ตอนที่แล้วตอนที่ 123: กลับโลก
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปตอนที่ 125: พอตเตอร์หายไป?

ตอนที่ 124: บริษัทควอนตัม


ตอนที่ 124: บริษัทควอนตัม

ความยิ่งใหญ่ของจักรวาลเป็นสิ่งที่อยู่ไกลเกินกว่าจินตนาการของมนุษย์ไปไกล คำอธิบายของเซี่ยเฟยเริ่มทำให้ทุกคนอยากรู้เรื่องของจักรวาลมากยิ่งขึ้น แต่น่าเสียดายที่พวกเขาไม่มีโอกาสได้สัมผัสกับทะเลดาวอันลึกลับ พวกเขาจึงทำได้เพียงแต่จินตนาการถึงการได้ใช้ชีวิตอยู่ท่ามกลางดวงดาวที่อยู่บนท้องฟ้า

“แล้วบริษัทเป็นยังไงบ้าง?” เซี่ยเฟยถาม

“ปัจจุบันขอบเขตธุรกิจของควอนตัมยังจำกัดอยู่เพียงแค่การซื้อเทคโนโลยีจากต่างดาว นอกจากนี้พวกเรายังลงทุนในรูปแบบของการซื้อหุ้นไปยังบริษัทต่าง ๆ ไม่ว่าจะเป็นบริษัทยักษ์ใหญ่ด้านคอมพิวเตอร์อย่าง IBM, บริษัทยักษ์ใหญ่ด้านพลังงานอย่างเอ็กซ์ซอนโมบิลและยักษ์ใหญ่ด้านเครื่องจักรอย่างซีเมนต์ครับ” ชาร์ลีรายงานด้วยความตื่นเต้น

ชื่อบริษัทควอนตัมเป็นชื่อที่เขาคิดขึ้นมาเองและภายใต้การบริหารงานของพวกอันเดร มันก็ทำให้บริษัทนี้เป็นบริษัทชั้นนำของโลกภายในเวลาเพียงแค่ครึ่งปี นอกจากนี้การที่พวกเขาสามารถถือครองหุ้นของบริษัทใหญ่ได้ มันก็ทำให้รากฐานของควอนตัมเปรียบเสมือนกับต้นไม้ใหญ่ที่หย่อนรากลึก ดังนั้นถึงแม้ว่ามันจะมีอะไรมาสั่นคลอนแต่บริษัทแห่งนี้ก็จะไม่ล้มลงไปง่าย ๆ

“น่าเสียดายที่ในปัจจุบันผลิตภัณฑ์ของพวกเราขายได้แต่เพียงแค่ในดาวโลก ส่วนการค้าขายระหว่างดวงดาวยังไม่มีความคืบหน้า” ชาร์ลีรายงานเพิ่มพร้อมกับยักไหล่

“เรื่องนี้ไม่ต้องกังวลหรอกค่อย ๆ สร้างรากฐานของบริษัทไปเรื่อย ๆ ก่อน รอบนี้ฉันพาซาร่ากับเอเลนมาช่วยบริษัทแล้วและทั้งคู่ต่างก็เป็นนักบินยานอวกาศที่มีประสบการณ์ พวกเขาจะช่วยสอนคนของเราเพื่อก่อตั้งกองยานขนส่งระหว่างดวงดาวได้” เซี่ยเฟยกล่าว

เซี่ยเฟยต้องการจะเปลี่ยนดาวโลกให้กลายเป็นฐานผลิต โดยการรับซื้อวัตถุดิบจากดาวเคราะห์ต่าง ๆ จากนั้นพวกเขาจะทำการแปรรูปวัตถุดิบให้กลายเป็นผลิตภัณฑ์ส่งขายออกไปยังพันธมิตร

ท้ายที่สุดราคาค่าแรงของชาวโลกก็ถูกอย่างน่าเหลือเชื่อ มันจึงทำให้ต้นทุนการผลิตของพวกเขาถูกกว่าบริษัทบนดาวเคราะห์ดวงอื่นในพันธมิตรมาก

ขณะเดียวกันหากเขาต้องการเพิ่มประสิทธิภาพให้กับการค้าขายระหว่างดวงดาว เขาก็จำเป็นที่จะต้องจัดตั้งทีมขนส่งที่เชื่อถือได้ ซึ่งเรื่องนี้ถือได้ว่าเป็นเรื่องที่สำคัญที่สุดสำหรับก้าวต่อไปของบริษัทควอนตัม

“เยี่ยม! ถ้าบนโลกมีโรงเรียนสอนขับยานอวกาศฉันจะเป็นคนสมัครเรียนเข้าไปคนแรกเลย!!” อู่หลงกล่าวขึ้นมาด้วยความตื่นเต้น

“พี่หลง พี่อย่าลืมว่าตอนนี้พี่เป็นผู้อำนวยการฝ่ายรักษาความปลอดภัยและรองคณะกรรมการบริษัทแล้วนะ สถานะของพี่ไม่เหมือนกับในอดีตแล้วนะ พี่คงไม่คิดจะไปสมัครเป็นนักบินของยานขนส่งจริง ๆ ใช่ไหม” เซี่ยเฟยกล่าวพร้อมกับหัวเราะเบา ๆ

“โอ้ย! ฉันแทบจะเป็นโรคซึมเศร้าตายเพราะต้องนั่งอยู่ในสำนักงานทั้งวัน นี่ถ้าฉันสามารถบินไปรอบ ๆ จักรวาลได้เหมือนนาย มันคงสนุกใช่เล่น!” อู่หลงกล่าวพร้อมกับถอนหายใจ

อู่หลงเป็นคนที่มีบุคลิกค่อนข้างหยาบกระด้าง ซึ่งการได้รับหน้าที่ให้นั่งเฝ้าสำนักงานจึงเป็นเรื่องที่น่าปวดหัวสำหรับเขามาก แต่อย่างไรก็ตามเขาก็เป็นคนที่ซื่อสัตย์ในคำพูดของตัวเอง ด้วยเหตุนี้เมื่อเขาสัญญาว่าเขาจะช่วยเซี่ยเฟยดูแลบริษัทเขาจึงทำตามคำสัญญานั้นอย่างไม่อิดออด โดยในทุก ๆ วันเขาจะทำงานล่วงเวลามากกว่าคนอื่นเพื่ออดทนจัดการกับงานเอกสารที่เขาไม่มีความถนัด

“พี่ช่วยอดทนไปสักพักก่อนนะครับ เมื่อไหร่ก็ตามที่มีคนอื่นที่เหมาะสมผมจะให้พี่ไปทำงานในตำแหน่งที่พี่ชอบ” เซี่ยเฟยพยายามปลอบใจ

“จริงนะ! ฉันแค่บ่นออกไปลอย ๆ ไม่คิดว่าจะมีโอกาสได้ย้ายตำแหน่งจริง ๆ รู้ไหมแม่ฉันมีความสุขมากแค่ไหนตอนที่ได้รู้ว่าฉันได้เป็นรองประธานของบริษัทควอนตัม เธอคิดมาตลอดว่าฉันไม่ควรวิ่งเล่นทั้งวันแต่ควรแต่งงานแล้วหาอาชีพที่มั่นคงทำได้แล้ว” อู่หลงกล่าวพร้อมกับหัวเราะออกมาเสียงดัง จากนั้นเขาก็กล่าวต่อว่า

“แม่บอกเสมอว่าอยากจะเชิญนายไปทานอาหารเย็น พรุ่งนี้นายว่างหรือเปล่า? ไปกินอาหารที่บ้านของฉันกัน!”

“ผมก็อยากลองไปชิมอาหารฝีมือแม่ของพี่จริง ๆ แต่น่าเสียดายที่พรุ่งนี้ผมต้องออกเดินทางแต่เช้า ไว้โอกาสหน้าผมจะไม่พลาดแน่นอน” เซี่ยเฟยกล่าว

“จะไปแล้วหรอ! นายเพิ่งกลับมาเองนะ อยู่ต่ออีกสัก 2-3 วันไหม”

“เมื่อบริษัทมีพวกพี่คอยดูแลอยู่ผมก็ไม่มีอะไรต้องกังวลแล้ว นอกจากนี้พวกเรายังสามารถสื่อสารผ่านเครือข่ายสตาร์เน็ตเวิร์กได้นะครับ” เซี่ยเฟยกล่าวพร้อมรอยยิ้ม

“การสร้างกองยานขนส่งเป็นความคิดที่ดีมากแต่การซื้อยานจำเป็นจะต้องใช้ทีมช่างบำรุงและเงินทุนมหาศาล ตอนนี้เงินทุนของบริษัทหมดแล้วผมเกรงว่ามันอาจจะต้องรออีกนานกว่าพวกเราจะมีทุนพอซื้อยานขนส่งขนาดใหญ่” ชาร์ลีกล่าวหลังจากใช้เวลาพิจารณาอยู่นาน

“ปัญหาเรื่องนี้ฉันได้คิดเอาไว้แล้ว ฉันพอจะมีคนรู้จักอยู่ที่สุสานยานอวกาศ ฉันน่าจะหาซื้อยานขนส่งราคาต่ำกว่าตลาดจากพวกเขาได้ ส่วนเรื่องทีมช่างฉันก็มีคนในใจแล้วเหมือนกัน เดี๋ยวพรุ่งนี้ฉันจะไปลองชวนเขาดู”

คนในใจที่เซี่ยเฟยพูดถึงก็ไม่ใช่ใครอื่นนอกจากโบเดนลูกศิษย์ของพอตเตอร์

ความภักดีของโบเดนสร้างความประทับใจให้เซี่ยเฟยอย่างลึกซึ้ง นอกจากนี้ทักษะงานช่างของเขายังไร้ที่ติ แต่น่าเสียดายที่ลูกศิษย์คนนี้ติดอาจารย์มากจนเกินไป ด้วยเหตุนี้เซี่ยเฟยจึงจำเป็นจะต้องใช้ความพยายามหากต้องการจะล่อโบเดนมาที่บริษัท

“นายคิดว่าจะต้องใช้เงินสักเท่าไหร่?” เซี่ยเฟยถาม

ชาร์ลีเริ่มใช้งานพลังพิเศษด้านการคำนวณทำให้ในตอนนี้เขาสามารถประมวลผลได้เร็วกว่าคอมพิวเตอร์เสียอีก

“ปัจจุบันมีโครงการที่กำลังอยู่ในขั้นตอนการหารือหลายสิบโครงการ ซึ่งโครงการทั้งหมดต่างก็เป็นโครงการที่เร่งด่วนสำหรับโลก ไม่ว่าจะเป็นโครงการพลังงานทดแทนระบบพลังงานเก่าที่ก่อให้เกิดมลพิษ…”

ในระหว่างที่ชาร์ลีกำลังอธิบายเซี่ยเฟยก็โบกมือขัดจังหวะก่อนที่เขาจะกล่าวออกไปว่า

“ชาร์ลีเหตุผลที่ฉันให้ทุกคนดำรงตำแหน่งที่สำคัญในบริษัท นั่นก็เพราะว่าทุกคนเป็นคนที่ฉันไว้ใจ ดังนั้นนายไม่จำเป็นจะต้องอธิบายรายละเอียดแค่บอกจำนวนเงินที่ต้องการมาก็พอ”

คำพูดของเซี่ยเฟยทำให้ทั้งสามคนรู้สึกอบอุ่นภายในใจและความไว้วางใจที่เซี่ยเฟยได้มอบให้กับพวกเขา มันก็ทำให้พวกเขารู้สึกภาคภูมิใจโดยไม่รู้ตัว

“จำนวนเงินที่เหมาะสมที่สุดคือ 93.15 ล้านสตาร์คอยน์ครับ หากสภาพคล่องไม่เพียงพอพวกเราสามารถระงับโครงการบางอย่างเอาไว้ได้ชั่วคราว แล้วค่อยเริ่มโครงการพวกนั้นใหม่ในภายหลัง” ชาร์ลีกล่าว

“ไม่มีปัญหา เดี๋ยวฉันจะโอนเงินให้บริษัท 200 ล้านและฉันจะจ่ายเงินค่าซื้อยานขนส่งแยกต่างหาก มันน่าจะช่วยให้สภาพคล่องในบริษัทดีขึ้น”

“นอกจากนี้ฉันยังมีบัญชีเงินฝากอีกบัญชีที่จะมีรายรับเข้ามาทุกเดือน ถึงแม้จำนวนเงินที่เข้ามาจะไม่มากแต่ฉันจะมอบบัญชีนี้เอาไว้ให้ใช้ในกรณีฉุกเฉิน” เซี่ยเฟยกล่าว

ตอนนี้เซี่ยเฟยมีเงินในบัญชีอยู่ประมาณ 1,400 ล้านสตาร์คอยน์ ซึ่งการลงทุนเพิ่มเพียงแค่ไม่กี่ร้อยล้านสตาร์คอยน์จึงไม่ได้ส่งผลกระทบกับเขามากนัก นอกจากนี้บริษัทยังอยู่ในช่วงเริ่มต้นและกำลังเติบโต ด้วยเหตุนี้เงินทุนที่เขาจ่ายไปจะค่อย ๆ ตอบแทนเขากลับคืนมาในอนาคต

สำหรับบัญชีที่เซี่ยเฟยได้กล่าวถึงนั้นก็คือบัญชีที่เขาเปิดไว้สำหรับการขายบทกวี ซึ่งในตอนนี้ความนิยมของบทกวีก็ค่อย ๆ ลดลงทำให้รายได้จากบทกวีต่อเดือนมีเพียงแค่ไม่กี่ล้านสตาร์คอยน์ โดยเงินจำนวนนี้ไม่ได้มีประโยชน์กับเซี่ยเฟยมากนักเขาจึงคิดที่จะให้มันเป็นเงินทุนสำรองฉุกเฉินของบริษัทจะดีกว่า

คำพูดของชายหนุ่มทำให้ทั้งสามคนรู้สึกตกตะลึงเล็กน้อย เพราะเซี่ยเฟยสามารถโอนเงิน 200 ล้านสตาร์คอยน์ได้ง่าย ๆ ซึ่งดูเหมือนว่าชายหนุ่มคนนี้จะร่ำรวยกว่าที่พวกเขาได้คาดการณ์เอาไว้

“200 ล้านสตาร์คอยน์เป็นเงินจำนวนมากเกินไป ตอนนี้บริษัทยังไม่จำเป็นจะต้องใช้เงินมากขนาดนั้น” อันเดร์กล่าวขึ้นมาอย่างระมัดระวัง

“สิ่งสำคัญที่สุดสำหรับบริษัทคือการมีสภาพคล่องให้เพียงพอ ด้วยเงินจำนวนนี้พวกคุณจะสามารถดำเนินงานได้อย่างอิสระ และตราบใดก็ตามที่พวกคุณใช้จ่ายอย่างเหมาะสมสักวันหนึ่งเงินพวกนี้มันก็จะตอบแทนผมกลับมาเอง” เซี่ยเฟยกล่าวอย่างไม่ได้จริงจังมากนัก

หลังได้รับคำอธิบายอันเดร์ก็แสดงอาการลังเลอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนที่เขาจะพูดออกมาว่า

“ก่อนหน้านี้ประธานสหพันธ์โลกได้ติดต่อมาหลายครั้งว่าเขาต้องการพบกับคุณเป็นการส่วนตัว และต้องการมีส่วนร่วมในบริษัทควอนตัมในนามของสหพันธ์ ฉันคิดว่าเนื่องจากบริษัทของพวกเราอยู่ภายใต้การปกครองของรัฐบาลกลาง คุณก็ควรที่จะต้องพิจารณาคำพูดของพวกเขาด้วยเช่นกัน”

“ผมไม่สนใจพวกนักการเมืองและผมก็ปฏิเสธไม่ให้พวกเขาเข้ามาถือหุ้นในบริษัทด้วย ผมมีแนวคิดในการพัฒนาบริษัทควอนตัมเป็นของตัวเอง ถ้าหากพวกเรามีผู้ถือหุ้นมากขึ้นมันก็จะมีข้อจำกัดเพิ่มมากขึ้นเช่นเดียวกัน ผมไม่อยากเสียเวลามาอธิบายเรื่องทุกอย่างในการประชุมผู้ถือหุ้นมันค่อนข้างเสียเวลาผมมากเกินไป” เซี่ยเฟยกล่าวตอบพร้อมกับส่ายหัว จากนั้นเขาก็ได้กล่าวต่อไปว่า

“นอกจากนี้พวกเราก็ทำธุรกิจถูกกฎหมายและจ่ายภาษีตามระเบียบ พวกเราจึงไม่จำเป็นจะต้องไปสนใจพวกนักการเมือง พูดตามตรงนะว่าผลงานในปัจจุบันของรัฐไม่เป็นที่น่าพอใจเอาเสียเลย เพราะถึงแม้ว่าโลกจะเข้าร่วมพันธมิตรมนุษย์ระหว่างดวงดาวเป็นเวลานานกว่า 3 ปีแล้ว แต่ถึงตอนนี้โลกก็ยังไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลงไปมากนัก”

สมาชิกในรัฐบาลกลางปัจจุบันเต็มไปด้วยพวกอนุรักษ์นิยมที่หวาดกลัวอารยธรรมต่างดาว ด้วยเหตุนี้สิ่งที่พวกเขาคิดจึงมีเพียงแต่การรักษาความมั่นคงของตัวเองและทำอย่างไรดีถึงจะรักษาฐานอำนาจของพวกเขาเอาไว้ได้

สิ่งสำคัญที่สุดสำหรับโลกในตอนนี้คือการพัฒนาความแข็งแกร่งเพื่อพึ่งพากำลังของตัวเอง เพราะท้ายที่สุดหากใครมีความแข็งแกร่งไม่เพียงพอพวกเขาก็ไม่มีสิทธิ์ที่จะออกสิทธิ์ออกเสียงได้ด้วยซ้ำ ดังนั้นในฐานะของคนที่เติบโตมาบนโลกเซี่ยเฟยจึงรู้สึกผิดหวังกับรัฐบาลในชุดปัจจุบันมาก

“หึ! ไอ้พวกคนในรัฐบาลดีแต่พูดจาหลอกคนไปวัน ๆ จนถึงตอนนี้สหพันธ์ยังไม่มียานรบเป็นของตัวเองด้วยซ้ำ ส่วนพวกกระทรวงกลาโหมก็คอยแต่ออกมาเรียกร้องความสงสารว่างบประมาณที่พวกเขาได้รับมีไม่มากพอ” อู่หลงกล่าวขึ้นมาด้วยน้ำเสียงไม่พอใจ

“ใจเย็น ๆ พี่หลง พวกเรากลับมาสนใจเรื่องของเราดีกว่า” เซี่ยเฟยกล่าวพร้อมกับตบไหล่อู่หลงเบา ๆ

“ใช่แล้ว เรื่องของเราสำคัญกว่านักการเมืองพวกนั้นมาก บริษัทกำลังจะเข้าสู่ช่วงการขยายตัวแต่ในปัจจุบันพวกเรามีสินค้าไม่มากนัก โดยส่วนใหญ่เป็นแต่ของที่ล้าสมัยที่ถึงแม้ว่ามันจะขายให้ดาวเคราะห์ดวงอื่นได้ แต่มันก็ไม่ได้สร้างผลกำไรให้กับพวกเรามากนัก ตอนนี้สิ่งที่พวกเราต้องการคือผลิตภัณฑ์คุณภาพสูงเพื่อช่วยยกระดับแบรนด์ของพวกเราให้เป็นที่รู้จักไปทั่วทั้งจักรวาล” ชาร์ลีกล่าว

“เรื่องนั้นยังไม่ต้องกังวล ถึงแม้สินค้าที่พวกเราผลิตจะเป็นสินค้าระดับล่างแต่ตราบใดก็ตามที่พวกเราควบคุมราคาให้ต่ำได้มันก็ยังมีตลาดรองรับสินค้าพวกนั้นเสมอ สิ่งที่พวกเราต้องการในตอนนี้คือการตั้งหลักให้ได้อย่างมั่นคงก่อน แล้วพวกเราค่อยยกระดับบริษัทหลังจากที่พวกเราเริ่มแย่งส่วนแบ่งการตลาดมาได้ในอัตราที่แน่นอน” เซี่ยเฟยกล่าว

ทั้งสี่ได้พูดคุยกันเป็นเวลานานและตัดสินใจจะจัดตั้งโรงเรียนฝึกนักบินยานอวกาศและศูนย์กระจายสินค้าระหว่างดวงดาวใกล้กับสนามบินอวกาศของสหพันธ์

สนามบินของสหพันธ์มีขนาดใหญ่มากและมีสิ่งอำนวยความสะดวกต่าง ๆ อย่างครบถ้วน ด้วยเหตุนี้การสร้างศูนย์ฝึกอบรมและศูนย์กระจายสินค้าในบริเวณนี้ มันก็จะช่วยประหยัดค่าใช้จ่ายและระยะเวลาในการก่อสร้างได้เป็นอย่างมาก

ซาร่ากับเอเลนได้รับหน้าที่ให้ทำการฝึกสอนนักบินและเมื่อไหร่ก็ตามที่เซี่ยเฟยสามารถจัดหายานอวกาศมาได้แล้ว พวกเขาก็จะเริ่มทำการก่อตั้งกองยานขนส่งของตัวเองในทันที

เช้าตรู่วันรุ่งขึ้นเซี่ยเฟยก็ออกเดินทางไปยังสุสานยานอวกาศและทิ้งเรื่องบนโลกเอาไว้ให้กับพวกอันเดร์

ซาร่าและเอเลนตกลงช่วยเซี่ยเฟยสร้างกองยานขนส่งอย่างเต็มใจ เพราะท้ายที่สุดการได้ออกมาจากเขตดาววิลเดอร์เนสก็ทำให้พวกเขารู้สึกพึงพอใจมากแล้ว ดังนั้นถึงแม้ว่าระดับอารยธรรมของดาวโลกจะค่อนข้างต่ำ แต่คุณภาพชีวิตของชาวโลกก็เปรียบเสมือนกับชาวสวรรค์เมื่อเทียบกับผู้ที่อาศัยอยู่ในเขตดาววิลเดอร์เนส

2 วันต่อมาแวมไพร์ก็ค่อย ๆ ร่อนลงในอู่ของพอตเตอร์ช้า ๆ ก่อนที่จะมีโบเดนและคนงานอีก 2-3 คนที่ออกมาทักทายเซี่ยเฟย

“ทำไมไม่เห็นลุงพอตเตอร์เลยล่ะครับ?” เซี่ยเฟยกล่าวถามด้วยรอยยิ้มขณะเอาของฝากมาแจกจ่ายให้คนงาน

“ลองอ่านเองก็แล้วกัน” โบเดนถอนหายใจพร้อมกับหยิบจดหมายออกมายื่นให้เซี่ยเฟย

***************

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด