ตอนที่ 1006 เป้าหมายในอนาคตของเธอ..

หนิง เสี่ยวเยว่ และผู้ช่วย ของเธอ ได้นั่งอยู่ที่เบาะหลังของรถ Rolls-Royce และกำลังฟัง หลินฟาน วิเคราะห์รูปแบบ และภูมิทัศน์ของวงการบันเทิงในปัจจุบัน ทั้งนี้.. ทั้งคู่ก็ได้รู้สึกทึ่งกับสิ่งที่ได้ฟัง

หัวใจของ หนิง เสี่ยวเยว่ ยิ่งพลุ่งพล่านมากขึ้น เธอได้รู้สึกซาบซึ้ง และอดไม่ได้ที่จะตื่นเต้นเล็กน้อย สิ่งที่ทำให้เธอรู้สึกซาบซึ้งใจมากก็คือ พี่ชายหลินฟาน ที่เขาได้มองเห็นคุณค่าของเธอ.. เธอเองรู้สึกดีใจ ทั้งมีความสุขมากๆ ส่วนสิ่งที่ทำให้เธอตื่นเต้นนั่นก็คือ เธอหวังว่าสักวันหนึ่ง.. เธอจะกลายเป็นผู้บ่มเพาะที่มีความแข็งแกร่ง และสามารถทำให้ทะเลสาบนี้พลิกกลับตาลปัตรได้ เมื่อนั้นเธอก็จะทําให้ผู้ที่ถือตนว่าแข็งแกร่งดูถูกคนที่อ่อนแอกว่าเหล่านั้น ลิ้นจุกปากไปเสียสิ้น..

หลินฟาน กล่าวขึ้นว่า : “ที่ผมพูดไปมากขนาดนี้.. ผมเองแค่อยากจะบอกว่า ..การเป็นไอดอล มันไม่ใช่แผนในระยะยาว ผมเองมีลางสังหรณ์ว่า ถ้าหากนายทุนยังคงกําเริบเสิบสานเหมือนในตอนนี้อยู่ มันจะต้องดึงดูดกำปั้นเหล็กให้เข้ามาอย่างแน่นอน.. ทางออกเดียวที่จะทําลายสถานการณ์นี้ก็คือการกําจัดตัวตนไอดอลของคุณออกไป เมื่อนั้นมันก็ขึ้นอยู่กับคุณแล้วว่า คุณ ..อยากที่จะทําอะไร คุณต้องมีเป้าหมาย แล้วในอนาคตคุณเองอยากที่จะเป็นนักร้อง หรือนักแสดง?”

หนิง เสี่ยวเยว่ ครุ่นคิด : “สำหรับนักร้อง... ฉันไม่คิดว่าฉันจะทำได้.. แม้ว่าคำพูดนี้มันจะดูเหมือนไม่มีอนาคตเล็กน้อย แต่แล้วฉัน ก็ไม่มีพรสวรรค์ด้านดนตรีจริงๆ... สำหรับการร้องเพลง ฉันคงเป็นได้แค่มือสมัครเล่น”

หลินฟาน ได้พยักหน้า การที่คนเรายอมรับว่าเราทำไม่ได้ บางครั้งมันก็ไม่ใช่ว่าขี้ขลาด ทั้งมันก็ไม่ใช่แง่ลบ ตรงกันข้าม.. นี่อาจเป็นความกล้าหาญที่น่ายกย่อง ทั้งนี้ผู้คน.. ก็รู้จักตนเองได้ดีที่สุด

เนื่องจากได้รับรางวัลจากระบบ หลินฟาน จึงได้รับพรสวรรค์ทางด้านดนตรีชั้นยอด แต่น่าเสียดายที่พรสวรรค์นี้ไม่สามารถส่งต่อให้คนอื่นได้ มิฉะนั้น เขาสามารถพิจารณาให้พรสวรรค์ทางด้านดนตรีชั้นยอดแก่ หนิง เสี่ยวเยว่ ได้ ..อย่างไรก็ตาม มันไม่มีประโยชน์มากสำหรับเขาที่จะมีพรสวรรค์ ด้านนี้..

หาก หนิง เสี่ยวเยว่ ได้รับพรสวรรค์ทางด้านดนตรีชั้นยอด บวกกับฐานความนิยมของเธอในตอนนี้ บวกกับจุดแข็งในเรื่องหน้าตา กล่าวได้ว่าการจะกลายเป็นซุปเปอร์สตาร์นั้น มันก็เรียกได้ว่า ชัวร์ๆ.. อยู่แล้ว

แต่มัน.. ก็น่าเสียดาย ที่มันไม่สามารถมอบให้ได้

“แล้วนักแสดงล่ะ?” หลินฟาน ได้ถาม

หนิง เสี่ยวเยว่ ได้ยกยิ้มเบาๆ แล้วได้พูดไปว่า : “ฉันไม่เคยถ่ายละครมาก่อน แล้วเมื่อก่อนฉันจะไปมีโอกาสได้ถ่ายละครที่ไหนกัน? แต่ฉันชอบเลียนแบบตัวละครในละครทีวีมากๆ ทั้งฉันก็ยังเคยแสดงเลียนแบบฉากละครหนึ่งในการประชุมประจําปีของบริษัท ...ทั้งยังมีคนเคยเรียกฉันว่า ดาราตัวน้อย ด้วย”

หลินฟาน พูดว่า : “ดังนั้นคุณเลยคิดสนใจด้านการแสดงแล้ว?”

หนิง เสี่ยวเยว่ ได้คิดอย่างจริงจัง แล้วพูดว่า : “อืมม”

หลินฟาน กล่าวว่า : “เอาล่ะ ถ้าอย่างนั้นผมจะบอก ตู้เถา และให้เขาจัดหาบทให้คุณลอง”

หนิง เสี่ยวเยว่ ได้อึ้งไปจริงๆ อันนี้มาแบบกะทันหันเกินไปหน่อยไหม? เธอ.. หนิง เสี่ยวเยว่ จะได้ไปถ่ายทำละคร? และมันก็เป็นเหมือนกับนักแสดงพวกนั้น ที่เข้ากองถ่ายละคร?

ก่อนที่ หนิง เสี่ยวเยว่ จะเดบิวต์ เธอก็ยังเป็นเพียงคนธรรมดา เช่นเดียวกับคนทั่วๆ ไป เธอชอบตามดูละคร และแน่นอนว่าต้องมีดารา และนักแสดงที่เธอชื่นชอบ

เธอเคยรู้สึกอิจฉานักแสดงเหล่านี้มากที่สามารถเล่นได้ในหลากหลายคาแรกเตอร์ ซึ่งมันก็ได้ทำให้เธอรู้สึกว่า การแสดงมันสนุก และสามารถทำเงินได้ด้วย..

เพียงแต่เธอ.. ไม่เคยคิดว่าวันหนึ่ง เธอจะได้มีโอกาสกลายเป็นนักแสดงได้

“พี่หลินฟาน พี่จะให้ฉันไปถ่ายละครเหรอ?” หนิง เสี่ยวเยว่ ดูออกจะตกใจนิดหน่อย นั่นก็เพราะตัวเธอเองยังไม่เคยแสดงละครเลย

หลินฟาน กล่าวว่า : “ดาราในวงการบันเทิง ไม่มีอะไรมากไปกว่านักร้อง และนักแสดง ในเมื่อคุณไม่มีพรสวรรค์ทางด้านดนตรี ดังนั้นก็ลองไปเป็นนักแสดง และก็ดูว่าคุณมีพรสวรรค์หรือไม่ ถ้าคุณมีพรสวรรค์ มีความสามารถบางอย่าง และตัวคุณเองก็สนใจมัน นั่นมันก็คุ้มค่าที่จะลองเข้าไปฝึกฝนในด้านนี้”

หนิง เสี่ยวเยว่ ได้พยักหน้า และพูดว่า : “ฉันสนใจ.. แต่ฉันก็ไม่เคยได้เรียนการแสดงมาก่อน ดังนั้นฉันเลยไม่รู้ว่าตัวเองจะทำได้หรือไม่…”

หลินฟาน กล่าวว่า : “ไม่มีใครเกิดมาพร้อมกับมันหรอกนะ ทุกคนเองก็จำเป็นต้องเรียน การแสดงเองก็สามารถเรียนได้ ในทุกๆ ปี ก็มีนักศึกษาที่ได้พากันสอบเข้าวิทยาลัยการละครเหล่านั้น และทั้งหมดต่างก็เข้าไปเพื่อได้เรียนรู้สิ่งนี้ไม่ใช่เหรอ? พอพูดถึงคนที่ได้เข้าไปเรียนวิทยาลัยการละคร และพอได้จบการศึกษาจากวิทยาลัยการละครแล้ว ก็เป็นที่รู้จักกันทั่วไปว่าได้จบมาจากชั้นเรียนการแสดงโดยตรง และแน่นอนว่าพวกเขาค่อนข้างที่จะเหนือกว่า เรียกว่าพวกเขาเป็นสาวกจากนิกายที่มีชื่อเสียงก็ว่าได้ ในความเป็นจริง แม้ว่าหลายคนจะจบการศึกษาจากวิทยาลัยการละคร แต่ความสามารถทางธุรกิจของพวกเขาก็ธรรมดา หรือไม่ก็ย่ำแย่มาก ถ้าคุณโอเคในด้านนี้ ถึงตอนนั้นผมจะหาครูมืออาชีพมาสอน และคุณก็ไม่จำเป็นต้องเข้าเรียนในวิทยาลัยที่ดีอะไร ขอแค่ฝึกฝนมัน และด้วยพรสวรรค์บวกกับการทำงานหนัก คุณเองก็สามารถเรียกได้ว่าเป็นนักแสดงที่ดีได้ไม่แพ้กัน รอวันหนึ่ง ที่คุณจะได้มีบทบาท และได้ประสบความสำเร็จด้วยทักษะความสามารถในการแสดงของคุณ แม้ว่าถึงตอนนั้นคุณจะตั้งหลักในวงการบันเทิงได้แล้วก็ตาม แต่จำไว้ว่าท้ายที่สุดแล้ว ผลงานเท่านั้น ที่มันจะเป็นรากฐานที่คุณสามารถตั้งหลักได้ในระยะยาวจริงๆ”

“อืม” หนิง เสี่ยวเยว่ รู้สึกว่า พี่หลินฟาน พูดถูก พี่หลินฟาน เป็นคนที่มีวิสัยทัศน์ และเขาก็ได้วางแผนสําหรับอนาคตของเธอ ..เอาไว้แล้ว

ตั้งแต่นี้ เป้าหมายของเธอก็คือการเป็นนักแสดงที่ประสบความสําเร็จ!

หลินฟาน กล่าวว่า : “เรื่องนี้ยังเร็วเกินไปที่จะบอก ผมจะขอให้ ตู้เถา จัดหาบทบาทให้กับคุณ และมันก็ไม่ได้หมายความว่าคุณจะได้รับบทนี้มาอย่างง่ายๆ แน่นอน คุณต้องไปออดิชั่นด้วยตัวเองเพื่อดูว่าคุณมีพรสวรรค์ในด้านนี้หรือไม่ ถ้าคุณสามารถรับบทบาทนี้ได้ ก็แสดงว่าคุณมีพรสวรรค์ แล้วจากนั้นผมจะจ้างครูสอนการแสดงมืออาชีพมาให้กับคุณ”

หนิง เสี่ยวเยว่ ได้พยักหน้า แล้วพูดว่า : “ฉันเข้าใจแล้ว ขอบคุณ พี่หลินฟาน..”

สิ่งที่ หลินฟาน ได้พูดกับเธอในวันนี้ มันจะเปลี่ยนแปลงชีวิตของเธอ ดั่งเป็นเหมือนแสงสว่างที่กำลังส่องสว่างนำทางอนาคตของเธอ..

เธอชอบการแสดง เธอเองอยากที่จะเป็นนักแสดง เป็นนักแสดงที่ดี และต้องเป็นนักแสดงที่ประสบความสำเร็จ!

สิ่งนี้ได้กลายเป็นเป้าหมายในอนาคตของเธอแล้ว

“สัญญาของคุณคือต้องอยู่ในวงเกิร์ลกรุ๊ปเป็นระยะเวลาสองปี ..ในช่วงเวลานี้ งานหลักของคุณก็คือต้องติดตามกิจกรรมของทีม เช่นนั้นในช่วงเวลาว่างคุณก็เพียงแค่ใช้เวลานั้นฝึกฝนการแสดง จากนั้นเมื่อวงเกิร์ลกรุ๊ปถูกยุบ คุณก็สามารถทุ่มเทอย่างเต็มที่ให้กับการแสดงได้แล้ว” หลินฟาน ได้กล่าวเพิ่มเติมเป็นประโยคสั้นๆ อีกไม่กี่คำ เขาเองได้วางแผนเส้นทางสําหรับอนาคตของ หนิง เสี่ยวเยว่ ไว้แล้ว

หนิง เสี่ยวเยว่ ถือได้ว่าโชคดีมาก ..ที่เธอได้มาพบกับ พี่ชายหลินฟาน ถ้าไม่มีคําแนะนําจาก พี่ชายหลินฟาน เธอเองอาจจะยังสับสน และไม่รู้ว่าในอนาคต ..เธอจะต้องเดินต่อไปอย่างไร

ท้ายที่สุดแล้ว ไอดอล ก็ไม่ใช่แผนในระยะยาวจริงๆ หลังจากสองปี วงเกิร์ลกรุ๊ป ก็จะต้องถูกยุบแล้ว แล้วเธอจะไปไหนต่อ?

การเลือกเป็นนักร้อง เรื่องนี้เธอต้องปัดตกไปทันที ตัวเธอเองไม่สามารถเป็น ‘ไอดอล’ ที่ไม่มีดีอะไรเลย ไปได้ตลอด.. ถ้ายังเป็นแบบนี้ต่อไป ในไม่ช้าก็เร็วเธอก็จะต้องถูกคัดออก แน่นอนว่า ไอดอล มักจะถูกแทนที่ได้ง่ายที่สุด.. อยู่แล้ว

ส่วนการไปเป็นนักแสดง มันก็แตกต่างกันออกไป คือนักแสดงต้องอาศัยผลงาน ถ้ามีผลงาน ความนิยม บวกฝีมือในการแสดง ในอนาคตเธอเองก็ไม่ต้องกลัวว่าจะต้องอดตาย..

หนิง เสี่ยวเยว่ รู้ดีมากว่า.. การที่เธอสามารถเดบิวต์ และกลายมาเป็นที่นิยมได้นั้น มันก็คงเป็นโอกาสที่พระเจ้าได้มอบมันให้กับเธอ เธอเองต้องทำความเข้าใจให้ดีๆ เธอจะต้องไม่สับสน และก้าวเดินผ่านมันไปให้ได้…

ชั่วขณะหนึ่ง หนิง เสี่ยวเยว่ ก็อดไม่ได้ที่จะตื่นเต้นขึ้นมา และจิตใจของเธอมันก็อดไม่ได้จริงๆ ที่คิดจะบินเข้าไปในกองถ่าย อยากถ่ายละคร อยากเป็นนักแสดง พัฒนาฝีมือการแสดงไปเรื่อยๆ

หลินฟาน ยิ้ม แล้วพูดว่า : “การเป็นนักแสดงเป็นเป้าหมายในอนาคต ตอนนี้คุณยังอยู่ในวงเกิร์ลกรุ๊ป งานหลักของวงเกิร์ลกรุ๊ปก็ยังอยู่บนเวที ยังต้องร้องเพลง และเต้น ดังนั้นคุณก็ไม่สามารถล้มเหลวจากมันได้ อย่างคืนนี้ คุณเองก็ยังคงมีงานที่ต้องไปเข้าร่วม”

เมื่อพูดถึงงานนี้ หนิง เสี่ยวเยว่ ก็อดไม่ได้ที่จะก้มมองดูเวลา แล้วอดกังวลไม่ได้ กิจกรรมทีมกําลังจะเริ่มขึ้นแล้ว ตอนนี้เธอยังอยู่ระหว่างเดินทางอยู่เลย

ผู้ช่วยได้บอกกับ หนิง เสี่ยวเยว่ ว่า ..ตอนนี้ได้มีข่าวลือออกมาบนอินเทอร์เน็ต ว่า ..หนิง เสี่ยวเยว่ จะขาดงานในคืนนี้ ดังนั้นจึงทําให้เกิดการคาดเดาต่างๆ แน่นอนว่ามีคนฉวยโอกาส และเริ่มสร้างข่าวลือ เพื่อโจมตี หนิง เสี่ยวเยว่ โดยบอกว่าเธอเล่นใหญ่ คิดว่าตัวเองโด่งดัง จึงได้ไม่จริงจังกับงาน…

คืนนี้ เธอยังมีอีกด่านที่ต้องผ่านไป..

ในเวลานี้ พวกเขาก็ได้มาถึงสี่แยก แต่ทันใดนั้นก็ได้มีรถวิ่งเข้ามาหาพวกเขาจากทั้งสี่ด้าน และพยายามปิดล้อมรอบพวกเขา เพื่อหยุดรถของพวกเขาเอาไว้!

ตอนนี้ปัญหาได้เกิดขึ้นแล้ว!

หนิง เสี่ยวเยว่ และผู้ช่วย ต่างก็ตกใจ และไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น..

หลินฟาน กลับหัวเราะอย่างเย็นชาขึ้นมา และได้พูดว่า : “จับไว้ให้แน่น..”

เขาได้หมุนพวงมาลัยกะทันหัน เมื่อนั้นรถก็ได้ดริฟท์ด้วยความเร็วสูง.. และได้ขับผ่านไปอย่างรวดเร็ว