ตอนที่แล้วบทที่ 48: วิธีการรับเครดิตและการจัดอันดับ
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปบทที่ 50: เซี่ยหยุนปิงตกตะลึง  

บทที่ 49: การใช้คะแนนสกิล


บทที่ 49: การใช้คะแนนสกิล

เซี่ยหยุนปิงมองไปที่ลู่หยานตรงหน้าเขาด้วยท่าทางที่มั่นใจมาก

เขาได้อันดับที่สองในมณฑลซูฮังในการสอบเข้ามหาวิทยาลัยในปีนี้ และแม้ว่าเขาจะได้รับทรัพยากรจำนวนมากเพื่อเป็นรางวัลจากครอบครัวของเขา แต่มันก็ยังไม่สามารถเปรียบเทียบกับรางวัลของแชมป์ระดับมณฑลได้

ด้วยเหตุนี้เองเซี่ยหยุนปิงจึงจดจำลู่หยานผู้ซึ่งคว้าเอาตำแหน่งแชมป์ระดับมณฑลไปจากเขาอยู่เสมอ

เขาไม่ได้มาที่สถาบันมุมทองเพื่อลู่หยาน แต่เนื่องจากครอบครัวของเขาอยู่ในมณฑลซูฮัง การเลือกสถาบันมุมทองจึงเป็นประโยชน์มากที่สุดสำหรับเขา

อย่างไรก็ตาม เขาก็ไม่ได้คาดคิดว่าเขาจะมาเจอลู่หยานที่นี่

แต่กระนั้น เขาก็จะไม่ต้องรออีกต่อไป เขาสามารถแก้แค้นผู้ชายคนนี้ได้เลยในทันที

บางทีหลังจากที่บดขยี้ผู้ชายคนนี้เสร็จ ครอบครัวก็อาจจะให้รางวัลตอบแทนเขาด้วยซ้ำ

ท้ายที่สุดแล้ว ผู้ชายที่อยู่ตรงหน้าเขาก็คือแชมป์ระดับมณฑล

เมื่อนักศึกษารอบๆ ได้ยินคำพูดของเซี่ยหยุนปิง พวกเขาก็ตกตะลึงก่อนที่ใบหน้าของพวกเขาจะแสดงออกถึงความสนุกสนาน

“นี่คือเซี่ยหยุนปิงใช่ไหม? ฉันจำได้ว่าเขามาจากตระกูลเซี่ย ดูเหมือนว่าเขาจะพูดว่าเขามีสายเลือดน้ำแข็งและมีพรสวรรค์อย่างมากในพลังธาตุน้ำแข็งสินะ เขาเป็นนักเวทย์น้ำแข็งที่ทรงพลังมาก”

“ฉันเคยเห็นวิดีโอการสอบเข้ามหาวิทยาลัยของเขาอยู่ เขาเลือกระดับฝันร้าย กระบวนการเคลียร์ดินแดนลับของเขานั้นธรรมดามาก อันเดตเหล่านั้นถูกแช่แข็งโดยตรงก่อนที่พวกมันจะทันได้เข้าใกล้ร่างของเขาด้วยซ้ำ มันติดก็แค่ว่าเวลาที่เขาใช้ในการเคลียร์ด่านนั้นช้าไปหน่อย”

“เขาอยู่ที่เลเวล 15 แล้วใช่ไหม? เขาอยู่ในเลเวลเดียวกันกับไป่เมี่ยวที่อันดับหนึ่งเลย”

“คนที่เขาต้องการท้าทายคือลู่หยานแชมป์ระดับมณฑล นอกจากนี้ เขาก็ยังเปิดเผยอีกด้วยว่าเขามีอาชีพลับราชาผู้วายชนม์ ถึงอย่างนั้น เขาก็อยู่เพียงเลเวล 10 เท่านั้น เขาคงจะไม่ยอมรับการเดิมพันนี้แน่”

“ฉันก็คิดว่าอย่างนั้น ลู่หยานมีอาชีพลับประเภทอันเดด เขาได้เปรียบแน่นอนเมื่อต้องเผชิญหน้ากับสัตว์ปีศาจในการสอบเข้ามหาวิทยาลัย ดังนั้นเขาคงจะไม่มั่นใจมากนักในฐานะแชมป์ระดับมณฑล และเมื่อรวมเข้ากับความจริงที่ว่ามันยังมีความแตกต่างระหว่างพวกเขาถึงห้าเลเวล ลู่หยานก็คงจะไม่กล้ายอมรับการท้าทายนี้อย่างแน่นอน”

นักศึกษาโดยรอบมองไปที่ลู่หยานและเซี่ยหยุนปิงและพูดคุยกัน พวกเขาส่วนใหญ่รู้สึกว่าลู่หยานจะไม่ยอมรับการเดิมพันนี้

ข้อมูลของนักศึกษาใหม่สิบอันดับแรกได้ถูกเปิดเผยในฟอรัมของสถาบันแล้ว ลู่หยานเกิดในเมืองหลินอันและไม่ได้มาจากตระกูลใหญ่หรือมีภูมิหลังที่มีอำนาจใดๆ

นอกเหนือจากอาชีพลับแล้ว มันก็ไม่มีอะไรอื่นอีก

ถ้าสองคนนี้สู้กันตอนสอบเข้ามหาวิทยาลัย ความแตกต่างก็คงจะไม่มากนัก

อย่างไรก็ตาม ในอีกไม่กี่วันต่อมาหลังจากการสอบเข้ามหาวิทยาลัย ในฐานะสมาชิกคนหนึ่งของตระกูลเซี่ย การพัฒนาของเซี่ยหยุนปิงนั้นก็ย่อมสูงกว่าของลู่หยานอย่างแน่นอน อย่างน้อยๆ 5 เลเวลนั่นก็คือเครื่องยืนยัน

ภายใต้สถานการณ์เช่นนี้ ตราบใดที่ลู่หยานมีสติดี เขาก็จะไม่ผลีผลามและยอมรับการเดิมพันนี้แน่

ไป่เยว่เจอมองไปที่ลู่หยานด้วยความคาดหวังในดวงตาของเขา

เขาหวังว่าลู่หยานจะตอบตกลง ด้วยวิธีนี้ เขาก็จะสามารถค้นหาความแข็งแกร่งที่แท้จริงของผู้ชายคนนี้ได้เช่นกัน

เซี่ยหยุนปิงฟังการสนทนาของนักศึกษาโดยรอบและเห็นว่าลู่หยานเงียบไป เขากังวลว่าอีกฝ่ายจะกลัวเพราะเลเวลของเขาและกล่าวเสริมว่า “ฉันสูงกว่านายห้าเลเวล งั้นเอาแบบนี้เป็นไง? ฉันจะไม่เอาเปรียบนาย นายจะสวมใส่อุปกรณ์ระดับทองและฉันจะสวมใส่อุปกรณ์ระดับเงินเอง นายว่าไง?”

ลู่หยานที่กำลังจะตอบตกลงจู่ๆ ก็ตกตะลึงเล็กน้อย เขาไม่ได้คาดคิดว่า เซี่ยหยุนปิงจะใจร้อนและกดตัวเองลงดินแบบนี้

นี่ไม่ใช่การมอบทรัพยากรฟรีแก่เขาใช่ไหม?

ทันใดนั้นลู่หยานก็พูดอย่างเขินอายว่า “ในเมื่อสหายเซี่ยพูดเช่นนั้น มันก็คงจะน่าเกลียดถ้าฉันยังปฎิเสธอยู่อีก”

นักศึกษาที่อยู่รอบๆ บางคนมองไปที่รอยยิ้มอันเขินอายบนใบหน้าของ ลู่หยานและอดไม่ได้ที่จะส่ายหัว “เฮ้อ ลู่หยานถูกหลอกแล้ว ความแตกต่างระหว่างอุปกรณ์ระดับเงินกับระดับทองจะไปสามารถชดเชยความแตกต่างในห้าเลเวลได้ยังไง นอกจากนี้ เซี่ยหยุนปิงก็ยังมีประสบการณ์การต่อสู้ภาคสนามมาแล้ว ความแข็งแกร่งในการต่อสู้ของเขานั้นทรงพลังมาก”

“เขาติดกับมุขตื้นๆ แบบนั้นได้ยังไงกันนะ”

“นายกำลังพูดถึงอะไร ฉันไม่คิดว่าลู่หยานจะแพ้หรอกนะ ผลงานในการสอบเข้ามหาวิทยาลัยของเขาดีมาก ความเร็วในการเคลียร์ของเขาอยู่ในสามอันดับแรกของประเทศด้วยซ้ำ” หลี่เม่ยเอ๋ออดไม่ได้ที่จะพูดขณะที่เธอฟังคนรอบข้างวิจารณ์ลู่หยาน

คนอื่นๆ ไม่ได้โต้เถียงกับเธอและบอกเพียงว่าเธอจะรู้เองเมื่อพวกเขาไปถึงเวที

เมื่อเห็นว่าลู่หยานตอบตกลง เซี่ยหยุนปิงก็ตื่นเต้นมากเช่นกัน โดยไม่ลังเลใดๆ เขาดึงลู่หยานไปที่สำนักงานคุมกฎของสถาบันโดยตรง เขากลัวว่าลู่หยานจะกลับคำพูดของตน

นักศึกษาที่อยู่รอบๆ ทุกคนเดินตามพวกเขาไป ท้ายที่สุดแล้ว มันก็เป็นการต่อสู้ระหว่างนักศึกษาใหม่อันดับสามและหก ทุกคนต่างก็ต้องการที่จะสังเกตและดูว่าพวกเขาสองคนแข็งแกร่งแค่ไหน

หลังจากมาถึงสำนักงานคุมกฎ เซี่ยหยุนปิงและลู่หยานก็ได้ลงนามในเอกสารรับรองเอกสารโดยตรงภายใต้พยานที่เป็นรุ่นพี่

หลังจากลงนามเสร็จ เซี่ยหยุนปิงก็ถอนหายใจออกมาด้วยความโล่งอกและยิ้มให้ลู่หยาน “ลู่หยาน นายจะต้องยอมรับความพ่ายแพ้ของนายนะ อย่าโทษฉันถ้านายแพ้ในภายหลัง ยังไงซะเราทุกคนก็เป็นเพื่อนร่วมชั้นกัน”

ลู่หยานมองไปที่การแสดงออกอย่างมั่นใจของเซี่ยหยุนปิงและอดไม่ได้ที่จะคิดว่ามันค่อนข้างตลก

เขาหวังว่าอีกฝ่ายจะยังคงยิ้มได้หลังจากพวกเขาต่อสู้กันเสร็จ

ทั้งสองคนมาถึงเวทีประลองอย่างรวดเร็ว

นี่เป็นเวทีประลองที่จัดทำขึ้นมาเป็นพิเศษโดยสถาบันมุมทอง มันยาวและกว้างถึง 200 เมตร เวทีได้รับการปกป้องโดยค่ายกลเพื่อให้แน่ใจว่าการต่อสู้ภายในจะไม่ส่งผลกระทบต่อสิ่งที่อยู่นอกเวที

ภายใต้การเฝ้าดูของประจักษ์พยาน ลู่หยานและเซี่ยหยุนปิงก็เดินขึ้นไปบนเวที

ลู่หยานสวมชุดเกราะวิญญาณวายุและถือเคียวกระดูกทมิฬเอาไว้ในมือ ขณะเดียวกัน เซี่ยหยุนปิงก็สวมอุปกรณ์ระดับเงินเช่นกัน

เซี่ยหยุนปิงไม่ได้ขาดแคลนเงินทอง ดังนั้นแม้ว่าจะเป็นอุปกรณ์ระดับเงิน แต่คุณสมบัติของมันก็ยังคงอยู่ในระดับสูงสุด ยิ่งไปกว่านั้น มันก็ยังเหมาะกับความแข็งแกร่งของเขาเป็นอย่างดี ความแตกต่างระหว่างมันกับอุปกรณ์ระดับทองนั้นมีไม่มากนัก

หลังจากวอร์มอัพสักครู่ ลู่หยานก็ไตร่ตรองการใช้คะแนนสกิล 40 คะแนนของเขาโดยตรง

ไม่ว่าจะในกรณีใด เขาก็กำลังจะต่อสู้กับไป่เยว่เจอในอนาคตอยู่แล้ว ดังนั้นเขาจึงยังสามารถใช้คะแนนสกิลก่อนได้เช่นกัน

ในตอนนี้ โครงกระดูกระดับสูงก็อยู่ที่เลเวลสามและสามารถอัพเกรดเป็นเลเวลสี่ได้ แต่มันก็ไม่ได้คุ้มค่ามากนัก

เคียววิญญาณมรณะและชุดเกราะผู้วายชนม์เป็นสองสกิลที่จำเป็น ในตอนนี้ พวกมันก็อยู่ที่เลเวล 4 แล้ว พวกมันต้องการคะแนนสกิลในการอัพเลเวลมากกว่าสกิลอื่นๆ… อย่างไรก็ตาม ยิ่งเลเวลสูง เอฟเฟกต์ก็จะยิ่งแข็งแกร่งขึ้น

ด้วยเหตุนี้เอง หลังจากคิดมาชั่วครู่แล้ว ลู่หยานจึงตัดสินใจใช้คะแนนสกิล 40 คะแนนเพื่ออัพเกรดโครงกระดูกระดับสูงเป็นเลเวล 4 จากนั้นเขาก็ใช้คะแนนสกิลที่เหลืออยู่ไปกับเคียววิญญาณมรณะและชุดเกราะผู้วายชนม์ ด้วยวิธีนี้ เขาก็จะสามารถอัพสกิลทั้งสองนี้ได้ถึงสองเลเวล

ลู่หยานยังใช้คะแนนสกิลทั้งหมด 40 คะแนน

อย่างไรก็ดี ผลลัพธ์ที่ได้นั้นก็คุ้มค่า

ลู่หยานตรวจสอบชุดเกราะผู้วายชนม์ก่อนและพบว่าค่าความต้านทานของชุดเกราะผู้วายชนม์เลเวล 6 นั้นสูงถึง 80 แล้ว!

5 3 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด