ตอนที่แล้วบทที่ 19: การต่อสู้นองเลือดและความอัปยศอดสู
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปบทที่ 21: สุดยอดความแข็งแกร่ง

บทที่ 20: ครีมมหัศจรรย์


ความเร็วในการฟื้นตัวของบาดแผลของถังเจิ้นนั้นน่าทึ่งจริง ๆ สถานการณ์ผิดปกติเช่นนี้บอกเลยว่ายากที่จะไม่ดึงดูดความสนใจ

พวกมู่หรงจื่อเหยียนเองก็เห็นความผิดปกติที่เกิดขึ้นกับบาดแผลของถังเจิ้นเหมือนกัน  คนเหล่านั้นได้มองหน้ากันอยู่ครู่หนึ่งมู่หรงจื่อเหยียนกับเฉียนหลงต่างก็เห็นความตกอกตกใจและความงุนงงของอีกฝ่าย  เห็นได้ชัดวาชาวพื้นเมืองทั้งสองเองก็พึ่งจะเคยเห็นฉากอัศจรรย์เช่นนี้เป็นครั้งแรก

มู่หรงจื่อเหยียนมองบาดแผลของถังเจิ้นอีกรอบก่อนจะพูดด้วยใบหน้ามึน ๆ “ถึงครีมไม้เลื้อยจะมีค่าและมีผลในการรักษาบาดแผลที่น่าอัศจรรย์ก็เถอะ  แต่มันไม่ได้มีผลในทันทีเหมือนกับยาพลังเทพในตำนานหรอกนะ”

เฉียนหลงที่อยู่ข้าง ๆ พยักหน้าเห็นด้วย  เห็นได้ชัดว่าเขาเองก็ไม่เคยเห็นการรักษาบาดแผลที่รวดเร็วเช่นนี้มาก่อน

“ยาพลังเทพ?”

ถังเจิ้นที่กำลังโฟกัสกับความน่าอัศจรรย์ของครีมไม้เลื้อยเงยหน้าขึ้นมาถาม “ยาพลังเทพคืออะไร?  มันมีผลเหมือนกับครีมนี่งั้นเหรอ!”

มู่หรงจื่อเหยียนพยักหน้า “ยาพลังเทพเป็นยามหัศจรรย์ที่จะมีกันในโหลวเฉิง  ปรุงโดยเภสัชกรที่มีชื่อเสียง  ยาพลังเทพมีสรรพคุณวิเศษมากมาย  บางชนิดสามารถล้างพิษ  บางชนิดสามารถเพิ่มพลังต่อสู้  และบางชนิดสามารถรักษาบาดแผลได้  ว่ากันว่าขอแค่อาการบาดเจ็บไม่ถึงแก่ชีวิตแค่ดื่มยาพลังเทพนั่นเข้าไปจะสามารถฟื้นตัวได้ในเวลาเพียงไม่นาน”

เมื่อเห็นถังเจิ้นฟังอย่างตั้งใจมู่หรงจื่อเหยียนก็บึนปากของเธอเล็กน้อย “ถึงผลของยาพลังเทพจะดี  แต่ราคาก็สูงจนน่ากลัวมาก  พ่อฉันได้มาขวดหนึ่งจากงานประมูลโหลวเฉิงแห่งอื่น  เห็นพ่อบอกว่าต้องใช้ลูกปัดสมองเลเวลห้าตั้งร้อยเม็ด  เท่ากับลูกปัดสมองเลเวลหนึ่งตั้งล้านเม็ดแหน่ะ!”

ถังเจิ้นไม่เพียงแค่พูดไม่ออกเมื่อได้ยินราคาหรอก  ในใจยังสบถคำหยาบด้วย  ลูกปัดสมองเลเวลหนึ่จำนวนหนึ่งล้านเม็ดคือสิบล้านเหรียญทองในมือถือ!

แบบนี้จ้าวเมืองโหลวเฉิงที่ขายยาพลังเทพพวกนั้นก็ร่ำรวยสุด ๆ ไปเลยสิ!

ขณะที่ถังเจิ้นแอบอิจฉามู่หรงจื่อเหยียนก็เล่าข่าวลือบางอย่างเกี่ยวกับยาพลังเทพที่เธอเคยได้ยินมา  ในระหว่างนั้นเธอยังบอกถังเจิ้นว่าครีมไม้เลื้อยสามารถดื่มพร้อมกับน้ำได้ด้วยซึ่งมันใช้ในการรักษาอาการบาดเจ็บภายในได้อย่างทรงประสิทธิภาพ

เมื่อมู่หรงจื่อเหยียนบอกมาแบบนั้นถังเจิ้นเลยไม่รอช้าลองดื่มชิ้นเล็ก ๆ ลงไปโดยไม่ลังเล

ตอนนี้เขาสงสัยสรรพคุณของครีมตัวนี้อย่างมากและแทบรอดูผลอันมหัศจรรย์ของมันไม่ไหวแล้ว

ซึ่งผลการทดลองทำให้เขาพอใจมาก  อาการเจ็บหน้าอกที่แต่เดิมเหมือนโดนเหยียบแผลจนเจ็บปวดอยู่ตลอดเวลาบัดนี้ได้บรรเทาลงไปมากในทันที  และยามที่หายใจก็ไม่มีอาการปวดอย่างหนักมากวนแล้ว

ในเวลาเดียวกันถังเจิ้นรู้กลับสึกว่าดูเหมือนจะมีอากาศไหลเวียนอยู่ในอกของตน  ตามด้วยความรู้สึกชา ๆ แล้วก็เกิดอาการคันยิบ ๆ จนอยากกรีดมันออกไปเพราะรำคาญมาก

หลังจากนั้นไม่นานถังเจิ้นก็ไออย่างรุนแรงและกระอักลิ่มเลือดสีดำออกมาจากปาก

อาการผิดปกติของร่างกายถังเจิ้นเจิ้นทำให้พวกมู่หรงจื่อเหยียนดูตกใจ  แต่ตัวเขาเองกลับดูตื่นเต้นอย่างมาก  เพราะครีมนี้เหมือนทำให้เขามองเห็นถนนแห่งชีวิตของตนที่ปูไปด้วยทองคำ!

ครีมที่มีค่าของโลกนี้เมื่อใช้กับถังเจิ้นซึ่งเป็นคนที่มาจากอีกโลกหนึ่งได้แสดงผลลัพธ์ที่สุดแสนจะน่าอัศจรรย์ขึ้น  ไม่รู้เหมือนกันว่ามันจะได้ผลที่น่าอัศจรรย์เช่นนี้เมื่อใช้กับชาวโลกคนอื่นหรือไม่

ถ้าได้ผลจริงก็เป็นเส้นทางที่เสริมดวงของแท้!

ทว่าแม้จะไม่ได้ผลอะไรกับคนที่โลกเดิมก็ตาม  แต่การสำรองครีมนี้ไว้ใช้ยามฉุกเฉินก็เป็นการทำประกันชีวิตที่ค่อนข้างมั่นคงพอสมควร

ถังเจิ้นตัดสินใจว่าจะให้ความสนใจกับข่าวใด ๆ ก็ตามที่เกี่ยวกับไม้เลื้อยชนิดนี้ให้มากขึ้นในอนาคต  หากเขาพบมันเมื่อไหร่จะรีบคว้ามาไว้ในครอบครองอย่างแน่นอนไม่ว่าจะต้องจ่ายราคาเท่าไหร่ก็ตาม

การผจญภัยต่างโลก  สิ่งที่สำคัญเป็นอันดับแรกคือความปลอดภัยในชีวิต!

เมื่อไต่ถามสองคนนี้เรื่องไม้เลื้อยดังกล่าวแต่ละคนก็บอกแค่ว่ามันงอกและเติบโตอยู่ในหุบเขาที่เข้าไปไม่ได้  เพราะที่เหล่านั้นส่วนใหญ่แล้วมันจะมีแต่มอนสเตอร์ดุร้ายน่ากลัวมากมายเข้าไปทำรัง

หากต้องการเข้าไปรวบรวมวัตถุดิบปรุงยาในสถานที่ประเภทนี้แปลว่าต้องแบกรับความเสี่ยงที่สูงมาก  ขนาดโหลวเฉิงบางแห่งที่มีเภสัชกรอาศัยอยู่ยังรับซื้อในราคาสูงชะลูด

มีทีมสำรวจผู้พเนจรเข้าไปหาอยู่บ่อยครั้งอยู่เหมือนกัน  แต่เบื้องหลังผลประโยชน์อันมากมายมหาศาลนั้นก็มีความเสี่ยงอันมหาศาลซ่อนอยู่เป็นเรื่องธรรมดา  ซึ่งก็มีบ้างที่ทีมสำรวจผู้พเนจรทั้งทีมโดนมอนสเตอร์กวาดล้างจนหมดสิ้นจนเป็นอีกหนึ่งสาเหตุที่ราคาของวัตถุดิบปรุงยาสูงชะลูดอย่างที่บอก

ครีมในมือของมู่หรงจื่อเหยียนถูกผู้ใต้บังคับบัญชาของพ่อเธอนำออกมาตอนที่หนีจากโหลวเฉิง  แปลว่าเจ้าของเดิมคือพ่อของมู่หรงจื่อเหยียนซึ่งเป็นเจ้าเมือง

ในขณะที่พูด ๆ อยู่มู่หรงจื่อเหยียนก็ช่วยเฉียนหลงและต้าสยงทายาไปด้วย  จากนั้นก็ค่อย ๆ พันผ้าพันแผลให้ทั้งคู่อย่างระมัดระวัง

หลังจากทำแผลให้เฉียนหลงและต้าสยงแล้วชายทั้งสามคนก็ทรุดลงบนเตียงพร้อม ๆ กันและจ้องมองกันและกัน

ก่อนหน้านี้พวกเขาไม่รู้สึกอะไรเป็นพิเศษ  แต่เมื่อพวกเขานอนลงบนเตียงแล้วความเจ็บปวดและความเหนื่อยล้าก็ประดังประเดเข้ามา  จากนั้นไม่นานพวกเขาก็ผล็อยหลับไป

พวกเขานอนกันดึกมาก  เมื่อถังเจิ้นตื่นนอนก็ปาเข้าไปตอนบ่ายแล้ว

เฉียนหลงกับต้าสยงก็ตื่นขึ้นเช่นกัน  หลังจากซัดโจ๊กเนื้อ 2 ชามที่มู่หรงจื่อเหยียนทำให้เสร็จแล้วถังเจิ้นก็ยืดเส้นยืดสายบิดขี้เกียจอย่างสบาย ๆ ด้วยสีหน้าพึงพอใจ

เมื่อเห็นต้าสยงยกกะละมังใบเล็กขึ้นซดโจ๊กถังเจิ้นก็ยิ้มออกมาแล้วหันไปพูดกับเฉียนหลงว่า “เมื่อกี้ฉันคิดเรื่องนี้ดูแล้ว  การแก้แค้นไม่จำเป็นต้องเร่งรีบ  ปล่อยพวกมันเต้นแร้งเต้นกาไปก่อน  รอให้อาการบาดเจ็บหายดีค่อยไปจัดการก็ยังไม่สาย”

หลังจากที่เฉียนหลงได้ยินคำพูดนั้นใบหน้าของเขาก็มีร่องรอยของความไม่เต็มใจ  แต่มันก็หายไปอย่างรวดเร็วโดยนั่งฟังคำพูดของถังเจิ้นต่อไปอย่างเงียบ ๆ

ถังเจิ้นสังเกตเห็นการแสดงออกที่เฉียนหลงทำโดยเข้าใจอีกฝ่ายเหมือนกันว่าคงแทบระงับความแค้นในใจไว้ไม่อยู่  แต่เขาไม่ได้อธิบายเหตุผลต่อและบอกเรื่องอื่นแทน “ฉันวางแผนที่จะขายของซักชุดนึง  แต่นายก็รู้ว่าฉันไม่คุ้นเคยกับที่นี่เลยต้องขอพึ่งนายละ”

“แล้วก็ตอนขายนายไปหาจ้างคนที่ไว้ใจได้มาหน่อย  ส่วนเรื่องอุปกรณ์สวมใส่เด๋วฉันจัดให้เอง”

ถังเจิ้นหายใจเข้าลึก ๆ จากนั้นก็ถอนหายใจออกยาว ๆ และกล่าวต่อว่า “ฟู่  กำลังคนของเราน้อยเกินไปเพราะงั้นเวลาสู้เลยเสียเปรียบแบบนี้  ถ้าเราสร้างโหลวเฉิงได้แล้วยังไงก็ต้องมีการรับสมัครกำลังพลเพิ่มอยู่แล้ว  เป็นเรื่องที่ขึ้นอยูกับเวลาเท่านั้น”

เฉียนหลงเอนกายลงบนเตียงพลางพยักหน้าเงียบ ๆ

แม้ว่าการแสดงออกของเขาจะดูสงบแต่กลับรู้สึกโกรธและระงับมันไว้ในใจ  หากถังเจิ้นไม่ตัดสินใจกลับไปที่ที่เกิดเหตุในภายหลังล่ะก็เกรงว่าเขาอาจจะหาทางแก้แค้นไอ้หน้าหนวดตั้งแต่ตอนนี้เลยก็เป็นได้

ต้าสยงนั้นทึ่มทื่อเฉย ๆ กับเรื่องนี้  แม้ว่าเขาจะได้รับบาดเจ็บเช่นกันแต่เขาก็เล่นกับเด็กหญิงตัวน้อยอย่างมีความสุขด้วยของเล่นที่ถังเจิ้นนำมาให้  เมื่อเห็นมือเท้าที่หยาบกร้านของเขาแสดงท่าทางระมัดระวังเก้ ๆ กัง ๆ แล้วช่างเป็นภาพที่ชวนอารมณ์ดีจริง ๆ

หลังจากพูดเสร็จถังเจิ้นนอนหงายลงบนเตียงทำท่าเหม่อ ๆ ราวกับจ้องมองเพดานอย่างงุนงง  แต่จริง ๆ แล้วกำลังดูดซับลูกปัดสมองเลเวล 2 ที่ต้าสยงเก็บมาได้อยู่  และเป็นอย่างที่กะเอาไว้คือลูกปัดสมองของมอนสเตอร์เลเวล 2 นี้ 2 เม็ดแลกเป็นเหรียญทองในมือถือได้ 200 เหรียญ  อัตราแลกเปลี่ยนคือ 1 ต่อ 100

เมื่อเห็นอัตราการแลกเปลี่ยนนี้ถังเจิ้นรู้สึกเหมือนอกหักทันที  และความเกลียดชังที่เขามีต่อไอ้หน้าหนวดก็เพิ่มขึ้นไปอีก  สำหรับถังเจิ้นตอนนี้เหรียญทองคือประกับภัย  มันช่วยให้เขาซื้อความปลอดภัยและความแข็งแกร่งที่มากขึ้นได้  และการสูญเสียมันไปก็ไม่ต่างจากเอามีดมากรีดใจ

เมื่อรวมกับความรู้สึกอัปยศอดสูที่เขาได้รับก่อนหน้านี้กระหน่ำซ้ำเติมเข้ามา  ความเกลียดชังที่เขามีต่อไอ้หน้าหนวดก็ไม่น้อยไปกว่าเฉียนหลง

การพักฟื้นเป็นวัน ๆ นั้นน่าเบื่อ  แต่ก็ยังโชคดีที่ครีมไม้เลื้อยของมู่หรงจื่อเหยียนให้ผลลัพธ์ที่น่าอัศจรรย์ทำให้ถังเจิ้นสามารถเดินได้อย่างอิสระในเวลาเพียงสามวัน

เช้าตรู่วันนี้เขาออกมาสูดอากาศบริสุทธิ์นอกถ้ำอยู่พักหนึ่ง  จากนั้นก็บอกให้มู่หรงจื่อเหยียนดูแลผู้บาดเจ็บขณะที่เขาจัดแจงอุปกรณ์ของตนให้เรียบร้อยและออกจากที่พักไปอย่างสบาย ๆ

ครึ่งชั่วโมงต่อมาถังเจิ้นก็เคลื่อนย้ายกลับไปที่บ้านของตน

เพื่อกำจัดความรู้ที่ติดมาด้วยจากการต่อสู้แลกชีวิตถังเจิ้นเลยอาบน้ำล้างตัวและเปลี่ยนเสื้อผ้าใหม่  เสร็จแล้วก็ทำความสะอาดบ้านแล้วค่อยออกจากบ้านอย่างสบายอารมณ์

เขานั่งรถไปยังสถานที่ใกล้ ๆ ชานเมือง  จำได้ว่าเมื่อก่อนเคยผ่านที่นี่และเห็นว่ามีร้านตีเหล็กอยู่หลายร้านที่บริเวณนี้

หลังจากลงจากรถเขาก็เดินไปรอบ ๆ และเลือก ๆ มาร้านหนึ่ง

ในขณะนี้ที่ร้านตีเหล็กไม่มีลูกค้าอยู่  มีแต่ชายวัยกลางคนรูปร่างกำยำหนวดเคราดกหนานั่งดกเบียร์ยกตีนเป็ดขึ้นมาแกล้มอยู่ที่โต๊ะ  เมื่อเขาเห็นถังเจิ้นเข้ามาก็เลยเอามือเช็ดปากและพูดเสียงดังลั่น

“ว่าไงน้องมาทำไรเรอะ!”

“อยากได้มีดอันใหญ่ ๆ ซักร้อยเล่มจากแหนบรถยนต์อะทำได้ปะพี่”

ถังเจิ้นถามกลับ

“จะเอามีดพวกนี้ไปทำไรอะ?”

ชายคนนั้นมองไปที่ถังเจิ้นอย่างระแวดระวัง

“พอดีกะว่าจะเปิดร้านในเถาเป่าขายมีดขายดาบ  พี่รู้จักการขายของออนไลน์อยู่ใช่ปะ?”

แม้ถังเจิ้นไม่รู้สึกว่าอีกฝ่ายจะดึงเชงอะไรแต่ก็ยังอธิบายอย่างตั้งใจ

ชายคนเลยลุกขึ้นกระดกเบียร์อึกสุดท้ายแล้วพยักหน้า “คนอื่นอาจไม่รับงานน้องแต่พี่อะรับชัวร์  แต่ ๆ ๆ ราคาไม่ถูกนา  แน่ใจนะว่าจะเอาอะ!”

“งั้นก็คุยเรื่องราคากันก่อน!”

หลังจากที่ทั้งสองฝ่ายเจรจาต่อรองราคาแล้วถังเจิ้นออร์เดอร์ของและหมายเหตุว่าขอเป็นอย่างเร็วที่สุด

อีกทั้งยังบอกเถ้าแก่ด้วยว่าถ้าของที่ทำคุณภาพดีล่ะก็ออร์เดอร์ทั้งหมดในอนาคตจะให้แกคนเดียวไปเลย

หลังจากที่จ่ายมัดจำส่วนหนึ่งและตกลงเวลารับคร่าว ๆ แล้วถังเจิ้นก็ออกจากร้านตีเหล็ก

หลังจากคุยงานกันอยู่นานถังเจิ้นรู้สึกหิวขึ้นมาเล็กน้อยดังนั้นเขาจึงเดินสุ่ม ๆ ไปเจอเข้ากับร้านเล็ก ๆ ที่ขายหม่าล่าทั่ง  เขาเข้าไปสั่งอาหารแล้วไปนั่งรอที่โต๊ะ

เวลานี้เป็นช่วงเที่ยงทำให้ร้านอาหารมีคนพลุกพล่าน  และโต๊ะในร้านแม้จะมีหลายสิบโต๊ะแต่ก็ถูกลูกค้านั่งจนเต็มอย่างรวดเร็วซึ่งส่วนใหญ่เป็นคนหนุ่มสาว

บนโต๊ะที่ถังเจิ้นนั่งมีเด็กผู้หญิงสามคนที่ดูเหมือนเด็กนักเรียนกำลังคุยกันในเรื่องที่ตัวเองสนใจ

ในตอนนี้การได้ยินของถังเจิ้นเฉียบคมมาก  หูของเขาเลยเต็มไปด้วยเสียงพูดคุยในเรื่องต่าง ๆ นานา และเมื่อฟังหัวข้อเรื่องแฟชั่นที่พวกเธอคุยกันเขาก็รู้สึกเหมือนตัวเองแก่แล้วขึ้นมาหน่อย ๆ ทั้งที่ความจริงแล้วเขาพึ่งจะอายุยี่สิบต้น ๆ เท่านั้นแท้ ๆ!

หลังจากที่รู้สึกแอบแก่อยู่ในใจเสร็จแล้วหม่าล่าทั่งก็มาเสิร์ฟ  ถังเจิ้นก็หยิบตะเกียบมาพุ้ยกินฝังตัวเองลงในมื้ออาหาร

เพราะความหิวถังเจิ้นเลยรีบกินจนเสร็จอย่างรวดเร็ว  เช็ดปาก  และลุกขึ้นจากไป

ในเวลาเดียวกันกับที่เขาออกไปจากร้าน  เด็กผู้หญิงสามคนที่โต๊ะเดียวกันก็กินเสร็จและออกจากร้านไปตาม ๆ กัน

ถังเจิ้นกำลังเดินคิดนู่นนั่นนี่ไปเรื่อยเปื่อย  และในขณะที่เขากำลังจะก้าวเท้าเล็กน้อยเพื่อเริ่มข้ามถนนกลับได้ยินเสียงอู้อี้ตามด้วยเสียงกรีดแหลมเสียดแทงแก้วหูดังขึ้น

เมื่อหันหน้าไปดูตามเสียงเขาก็เห็นรถออฟโรดคันหนึ่งพุ่งเข้ามาหาเขาอย่างกับวัวบ้า!

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด