ตอนที่แล้วบทที่ 373 - ไม่มีค่าพอ! บทที่ 374 - เพิ่มสีสัน
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปบทที่ 377 - สังหารชายร่างใหญ่ บทที่ 378 - รากเก้ามังกรขด

(ฟรี) บทที่ 375 - เริ่มต้นการต่อสู้ บทที่ 376 - ค้นพบเหล็กวิญญาณลี้ลับ


1/8

บทที่ 375 - เริ่มต้นการต่อสู้

“เด็กน้อย สาวกนิกายชิงหยุนที่ข้าเพิ่งสังหารไป อีกเดี๋ยวเจ้าจะได้ลงเอยแบบเขา”

ใบหน้าของชายร่างใหญ่เผยถึงความดุร้าย จับจ้องหยางซือเล่ย เอ่ยเย้ยหยัน “แต่ไม่ต้องกังวล จุดจของเจ้า จะน่าสังเวชยิ่งกว่าเขาแน่นอน!”

หยางซือเล่ยตอบอย่างไม่สะทกสะท้านว่า “ปากเจ้าพ่นออกมาแต่ละคำ มีแต่เรื่องไร้สาระทั้งนั้น”

ได้ยินประโยคนี้ ใบหน้าของชายร่างใหญ่หม่นหมองสุดขีด กำขวานรบในมือ  ตะโกนด้วยเจตนาฆ่า “ช่างไม่รู้จักที่ตาย! ไปลงนรกซะ!”

สิ้นถ้อยคำเหล่านี้ พลังวิญญาณอันน่าเกรงขามปะทุออกจากชายร่างใหญ่ ขวานรบอันดุร้ายฟันไปที่หยางซือเล่ยอย่างดุเดือด

ขวานนี้ไม่เพียงโถมด้วยพละกำลัง หากแต่มาพร้อมปราณพลังวิญญาณ ดุดันดั่งพยัคฆ์ล่าเหยื่อ

ซึ่งแรงกดดันขนาดนี้ เมื่อใช้ควบคู่กับจิตวรยุทธสัตว์ร้ายสายพันธุ์หมีซึ่งโดดเด่นด้านพละกำลัง อำนาจทำลายที่โหมใส่หยางซือเล่ยก็ยิ่งร้ายแรง!

อย่างไรก็ตาม หยางซือเล่ยยังคงยืนอยู่ที่เดิม เมื่อต้องเผชิญกับตัวประกอบในขอบเขตเดียวกัน เขาไม่จำเป็นต้องงัดอาวุธปืนขึ้นมาใช้แต่อย่างใด

นั่นเพราะ ทำไปก็รังแต่จะสิ้นเปลืองกระสุน

และเขายังคิดใจะใช่โอกาสนี้ ทดสอบพลังรบในปัจจุบันของตนเช่นกัน ว่ายามต่อสู้ระยะประชิด มันจะต้านทานได้ถึงขั้นไหน

ไม่รอช้า เห็นเพียงมือขวาของหยางซือเล่ยลูบลงบนแหวนมิติ เรียกหอกยาวที่มีสีดำด้านออกมาหนึ่งเล่ม

เหนือปลายหอก มันเปล่งประกายไปด้วยระลอกคลื่นพลังวิญญาณอันน่าทึ่ง ทิ่มแทงออกไปตรงๆ

ปัง!

ปลายหอกกระทบคมขวานอย่างแม่นยำ ฤทธิ์อันแก่กล้าของฝ่ายหลัง สลายไปทันที

ภายใต้การเผชิญหน้ากันด้วยพละกำลัง ร่างของหยางซือเล่ยยังคงหนักแน่นมั่นคง แม้ชายร่างใหญ่จะพยายามออกแรงมากมายเพียงใด ก็ไม่สามารถสั่นคลอนเขาได้เลย

“หือ?” ชายร่างใหญ่ถึงกับผงะ เขาเป็นคนมั่นใจในพละกำลังของตัวเองมาก ภายในขอบเขตเดียวกัน น้อยคนนักที่จะต้านทานแรงขวานที่เขาฟันซึ่งหน้า

อย่างไรก็ตาม เขาไม่เคยคาดหวังเลย ว่าหยางซือเล่ยจะหยุดมันได้อย่างง่ายดายเช่นนี้ ในด้านพละกำลัง คล้ายไม่ได้อ่อนแอไปกว่าตัวเขาเลย!

“เปลี่ยนร่างมังกรขั้นแรก!”

ดวงตาของหยางซือเล่ยขรึมมลงเล็กน้อย เปิดใช้งานนักรบเลือดมังกรขั้นแรก

ในพริบตา ตามผิวหนังบนแขนของเขาถูกปกคลุมด้วยชั้นของเกล็ดมังกร กล้ามเนื้อก็เริ่มปูดโปนเช่นกัน พละกำลังเพิ่มประสิทธิภาพขึ้นอย่างกะทันหัน ปลายหอกส่งเสียงหวีดแหลมของสายลม ถ่ายเทพละกำลังอันแข็งแกร่ง กดดันชายร่างใหญ่ถอยไปหลายก้าว

“พละกำลังมหาศาลอะไรเช่นนี้!”

เห็นสิ่งที่เกิดขึ้น ผู้ชมรอบลานประลองต่างประหลาดใจ ไม่มีใครคิดว่าเพียงเริ่มประมือกัน หยางซือเล่ยจะเป็นฝ่ายกุมความได้เปรียบไป!

ด้วยการประลองด้านพละกำลัง เขาสามารถปรามปราบชายร่างใหญ่ได้อย่างน่าประทับใจ

“ศาสตร์ขัดเกลาร่างกาย? สาวกนิกายซีหยางผู้นี้นับว่าพอมีความสามารถอยู่บ้าง”

บนขั้นบันได ชายหนุ่มในชุดขาวที่มีใบหน้าหล่อเหลากล่าวด้วยรอยยิ้มคล้ายไม่ยิ้ม

เขาคือศิษย์พี่ใหญ่ของนิกายเทียนเจี้ยน ไป๋หมิงซวน

“อย่างไรก็ตาม ศาสตร์ขัดเกลาร่างกายนี้ จากที่เห็นเขาสมควรฝึกฝนเพียงผิวเผินเท่านั้น มันน่าจะช่วยแค่เพิ่มพละกำลังร่างกาย ไม่มีอะไรมากไปกว่านั้น”

ข้างๆเป็นรุ่นเยาว์ที่สวมเสื้อสีเลือด เอ่ยแสดงความคิดเห็นด้วยใบหน้าเย็นชา น้ำเสียงแฝงความดูแคลนเล็กน้อย

เขาคือศิษย์พี่ใหญ่ของนิกายเฉวียหยิง  โหยวเฉวียน

แต่เขาคงไม่ทราบ ว่าเปลี่ยนร่างมังกรของหยางซือเล่ยในเวลานี้ แท้จริงแล้วมันอยู่แค่ขั้นหนึ่งเท่านั้น

หากเขาเปลี่ยนร่างมังกรเป็นขั้นสี่ แล้วปกคลุมด้วยเกล็ดมังกรทั้งตัว ไม่ว่าจะในด้านความเร็ว พละกำลัง หรือการป้องกัน ล้วนเหนือกว่านักบู๊ในขอบเขตเดียวกันมาก และทำได้กระทั่งท้าทายข้ามขั้นกับพวกขอบเขตเทพวิญญาณ

หลังจากทำลายการโจมตีของชายร่างใหญ่ หยางซือเล่ยฉวยโอกาสนี้ไล่โจมตี หอกดำในมือระเบิดพลังวิญญาณอันทรงพลัง แทงซ้ำออกไปอีกครั้ง

“ขวานผ่าพยัคฆ์!”

เห็นหยางซือเล่ยพุ่งเข้ามาพร้อมหอก แววตาอำมหิตทอประกายในดวงตาของชายร่างใหญ่ ขวานรบผ่าลงจากเบื้องบน สร้างภาพติดตามากมายฟันลงที่ปลายหอกอย่างแรง

เคร้ง!

อย่างไรก็ตาม วินาทีต่อมา ทันทีทีคมขวานกระทบปลายหอก หยางซือเล่ยกระตุกแขนวูบ ปลายหอกเลื้อยผ่านขวานคล้ายดั่งมังกร แทงเข้าที่หน้าอกชายร่างใหญ่ แต่ก็ถูกม่านพลังวิญญาณคุ้มภัยกันไว้ได้

ถึงอย่างนั้น พละกำลังที่รุนแรงปะทุออกจากปลายหอก ยังส่งร่างอีกฝ่ายถอยครูดอย่างแรง

2/8

บทที่ 376 - ค้นพบเหล็กวิญญาณลี้ลับ

“เป็นแค่สาวกนิกายระดับต่ำสุด ทำไมถึงมีพลังรบแก่กล้าขนาดนี้?”

สัมผัสได้ถึงพลังปราณและเลือดลมที่ปั่นป่วนในร่างกาย ชายร่างใหญ่ตกใจกลัวสุดขีด

อย่างไรก็ตาม การต่อสู้ที่รวดเร็วปานสายฟ้าแลบเช่นนี้ ชายร่างใหญ่ไม่มีเวลาทันได้คิดอะไร เพราะในขณะนี้ หยางซือเล่ยได้บุกเข้ามาแล้ว

ฟุ่มมม——!

อีกหนึ่งหอกทิ่มแทง ปลายแหลมอัดแน่นด้วยแรงกดดันที่หาผู้ใดเทียบ!

“ไปให้พ้นทางข้า!”

ชายร่างใหญ่คำรามด้วยความโกรธ สองมือกุมขวานรบ กวาดมันออกไปตรงๆ ปัดการโจมตีจากหอกของหยางซือเล่ย จากนั้นย่ำเท้ากระโดดขึ้นอย่างแรง แล้วสับขวานจามลงเหนือหัวหยางซือเล่ย

วูบบบ!

แต่ในเวลานี้เอง ร่างของหยางซือเล่ยสั่นไหว ใช้ออกด้วยท่าร่างเงามังกร จู่ๆก็กลายเป็นดั่งภูติผี หลบเลี่ยงการโจมตีได้อย่างคล่องแคล่ว

กึ้งงงง!

ตำแหน่งที่หยางซือเล่ยเคยยืนอยู่ ตอนนี้อิฐหินบนพื้นแตกออก ขณะที่ใต้อิฐหิน มีแสงวูบวาบระยิบระยับรางๆสะท้อนออกมา

ทุกคนเพ่งมองมัน และทราบว่า ที่แท้ใต้อิฐหินนั้นถูกปูด้วยเหล็กวิญญาณลี้ลับ ทั้งยังเพิ่มรูปแบบอักขระยันต์เข้าไปด้วย

แม้ถูกฟันอย่างแรงด้วยขวานของชายร่างใหญ่ มันเพียงทิ้งรอยตื้นๆไว้เท่านั้น

“นั่นมันเหล็กวิญญาณลี้ลับ!”

เห็นภาพนี้ ดวงตาของทุกคนสั่นไหว

“แต่ถึงจะตกใจอยู่บ้าง แต่พอลองคิดดูข้าว่ามันก็ถูกแล้วที่มีเหล็กวิญญาณลี้ลับอยู่ที่นี่”

สำหรับเหล็กวิญญาณลี้ลับที่ถูกปูใต้อิฐหิน พวกเขาไม่แปลกใจมากนัก

นั่นเพราะลานประลองแห่งนี้คือโบราณสถานของนิกายที่เคยใช้ในการประมือ และเพื่อป้องกันความเสียหายไม่ให้ลุกลาม ใต้ดินจึงถูกเสริมด้วยเหล็กวิญญาณลี้ลับ

อะไรทำนองนี้ ไม่ใช่แค่นิกาย แต่ทำเนียบยุทธทุกแห่งในทวีปเทียนหยานเกือบทั้งหมดก็ทำแบบนี้ทั้งสิ้น เลยไม่ค่อยแปลกใจที่เห็น

กระนั้น ต้องทราบนะว่าลานประลองแห่งนี้กว้างขวางมาก แม้แต่แปดสุดยอดนิกาย ก็ยังไม่มีลานประลองที่ใหญ่เท่าที่นี่

สามารถจินตนาการได้ เหล็กวิญญาณลี้ลับที่บรรจุอยู่ข้างใต้นั้น คาดว่ามีปริมาณหลายล้านจิน!

คิดได้แบบนี้ สายตาของทุกคนพลันเต็มไปด้วยความคลั่งไคล้

อย่างไรก็ตาม เนื่องจากการมีอยู่ของสามสุดยอดนิกาย บวกกับการต่อสู้ยังคงดำเนินอยู่ ดังนั้นขณะนี้จึงไม่มีใครกล้าวิ่งไปขุดพวกมัน

“เจ้าพวกปัญญาอ่อน” เห็นสายตาที่เต็มไปด้วยความโลภของผู้คนรอบลานประลอง ไป๋หมิงซวนแห่งนิกายเทียนเจี้ยนแค่นเสียงเย็น แสดงท่าทีดูถูก

ก่อนหน้านี้ อันที่จริงพวกเขาค้นพบเรื่องเหล็กวิญญาณลี้ลับตั้งนานแล้ว แต่เนื่องจากมีอักขระยันต์ผสมอยู่ ทำให้ไม่สามารถขุดได้

ต่อให้ใช้พละกำลังมากเพียงใดก็ตาม สุดท้ายจะถูกสะท้อนกลับ

ดูจากปฏิกิริยาของชายร่างใหญ่ตอนนี้ก็น่าจะรู้แล้ว เนื่องจากฟันถูกเหล็กวิญญาณลี้ลับ และโดนส่งผ่านแรงสั่นสะเทือนกลับมา มันทำให้แขนเขาเจ็บและชาทันที นอกจากนี้ยังมีรอยเลือดจากเนื้อที่ปริแตกบนฝ่ามือ

โหยวเฉวียนแห่งนิกายเฉวียหยิงและเยว่หลิงเฟิง จากนิกายซวนเยว่ ทั้งสองลอบหัวเราะเยาะ

เหล็กวิญญาณลี้ลับจำนวนมหาศาลเช่นนี้ หากพวกเขาเอาไปได้ แล้วจะปล่อยมันทิ้งไว้จนพวกโง่เง่าในที่นี้ค้นพบได้อย่างไร?

“หยุดคิดเถอะ เหล็กวิญญาณลี้ลับบนลานประลองได้รับการเสริมพลังจากค่ายกลอักขระยันต์ ต่อให้เป็นขุมพลังในขอบเขตเทพวิญญาณ ก็เกรงว่าจะกะเทาะมันไม่ออกแม้แต่ชิ้นเดียว”

ณ ตอนนี้ เริ่มมีสาวกบางคนรู้สึกตัวแล้ว เอ่ยบางคำออกมา และนั่นได้ทำให้ใจที่ลุกโชนของทุกคนเหมือนถูกราดด้วยน้ำเย็น มอดดับลงทันที

“ที่แท้ก็เป็นแบบนี้ เสียของจริงๆ”

ในพริบตา รอบลานประลองเต็มไปด้วยเสียงถอนหายใจด้วยความเสียดาย

ความสนใจของทุกคน เบนกลับมาที่หยางซือเล่ยและชายร่างใหญ่บนลานประลองอีกครั้ง

เห็นเพียงทั้งคู่ยังคงปะทะกัน เกิดเสียงอาวุธกระทับหนักทึบ ดังขึ้นอย่างไม่หยุดหย่อน

‘ได้รับการเสริมพลังจากค่ายกลแล้วยังไง? เดี๋ยวระบบก็กลืนกินได้อยู่ดี’

จิตใจของหยางซือเล่ยจดจ่ออยู่กับเหล็กวิญญาณลี้ลับบนพื้นใต้ฝ่าเท้าเขา ดังนั้นตอนนี้เลยทำแค่ป้องกันสุ่มสี่สุ่มห้า

หากเขาสามารถกลืนกินมัน แล้วแปลงเป็นแต้มเสริมพลังร้อยเท่า ไม่เท่ากับได้มาเป็นหลายร้อยล้านแต้มหรอกหรือ!

ขณะที่แต้มเสริมพลังที่สะสมไว้ตอนนี้ มันมีอยู่ราวๆ 400 ล้าน ยังขาดเหลืออีกอย่างน้อย 600 ล้านแต้มถึงจะอัพเกรดสู่ขอบเขตเทพวิญญาณ

หากสามารถดูดซับเหล็กวิญญาณลี้ลับทั้งหมดในลานประลองได้ ตัวเลขอาจใกล้เป้าหมายมากขึ้น

อย่างไรก็ตาม ตอนนี้เขาถูกรบกวนโดยชายร่างใหญ่ ไม่สามารถปลีกเวลาลงมือได้ นอกจากนี้ยังมีคนจำนวนมากเฝ้าดูอยู่ สายตานับหมื่นจับจ้องอย่างใกล้ชิด

หากต้องการกลืนกินเหล็กวิญญาณลี้ลับอย่างเงียบๆ คงได้แต่รอโอกาสที่เหมาะสมเท่านั้น