ครับ มีคนที่เข้าถึงวัตถุดิบหายากหลายชนิดไว้กับตัวเอง และมีแค่คนเดียวเท่านั้นในทั้งโรงเรียนนี้”

ผมจับตามองไปที่อาจารย์เอลริค เกลฮิล

และจากนั้นทุกคนก็มองไปที่เขา

“อะ อาจารย์เอลริค?”

“ไม่จริง ไม่มีทาง ต่อให้เป็นหลานของเขา…”

อาจารย์เอลริคที่รู้สึกอับอายเกินไปเองก็ลุกขึ้นจากที่นั่ง

“นี่แก แกกล้าสงสัยชั้นที่เป็นอาจารย์เรอะ?”

และจากนั้นเขาก็ใช้เวทย์เทเลพอร์ตมาปรากฏตัวหน้าผมในทันที และเขาก็เดินเข้ามาใกล้ ๆ ด้วย

“แกบอกว่าไมเคิล เกลฮิลใช้ยาต้องห้ามและชั้นมองข้ามมันไปเรอะ?”

“ผมไม่รู้ว่าอาจารย์มองข้ามรึเปล่า หรือว่าอาจารย์เป็นคนช่วยเขากันนะ”

“มีหลักฐานไหม?”

“มีสิครับ”

อาจารย์เอลริคผงะกับความมั่นใจของผมแต่ก็พยายามจะไม่ตกเป็นฝ่ายเสียเปรียบ เขาตะโกนให้ดังกว่าเดิม

“ถ้าอย่างนั้น! เราจะทำการตรวจสอบใหม่เดี๋ยวนี้ เราจะทำการตรวจสอบยาทันที!”

แต่ผมก็ปฏิเสธ

“ไม่จำเป็นต้องทำแบบนั้นหรอกครับ ต่อให้ตรวจใหม่ผลก็ออกมาเป็นปกติ อาจารย์เป็นคนซ่อนมันไว้ไม่ใช่เหรอ? ด้วยดอกไม้ฟอกขาวน่ะ”

ดอกไม้ฟอกขาว

เพื่อที่จะหลอกเจ้าหน้าที่ตรวจการใช้ยาชูกำลัง อย่างน้อยก็ต้องมียาหายากชนิดนี้

เมื่อพูดชื่อดอกไม้ออกไป ขนตาของอาจารย์เอลริคก็สั่นเล็กน้อย

แต่เขายังไม่ยอมรามือ

“ถ้าแบบนั้นแกจะทำยังไง? เอาหลักฐานออกมา!”

หลักฐาน

เขามั่นใจว่าไม่มีหลักฐานว่าไมเคิลกินยานั้น

ผมยักไหล่และกลั้นหัวเราะเมื่อมองอาจารย์เอลริค

“ได้ ทำแบบนั้นดีกว่า”

จากนั้นผมก็เดินไปทางต้นไม้ใกล้ ๆ

“ดูให้ดี”

ผมยกกำปั้นไปที่ต้นไม้นั้น

แต่ผมไม่ได้ปล่อยหมัดออกไป

ผมกลับทำ ‘แค่ดีด’ ที่ทำกับไมเคิลออกไป

หลังจากง้างนิ้วกลางเหมือนกับคันธนูแล้ว ผมก็เล็งไปที่ต้นไม้และปล่อยมือ

ปั้ง!

นิ้วผมกระแทกต้นไม้โดยตรงจนเกิดเสียงระเบิด เกิดรูที่เห็นแม้จะมองจากระยะไกล

สถานที่สอบเต็มไปด้วยเสียงกระหึ่มอีกครั้ง

“ขะ ขะ ขะ เขา…”

“แค่ดีดนิ้วก็เปิดรูแล้ว…”

ใช่แล้ว

แค่ดีดนิ้ว

ผมหันไปหาอาจารย์เอลริคและถาม

“เห็นไหม?”

คำถามของผมมีความหมายนี้อยู่

‘ไมเคิลที่โดนดีดนิ้วแบบนี้เข้าไปยังตื่นและหัวเราะโดยไม่หมดสติได้ยังไง?’

เป็นความหมายแบบนั้น

ใช่แล้ว นั่นก็เพราะว่าเขากินสมุนไพรแห่งการตื่น ดอกไม้แผดเผาเข้าไป

อาจารย์เอลริคเป็นคนฉลาด

เขาน่าจะเข้าใจความหมายของผม แต่เขากลับทำไม่รู้ไม่ชี้

“กะ แกหมายความว่ายังไง?”

“ไม่มีทางที่อาจารย์จะไม่รู้หรอกน่า…ยังเล่นละครไม่เก่งนะอาจารย์”

“นี่แก…”

“สมุนไพรแห่งการตื่น ดอกไม้แผดเผา มันจะเพิ่มความเร็วการร่ายเวทย์และพลังเวทย์ไปอีกระดับ ผมจะไม่พูดเรื่องที่ไมเคิลร่ายเวทย์ที่ระดับสูงกว่าตัวเองได้ยังไงเพราะอาจารย์คงอ้างตื้น ๆ ว่าเขาฝึกมาเยอะ แต่นี่ล่ะ?”

ผมซัดกำปั้นใส่ต้นไม้เป็นตัวอย่าง

เปรี๊ยะะะะะ!

ต้นไม้แยกเป็นชิ้นเล็กชิ้นน้อยในทันที และอาจารย์เอลริคก็ทำได้แค่ยืนอ้าปากค้างกับภาพบ้า ๆ ที่ได้เห็น

“ดอกไม้แผดเผามีคุณสมบัติกดประสาทความเจ็บปวดของผู้ใช้”

ผมพูดขณะที่ยกหมัดขึ้น

“นี่ถึงเป็นเหตุผลที่เจ้าคนบนต้นไม้นั่นยังไม่หมดสติ แน่นอน ในฐานะอาจารย์ที่ดูแลการสอนวิชาปรุงยา อาจารย์คงรู้จักยาตัวนี้ดีกว่าผม ใช่ไหม?”

“แต่เป็นแค่ความเจ็บปวดที่รับรู้ไม่ได้ แต่อาการบาดเจ็บจะยังสะสมในตัวเหมือนเดิม”

อาจารย์เอลริคหน้าซีด

ดวงตาของเขาหันไปทางไมเคิล เกลฮิล

เขายังคงยิ้มและหัวเราะออกมาอย่างควบคุมไม่ได้

แต่ถ้าหากเขารู้ว่าตัวเขาอยู่ในสภาพไหน เขาจะยังหัวเราะอยู่ได้หรือ?

“กะโหลกเจ้านั่นคงยังสั่นอยู่ แล้วก็กระดูกใกล้ ๆ ท้องคงหักไปสี่ห้าท่อน ผมหยุดเจ้านั่นด้วยต้นไม้เยือกแข็งไม่ให้กระดูกที่หักระเบิดปอดของเจ้านั่น…แต่ก็คงเหลือเวลาอีกไม่มากหรอกนะอาจารย์”

น้ำเสียงของผมไม่ได้บ่งบอกถึงความเร่งด่วน แต่เป็นความผ่อนคลาย

“กะ แก…แกนะแก!”

อาจารย์เอลริคถูกความแค้นบังสายตา เขารีบยื่นมือไปหาไมเคิลและแก้เวทย์พันธนาการของผม

“คิกคิกคิก…”

อาจารย์เอลริค เกลฮิลรีบตรวจร่างกายของไมเคิล

ผมอดกลั้นตัวเองเล็กน้อยขณะที่พูดกับอาจารย์เอลริค

“เห็นแบบนี้แล้วยังจะปฏิเสธอยู่อีกเหรออาจารย์?”

อาจารย์เอลริคใบหน้าแข็งกระด้างราวกับเห็นผี และผมก็มองไมเคิลที่นอนอยู่บนพื้น

ผมพูดว่ามันจำเป็นและเลี่ยงไม่ได้ที่จะพิสูจน์ว่าแต่ใช้สมุนไพรแห่งการตื่น แต่ว่า…

‘ชิ’

รสชาติขมยังคงอยู่ในปากของผม

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด