ตอนที่แล้วตอนที่ 88: ตอนจบที่ไม่คาดคิด
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปตอนที่ 90: ตัวประกอบ

ตอนที่ 89: ความซวยของทีม 13


ตอนที่ 89: ความซวยของทีม 13

ณ ห้องส่วนตัวสุดหรู

“ทำไมคุณถึงคิดว่ารถของคุณถูกคนอื่นแอบเข้ามาทำการดัดแปลง” เย่จิ่งชานกล่าวถามเซี่ยเฟยพร้อมกับขมวดคิ้ว

“ผู้บัญชาการเย่! ผมเป็นคนประกอบรถคันนี้ด้วยมือตัวเอง ผมจึงจำน็อตทุกตัวที่ผมขันลงไปได้ ในตอนที่ผมเริ่มสตาร์ทรถผมก็ทำการตรวจสอบอีกครั้งหนึ่งแล้ว ซึ่งในตอนนั้นตัวรถไม่ได้ดูมีปัญหาอะไร จนกระทั่งในตอนที่รถพังผมถึงได้รู้ว่ามันมีคนแอบมาหมุนปรับวาล์วแรงดันไปทางขวาประมาณ 15 องศา”

“ผมต้องอธิบายว่าผมทำการดัดแปลงรถคันนี้ให้ใกล้เคียงกับขีดจำกัดของมันแล้ว ดังนั้นการเปลี่ยนแปลงวาล์ววัดแรงดันเพียงแค่เล็กน้อย มันก็เพียงพอจะทำให้ท่อไม่สามารถรับแรงดันได้”

“คนลงมือคนนี้ฉลาดมากและการลงมือของเขาก็แยบยลเช่นกัน นี่ถ้าหากว่าในตอนที่รถเสียฝาครอบป้องกันของระบบควบคุมแรงดันไม่ถูกทำลายจนเผยให้เห็นวาล์วด้านใน ผมก็คงไม่คิดว่ามันมีคนมาแอบปรับวาล์วแรงดัน” เซี่ยเฟยกล่าว

คำอธิบายของเซี่ยเฟยทำให้เย่จิ่งชานและโรเบิร์ตแอบสบสายตากันอย่างลับ ๆ

“เซี่ยเฟยทุกสิ่งที่คุณพูดมาเป็นเพียงคำพูดลอย ๆ แต่คุณไม่ได้มีหลักฐานอะไรใช่ไหม” โรเบิร์ตถาม

“ในฐานะผู้เสียหายผมมีหน้าที่เล่าทุกสิ่งที่ผมรู้ให้กับพวกคุณ ส่วนพวกคุณจะเชื่อหรือไม่เชื่อผมคิดว่าเรื่องนี้เป็นหน้าที่ของค่ายฝึก” เซี่ยเฟยตอบกลับอย่างใจเย็น

“คุณทำถูกแล้ว ทางค่ายจะทำการตรวจสอบเรื่องนี้ให้แน่นอน ถ้าไม่มีเรื่องอะไรอื่นแล้วเชิญคุณกลับไปได้” เย่จิ่งชานกล่าวพร้อมกับพยักหน้า

เซี่ยเฟยลุกยืนขึ้นทำความเคารพก่อนที่เขาจะเดินออกไปทางประตู

“ทีม 13 เพิ่งเดินทางมาถึงค่ายฝึกแล้วมันก็บังเอิญเกิดเรื่องนี้ขึ้นพอดี ถ้าหากว่าหนึ่งในสมาชิกของทีม 13 มีความเกี่ยวข้องกับการหายตัวไปอย่างลึกลับของผู้สมัครในงานประเมิน แล้วทำไมคนคนนั้นต้องตั้งเป้ามาที่เซี่ยเฟยด้วย” เย่จิ่งชานอุทานพร้อมกับขมวดคิ้วหลังจากที่เซี่ยเฟยจากไป

“ฉันก็คิดเรื่องนี้ไม่ออกเหมือนกัน ฉันเลยมาให้ทางค่ายช่วยกันคิดนี่ไง” โรเบิร์ตกล่าวพร้อมกับถอนหายใจ

“จนถึงตอนนี้พวกเรารู้เพียงแค่ว่ามีหนึ่งในสมาชิกทีม 13 แอบเปลี่ยนตารางการแข่งขันให้เซี่ยเฟยไปเจอกับเฉินตง ซึ่งในตอนนั้นเฉินตงดูมีความเหนือกว่าอย่างชัดเจน ดังนั้นพวกเราจึงได้ข้อสรุปว่าเป้าหมายของคนคนนั้นน่าจะเป็นเซี่ยเฟย”

“นอกจากนี้มันยังมีผู้สมัครหายตัวไปอย่างลึกลับถึง 12 คนและคนคนนั้นก็น่าจะมีความเกี่ยวข้องกับการหายตัวไปของผู้สมัครด้วย นี่คือเรื่องทั้งหมดที่ผมสืบรู้มาจนถึงตอนนี้” โรเบิร์ตเล่าสิ่งที่เขาสืบเสาะมาให้เย่จิ่งชานฟัง

หลังฟังคำอธิบายเย่จิ่งชานก็เคาะนิ้วในท่าประจำพร้อมกับครุ่นคิดเป็นเวลานาน

“ถ้าอย่างนั้นผมจะคอยจับตาดูทีม 13 ตามที่คุณแนะนำมา ว่าแต่มันพอจะมีเงื่อนงำอะไรเกี่ยวกับผู้สมัครที่หายตัวไปไหม” เย่จิ่งชานกล่าวถาม

“ในปีที่ผ่านมาเหตุการณ์หายตัวไปอย่างลึกลับไม่ได้เกิดขึ้นเพียงแต่ในภูมิภาคดาวเอ็นดาโร่เท่านั้น แต่มันเกิดขึ้นในภูมิภาคต่าง ๆ ทั่วทั้งพันธมิตร สิ่งที่น่าแปลกคือผู้ที่หายตัวไปทั้งหมดเป็นเด็กผู้หญิงอายุต่ำกว่า 16 ปีและทุกคนต่างก็ครอบครองความสามารถระดับสูง” โรเบิร์ตกล่าว

“หือ? ทุกคนที่หายตัวไปเป็นเด็กผู้หญิงหมดเลยหรอ? ทำไมพวกนั้นถึงลักพาตัวไปแต่เด็กผู้หญิง?” เย่จิ่งชานอุทานด้วยความตกตะลึงเล็กน้อย

“จากการสืบสวนเรื่องนี้ไม่ได้เกิดขึ้นกับสมาพันธ์ของพวกเราเท่านั้น แต่ทางสมาพันธ์เฮอร์มิทกับสมาพันธ์นักสู้ขนาดเล็กอื่น ๆ ก็เจอเหตุการณ์แปลกประหลาดนี้เหมือนกัน ถ้าฉันเดาไม่ผิดเหตุการณ์นี้คงจะเกิดขึ้นไปทั่วทั้งจักรวาล” โรเบิร์ตอธิบายเพิ่มเติม

“การทำแบบนี้มันไม่ต่างไปจากการประกาศสงครามเลย ผมอยากจะชื่นชมพวกเขาจริง ๆ ที่พวกเขากล้าประกาศสงครามกับสมาพันธ์จัสทิสกับสมาพันธ์เฮอร์มิทในเวลาเดียวกัน ผมอยากจะรู้จริง ๆ ว่าพวกเขาซ่อนความลับอะไรเอาไว้ในมือ” เย่จิ่งชานกล่าวพร้อมกับถอนหายใจออกมายาว ๆ

“เรื่องนั้นไม่ใช่สิ่งที่พวกเราควรจะต้องกังวล ตอนนี้สำนักงานใหญ่มีคำสั่งพิฆาตให้กำจัดพวกเขาแล้ว เมื่อไหร่ก็ตามที่เราพบคนผิดไม่ว่าเขาคนนั้นจะเป็นใครหรือมีภูมิหลังยังไง แต่ทางสมาพันธ์จะจัดการกับเรื่องนี้จนถึงที่สุด” โรเบิร์ตกล่าว

“คำสั่งพิฆาต!!” เย่จิ่งชานอุทานออกมาด้วยความตกตะลึง

คำสั่งของสมาพันธ์จัสทิสถูกแบ่งออกเป็น 3 ระดับคือคำสั่งปกติ, คำสั่งสังหารและคำสั่งพิฆาต

อันที่จริงสมาพันธ์จัสทิสมีระดับคำสั่งมากกว่านี้ แต่คำสั่งเหล่านั้นเป็นคำสั่งระดับพิเศษที่เอาไว้ใช้แต่ในช่วงเวลาสงคราม

ด้วยเหตุนี้เองคำสั่งพิฆาตจึงถือว่าเป็นคำสั่งระดับสูงสุดที่ทางสมาพันธ์สามารถใช้ได้ในยามสถานการณ์ปกติ แล้วมันก็เห็นได้ชัดเลยว่าพวกเขากำลังรู้สึกเดือดดาลกับเหตุการณ์ในครั้งนี้มากแค่ไหน!

ปัจจุบันเซี่ยเฟยกำลังถูกห้อมล้อมโดยเจ้าหน้าที่ของค่ายฝึกเนื่องมาจากว่าอุบัติเหตุในระหว่างการแข่งขัน และรถของเขาก็ถูกส่งไปตรวจสอบอย่างระมัดระวังเพื่อเริ่มต้นการสืบสวน

ไป๋เย่ยืนอยู่ห่างออกไปเล็กน้อย โดยในเวลานี้เขาได้ทำการแต่งหน้าแต่งตา, เปลี่ยนเสื้อผ้าใหม่เรียบร้อยแล้วและคนรับใช้ชราก็ยืนอยู่ข้าง ๆ เขาเช่นเดียวกัน

ไป๋เย่มองไปยังพนักงานที่กำลังตรวจสอบรถของเซี่ยเฟยอย่างรู้สึกกังวล เพราะท้ายที่สุดถึงแม้ว่าสมาพันธ์จัสทิสจะอนุญาตให้สมาชิกทำการประลองกัน แต่กฎของสมาพันธ์ห้ามไม่ให้มีการลอบสังหารในสมาพันธ์อย่างเด็ดขาด

ถ้าหากพวกเขาได้พบว่าไป๋เย่แอบทำการปรับแต่งรถของเซี่ยเฟยก่อนการแข่งขันจนทำให้เซี่ยเฟยเกือบตาย เขาก็จะถูกไล่ออกจากค่ายและไม่มีโอกาสได้ทำงานในสมาพันธ์จัสทิสอีกต่อไป

ถึงแม้ว่าตระกูลของเขาจะเป็นหนึ่งในตระกูลที่มีอำนาจภายในภูมิภาคดาวเอ็นดาโร่ แต่ตระกูลของเขาก็เป็นเพียงแค่มดตัวเล็ก ๆ เมื่อเทียบกับสมาพันธ์จัสทิสที่ยิ่งใหญ่ ดังนั้นถ้าหากว่ามันได้มีการตรวจพบหลักฐานจริง ๆ มันก็ไม่มีใครจะสามารถเข้ามาปกป้องตัวเขาได้

“นายน้อยพวกเรากลับกันเถอะ ผมรับประกันว่าไม่มีใครสามารถตรวจพบเรื่องนี้ได้อย่างแน่นอน” ผู้รับใช้ชรากล่าวพร้อมกับหรี่ตาลงเล็กน้อยหลังจากที่เขาได้เห็นความกังวลของไป๋เย่

“ก่อนหน้านี้ลุงก็บอกว่าเซี่ยเฟยไม่มีทางเห็น แต่สุดท้ายเขาก็ส่งรถให้ทางค่ายตรวจสอบ” ไป๋เย่ตะคอกกลับอย่างเย็นชา

คำพูดนี้ทำให้ชายชราหรี่ตาลงเล็กน้อยและเขาก็ไม่ได้พูดอะไรตอบกลับไป

แม้ว่าไป๋เย่จะรู้สึกกังวลมากแค่ไหนแต่เขาก็คงไม่มีทางรู้ว่าความสงสัยไม่ได้มุ่งเป้ามาที่เขาเลย แต่กำลังตกไปอยู่ที่ทีม 13 ต่างหาก

ผู้ที่ซวยที่สุดในเรื่องนี้นั่นก็คือเซียวไห่ลี่ เพราะในตอนแรกเขาต้องการจะระบายความโกรธออกไปเพียงแค่เล็กน้อย แต่จู่ ๆ เรื่องราวต่าง ๆ กลับถูกโยนความผิดมาไว้ที่เขาไม่ว่าเขาจะมีส่วนรู้เห็นในเรื่องเหล่านั้นหรือไม่ก็ตาม

เช้าวันรุ่งขึ้นหลังจากการแข่งขันได้จบลงเซี่ยเฟยก็ตื่นนอนตั้งแต่เช้าตรู่ ก่อนที่เขาจะเดินไปตามเส้นทางอันเปล่าเปลี่ยวโดยลำพัง

เมื่อได้เห็นอาคารทรงหกเหลี่ยมสีขาวจากระยะไกล ชายหนุ่มก็ได้ยินเสียงของชายชราก่อนที่เขาจะเดินเข้าไปในห้องสมุด

เซี่ยเฟยได้ทำการตรวจสอบข้อมูลในค่ายฝึกแล้วทำให้เขาได้รู้ว่าชายชราอ้วนผู้ดูแลห้องสมุดคนนี้มีชื่อว่า ‘ฉินหมาง’ และเขาก็เป็นผู้ดูแลห้องสมุดมาเป็นเวลาเกือบ 50 ปีแล้ว

“อะไรกันวะ! เดี๋ยวนี้แม้แต่หมาจรจัดก็อยากจะมาสมัครเป็นบรรณารักษ์ แกรีบไสหัวไปเดี๋ยวนี้นะ! อย่าให้ฉันเห็นหน้าแกอีก!!” ฉินหมางส่งเสียงร้องตะโกนด้วยความดุร้ายพร้อมกับชายหนุ่มวัย 20 ปีที่กำลังวิ่งออกมาจากห้องสมุดด้วยความอับอาย โดยใบหน้าของเขาเต็มไปด้วยคราบกาแฟที่คงจะถูกชายชราสาดเข้ามาใส่

“ไอ้แก่หัวรั้น! ขอให้แกตายคาห้องสมุด!!” ชายหนุ่มกระทืบเท้าพร้อมกับบ่นออกมาอย่างฉุนเฉียวหลังจากที่เขาได้วิ่งออกมาพ้นประตู

เมื่อชายคนนี้ได้เห็นเซี่ยเฟย เขาก็ส่งเสียงออกมาอย่างไม่พอใจก่อนที่จะเดินจากไปอย่างเย็นชา

“ฉันเพิ่งรู้ว่าคุณตาคนนั้นเป็นพวกโมโหร้าย” เซี่ยเฟยอุทานพร้อมกับเผยรอยยิ้มออกมาเล็กน้อยขณะเปิดประตูและเดินเข้าไปในห้องสมุด

ภายในห้องสมุดยังคงว่างเปล่าโดยฉินหมางกำลังนั่งอยู่ด้านหลังโต๊ะทำงานพร้อมกับหอบออกมาอย่างหนัก ซึ่งเห็นได้ชัดเลยว่าการตะโกนในก่อนหน้านี้ทำให้เขารู้สึกเหนื่อยมากแค่ไหน

“ทำไมคุณตาถึงต้องโกรธขนาดนั้นด้วยล่ะครับ การมีคนมาสมัครเป็นบรรณารักษ์ไม่ใช่เรื่องที่ดีหรอ? อย่างน้อยคุณตาก็จะได้มีคนมาช่วยทำงานไม่ต้องเหนื่อยอยู่คนเดียว” เซี่ยเฟยกล่าวด้วยรอยยิ้ม

“หึ! ไอ้เด็กนั่นคิดจะยึดครองห้องสมุดนะสิ ถึงฉันจะแก่ตายแต่ฉันก็ไม่มีวันยกห้องสมุดให้กับคนแบบนั้น!!” ฉินหมางคำรามพร้อมกับใช้มือตบโต๊ะลงไปอย่างแรง

เมื่อเห็นความโกรธเซี่ยเฟยก็ใช้นิ้วแตะไปที่แหวนมิติเบา ๆ ก่อนที่เขาจะหยิบชุดน้ำชาที่สวยงามออกมา

“นี่คือชาชั้นดีจากบ้านเกิดของผมมีชื่อว่าชาหลงจิ่งเป็นชาที่มีรสชาติดีมาก คุณตาลองดื่มดูจะได้ช่วยสงบสติอารมณ์” เซี่ยเฟยกล่าวด้วยรอยยิ้ม

“เฮ้เจ้าหนู! นายทำตัวแบบนี้แอบคิดอะไรไม่ดีอยู่ใช่ไหม” ฉินหมางกล่าวพร้อมกับหรี่ตาลง

“คุณตาเข้าใจผมผิดแล้วครับ ผมแค่อยากให้คุณตาลองชิมชานี้ดู ไม่ได้มีเจตนาแอบแฝงอะไรซักหน่อย” เซี่ยเฟยกล่าวด้วยรอยยิ้มพร้อมกับส่ายหัว

“ไม่มีเจตนาแอบแฝงแน่นะ!” ฉินหมางถาม

“เอาล่ะ ๆ ผมยอมแล้วก็ได้ อันที่จริงผมกำลังพยายามสำรวจตลาดว่าชานี้มีคนชอบมันหรือเปล่า ผมเลยลองเอามาให้คุณตาชิมดู” เซี่ยเฟยกล่าวพร้อมกับหัวเราะออกมาเบา ๆ

‘สำรวจตลาด? คนอะไรโกหกได้เนียนจริง ๆ’ เซี่ยเฟยคิดในใจ

สาเหตุที่ชายหนุ่มทำแบบนี้นั่นก็เพราะเขารู้สึกสนใจหนังสือภายในห้องสมุดแห่งนี้มาก แต่ค่าบริการ 10 คะแนนต่อชั่วโมงก็เป็นราคาที่ค่อนข้างมากเกินไปซักหน่อย

นอกจากนี้หนังสือที่เขาอยากอ่านจริง ๆ ยังอยู่บนชั้นที่ 2 และฉินหมางยังเป็นคนที่ขี้เหนียวมาก มันจึงไม่มีทางที่ชายชราคนนี้จะลดค่าบริการให้กับเขา

ดังนั้นเซี่ยเฟยจึงตัดสินใจใช้กลวิธีที่เชี่ยวชาญที่สุดของผู้คนบนโลกนั่นก็คือการ ‘ติดสินบน’ เอ้ย… ‘การให้ของฝาก’

ตราบใดก็ตามที่ความสัมพันธ์ของพวกเขาเป็นไปได้ด้วยดี เรื่องต่าง ๆ ก็จะเปลี่ยนกลายเป็นเรื่องที่ง่ายดาย

“ฉันรู้ว่านายยังมีจุดประสงค์อื่น ฉันเดาถูกไหม?” ฉินหมางกล่าวอย่างภาคภูมิใจ จากนั้นเขาก็ได้กล่าวต่อไปอีกว่า

“ช่างมันเถอะ! ถึงยังไงฉันก็ไม่มีอะไรจะทำอยู่แล้ว เห็นอย่างนี้แต่ฉันก็เป็นผู้เชี่ยวชาญเรื่องชานะจะบอกให้ ฉันเคยดื่มชาเข็มหิมะที่เป็นชาพิเศษจากดาวนอร์ดมาด้วยนะ บอกได้เลยว่าฉันไม่มีทางลืมรสชาติของชานั้นไปตลอดชีวิต”

เซี่ยเฟยพูดจาประจบประแจงฉินหมางอีกเล็กน้อย ก่อนที่เขาจะวิ่งเข้าไปในห้องครัวเพื่อทำการต้มน้ำมาเสิร์ฟชา

“เหล่าเฮย! เจ้าเด็กนี่ดูฉลาดเฉลียวอยู่ไม่น้อย แกคิดว่าเขาจะมีศักยภาพเพียงพอไหม?” ฉินหมางพึมพำพร้อมกับลูบขนแมวตัวอ้วนสีดำในอ้อมแขนของเขา

แมวตัวสีดำพยักหน้าเล็กน้อยราวกับว่ามันเข้าใจคำพูดของมนุษย์

“แม้แต่แกก็เห็นด้วยสินะ ฉันจะลองให้โอกาสเขาซักหน่อยก็แล้วกัน” ฉินหมางพึมพำพร้อมกับเผยรอยยิ้มแปลก ๆ ออกมา

***************

ว่าแต่คิด ๆ ดูแล้วความซวยของพี่เฟยมีต้นเหตุมาจากสาว ๆ ทั้งนั้นเลยนะ ทุกคนเห็นด้วยไหม?

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด