ตอนที่แล้วอารัมภบท (3)
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปอารัมภบท (5) การเสียสละเพื่อส่วนรวม

อารัมภบท (4) ร่วงหล่น และ ขึ้นสู่สวรรค์


มันเป็นคืนหนึ่งที่เหมือนกับทุก ๆ คืนที่ผ่านมาตั้งแต่ดีเร็กลาออกจากงาน เขาจะสวมชุดสูทแฮนเมดตัวใหม่ของเขาและเข้าไปเที่ยวในเมือง เขาอยากรู้ว่าอะไรจะฆ่าเขาก่อนระหว่างมะเร็งและความบ้าคลั่งของเขา

เมื่อเขาเบื่อหรือรู้สึกเหนื่อยล้าเนื่องจากโรคมะเร็งและยาที่กิน เขาก็จะนั่งรถแท็กซี่กลับบ้าน

ในขณะที่ดีเร็กกำลังเดินเล่นอยู่เขาก็เห็นคริสเวนไรท์ คริสกำลังถือเหล้าอยู่ขวดหนึ่งซึ่งมันถูกซ่อนไว้ในถุงกระดาษและเขาก็มักจะดื่มมันเข้าไปอึกใหญ่

คริสกำลังพูดคุยและหัวเราะเสียงดังกับวัยรุ่นสาวที่สวมเสื้อผ้าโชว์เนื้อหนัง จากนั้นพวกเขาทั้งสองก็ได้เข้าไปในรถ

มันเป็นรถสปอร์สไตล์อเมริกันที่ลงสีแบบคัสตอมซึ่งมันไม่ใช่คาเมโร่คันเดียวกันกับที่คริสเคยฆ่าคาร์ล แต่มันเป็นรถที่หรูกว่าและแพงมากกว่า

ในช่วงเวลานั้นดีเร็กแทบจะกระอักเลือดออกมา เขาลืมเรื่องไอ้เด็กเ*ี้ยนี่ไปได้ยังไง? โรคมะเร็งมันทำลายสมองของเขาไปด้วยใช่ไหมมันถึงทำให้เขาพร้อมที่จะตายโดยที่ยังไม่ได้จัดการไอเด็กนี่?

ในขณะที่รถกำลังเคลื่อนที่ออกไปมันก็ต้องเบรคจนดังเอี๊ยดเนื่องจากมันเกือบจะชนผู้หญิงคนหนึ่งที่กำลังข้ามถนน หญิงสาวที่แต่งตัวน่าอับอายคนนั้นชะโงกหน้าออกมาจากหน้าต่างและตะโกนด่าดูถูกผู้หญิงที่เกือบจะถูกชนซึ่งตอนนี้เธอยังคงแข็งค้างด้วยความตกใจ

ดีเร็กได้ยินเสียงหัวเราะของสองคนนั้น ในขณะที่เขากัดฟันของเขาเขาก็เรียกรถแท็กซี่ไปด้วยและเริ่มวางแผนการครั้งสุดท้ายของเขา

ก่อนอื่นเขาเริ่มแกะรอยคริสในโซเชียลทั้งหมดเพื่อศึกษาเกี่ยวกับกิจวัตรและนิสัยทั้งหมดของเขา จากนั้นดีเร็กก็เริ่มสะกดรอยตามเขาและแอบติดตั้งเครื่องติดตาม GPS เอาไว้ใต้รถคาเมโร่ของคริส ดังนั้นเขาจึงรู้ตำแหน่งที่อยู่ของคริสเสมอ

เพียงแค่เขาเข้าไปส่องบัญชีนกฟ้าของคริส เขาก็พบว่าคริสมีการละเมิดทัณฑ์บนอย่างน้อยห้าสิบรายการ ในขณะที่สะกดรอยตามคริสดีเร็กก็แอบถ่ายรูปคริสเก็บไว้เป็นจำนวนมาก มันเป็นรูปในตอนที่คริสกำลังดื่มแอลกอฮอล์และเล่นเสพยาเสพติด

อย่างไรก็ตามดีเร็กไม่ได้มีความตั้งใจที่จะส่งหลักฐานพวกนี้ไปยังตำรวจ ถ้าเขาทำแบบนั้นแล้วจะได้อะไร? คริสก็แค่จะโดนโทษเล็ก ๆ น้อย ๆ แล้วเขาก็จะระวังตัวมากขึ้น

ดีเร็กไม่ได้มีเวลาเหลือเฟือขนาดนั้น และเขาก็ไม่เต็มใจที่จะทำในสิ่งที่เรียกว่ากระบวนการยุติธรรม

เกือบหนึ่งสัปดาห์ต่อมาหลังจากการตรวจสอบบุ๊คเฟสของคริสดีเร็กก็ได้รู้ถึงปาร์ตี้ที่คริสจะไปเข้าร่วม ดีเร็กตรวจสอบอุปกรณ์ของเขาอีกครั้งจากนั้นก็กระโดดเข้าไปในรถคันใหม่ของเขา รถเชฟโรเลตอิมพัลลาสีดำปี 1967

มันเป็นรถที่ดี ปาร์ตี้ที่จะไปเป็นแบบ ‘ลับ’ ดังนั้นมันจะถูกจัดขึ้นในสถานที่ที่ถูกทิ้งร้างและลับตาคน

ดีเร็กขับรถตามคริสอยู่ไม่ห่างและทันทีที่พวกเขาออกมาพ้นเขตกล้องจราจร เขาก็ปาดไปที่คาเมโร่จากด้านข้างบังคับให้คริสต้องหยุดรถลง

ทันทีที่คริสก้าวออกมาจากรถดีเร็กทำให้เขาล้มลงไปกองกับพื้นด้วยปืนช็อตไฟฟ้า และจากนั้นเขาก็ตรวจสอบรถคันนี้อย่างรวดเร็วว่ามีผู้โดยสารคนอื่นมาด้วยหรือเปล่า

ดูเหมือนคืนนี้เขาจะโชคดีคริสขับรถมาคนเดียว ดีเร็กค้นรถของเขาและทำลายอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ทุกชิ้นที่เขาเจอ สมาร์ทวอช สมาร์ทโฟน และแม้กระทั่งพวงกุญแจของคริส

ดีเร็กมัดมือมัดเท้าและปิดปากคริส จากนั้นเขาก็ทำลายสมาร์ทโฟนของตัวเองและตัวติดตาม GPS ทิ้งจากนั้นก็โดนโยนทุกอย่างลงข้างถนน

เขาย้ายคริสเข้าไปในรถอิมพัลลาและพาเขาไปยังปาร์ตี้ของพวกเขาสองคน

ดีเร็กขับรถไปที่คลังสินค้าที่ถูกทิ้งร้างในเขตอุตสาหกรรมเก่า เขาได้ทำลายแม่กุญแจและโซ่ที่ล็อคประตูโลหะขนาดใหญ่แล้วใส่ของใหม่ที่เป็นของเขาเอง

ภายในคลังสินค้ามีเก้าอี้อยู่สองตัว มีถังน้ำ และแท็งก์เก็บน้ำหลายแท็งก์

เมื่อดีเร็กเปิดท้ายรถของเขาคริสก็เริ่มกลับมารู้สึกตัวอีกครั้ง ดังนั้นดีเร็กจึงช็อตเขาอีกครั้งจากนั้นก็เอาคริสไปไว้ที่เก้าอี้แล้วก็ผูกแขนและขาของเขาไว้กับมัน

หลังจากทำทุกอย่างเสร็จแล้วดีเร็กก็สาดน้ำใส่เขาบังคับให้เขาฟื้นสติขึ้นมา

“สวัสดีคริสฉันชื่อดีเร็กแมคคอยและแกฆ่าน้องของฉัน ดังนั้นเราจึงมีเรื่องที่ต้องมาคุยกันหน่อย” ดีเร็กยืนพูดอยู่ตรงข้ามเขา

คริสพยายามส่งเสียงในขณะที่เขาพยายามดิ้น ในเวลาเดียวกันดีเร็กก็กำลังชื่นชมความพยายามของเขา จากนั้นดีเร็กก็ทุบเขาอย่างรุนแรงด้วยไม้กระบอง ความเจ็บปวดทำให้คริสเป็นอัมพาต

“ฉันคือใครงั้นหรอ? โอ้จริงสิครั้งสุดท้ายที่เราเจอกันคือตอนตัดสินพิจารณาคดี แกจำฉันได้ไหม?” อาการหอบของคริสทวีความรุนแรงมากขึ้น

“ดี งั้นมาทำธุระของเรากันเถอะ” ดีเร็กหยิบนาฬิกาจับเวลาดิจิตอลสองตัวออกมาจากรถ ตั้งค่าแรกคือ 30 นาที และค่าที่สองคือ 2 ชั่วโมง 47 นาทีและ 17 วินาที

จากนั้นเขาก็ดึงปืนออกมาและยิงไปแถว ๆ ตับของคริสสองครั้ง เสียงกรีดร้องของเขาถูกปกปิดด้วยลูกบอลที่คาดอยู่ที่ปาก ในขณะที่เสียงปืนดังกึกก้องในโกดังที่ว่างเปล่า

ดีเร็กเริ่มจับเวลาทั้งสองพร้อมกันจากนั้นเขาก็เดินเข้าไปใกล้คริสแล้วตรวจสอบเลือด มันเหนียวและเป็นสีดำซึ่งนั่นเป็นตัวบ่งชี้ว่าตับได้ถูกทำลาย

“ตอนนี้ก่อนที่ความเจ็บปวดจะมาทำให้แกทรมานจริง ๆ ฉันต้องการให้แกดูตัวจับเวลาอันนี้เอาไว้เพราะว่าพวกมันสำคัญมาก” คริสร้องไห้และกรีดร้องดังนั้นดีเร็กจึงต้องสาดน้ำใส่เขาอีกครั้งและดึงผมของเขาเพื่อให้เขาตั้งใจฟัง

“ตัวจับเวลาอันแรกมันหมายความว่าแกมีเวลาเหลืออยู่เท่าไหร่ ดังนั้นแม้ว่าจะมีใครบางคนพังประตูเข้ามาเหมือนกับปาฏิหาริย์เพื่อช่วยแกแต่แกก็ต้องตายอยู่ดี”

“แกมีเวลาจำกัดแค่นี้จนกระทั่งร่างกายของแกเต็มไปด้วยสารพิษที่ไม่ได้ถูกกรองโดยตับ ถ้าเลยเวลานี้ไปแล้วแม้ว่าแกจะได้รับการปลูกถ่ายตับใหม่แกก็จะไม่รอด ส่วนตัวจับเวลาอันที่สองคือเซอร์ไพรส์ฉันค่อยบอกแกทีหลัง สำหรับตอนนี้หน้าที่เดียวของแกก็คือการตื่นตัวและลิ้มรสทุกช่วงเวลาของความเจ็บปวดนี้ไว้เหมือนกับที่คาร์ลต้องเจอ”

เวลาค่อย ๆ ไหลผ่านไปเรื่อย ๆ คริสได้กรีดร้องผ่านบอลปิดปากและในไม่ช้าตัวจับเวลาอันแรกก็ดังขึ้น

คริสเริ่มร้องไห้สะอึกสะอื้นยิ่งขึ้น เวลาเดียวที่เขาจะเงียบก็คือตอนที่เขารู้สึกถูกครอบงำด้วยเจ็บปวดที่มากขึ้นเรื่อย ๆ

ดีเร็กไม่ได้พูดอะไรกับเขาอีกต่อไป เขาจะเดินวนไปมาในขณะที่บางครั้งก็จะไปตรวจสอบตัวจับเวลาตัวที่สอง

ทุกครั้งที่คริสเป็นลม ดีเร็กจะสาดน้ำใส่เขาและบังคับให้เขาตื่นขึ้นมาก่อนที่จะเติมน้ำในถังอีกครั้ง

เมื่อตัวจับเวลาตัวที่สองดังขึ้น ในที่สุดดีเร็กก็พูดอีกครั้ง

“ฉันมีทั้งข่าวร้ายและข่าวดี ข่าวร้ายก็คือก่อนหน้านี้ฉันโกหก ฉันค้นคว้ามาแล้วว่าการบาดเจ็บของตับหรือตับที่ถูกทำลายนั้นไม่มีทางรักษาได้ ดังนั้นแกจึงไม่มีทางรอดมาตั้งแต่แรกแล้วยังไงล่ะ”

“แม้ว่าฉันจะยิงแกตรงหน้าโรงพยาบาลที่ดีที่สุดในสหรัฐอเมริกา เว้นแต่ว่าพวกเขาจะมีตับที่เข้ากับแกได้ ไม่งั้นแกก็ต้องตายอยู่ดี ฉันแค่ต้องการให้ความหวังปลอม ๆ กับแก เหมือนกับที่น้องชายของฉันต้องเจอในตอนที่เขารอความช่วยเหลือ”

“ส่วนข่าวดีก็คือแกเพิ่งจะได้รับความทรมานเท่าที่คาร์ลต้องเจอ ฉันอาจจะเป็นหลายอย่างทั้งเป็นคนที่โหดเหี้ยม เป็นคนอาฆาตพยาบาท เป็นคนขี้โกหก และก็เป็นฆาตกร แต่ว่าฉันก็ยุติธรรมเช่นกัน ดังนั้นความทรมานของแกได้สิ้นสุดลงแล้ว”

จากนั้นดีเร็กก็ชี้ปืนไปที่หัวของคริส และลั่นไกยิงออกไปสองครั้ง

จากนั้นเขาก็ชี้ไปที่หัวของเขาเอง

“น้องชาย พี่กำลังจะไปหานายแล้วนะ รอฉันด้วยล่ะ”

เขาลั่นไกปืนเป็นครั้งสุดท้าย

ในขณะที่ร่างของดีเร็กล้มลง สติของเขาถูกอาบไล้ไปด้วยแสงและเขาก็รู้สึกราวกับว่ากำลังถูกดึงขึ้นไปบนท้องฟ้า

หลังจากหลายเดือนแห่งความเศร้าโศกหลังจากความทุกข์ยากและความเจ็บปวดมาตลอดชีวิต ดีเร็กก็รู้สึกว่าบาดแผลและความเกลียดชังทั้งหมดของเขาได้ค่อย ๆ จางหายไป

ดีเร็กไม่เคยสัมผัสความสุขแบบนี้มาก่อน ในร่างใหม่นี้เขาไม่รู้สึกถึงอารมณ์เชิงลบใด ๆ มีความสุขกับอดีตที่ผ่านมาและไม่เกรงกลัวต่ออนาคตข้างหน้า

ดีเร็กเพลิดเพลินไปกับความรู้สึกในตอนนี้ที่ทำให้เขารู้สึกถึงความเป็นไปได้ที่ไม่มีที่สิ้นสุด ไม่มีถูกผิด สำเร็จหรือล้มเหลว เขาก็คือเขา ไม่มีสิ่งผูกมัดใด ๆ

ความรู้สึกมึนเมานั้นอยู่จนกระทั่งเขาตื่นขึ้น เขากลับมาหายใจและมีชีวิตอีกครั้ง

อารมณ์เชิงลบทั้งหมดของเขากลับมาทำให้เขากลับสู่ความสิ้นหวังอีกครั้ง ดีเร็กบ่นในใจขณะที่เขาพยายามเพ่งสายตาของเขา อาจเป็นเพราะการยิงไปที่ศีรษะถึงทำให้สายตาของเขาพร่ามัว

‘มันเป็นแผนการที่สมบูรณ์แบบมากแล้วแท้ ๆ แต่กลับมีคนงี่เง่าบางคนที่ต้องช่วยชีวิตฉันและฉันก็รอดมาได้หลังจากที่ถูกพาไปโรงพยาบาล ฉันยังไม่ตาย เป็นมะเร็ง และโดดเดี่ยว’

แต่เมื่อดวงตาของเขากระจ่างชัด ในที่สุดเขาก็ไม่เห็นด้วยกับสิ่งที่เขาคิดก่อนหน้า

ดีเร็กอยู่ในโถงทางเดินขนาดใหญ่ที่ถูกสร้างด้วยโลหะบางอย่างและรอบ ๆ เขาก็เต็มไปด้วยศพ ถ้าให้พูดอย่างเจาะจงหน่อยก็คือศพของมนุษย์ต่างดาว พวกมันทั้งหมดสวมชุดเกราะเต็มตัวคล้ายกับชุดอวกาศไซไฟ

“ฉันอยู่ที่ไหนวะเนี่ย? แล้วไอ้พวกนี้มันคือตัวอะไรกัน?” เขาตะโกนในขณะที่พยายามลุกแต่ก็ต้องล้มลงไปที่พื้นอีกครั้ง

ในตอนที่เขาล้มมือของเขาได้ไปโดนพื้นก่อนทำให้เขาสังเกตเห็นว่าเขาเองก็สวมชุดอวกาศด้วยเหมือนกัน และมือของเขานั้นมีสามนิ้ว

“เ*ี้ย อะ ไร วะ เนี่ย !”

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด