ตอนที่แล้วบทที่ 21: สุดยอดความแข็งแกร่ง
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปบทที่ 23: ปล่อยวางและขัดแย้ง

บทที่ 22: ชีวิตแต่ละวันและการจัดซื้อ


“ซักมวนมะ?”

อาซุนยื่นบุหรี่ให้  และถังเจิ้นรับมาดูดเข้าปอดลึก ๆ

“ว่าแต่อาซุน  ผู้หญิงคนเมื่อกี้นี้ใครเหรอครับ”

ถังเจิ้นที่ปากคาบบุหรี่อยู่ถามอาซุนเล่น ๆ

“อ้อ  เธออืมมม...  ฉันได้ยินคนว่ามาอะนะว่าที่นี่เป็นทรัพย์สินของครอบครัวเธอ  แถมในเมืองอื่น ๆ ก็มีห้างแบบเดียวกันนี่อีกหลายที่ด้วย” อาซุนตอบหลังจากครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง

“แปลว่าบ้านรวยสิน้า~  แต่ก็สุด ๆ ไปเลยอะ  ไปไหนมาไหนต้องมีผู้ชายเดินตามหลังเป็นฝูง  เชื่อเลยว่าเจ้าพวกนั้นต้องไม่ชอบแนะ...”

ถังเจิ้นยังนินทาไม่ทันจบก็เห็นอาซุนถือบุหรี่ค้างเติ่งมองข้ามไหล่ตัวเขาไปด้วยสีหน้าลำบากใจ

เมื่อเขาเหลียวหลังกลับไปมองด้วยสภาพปากคาบบุหรี่อยู่นั้นเองก็เป็นต้องสบถว่า “เชี่ย!”

ปรากฎว่าบนขั้นบันไดหนีไฟระหว่างชั้นสามกับสี่ในตอนนี้มีคนเกือบยี่สิบคนยืนอยู่ในเงามืดโดยมีหลายคนปิดปากกลั้นขำใส่เขาอยู่

คนสวยที่เขานินทากำลังขมวดคิ้วนิ่วหน้ากัดฟันกรอด ๆ กอดอกมองลงมาด้วยสายตาโกรธ ๆ และเมื่อเธอเห็นว่าถังเจิ้นหันกลับมาเจอแล้วก็เชิดหน้าสวยใส่

“หมาที่ดีจะไม่ขวางทาง!”

ฉินหลินไม่รู้ว่าเป็นภาพลวงตาหรือไม่  แต่ดูเหมือนจะได้ยินผู้หญิงคนนั้นพึมพำประโยคดังกล่าว

แต่เมื่อเห็นว่าตนกำลังขวางทางคนอื่นอยู่ถังเจิ้นจึงรีบถอยห่าง  จากนั้นทั้ง 20 คนก็เดินเรียงแถวกันลงมาทีละคน ๆ

มีผู้ชายที่ตามหลังมาแสดงรอยยิ้ม ‘มีเลศนัย’ ให้เขา  จากนั้นชายหนุ่มในชุดสูทคนหนึ่งได้แอบยกนิ้วให้ถังเจิ้น “คุณมากเพื่อน!”

‘เออกูรู้แล้ว!’

การพูดถึงคนอื่นลับหลังโดยไม่รู้ว่าเจ้าตัวยืนอยู่ข้างหลังแบบนี้ถ้าไม่อายก็บ้าแล้ว

ถังเจิ้นกลอกตาให้ไอ้หมอนั่นแล้วหันหน้าไปคุยอะไรกับอาซุนอีกสองสามคำจากนั้นก็ค่อยเดินลงบันไดไปช้า ๆ

แต่ก่อนที่เขาจะทันลงจากบันไดก็หันไปเจอชายอ้วนลักษณะเหมือนผู้รับเหมาตะโกนใส่คนงานว่า “เบื้องบนสั่งมาโว่ย  ไอ้หน้าไหนสูบบุหรี่บนบันไดโดนปรับสองพัน!”

ทันทีที่คำพูดนี้ออกมาพวกตาเฒ่านักสูบต่างก็โอดครวญกันใหญ่!

ถังเจิ้นถึงกับหดคออย่างอดไม่ได้  ในใจก็คิดว่าต้องเป็นผู้หญิงคนนั้นแก้แค้นเขาแน่ ๆ

‘ขอโต๊บกั๊บอา ๆ ลุง ๆ ทั้งหลายที่ลากมาเกี่ยวข้อง...’

หลังจากถังเจิ้นออกมาจากห้างสรรพสินค้าเขาก็เดินไปตลอดทาง  แล้วบังเอิญไปเห็นรถเอทีวีจอดอยู่ข้างถนน

ยิ่งดูก็ยิ่งรู้สึกว่ารถคันนี้เหมาะสำหรับการใช้งานในถิ่นทุรกันดารที่มีแต่ดินแข็ง ๆ ในอีกโลกเป็นอย่างยิ่ง  และเมื่อเทียบกับรถออฟโรดทั้งแพงทั้งใหญ่แล้ว  เจ้ารถเล็ก ๆ ราคาถูกคันนี้ย่อมดีกว่าอย่างเห็นได้ชัด

หลังจากประเมินปริมาตรของช่องเก็บของแล้วก็ได้ข้อสรุปว่าถ้าจับแยกชิ้นส่วนล่ะก็น่าจะใส่ได้อยู่  ดังนั้นถังเจิ้นเลยเดินเข้าไปเรียกเจ้าของร้านทันที

เมื่อไต่ถามและต่อรองราคากันเสร็จสรรพแล้วสรุปคือเขาได้รถมา 2 คันที่ราคาเกือบ ๆ 60,000 หยวน!

เจ้าของร้านบอกจะเติมน้ำมันเต็มถังให้และบอกให้ถังเจิ้นลองสตาร์ทดูเพื่อยืนยันสภาพรถ

จากนั้นก็เรียกให้ชายหนุ่มคนหนึ่งมาหาโดยให้ขับรถอีกคันตามไปส่งให้ถังเจิ้นที่บ้าน

ถังเจิ้นเพิ่งได้ครอบครองรถเอทีวีก็รู้สึกสนุกกับมันมาก  หลังจากที่เอาคันหนึ่งไปจอดไว้ลานหน้าบ้านแล้วเขาก็ขับอีกคันตรงไปที่สวนสาธารณะในเขตชานเมือง

เมื่อได้ผ่านการจราจรบนท้องถนนและสัมผัสกับความรู้สึกในการขับขี่ที่แตกต่างนั้นถังเจิ้นรู้จึงสึกสดชื่นเป็นอย่างมาก

แล้วจู่ ๆ ก็มีรถออฟโรดวิ่งเข้ามาเทียบข้างและค่อย ๆ เลื่อนกระจกลงเผยให้เห็นใบหน้าเรียบเฉยของซูเฟิง

เมื่อเห็นถังเจิ้นขับรถเอทีวีซูเฟิงยิ้มให้ด้วยความประหลาดใจ  จากนั้นโผล่หัวออกมาตะโกนใส่ “เฮ่ยจริงจังหน่อยสิว้ามึงหนิ  ทำไมไม่รีบไปแบกหามหาเงินมาใช้หนี้ให้ไอ้พ่อน่าตายนั่นเล่า”

จากนั้นก็หดหัวกลับไปเอาบุหรี่ออกมาคาบพลางขับรถด้วยมือเดียว

“จะไปเล่นที่ไหนก็ไปเลยปะ!  กูไม่มีเวลามาเล่นด้วยหรอก!”

ซูเฟิงได้ยินก็โยนก้นบุหรี่ใส่ถังเจิ้นแต่ก็ไม่โดน

จากนั้นมันก็กลอกตาแล้วหันมาพูดด้วยรอยยิ้มเจ้าเล่ห์หน่อย ๆ ว่า “แนะนำหญิงให้เอาม้า~  แล้วมึงก็พานางไปเที่ยวที่สวนสาธรณะซักแป๊บนึงไง  ฮี่ ๆ ๆ ๆ!”

เมื่อได้ยินเช่นนี้ถังเจิ้นก็ชำเลืองมองไปยังที่นั่งข้างคนขับฝั่งนั้นและเห็นว่ามีสาวสวยนางหนึ่งนั่งจดจ่ออยู่กับการจิ้มจอมือถืออยู่  เวลาแบบนี้ไอ้หมอนี่ขับรถพาสาวสวยท่าทางยั่วสวาทไปเที่ยวสวนสาธารณะ  ต่อให้คนไม่มีสมองยังเดาได้เลยว่ามันจะพาหล่อนไปทำอะไร

แต่ตอนนี้เขาไม่ได้อยู่ในอารมณ์ที่จะพูดคุยกับไอ้คนหื่นกามตลอดเวลานี่ดังนั้นเลยสบถ ‘ไอ้หื่น’ ใส่ไปทีหนึ่งและเร่งเครื่องแซงขึ้นไป

“ทุ้ย  พ่อคุณธรรมสูง~!”

ซูเฟิงสบถกลับลับหลังและเร่งเครื่องออฟโรดของตนแซงขึ้นไปจนทำให้ถังเจิ้นหน้าเจื่อน

“พ่องดิสัส!”

หลังจากถังเจิ้นด่าไปดอกหนึ่งแล้วเขาก็ไม่สนใจรถออฟโรดที่กำลังจะหายลับตาไป  แล้วเลือกที่จะวิ่งลงทางลูกรังเพื่อเทสต์ประสิทธิภาพของรถคันนี้

ต้องรู้ว่าแม้ว่าพื้นดินในถิ่นทุรกันดารของอีกโลกหนึ่งจะแข็ง  แต่พื้นดินส่วนใหญ่ก็ไม่ได้เรียบแถมยังขรุขระมากและบางที่ยังมีวัชพืชขึ้นรกด้วย  ซึ่งรถคันนี้จะปรับตัวได้หรือไม่นั้นเป็นอีกเรื่องหนึ่ง

บนเนินเขา  คูน้ำ  พื้นทราย  และพุ่มไม้  ถังเจิ้นรถเอทีวีตะลุยเข้าไปให้หมดด้วยความเมามัน  และประสิทธิภาพของมันก็ทำให้เขาค่อนข้างพอใจเลยทีเดียว

เมื่อเห็นว่าเวลาล่วงเลยมาถึงสามทุ่มแล้วและสวนสาธารณะก็อยู่ห่างจากเขตเมืองไปพอสมควรถังเจิ้นเลยวางแผนที่จะขับรถกลับบ้าน  แต่ในขณะที่เขากำลังจะสตาร์ทรถอีกรอบนั้นก็มีเสียงดังโคร่มเข้ามาในหู

“เอาละไง  สงสัยจะมีรถเกิดอุบัติเหตุ!”

ตอนนี้หูของถังเจิ้นดีมาก  เขาสามารถตัดสินด้วยเสียงและสัญชาตญาณว่านี่เป็นอุบัติเหตุทางรถยนต์  ดังนั้นเขาจึงกระโดดขึ้นรถเอทีวีทันทีและขับตรงไปยังสถานที่ต้นเสียง

หลังจากขับรถมาเกือบห้านาทีถังเจิ้นก็มาถึงที่เกิดเหตุและพบว่าเป็นถนนที่ห่างไกลยิ่งกว่าเดิมอีก

รถออฟโรดสีดำที่เครื่องดับเสียหลักตกลงไปในคูข้างทาง  หน้ารถชนเข้ากับต้นไม้ใหญ่

บนถนนแคบ ๆ ด้านข้างมีผู้หญิงคนหนึ่งในชุดกีฬาสีขาวยืนกอดอกแสดงสีหน้าช่วยไม่ได้อยู่  ร่างกายของเธอสั่นเล็กน้อยเมื่อเห็นว่าถังเจิ้นใกล้เข้ามา  ผู้หญิงคนนั้นถอยหลังอย่างระแวดระวังและในขณะเดียวกันมือข้างหนึ่งก็แอบล้วงเข้าไปในกระเป๋าเงียบ ๆ

ด้วยแสงสว่างของรถเอทีวีทำให้ถังเจิ้นที่มองเห็นอีกฝ่ายต้องรู้สึกประหลาดใจ  เพราะเจ้าของรถที่ลงไปอยู่ในคูน้ำนั่นจริง ๆ แล้วคือแม่สาวแกร่งในห้างเมื่อตอนกลางวันคนนั้นนั่นเอง!

เมื่อถังเจิ้นเห็นว่าเป็นผู้หญิงคนนี้เขาก็อดหัวเราะเบา ๆ ไม่ได้  มีคำกล่าวว่า ‘โชคชะตาล้วนไม่มีจริงทุกสิ่งถูกกำหนดมาหมดแล้ว’

ถังเจิ้นยักไหล่เพื่อแสดงสัญญาณให้เห็นว่าเขาไม่ได้มีเจตนาร้ายและถามว่า “ว่าไงเจ๊  มีไรให้ช่วยป่าว~”

ผู้หญิงคนนั้นพยักหน้าโดยดูเหมือนจะไม่ได้สังเกตเห็นการเยาะเย้ยในคำพูดของถังเจิ้น  และตอบกลับด้วยน้ำเสียงเมา ๆ หน่อย ๆ “ยืมโทสับหน่อยดี่  ของฉันหายอะ”

“จัดไปเลยเจ๊!”

ถังเจิ้นหยิบมือถือออกมาส่งให้เธอ  แล้วเธอก็จิ้มจอโทรออกอย่างรวดเร็ว  เมื่อบอกพิกัดของตนเสร็จแล้วก็วางสาย

“ขอบใจ!”

น้ำเสียงของเธอดูผ่อนคลายมากขึ้นจากนั้นก็ยื่นมือถือคืนให้ถังเจิ้น  ใบหน้าคนสวยยามเมาแดงระเรื่อท่าทางเย้ายวนใต้แสงจันทรา

ผู้หญิงที่เข้มแข็งแบบนี้ไม่ค่อยแสดงอาการสาวน้อยออกมาหรอก  ดังนั้นเลยทำให้ถังเจิ้นที่เห็นมุมนี้ของเธอต้องตกใจนิดหน่อย

“ไม่เป็นไร  แต่ต่อไปก็ระวังหน่อยล่ะ  เมาแล้วขับมันอันตรายนา”

เมื่อรับมือถือกลับคืนมาแล้วถังเจิ้นก็เตือนกลับไปงั้น ๆ

“อืม”

หญิงสาวพยักหน้าแล้วหันมองไปด้านข้าง

เมื่อเห็นสิ่งนี้ถังเจิ้นเลยกลับไปที่รถเอทีวีอย่างรู้ความ  จากนั้นก็จุดบุหรี่สูบ

“มีบุหรี่อีกปะ?”

ผู้หญิงคนนั้นเข้ามาถาม

ถังเจิ้นหยิบซองบุหรี่ออกจากกระเป๋าของเขาแล้วยื่นให้เธอไปหนึ่งมวน  เสร็จแล้วก็เอาไฟแช็กจุดให้

ผู้หญิงคนนั้นถือคีบบุหรี่ขึ้นสูบเข้าเต็มปอดแล้วพ่นควันออกมา

เมื่อเห็นแบบนี้ถังเจิ้นก็หยอกล้อ “ใครสูบบุหรี่ต้องเสียค่าปรับสองพัน”

ผู้หญิงคนนั้นผงะเมื่อได้ยินคำพูดนั้นแล้วหันขวับไปมองถังเจิ้นอย่างระแวดระวังแล้วก็กลอกตามองบน

“ทำไม!  สนุกมากไงนินทาคนอื่นลับหลัง”

ผู้หญิงคนดีดขี้บุหรี่ทิ้งพร้อมถามออกมาโดยไม่ได้สนใจว่าถังเจิ้นจะตอบไม่ตอบ

“ไม่ได้ตั้งใจจะนินทาซักหน่อย  แต่ชื่นชมต่างหากว่าเป็นหญิงแกร่ง  เรื่องแค่นี้ฟังไม่ออกเหรอ”

“ชื่นชม?  เหอะ ๆ ถ้านายอยู่ในตำแหน่งเดียวกันล่ะก็ไม่น่าจะคิดงั้นมั้ง...  แล้วที่สำคัญเลยคืออย่ามาเรียกว่าเจ๊!”

ถังเจิ้นยิ้มนิด ๆ แล้วสูบบุหรี่ต่อ

ทั้งสองไม่พูดอะไรกันอีก  และเห็นว่ามีรถแล่นเข้ามาใกล้ด้วยความเร็วสูง  พอเข้ามาประชิดกับตำแหน่งที่พวกเขาอยู่ก็มีคนสี่คนเป็นชายสามหญิงหนึ่งกระโดดลงมาจากรถ

ผู้หญิงแต่งชุดออฟฟิศดูก็รู้ว่าเป็นเลขาได้เข้ามาตรวจสอบเธอว่าบาดเจ็บตรงไหนหรือไม่พร้อมกับส่งสายตาระแวดระวังใส่ถังเจิ้น

“เชี่ย  กูอุตส่าห์เป็นคนดีดันมาโดนสายตาทิ่มแทง  คนเรานี่แม่งบ้ากันไปใหญ่แล้ว!”

ถังเจิ้นไม่พูดอะไรมากเพียงแค่ลุกขึ้นและก้าวขึ้นรถเอทีวีจากนั้นก็สตาร์ทรถขับขึ้นถนนที่เป็นทางวิ่งลงเขา

หลังจากกลับถึงบ้านเขาก็ล้างมือ  กินข้าวมื้อง่าย ๆ จากนั้นก็อาบน้ำนอน

สองวันต่อมาเถ้าแก่ร้านตีเหล็กได้โทรมาแจ้งถังเจิ้นว่ามีดดาบพร้อมแล้ว

ถังเจิ้นไปที่ร้านช่างตีเหล็กและเห็นเถ้าแก่กำลังซดเบียร์อยู่

หลังจากกล่าวทักทายสนทนากันพอหอมปากหอมคอแล้วถังเจิ้นก็เห็นสินค้าของตนวางอยู่ที่มุมห้อง

มีดดาบทั้งหมดถูกรวบรวมเข้าด้วยกันอย่างเรียบร้อย  ถังเจิ้นลองหยิบออกมาทดสอบดูหนึ่งเล่มและยืนยันแล้วว่าช่างตีเหล็กคนนี้ตีมันขึ้นมาจากแหนบรถยนต์จริง ๆ ตัวคมมีความเรียวแต่ไม่บางเบา

“ฝีมือดี!”

ถังเจิ้นชื่นชม  หลังจากที่ชำระเงินเสร็จถังเจิ้นก็ออร์เดอร์เพิ่มอีก 500 เล่ม  เอาเหมือนเดิม

ช่างตีเหล็กที่ได้งานก็มีความสุขจริง ๆ เพราะช่วงนี้ธุรกิจของเขาซบเซาเหลือเกินจนเขาจะปิดกิจการแล้ว  ออร์เดอร์ของถังเจิ้นเรียกได้ว่าทำให้เขากลับมามีชีวิตอีกครั้งเลยทีเดียว  และทำให้เขาสามารถสำแดงงานฝีมือที่ตกทอดกันมาตั้งแต่สมัยบรรพบุรุษได้ด้วย

หากถังเจิ้นยังคงซื้อต่อเรื่อย ๆ ล่ะก็วันนี้ปีหน้ารับรองว่าเขาไม่ต้องห่วงเรื่องราคาบ้านและค่าสินสอดที่ลูกชายจะไปขอเมียแต่งแล้ว

แน่นอนว่าถังเจิ้นไม่รู้ว่าช่างตีเหล็กกำลังคิดอะไรอยู่  แต่เขาแค่หยิบมีดดาบทั้งมัดหนึ่งร้อยเล่มนั้นไปวางไว้ในรถแท็กซี่อย่างง่ายดาย

เมื่อเห็นฉากนี้ช่างตีเหล็กที่โอ้อวดความแข็งแกร่งตนอยู่เสมอถึงกับอึ้ง ๆ ไปและประเมินไอ้หนุ่มนี่ในใจว่ามันต้องแข็งแรงขนาดไหนกัน

ผ่านไปอีกหนึ่งวันบัดนี้ถังเจิ้นได้เตรียมของทั้งหมดเรียกได้ว่าพร้อมแล้ว  จากนั้นก็เริ่มขนของข้ามโลก  ครั้งนี้ถือได้ว่าเขาเตรียมของมาหลายอย่างมากเกินไปด้วยซ้ำ  แม้จะมีช่องเก็บของขนาดหนึ่งลูกบาศก์เมตรแต่ก็ยังต้องใช้เวลานานมาก

เขาขุดหลุมแล้วเอาอาวุธเหล่านี้ซ่อนไว้จากนั้นก็ปิดหลุมอย่างดีเพื่อให้แน่ใจว่าจู่ ๆ จะไม่ถูกพวกผู้พเนจรที่บังเอิญผ่านทางมาเกิดเจอเข้า

และเมื่อเขากลับมาครั้งหน้าเขาจะพาเฉียนหลงมาขนส่งมีดดาบเหล่านี้กลับไปยังเมืองผู้พเนจร

เสร็จเรื่องซ่อนอาวุธแล้วถังเจิ้นก็เทเลพอร์ตกลับบ้าน

5 1 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด