ตอนที่แล้วบทที่ 354 - ไอ้หน้าไหนจะสู้ได้อีก? บทที่ 355 - ซากปรักหักพังโบราณ
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปบทที่ 358 - 1.5 พันล้านแต้มเสริมพลัง บทที่ 359 - ทักษะร่างโคลน

(ฟรี)บทที่ 356 - ระฆังยักษ์เจดีย์โบราณ บทที่ 357 - สร้างความโกรธแค้นแก่ทุกคน


บทที่ 356 - ระฆังยักษ์เจดีย์โบราณ

“กลิ่นอายปราณวิญญาณของที่นี่ ช่างเข้มข้นเหลือเกิน!”

หยางซือเล่ยสูดหายใจเข้าปอด รู้สึกได้ถึงความผันผวนของพลังงานวิญญาณรอบตัว ดวงตาเขาสว่างไสวขึ้นทันใด

ไม่คาดฝันว่าแม้ผ่านพ้นเป็นหมื่นปี แต่พื้นที่นี้ยังคงสามารถกักเก็บปราณพลังวิญญาณไว้ได้อย่างหนาแน่น

“ดูเหมือนว่าใต้ดินในม่านแสงคุ้มภัยแห่งนี้ จะมีค่ายกลขนาดยักษ์ที่ใช้รวบรวมปราณพลังวิญญาณติดตั้งอยู่ และน่าจะมีวิธีเฉพาะทำให้ยังทำงานมาถึงตอนนี้”

หยางซือเล่ยคาดเดาในใจ เพราะถ้าเป็นหมื่นปี ต่อให้เป็นเครื่องจักรก็ยังทำงานได้ไม่ถึงขนาดนี้

ฉะนั้น เขาพอจะเดาได้ ว่าขุมกำลังจากโบราณนี้ มีโอกาสสูงที่พวกเขาจะใช้วิธีพิเศษบางอย่างในการรวบรวมพลังงานจากสวรรค์และปฐพี ทำให้มันเข้มข้นกว่าภายนอกมาก

หากบำเพ็ญเพียรที่นี่ ความเร็วในการฝึกตนอาจเพิ่มขึ้นกว่าทุกวันที่ผ่านมา

“น่าเสียดายพื้นที่อันล้ำค่าแห่งนี้จริงๆ ...”

หยางซือเล่ยถอนหายใจ จากนั้นดวงตาของเขาก็กวาดไปรอบๆ สามารถสังเกตเห็นได้ว่าตามทางโถงทางเดิน มีร่างเงามนุษย์กำลังเคลื่อนไหวอยู่

อย่างไรก็ตาม หยางซือเล่ยไม่คิดเข้าไปถามไถ่เรื่องของเสี่ยวหยวนจากพวกเขา เพราะคนที่มาถึงที่นี่ได้ สมควรเป็นสาวกที่ทรงพลังจากนิกายระดับกลางขึ้นไป

สำหรับบุคคลภายนอกนิกายตน ต่อให้รู้เรื่องพวกเขาก็ไม่น่าจะยอมบอกความจริง

หากเป็นฝ่ายเข้าไปทักทายก่อน ถึงเวลานั้นไม่เพียงไม่ได้คำตอบ ตรงกันข้ามอาจเกิดปัญหามากมายตามมา

จากประสบการณ์หลายครั้งที่ผ่านมา หยางซือเล่ยเข้าใจอย่างลึกซึ้งถึงความหมายของคำว่า ‘ใจมนุษย์แสนสุดลึกล้ำเหนือกำหนด’

“ซากปรักหักพังโบราณนี้ หากในอดีตมันคือนิกายๆหนึ่งจริงๆ เช่นนั้นสมควรมีโรงหลอมอาวุธตั้งอยู่ หากเราหาพบ อาจได้รับเหล็กวิญญาณลี้ลับมาก็ได้”

หลังจากเพ่งสายตาชั่วขณะ หยางซือเล่ยก็ตัดสินใจเลือกจุดหมายปลายทาง

สำหรับนิกาย มรดกความรู้ที่พวกเขาสืบทอดกันมาจะถูกแบ่งออกเป็นสองประเภทใหญ่ นั่นคืองานฝีมือและศิลปะการต่อสู้

งานฝีมือก็เช่นพวก การเพาะพืชวิญญาณ , หลอมอาวุธ , กลั่นโอสถ , เลี้ยงอสูร ...

สำหรับศิลปะการต่อสู้ มันก็คือเคล็ดวิชายุทธที่ใช้เพิ่มพลังรบนั่นเอง อย่างหลังสำคัญยังไงคงไม่ต้องอธิบายเพิ่ม

แต่จะขออธิบายในส่วนของงานฝีมือเล็กน้อย เนื่องจากทุกคนมีพรสวรรค์ไม่เท่ากัน ดังนั้นไม่ใช่ทุกคนที่จะไปถึงปลายทางของศิลปะการต่อสู้ได้ จึงมีนักบู๊จำนวนไม่น้อยที่เลือกเบนเส้นทางมาสายงานฝีมือ หรือไม่ก็ฝึกฝนเป็นทางเลือกรอง

...

อย่างไรก็ตาม เนื่องจากหยางซือเล่ยไม่รู้ว่าพื้นที่ของโรงหลอมอาวุธนั้นอยู่ที่ไหน เขาเลยไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากกระจายจิตรับรู้ค้นหามัน

โรงหลอมอาวุธคือสถานที่ที่ต้องใช้ความร้อนสูง เพื่อป้องกันไม่ให้เกิดความเสียหายหรือไฟไหม้ในตัวอาคาร ดังนั้นวัสดุที่ใช้สร้างมัน สมควรทำจากโลหะ

ตราบใดที่สำรวจเจอว่ามีสถานที่ที่ใช้วัสดุพิเศษนี้ในการสร้าง ก็ไม่ใช่เรื่องยากที่จะระบุได้

ทั้งหมดก็ประมาณนี้ หยางซือเล่ยวิ่งผ่านโถงทางเดิน ผ่านศาลาต่างๆอย่างรวดเร็ว ระหว่างนั้นขยายจิตรับรู้ตรวจสอบ ครอบคลุมพื้นที่รัศมี 100 หมี่

หลังจากวิ่งวนอยู่สองเค่อ หัวใจของหยางซือเล่ยพลันกระตุกวูบ จากนั้นพุ่งร่างตัวเองไปยังห้องโถงขนาดใหญ่แห่งหนึ่งทันที เมื่อเข้ามา สายตาเขามองทอดยาวออกไป

เขาพบว่าที่นี่มีเจดีย์ยักษ์ตั้งตระหง่านอยู่มากมาย เต็มไปด้วยกลิ่นอายเก่าแก่และโบราณ เอาจริงๆที่นี่ไม่ใช่โรงหลอมอาวุธ แต่ดูท่าจะเป็นลานฝึกฝนมากกว่า

และดูจากขนาดของเจดีย์ยักษ์พวกนั้น สมควรเป็นสถานที่ใช้ฝึกฝนขั้นสูงในสมัยโบราณ อย่างน้อยก็ไม่ใช่พื้นที่ที่สาวกทั่วๆไปหรือสาวกสายงานฝีมือจะเข้ามาใช้งานได้

ยังไงก็ตาม ที่กล่าวมาไม่ใช่ประเด็น เพราะความสนใจของหยางซือเล่ย ทั้งหมดไปหยุดอยู่ที่ระฆังยักษ์เหนือยอดเจดีย์อย่างสมบูรณ์ เกิดเปลวไฟอันร้อนแรงสะท้อนออกมาจากดวงตาเขา

ไม่ต้องสงสัยเลย ว่าวัสดุที่ใช้ทำระฆังยักษ์เหล่านั้น ทั้งหมดหล่อมาจากโลหะ

และระฆังยักษ์เหล่านั้น ตัวเรือนมีสีเหมือนทองแดงโบราณ ดูหนาและหนักมาก

จากขนาดของมัน แต่ละใบสมควรมีน้ำหนักไม่ต่ำกว่า 200,000 จิน อีกทั้งระลอกคลื่นความผันผวนของพลังงานที่แผ่ออกมาจางๆ บ่งบอกชัดเจนว่าไม่ใช่โลหะธรรมดา แต่เป็นโลหะหายากคุณภาพสูงที่คล้ายกับเหล็กวิญญาณลี้ลับ!

“เจดียักษ์สำหรับใช้ฝึกฝนในที่นี้ สมควรมีอย่างน้อย 100 เจดีย์ หรือเทียบเท่าระฆังยักษ์ 100 ใบ!”

หากแต่ละระฆังหนัก 200,000 จิน เมื่อนำไปแปลงแต้มเสริมพลังในจำนวน 100 เท่าเหมือนเหล็กวิญญาณลี้ลับ นั่นไม่เท่ากับว่า ....

หยางซือเล่ยอึ้งงัน เซลล์สมองปั่นป่วน เริ่มคำนวณอย่างรวดเร็ว และในที่สุดก็ได้ตัวเลขมูลค่ามหาศาลออกมา

2,000,000,000 แต้ม!

หัวใจของหยางซือเล่ยเต้นแรง ความตื่นเต้นเร่าร้อนผุดขึ้นในดวงตาเขา

หากกลืนกินระฆังพวกนี้ได้ทั้งหมด ก็จะเท่ากับว่าสามารถบรรลุภารกิจของระบบได้ในคลิกเดียว!

อย่างไรก็ตาม ในเวลานี้ สายตาของหยางซือเล่ยหม่นหมองลง เพราะเขาเห็นร่างคนจำนวนมาก กำลังปีนป่ายขึ้นไปถึงยอดเจดีย์ ใบหน้าของแต่ละคนแสดงสีสันของความละโมบ แสดงออกชัดว่าต้องการยึดระฆังยักษ์ไปเป็นของตัวเอง

ไม่รอช้า หยางซือเล่ยไม่คิดทำตัวต่ำเตี้ยเรี่ยดินอีกต่อไป เรียกใช้เครื่องบินขับไล่ ทะยานขึ้นฟ้าอย่างดุเดือด แหวกอากาศไปทางที่ตั้งอย่างเจดีย์ยักษ์

บทที่ 357 - สร้างความโกรธแค้นแก่ทุกคน

บรึ้ม!

เมื่อหยางซือเล่ยมาถึงบริเวณนี้ เขาได้ดึงดูดความสนใจจากเหล่าสาวกนิกายโดยรอบทันที

ช่วงเวลานี้ทุกคนชะงัก มองไปยังเครื่องบินขับไล่เหนือหัว อดสูดหายใจเย็นเยียบไม่ได้ พร้อมเกิดร่องรอยของความแตกตื่นตกใจสะท้อนในแววตา

“เจ้าสัตว์ประหลาดยักษ์ตัวนี้ หรือว่ามันจะเป็นสัตว์อสูรผู้พิทักษ์ซากปรักหักพัง?”

มงไปยังกระแสไฟฟ้าที่ลั่นเปรี๊ยะๆรอบเครื่องบินขับไล่ สาวกนิกายในที่นี้ ใบหน้าเต็มไปด้วยความแตกตื่น เกิดความคิดว่าการปล้นระฆังของพวกเขาครั้งนี้ มันได้ไปยั่วยุสัตว์อสูรผู้พิทักษ์เข้าให้แล้ว!

“ไม่ว่ามันจะเป็นอสูรพิทักษ์หรืออะไรก็ตาม แต่กล้ามาขัดขวางข้า มันต้องตาย!”

ชายฉกรรจ์คนหนึ่งตะโกนด้วยใบหน้าที่ดุร้าย ตราสัญลักษณ์นิกายบนตัวเขา บ่งบอกว่าเป็นนิกายระดับ 4 ‘นิกายหยุยเตา’ และมีฐานบำเพ็ญเพียรถึงขั้นครึ่งก้าวสู่เทพวิญญาณแล้ว พลังรบค่อนข้างดีทีเดียว

“หือ? ช้าก่อน นั่นไม่ใช่สัตว์อสูร แต่เป็นอุปกรณ์เหาะเหินต่างหาก!”

แต่ต่อมา เมื่อเห็นว่าหยางซือเล่ยกระโดดลงจากเบาะคนขับ ร่อนลงเหนือยอดเจดีย์แห่งหนึ่ง ทั้งหมดก็ต้องประหลาดใจ

ปรากฏว่าที่ตกใจกลัวกันมันไม่ใช่อสูรพิทักษ์!

และการปรากฏตัวอย่างกะทันหันของหยางซือเล่ย มันทำให้เหล่าสาวกที่แต่เดิมหวาดระแวง เวลานี้สีหน้ากลับกลายเป็นหม่นหมอง

มีอีกหนึ่งคนเข้ามาแย่งส่วนแบ่ง มันทำให้พวกเขาเกิดความไม่พอใจมาก

กระนั้น ก็ยังไม่มีใครกล้าลงมือหรือรีบเข้าไปหยุดหยางซือเล่ยในทันที เพราะยังไม่ทราบข้อมูลหรือภูมิหลังที่แน่ชัดของหยางซือเล่ย ดังนั้นได้แต่อดทนชั่วคราว

เมื่อไม่มีใครมารบกวน หยางซือเล่ยย่อมเพลิดเพลินไปกับความสงบนี้ เบนความสนใจมายังยอดเจดีย์

และเขาก็ต้องประหลาดใจที่พบว่า ระฆังยักษ์นี้ไม่ใช่ระฆังเหล็กธรรมดา หากแต่ความผันผวนของพลังวิญญาณที่แทรกซึมออกมา คุณภาพมันเทียบได้กับระดับของเหล็กวิญญาณลี้ลับ

แม้จะผ่านลมฝนมานานปี แต่ผิวระฆังกลับปราศจากสนิมแม้แต่น้อย อีกทั้งยังมีลวดลายบางอย่างสลักอยู่

หยางซือเล่ยคาดเดา ว่าลวดลายนี้ สมควรเป็นตราสัญลักษณ์ของขุมพลังโบราณผู้ครอบครองมัน ใช้แสดงถึงสถานะของพวกเขา

แต่ความจริงจะเป็นอย่างไร หยางซือเล่ยคร้านจะคาดเดา เขากดฝ่ามือลงบนระฆังยักษ์โดยตรง เอ่ยคำสั้นๆ “กลืนกิน”

ในพริบตา ระฆังโบราณอันใหญ่เบื้องหน้าหยางซือเล่ย พลันหายวับไปดื้อๆ

“ติ๊ง! ขอแสดงความยินดีกับโฮสต์ คุณกลืนกินโลหะคุณภาพสูง ‘เหล็กวิญญาณทองแดง’ จำนวน 200,000 จิน ได้รับแต้มเสริมพลัง 20 ล้านแต้ม”

เมื่อได้ยินเสียงเตือนจากระบบ หยางซือเล่ยมีความสุขทันที มันเป็นโลหะคุณภาพสูงจริงๆ!

คราวนี้มาถูกทางแล้ว!

ต่อไป หยางซือเล่ยราวกับโด๊ปเลือดไก่ กระโดดขึ้นเครื่องบินขับไล่ แล้วลอยไปเหนือยอดเจดีย์อีกอันอย่างบ้าคลั่ง

ผู้อื่นกว่าจะปีนขึ้นยอดเจดีย์ช่างยากลำบาก แต่กลับถูกหยางซือเล่ยที่บินได้ตัดหน้าไปก่อน ทันใดนั้นทุกคนต่างโกรธเกรี้ยว

พฤติกรรมของหยางซือเล่ยเห็นได้ชัดว่ามันสร้างความขุ่นเคืองแก่ผู้คน เริ่มมีคนตะโกนด่าทอเขา

โดยเฉพาะอย่างยิ่งชายฉกรรจ์จากนิกายหยุยเตา  เดิมด้วยฐานบำเพ็ญเพียรของเขา เขาสามารถปีนถึงยอดเจดีย์ได้สามครั้งแล้ว กระนั้น สองในสามกลับถูกหยางซือเล่ยชิงไป แทบมิอาจกอบโกยผลประโยชน์ใดๆ

“สารเลว! ข้าจะไม่ยอมให้เจ้ามาปล้นพวกเราอีกแล้ว!” เจ้าตัวขบเขี้ยวเคี้ยวฟัน ความโกรธถึงจุดเดือดปุดๆ ชักดาบออกมา พรั่งพรูพลังวิญญาณอันรุนแรงออกจากร่างกาย

พรึบ——!

ช่วงเวลาถัดไป ดาบใหญ่ในมือชายฉกรรจ์เหวี่ยงปราณพลังวิญญาณดาบอันเหนือชั้นฉีกอากาศอย่างฉับพลัน คว้านอากาศรุนแรงมุ่งเป้าไปที่เครื่องบินขับไล่ซึ่งกำลังจะลงจอดเหนือยอดเจดีย์อันต่อไป

ด้านหยางซือเล่ย แม้เขาจะอยู่ในสภาพกำลังตื่นเต้นสุดๆ แต่ก็คอยระฆังตัวมาโดยตลอดเช่นกัน ทันใดนั้นหักพวงมาลับในมืออย่างรวดเร็ว เครื่องบินขับไล่โค้งอย่างงดงามในอากาศ หลีกเลี่ยงปราณดาบที่พุ่งเข้ามาได้โดยปราศจากอันตรายใดๆ

เปรี้ยง!

ปราณดาบพลาดเป้าในอากาศ สุดท้ายลอยไปชนเข้ากับเจดีย์โบราณที่อยู่ถัดไป

เนื่องจากตั้งอยู่มานานกว่าหมื่นปีแล้ว แม้โครงสร้างทางสถาปัตยกรรมของเจดีย์จะยังไม่บุบสลาย แต่ก็ถูกกัดเซาะตามกาลเวลา เปราะบางอยู่แล้ว

ดังนั้นในขณะนี้ เมื่อถูกเชือดเฉือนโดยปราณดาบ มันจึงพังทลายลงในคราเดียว ก่อให้เกิดฝุ่นละอองขนาดใหญ่

เคร้ง~!

ระฆังใหญ่กระแทกพื้นส่งเสียงหึ่งๆ กังวานออกมา

และเมื่อระฆังยักษ์หล่นพื้น เหล่าสาวกนิกายอื่นที่กำลังตะลึงก็ตอบสนองในทันที พากันตะเกียกตะกายวิ่งเข้ามา

ท่ามกลางฉากที่วุ่นวายนี้ ไม่รู้เลยว่าใครเป็นคนรวบมันเข้าแหวนมิติ ฉวยโอกาสคว้ามันไปได้