ตอนที่แล้วMDB ตอนที่ 279 หมอกขาว, มิติที่แตกต่าง
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปMDB ตอนที่ 281 คัมภีร์เล่มที่สี่

MDB ตอนที่ 280 หน้าห้องโถงจ้าวอสูร


แม่ทัพสิงโตกำลังสับสนว่าจะทำอย่างไรกับคำขอโทษของหลินจินดี เขาเป็นคนประเภทที่ถูกโน้มน้าวใจด้วยเหตุผล แต่ไม่ถูกบังคับโดยใช้กำลัง

นอกจากนี้ เขาไม่สามารถค้นหาผู้เป็นอมตะได้เช่นกัน นับตั้งแต่เขาได้รับมอบหมายให้เฝ้าประตูนี้ แม่ทัพสิงโตก็ไม่เคยเห็นผู้เป็นอมตะที่สร้างสถานที่แห่งนี้ อีกทั้งก่อนหน้านี้เขาเคยได้ยินแต่เสียงของผู้อมตะแต่ไม่เห็นใบหน้าของเขา

ฮูหยู่เจินผู้ป่าเถื่อน เธอไม่กลัวแม่ทัพสิงโต แต่การโจมตีด้วยดาบเหล่านั้นที่ตกลงมาจากท้องฟ้าก่อนหน้านี้ทำให้เธอตกใจ ดังนั้นตอนนี้เธอจึงเงียบและทำตัวเชื่องเหมือนแมว

แม่ทัพสิงโตยังได้เห็นสัตว์วิเศษของหลินจินกระตุ้นลมกรรโชกก่อนหน้านี้ และสร้างโดมน้ำแข็งขึ้นมา แม้ว่านั่นจะไม่ได้ปิดกั้นพลังดาบของผู้อมตะ แต่มันก็ทำให้ช้าลง นั่นจึงทำให้แม่ทัพสิงโตรู้ดีว่าเขาไม่ควรละเลยหลินจิน

ในเมื่อเขาขอโทษไปแล้ว เขาควรจะไหลไปตามกระแสและให้อภัยความผิดของแม่นางเสือหรือไม่?

แม่ทัพสิงโตครุ่นคิดก่อนจะหัวเราะออกมา

“เนื่องจากเจ้ากล่าวขอโทษ ในฐานะผู้ให้อภัย ข้าจะมองข้ามการคำขอโทษของเจ้าได้อย่างไร? ข้าเห็นว่าท่านหลินเป็นคนที่ไม่ธรรมดา มันบังเอิญมากที่ข้าได้ปฏิบัติตามบัญชาของผู้อมตะ ทุก ๆ ปี ข้าจะนำมนุษย์บางคนมาที่นี่เพื่อศึกษาปรากฏการณ์มหัศจรรย์ของความเป็นอมตะ ตอนนี้ท่านหลินอยู่ที่นี่ถือว่าข้าได้ทำหน้าที่ของข้าให้สำเร็จ ท่านหลิน ตอนนี้เจ้ามีอิสระที่จะเดินสำรวจไปรอบ ๆ ได้

ส่วนแม่นางเสือ ก่อนหน้านี้เจ้าไม่ได้อยากมาที่นี่ตลอดเลยไม่ใช่เหรอ? ดังนั้นข้าจะเห็นแก่ท่านหลินและให้เจ้ามาด้วย หากเจ้ากล้าก่อปัญหาอีกครั้ง ดาบของผู้อมตะจะฝ่าร่างของเจ้าเป็นสองซีกอย่างแน่นอน”

ในตอนนี้หลินจินสามารถบอกได้ว่าปัญหาได้รับการแก้ไขแล้ว

เขาโค้งคำนับแม่ทัพสิงโตทันทีด้วยความขอบคุณ เห็นได้ชัดว่าอีกฝ่ายเป็นสิ่งมีชีวิตที่หยิ่งยโส ดังนั้นหลินจินจึงต้องปรนเปรออัตตาของเขา ยิ่งไปกว่านั้น หลินจินไม่รู้สึกถึงจิตสังหารใด ๆ จากเขา ดังนั้นปีศาจสิงโตจะต้องได้รับการรู้แจ้งและผูกมัดกับใครบางคน ปีศาจสิงโตตนนี้ น่าจะเป็นสัตว์ศักดิ์สิทธิ์ที่ถูกผู้เป็นอมตะเลี้ยงไว้

มันน่าจะเป็นอย่างนั้น

ตอนนี้อีกฝ่ายเต็มใจให้พวกเขาเข้าไป เห็นได้ชัดว่าเป็นผลลัพธ์ที่ดีที่สุดที่เขาจะขอได้

หลินจินขอบคุณเขาก่อนที่จะเดินผ่านประตูขนาดใหญ่ วานรยักษ์ขาวแบกโลงศพไว้บนหลัง รีบตามหลินจินไปพลางมองไปรอบ ๆ ด้วยความอยากรู้อยากเห็น

ส่วนเสือสาว ฮูหยู่เจิน เธอก้มหัวลงและติดตามหลินจินไปอย่างเงียบ ๆ นอกจากนี้ยังมีร่องรอยของความตื่นเต้นบนใบหน้าของเธอ เมื่อเข้าไปข้างในและออกห่างจากแม่ทัพสิงโต เธอพูดเบาๆ ว่า

“ท่านหลิน ข้าได้ยินมานานแล้วว่ามีถ้ำอมตะที่น่าตื่นตาอยู่ที่นี่ แต่ก่อนหน้านี้ เจ้าสิงโตตนนั้นไม่ยอมให้ข้าเข้าไป ถ้าท่านไม่ออกหน้าแทนข้า ข้าก็คงไม่อาจเข้ามาที่นี่ได้หรือไม่ก็ข้าอาจถูกฆ่าตายโดยผู้อมตะ ข้าต้องขอขอบคุณที่ท่านช่วยชีวิตข้า ข้าจะไม่มีวันลืมบุญคุณนี้เลย”

จากนั้นเธอก็โค้งคำนับอย่างจริงใจ

“เป็นการดีที่เจ้ารู้ตัว” หลินจินพยักหน้าก่อนจะถาม “เจ้ารู้จักสถานที่นี้มากแค่ไหน?”

ฮูหยู่เจินตอบอย่างรวดเร็ว “ข้าได้ยินมาว่ามีครอบครัวหนึ่งเคยย้ายมาที่นี่หลังจากได้รับคัมภีร์จ้าวอสูรเล่มที่สี่ หลังจากนั้นภัยพิบัติก็ประสบแก่พวกเขาและพวกเขาก็เสียชีวิต จากนั้นมีข่าวลือว่าคัมภีร์จ้าวอสูรเล่มที่สี่จะปรากฏในเวลาที่กำหนดของวันนี้ทุกปี ดังนั้นจึงมีผู้แสวงโชคปรากฏตัวที่นี่ แต่คนเหล่านั้นก็หายไปกันหมด

ข้ารู้มาว่าพวกเขาต้องถูกหมอกของเจ้าสิงโตพาตัวไป พวกเขาต้องมาที่นี่แน่นอน ข้าอยากจะมาที่นี่เสมอมา แต่เจ้าสิงโตไม่ยอมให้ข้าเข้าไป และครั้งนี้ข้าโมโหที่เขาดูหมิ่นข้า มันจึงลงเอยด้วยการต่อสู้กับเขา”

หลินจินพึมพำ “เจ้าแค่สู้กับเขาเพราะเจ้ารู้ว่าข้าจะสอนวิธีกลั่นร่างกายาแห่งธรรมใช่ไหม?”

เมื่อพูดถึงเรื่องนี้ เสือตัวนี้ฉลาดพอที่จะรู้ว่าควรพูดอะไรและเมื่อใดควรพูด ท้ายที่สุด การที่สัตว์วิเศษที่มีอายุยืนยาวถึงเพียงนี้ แม้ว่าจะไม่ได้กลายเป็นสัตว์ปีศาจ ถ้าหากไม่มีไหวพริบมากขนาดนั้น เธอคงไม่สามารถอยู่รอดอยู่ได้ถึงทุกวันนี้

ขณะที่พวกเขาคุยกัน พวกเขาก็มาถึงบันไดขั้นหนึ่งซึ่งมุ่งลงด้านล่าง ลงบันไดในขณะที่หมอกจางหายไป พวกเขาเห็นห้องโถงขนาดใหญ่ตั้งอยู่ตรงกลางบนพื้นราบ และพวกเขาสามารถมองเห็นเงาของคนจำนวนมาก แต่โดยรวมแล้วฉากนี้ดูเหมือนภาพวาดไม่มีผิด

หลินจินเงยหน้าขึ้นอีกครั้งและพบว่าถ้อยคำพูดบนท้องฟ้าหายไปแล้ว

“อาจารย์หลิน มีคนจำนวนมากอยู่ที่นั่นขอรับ” วานรยักษ์ขาวแสดงความคิดเห็น

ฮูหยู่เจินตกตะลึง เธอกวาดตามองดูวานรยักษ์ขาวขึ้นและลงด้วยความตกใจ

ในฐานะสัตว์ปีศาจที่ฝึกฝนการบ่มเพาะมาหลายร้อยปี เธอมีสายตาที่ดี เธฮจึงรู้ว่าวานรยักษ์ขาวมีรากฐานที่มั่นคง แต่แน่นอนว่าเขาไม่ได้ฝึกฝนมานานมาก ไม่ถึงปีด้วยซ้ำ

ความสามารถในการปรับแต่งกล่องเสียงของเขาและพูดภาษามนุษย์นั้นได้มาจากการฝึกฝนเมื่อไม่นานมานี้

นอกจากนี้ วานรยักษ์ขาวอาจเพิ่งรู้จักการแปลงร่าง ดังนั้นสิ่งที่เธอเห็นตอนนี้จึงไม่ใช่ร่างที่แท้จริงของเขา

เมื่อนึกถึงวันที่ฝึกฝนของเธอที่ภูเขาชางหลิง เธอต้องใช้เวลาอย่างน้อย 60 ปี จึงจะไปถึงระดับของวานรยักษ์ขาวตนนี้ได้ เมื่อเปรียบเทียบกันแล้ว ความแตกต่างของพวกเขานั้นมากมายเกินไป

วานรยักษ์ขาวคงไม่อาจพึ่งพาตนเองได้ว่าจะมาถึงจุดนี้ได้ นั่นหมายความว่าต้องฝีมือของหลินจิน

'ตอนที่ข้าฝึกฝนในตอนนั้น ทำไมข้าถึงไม่พบอาจารย์ที่ยอดเยี่ยมอย่างเขา!' ฮูหยู่เจินคร่ำครวญอยู่ในใจ

อย่างไรก็ตาม ในใจของเธอบอกเธอว่าอีกไม่นานหลินจินจะสอนวิธีกลั่นร่างกายาแห่งธรรมให้เธอ ฮูหยู่เจินก็มีความสุขอีกครั้ง

ความเคารพของเธอที่มีต่อหลินจินจึงเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง

เมื่อพวกเขามาถึงด้านล่าง หมอกที่อยู่ข้างหลังก็หายไปจนหมดสิ้น พอมองย้อนกลับไป บันไดก็หายไปแล้ว

ฮูหยู่เจินอุทานทันที “แย่แล้ว เจ้าสิงโตตัวนั้นตัดเส้นทางกลับของเรา”

หลินจินก็คิดเช่นเดียวกัน แต่เขารู้ว่านั่นอาจไม่ใช่ฝีมือของปีศาจสิงโต อาจเป็นเพราะข้อกำหนดของสถานที่นี้

ในเมื่อพวกเขาอยู่ที่นี่แล้ว ก็ต้องทุกอย่างเท่าที่จะทำได้

การตื่นตระหนกก็ไม่มีประโยชน์อยู่ดี

บนพื้นที่บนยอดเขานี้ มีคนจำนวนมากและสัตว์เลี้ยงมากมาย อย่างไรก็ตาม พวกเขาส่วนใหญ่นั่งขัดสมาธิหรือเดินไปมา ทุกคนขมวดคิ้ว ดูเหมือนจะครุ่นคิดอย่างลึกซึ้ง

แม้ว่าหลินจินและกลุ่มของเขาจะปรากฏตัว แต่ผู้คนที่นี่ก็ดูเหมือนจะไม่สนใจเลย

เห็นได้ชัดว่าหลินจินมีความสงสัยใคร่รู้ แต่ความอยากรู้อยากเห็นของคนอื่นนั้นเหนือกว่าของเขามาก โดยเฉพาะฮูหยู่เจิน เธออดรนทนไม่ไหว เธอรีบตรงปรี่เข้าไปถามอย่างรวดเร็ว

เป้าหมายในการสอบถามของเธอคือชายวัยกลางคน เสื้อผ้าของผู้ชายคนนี้ขาดวิ่นและผมกระเซิง พระเจ้ารู้ดีว่าเขาไม่ได้จัดแจงตัวเองมานานแค่ไหนแล้ว ชายคนนั้นรู้สึกรำคาญอย่างเห็นได้ชัด เนื่องจากถูกขัดจังหวะโดยฮูหยู่เจิน

"เรากำลังทำอะไรอยู่? แน่นอนว่าต้องพยายามเข้าใจคัมภีร์จ้าวอสูรเล่มที่สี่ หากเจ้าต้องการศึกษามัน จงไปดูมันด้วยตัวเองบนแผ่นหินตรงหน้า แล้วก็อย่ามารบกวนข้าด้วย”

เมื่อพูดไปแล้ว ศีรษะของเขาก็ก้มลงอีกครั้ง ดูเหมือนจะมีสมาธิเต็มที่

แววตาอันร้ายกาจร้ายฉายแววในดวงตาของฮูหยู่เจิน ถ้าหลินจินไม่ได้อยู่ด้วย เธอคงจะเขมือบคนโง่ไร้สติคนนี้ไปแล้วก็ได้

แต่เนื่องจากหลินจินอยู่ที่นี่ เธอจะไม่ทำเช่นนั้น

“ไปดูกันเถอะ” หลินจินสังเกตเห็นแผ่นหินหน้าห้องโถง

เมื่อพวกเขาเข้ามาใกล้ คิ้วของหลินจินก็กระตุก

จารึกบนแผ่นหินนี้เป็นเนื้อหาทั้งหมดของม้วนคัมภีร์จ้าวอสูรเล่มที่หนึ่งถึงสาม นี่เป็นเทคนิคการบ่มเพาะสัญญาโลหิตที่ยากที่จะได้รับจากโลกภายนอก แต่พวกมันถูกประทับไว้บนหินก้อนนี้ที่นี่

ไม่เพียงแค่นั้น ยังมีเล่มที่สี่ของคัมภีร์จ้าวอสูรที่เขียนต่อจากเล่มที่หนึ่งถึงสามอีกด้วย

อย่างไรก็ตาม ถ้อยคำในเล่มที่สี่นี้ค่อนข้างคลุมเครือและเข้าใจยาก มีอักขระแปลก ๆ ทำให้เนื้อหายากต่อการถอดรหัส แต่ถ้าเขาจดจ่อกับส่วนที่เขาเข้าใจ หลินจินก็รู้ว่าคัมภีร์เล่มที่สี่นี้เหลือเชื่ออย่างไม่ต้องสงสัย

หลินจินเข้าใจแล้ว ไม่น่าแปลกใจเลยว่าทำไมคนเหล่านี้ถึงหลงไหล ดังนั้นพวกเขาจึงพยายามทำความเข้าใจกับเล่มที่สี่ของคัมภีร์จ้าวอสูร

ขณะที่เขาอ่าน หลินจินไม่รู้สึกว่าเวลากำลังจะหมดไป จิตใจของเขาเต็มไปด้วยความต้องการที่จะเข้าใจความลับของคัมภีร์จ้าวอสูรเล่มที่สี่นี้ มีแม้กระทั่งเสียงในตัวเขาที่บอกว่าเขาจะบรรลุความแข็งแกร่งที่เหลือเชื่อหากเขาสามารถถอดรหัสคัมภีร์จ้าวอสูรเล่มที่สี่นี้ได้สำเร็จ

ดังนั้น หลินจินจึงก้มหน้าลงด้วยความคิดที่ลึกซึ้งเช่นกัน

แต่ในขณะนั้น เสียงระฆังดังก้องภายในพิพิธภัณฑ์สัตว์วิเศษ ทำให้หลินจินสะดุ้งและตื่นจากภวังค์

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด