ซวยแล้วไง! ดันไปเพิ่มอัตราการดรอปไอเท็มให้สูงสุดซะงั้น ตอนที่ 12 นักโทษ
นี่เป็นวิธีที่รวดเร็วที่สุดในการพัฒนาความแข็งแกร่งของตนเองภายในช่วงระยะเวลาสั้นๆ
“นอกจากนกกระจอกหางวิญญาณหลากสีก็คงไม่มีสิ่งมีชีวิตระดับศิลปะการต่อสู้ตัวอื่นที่ฉันสามารถฆ่าได้ง่ายๆแล้ว ไม่รู้ว่าภายในสำนักจะยังมีสิ่งมีชีวิตตัวอื่นที่มีระดับเดียวกันและสามารถฆ่าได้ง่ายๆอยู่บ้างรึเปล่า?”
ด้วยความคิดฟุ้งซ่านในใจ
เซียวซีจึงเริ่มสืบหาทันที
เขาจดจ่ออยู่กับการสอบถามว่ามีนกหรือสัตว์ร้ายอยู่ในกองตรวจการณ์กลางคืนบ้างรึเปล่า
และจากการสืบหาเมื่อเร็วๆนี้
เขาก็พบว่าผู้เฝ้ายามกลางคืนมีนกที่เชี่ยวชาญในการส่งข้อมูลอยู่
แต่นกชนิดนี้มีค่ามากกว่านกกระจอกหางหลากสีของนิกายเสียอีก
เขาคงจะฆ่ามันไม่ได้แน่ๆ
ส่วนสัตว์อื่นๆนอกเหนือจากนี้...
ว่ากันว่าผู้เฝ้ายามกลางคืนบางคนเลี้ยงสัตว์วิญญาณเอาไว้ แต่สัตว์วิญญาณเหล่านี้ก็เปรียบเสมือนคู่หูของพวกเขา นอกจากนี้พวกมันยังเป็นส่วนหนึ่งในพลังการต่อสู้ของพวกเขาอีกด้วย ดังนั้นมันคงเป็นไปไม่ได้เลยที่ผู้เฝ้ายามกลางคืนเหล่านี้จะยกสัตว์วิญญาณของตนเองให้กับเขาง่ายๆ
“บางทีฉันอาจจะกำลังเลือกทางที่ผิดอยู่ก็ได้ จริงๆแล้วมันอาจจะมีหนทางที่ฉันไม่จำเป็นต้องฆ่านกและสัตว์ร้ายที่อยู่ในระดับศิลปะการต่อสู้เลยสักตัว…”
เซียวซีกำลังครุ่นคิด
ทันใดนั้นเขาก็นึกถึงสถานที่แห่งหนึ่งขึ้นมาได้
นั่นก็คือ….คุก!
มีคุกอยู่ในพื้นที่ของกลุ่ม A, B, C และ D ทั้งสี่กลุ่มซึ่งตั้งอยู่ภายในกองตรวจการณ์กลางคืน
เหล่านักโทษที่ถูกจับโดยกลุ่มของยามกลางคืนแต่ละกลุ่มในระหว่างปฏิบัติภารกิจนั้นจะถูกแยกกันออกไปอยู่ในคุกตามพื้นที่ของกลุ่มที่จับได้
เซียวซีมุ่งหน้าไปที่คุกของกลุ่มดี
ที่ประตูคุก มียามกลางคืนของกลุ่มดีอยู่สองคนที่กำลังทำหน้าที่คุ้มกันอยู่ หลังจากที่เห็นเซียวซีเดินเข้ามา พวกเขาก็มองไปที่เซียวซีด้วยความสนใจอย่างมาก
“เด็กใหม่งั้นรึ?”
“ข้ามาขอเข้าพบพี่ชายทั้งสองขอรับ”
เซียวซียิ้มและหยิบเหยือกไวน์สองเหยือกที่เขาเตรียมไว้เมื่อเช้าออกมา แล้วจึงส่งให้ทั้งสองคน
ยามกลางคืนทั้งสองรับมันมาด้วยรอยยิ้ม หลังจากได้ลองจิบดูแล้วพวกเขาก็เบิกตากว้างทันที
“ไวน์นี่มันอะไรกัน!”
พวกเขาพูดด้วยความประหลาดใจว่าพวกเขาไม่เคยดื่มไวน์ที่อร่อยเช่นนี้มาก่อน
ด้วยไวน์ทั้งสองเหยือกนี้ เซียวซีจึงสามารถเข้าไปใกล้และได้รับข้อมูลเกี่ยวกับคุกจากพวกเขาทั้งสองคนได้
โดยข้อมูลนั้นจะมุ่งเน้นไปที่นักโทษในเรือนจำโดยเฉพาะ
“ส่วนใหญ่แล้วเวลาปฏิบัติภารกิจ พวกข้าจะไม่จับผู้ร้ายมาเข้าคุกหรอก แต่จะฆ่าเลยซะมากกว่า เว้นแต่ภารกิจจะระบุว่าจับเป็นเท่านั้นพวกข้าถึงจะจับมาขังไว้ ดังนั้นนักโทษในคุกแห่งนี้จึงมีจำนวนไม่มากนัก”
ในบรรดาสองคนนั้น ยามกลางคืนที่ชื่อ หวัง ชางฮวน เป็นคนกล่าวกับเซียวซี ขณะที่กำลังดื่มไวน์ไปด้วย
เซียวซีพยักหน้า
“หลังจากนี้จะทำอย่างไรกับนักโทษพวกนี้ต่อล่ะขอรับ?”
“ถ้าเป็นคนที่ได้รับมอบหมายจากภารกิจล่ะก็ มักจะมีการเตรียมการพิเศษจากเบื้องบนรอเอาไว้อยู่แล้ว ส่วนการจับกุมอื่นๆ พวกนักโทษก็จะถูกจับขังเอาไว้เช่นนี้ต่อไปเรื่อยๆนั่นล่ะ”
ยามกลางคืนอีกคนหนึ่งที่ชื่อ หยางเจิ้น กล่าว เขามองไปที่เซียวซีและพูดด้วยรอยยิ้ม
“เจ้าอยากลองฝึกกับนักโทษดูไหมเล่า?”
เขารู้ว่ายามกลางคืนหน้าใหม่บางคนมักจะค้นหาเป้าหมายเพื่อฝึกฝนก่อนปฏิบัติภารกิจจริง บางทีเด็กหนุ่มตรงหน้าคนนี้ก็อาจจะเป็นหนึ่งในนั้น
เพราะนักโทษในเรือนจำนี้เป็นวัตถุดิบในการฝึกฝนที่ดีเลยทีเดียว
"ข้าฝึกกับนักโทษได้หรือขอรับ?"
ดวงตาของเซียวซีเป็นประกาย
“ถ้าเป็นนักโทษที่ได้รับการมอบหมายมาจากภารกิจแล้วล่ะก็ เป็นไปไม่ได้แน่นอน แต่ถ้าเป็นนักโทษธรรมดาๆล่ะก็ ตราบใดที่ผู้จับกุมนักโทษคนนั้นยินยอม เจ้าก็สามารถนำตัวนักโทษคนนั้นไปได้”
เซียวซีตกตะลึง
กล่าวคือ...
สิทธิในการกำจัดนักโทษโดยทั่วไปแล้ว จะอยู่ในมือของยามกลางคืนที่เป็นคนจับกุมเขา
หากต้องการฝึกกับนักโทษ ก็ต้องได้รับอนุญาตจากผู้จับกุมซะก่อน
“เจ้าโชคดีมากนะศิษย์น้อง เพราะมีนักโทษที่ข้าจับกุมได้อยู่พอดี”
ยามกลางคืนที่ชื่อ หยางเจิ้น ตบไหล่เซียวซีเบาๆหนึ่งที
“ถ้าเจ้าต้องการฝึกฝน ข้าสามารถยกนักโทษของข้าให้เจ้านำไปฝึกฝนได้ แต่ข้าอยากให้เจ้าระวังตัวไว้สักหน่อย เพราะนักโทษคนนี้มีพื้นฐานการฝึกฝนอยู่ในระดับที่ห้าของศิลปะการต่อสู้ แม้ว่าความแข็งแกร่งของเขาจะลดลงหลังจากที่ถูกคุมขังไปบ้างแล้ว แต่ก็ยังไม่สามารถรับมือด้วยได้ง่ายๆอยู่ดี”
"ขอบคุณพี่ชาย!"
เซียวซีขอบคุณครั้งแล้วครั้งเล่าและลังเลอยู่ครู่หนึ่ง หลังจากนั้นเขาก็ถามในสิ่งที่กำลังค้างคาใจอยู่ออกไป
“ถ้าข้าพลั้งมือฆ่านักโทษโดยไม่ตั้งใจล่ะขอรับ...”
“ถึงตายก็ไม่เป็นไร”
หยางเจิ้นโบกมือพร้อมกับพูดเสริมขึ้นมาอีกว่า
“นักโทษเหล่านี้สมควรตายอยู่แล้ว การที่สามารถฝึกยามกลางคืนของพวกเราได้ก่อนที่พวกเขาจะตายนั้นถือว่าเป็นการช่วยเหลือครั้งสุดท้ายที่พวกเขาได้ทำเพื่อโลกนี้”
เซียวซีพยักหน้า
คำพูดของอีกฝ่ายทำให้เขารู้สึกโล่งใจมากขึ้น
…
คุกของที่นี่ทั้งมืดมิดและมีบรรยากาศที่ทำให้เขารู้สึกหดหู่ใจ เนื่องจากไม่มีแสงแดดส่องถึงมาตลอดทั้งปี
ห้องขังที่นี่ถูกล้อมรอบด้วยกำแพง ขนาดที่ถ้าประตูห้องขังไม่ถูกเปิดออก ก็ไม่สามารถมองเห็นสถานการณ์ภายในห้องขังได้เลย
หวังชานฮวนและหยางเจิ้นพาเซียวซีไปที่ห้องขังแห่งหนึ่ง เมื่อพวกเขาเปิดประตูเหล็กของห้องขังออก เซียวซีก็เห็นนักโทษคนหนึ่งในห้องขัง
เขาเป็นชายชราที่มีร่างกายกำยำและมีผมกระเซิง ทั่วทั้งร่างกายถูกปกคลุมไปด้วยดินและเลือด บนมือและเท้าของเขาถูกสวมไว้ด้วยกุญแจมือและกำไลข้อเท้าแบบพิเศษ ในเวลานี้เขากำลังนั่งยองๆอยู่ตรงมุมห้อง
“ศิษย์น้องเซียว เจ้าไม่ต้องการให้พวกข้าอยู่คุ้มกันจริงๆหรือ?”
หยางเจิ้นอดไม่ได้ที่จะถามอีกครั้ง
พวกเขาสองคนต้องการปกป้องเซียวซี
หากเซียวซีพ่ายแพ้หรือพบกับอันตรายต่างๆในระหว่างการต่อสู้ พวกเขาจะได้สามารถช่วยเหลือได้ทันเวลา
ครั้งหนึ่งมียามกลางคืนคนหนึ่งถูกนักโทษฆ่าตายเพราะพ่ายแพ้ในการต่อสู้กับนักโทษ
ในมุมมองของพวกเขา เซียวซีเป็นเพียงศิลปะการต่อสู้ระดับที่สี่เท่านั้น
ถึงแม้พละกำลังของนักโทษจะลดลงไปบ้างแล้ว แต่ก็ยังมีความเสี่ยงอยู่ดี
เซียวซียิ้มและส่ายหัว
“ขอบคุณพี่ชายทั้งสองมาก แต่ข้าอยากสู้คนเดียวมากกว่า ถ้าแค่นักโทษคนเดียวข้ายังจัดการเองไม่ได้ การที่ข้าจะมีชีวิตรอดในการทำภารกิจของยามกลางคืนก็คงจะเป็นเรื่องยาก”
หลังจากได้ยินคำพูดของเซียวซีแล้ว ทั้งสองคนก็พยักหน้าให้ในทันที
เขารู้สึกสะเทือนใจกับคำพูดของเซียวซีมาก
ในฐานะผู้ที่เคยสัมผัสประสบการณ์นี้มาก่อน พวกเขาล้วนรู้ดีว่าการปฏิบัติภารกิจในครั้งแรกของผู้ที่พึ่งเข้ามาใหม่นั้นเป็นการปฏิบัติภารกิจที่มีอัตราการเสียชีวิตสูงที่สุด
โดยเฉพาะกลุ่มดีของพวกเขา...
เนื่องจากสมาชิกส่วนใหญ่ในกลุ่มดีนั้นเป็นเพียงแค่คนธรรมดาทั่วไป
ไม่ได้มีพรสวรรค์หรือความสามารถเทียบเท่ากับกลุ่มของพวกหัวกะทิหรือกลุ่มที่มีศิษย์ชั้นยอดอยู่
โดยพื้นฐานแล้ว หลังจากภารกิจแรกจบลงจะมียามกลางคืนที่พึ่งเข้ามาใหม่เสียชีวิตในภารกิจ เป็นจำนวนหนึ่งในสี่ของจำนวนคนทั้งหมด
"ระวังตัวด้วย!"
“พวกข้ารอเจ้าออกมาดื่มไวน์ด้วยกันอยู่นะ”
ทั้งสองคนเลิกเกลี้ยกล่อมแล้วหันมาให้กำลังใจเซียวซีแทน
หลังจากที่เซียวซีก้าวเข้าไปในห้องขัง พวกเขาก็ปิดประตูเหล็กของห้องขังและรออยู่ด้านนอก
เซียวซีเดินเข้าไปในห้องขังและพบว่าห้องขังทั้งหมดมีขนาดเล็กกว่าที่เขาเห็นข้างนอกซะอีก
หากสู้กันที่นี่จริงๆ คงไม่มีที่ว่างให้เขาได้หลบและขยับตัวมากนัก
ในขณะเดียวกัน
นักโทษที่กำลังนั่งยองๆอยู่บนพื้นก็ค่อยๆเงยหน้าขึ้นมามอง เผยให้เห็นใบหน้าที่ดุร้าย
ดวงตาแดงก่ำของเขาเต็มไปด้วยเลือด ร่างกายของเขาเต็มไปด้วยวิญญาณชั่วร้าย เห็นได้ชัดว่าเขาได้ผ่านการฆ่าคนมาแล้วตลอดทั้งปี
เขาลุกขึ้นยืนจากพื้น
เผยให้เห็นร่างกายราวกับหมีที่ดุร้ายซึ่งมีส่วนสูงประมาณ 1.9 เมตร หลังจากจ้องมองมาที่เซียวซีด้วยสายตาที่กระหายเลือดและดูดุร้าย เขาก็หัวเราะขึ้นมาด้วยน้ำเสียงที่แหบแห้งและฟังดูน่าเกลียด
“เจ้าเป็นยามกลางคืนคนใหม่งั้นรึ หึ เป็นแค่ผู้ฝึกฝนศิลปะการต่อสู้ระดับสี่ตัวเล็กๆคนหนึ่ง กล้าดียังไงถึงคิดจะมาฝึกฝนกับข้า เจ้าไม่รู้สินะว่าข้าฆ่าผู้ฝึกฝนศิลปะการต่อสู้ระดับสี่อย่างเจ้าไปกี่คนแล้ว?”
เขาบีบกำปั้นของตนเองเสียงดัง ความดุร้ายแผ่ซ่านออกมาจากดวงตาของเขา เมื่อมันรวมเข้ากับร่างกายที่ดูสูงใหญ่ของเขาแล้ว ก็แทบจะก่อให้เกิดเป็นความกดดันอย่างรุนแรงส่งผ่านมาในทันที
แต่ด้วยแรงกดดันเพียงแค่นี้...
ดูเหมือนมันจะไม่มีผลกับเซียวซีเลยแม้แต่น้อย
เซียวซีมองดูเขาอย่างสงบนิ่ง ราวกับนักล่าที่กำลังจ้องมองเหยื่อ
ในดวงตาของเขามีแม้กระทั่งความตื่นเต้นที่กำลังแอบซ่อนอยู่และรอคอยเวลาที่จะได้เปิดเผยมันออกมา
ราวกับว่ามีสมบัติล้ำค่าบางอย่างที่กำลังรอคอยอยู่ในตัวเขา
การจ้องมองแบบนี้ทำให้นักโทษที่ร่างกายถูกปกคลุมไปด้วยเลือดตลอดทั้งปีตกตะลึง