บทที่ 81 : เรื่องราวของหลิงซาน
บทที่ 81 : เรื่องราวของหลิงซาน
ณ โรงแรมหัวฟู่
"ทำไมพวกเธอถึงมาที่นี่กัน?"
ชูโจวอดไม่ได้ที่จะถามด้วยความสงสัยเมื่อเขาเห็นตงฟางหมิงจูและหยางเจิ้นเจินจับมือกัน
“ทำไม…. พวกเราเเค่อยากมาหาคุณ คุณมีปัญหาหรือเปล่า”
ตงฟางหมิงจูดูเหมือนจะไม่พอใจกับท่าทีของชูโจว เธอจึงส่งเสียงอย่างฉุนเฉียว
"พี่สาวหมิงจูพูดถูก พวกเราเเค่ต้องการมาหาใครบางคนด้วยเจตนาดี แต่ดูเหมือนคนๆ นั้นจะไม่ต้อนรับเราเลย" หยางเจิ้นเจินกล่าว
วันนี้ตงฟางหมิงจูสวมชุดผ้าไหมรัดรูปซึ่งขับเน้นรูปร่างที่เป็นผู้ใหญ่และอวบอิ่มของเธอ, และเมื่อควบคู่ไปกับดวงตาที่สวยงามทำให้เธอดูเหมือนเทพธิดาบนท้องฟ้า
ด้านหยานเจิ้นเจินก็ไม่น้อยหน้า, เธอสวมชุดทำงานหรูที่มาพร้อมกับรูปลักษณ์ที่สวยงามและอารมณ์อันสูงส่ง….. ในทุกท่วงท่าของการเดินดูราวกับหญิงสาวผู้สูงศักดิ์ที่ได้รับการปลูกฝังจากตระกูลผู้มั่งคั่งในสมัยโบราณ
ผู้หญิงสองคนนี้มาปรากฏตัวที่นี่พร้อมกัน…… มันจึงไม่เเปลกที่จะดึงดูดความสนใจจากทุกคนที่อยู่บริเวณใกล้เคียงในทันที
“กัปตันช่างน่าทึ่งจริงๆ เขาพึ่งมาที่เมืองฐานกวางตุ้งเพียงวันเดียวเท่านั้น เเต่เขากลับรู้จักซุปเปอร์สตาร์สองคนนี้เเล้ว”
ซีเหมิงมองไปที่ตงฟางหมิงจูกับหยางเจิ้นเจินและรู้สึกประหลาดใจ
หลิงซานพยักหน้าอย่างเงียบๆ เป็นการแสดงว่าเห็นด้วย….. แม้ว่าเขาจะไม่เเสวงหาผู้หญิงมากนัก, แต่เขาก็รู้ด้วยสัญชาตญาณว่าผู้หญิงอย่างตงฟางหมิงจูและ หยางเจิ้นเจินนั้นไม่ใช่สิ่งที่คนธรรมดาจะทำความรู้จักได้อย่างแน่นอน
ชูโจวที่เพิ่งมาที่เมืองนี้ได้เพียงวันเดียว เเต่กลับได้ทำความรู้จักกับผู้หญิงระดับสูงสองคนและดูเหมือนว่าพวกเขาจะมีความสัมพันธ์ที่ดี
……. นี่เป็นทักษะพิเศษอย่างแท้จริง
………
“ทั้งสองคน, ฉันผิดไปแล้วมานั่งด้วยกันเถอะ” ชูโจวยิ้มอย่างมีเลศนัย
“รู้ตัวก็ดีเเล้ว”
“งั้นยกโทษให้ละกัน”
ตงฟางหมิงจูและหยางเจิ้นเจินยิ้มและนอนลงบนเก้าอี้ชายหาดสองตัวข้างๆชูโจวตามลำดับ
ฉากนี้ทำให้สายตาของหลายๆ คนที่อยู่รอบๆ เปลี่ยนเป็นลูกศรที่แหลมคมราวกับว่าพวกเขาต้องการที่จะแทงหัวใจของชูโจวด้วยลูกศรนับพัน
"แน่นอนว่ามันเป็นภัยจากสาวงาม!" ชูโจวที่สังเกตเห็นการจ้องมองที่เหมือนลูกศรเหล่านั้นก็อดไม่ได้ที่จะพึมพำ
"คุณว่าอะไรนะ?" สายตาของหญิงสาวทั้งสองหันไปทางชูโจว
"ไม่มีอะไรหรอก" ชูโจวหัวเราะ
สองสาวที่เเอบได้ยินชูโจวชมว่าพวกเธอคือสาวงาม, มุมปากของพวกเธอจึงยกยิ้มขึ้นเล็กน้อย
……..
“ยังไงก็ตามชูโจว, ฉันเพิ่งเห็นลูกๆของหนึ่งในห้าตระกูลใหญ่ของเมืองฐานกวางตุ้ง เเละดูเหมือนพวกเขาจะขัดแย้งกับคุณ……เกิดอะไรขึ้นล่ะ” ตงฟางหมิงจูถามอย่างสงสัย
ด้านชูโจวที่ยังต้องการที่จะเข้าใจปัญหาระหว่าง หลิงซาน และตระกูลหลิง, ดังนั้นเขาจึงไม่ปิดบังอะไรและเล่าสิ่งที่เกิดขึ้นในก่อนหน้านี้โดยตรง
หลังจากฟังเรื่องจบ, ตงฟางหมิงจูก็ครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง….. มองที่ร่างของหลิงซานด้วยความเห็นอกเห็นใจและพูดว่า
"เขาคือ หลิงซานใช่หรือไม่"
"ฉันรู้ถึงความสัมพันธ์ระหว่างแม่กับลูกชายและตระกูลหลิง"
“ฉันก็เคยได้ยินมาเหมือนกัน!” หยางเจิ้นเจินก็กล่าวเช่นกัน
ในสระว่ายน้ำ หลิงซานดูเหมือนจะได้ยินเสียงของ ตงฟางหมิงจูและหยางเจิ้นเจิน, ร่างกายของเขาสั่นเล็กน้อยเเละหันหน้าไปทางอื่น
เมื่อเห็นว่าหลิงซาน, ตอบสนองอย่างรุนแรงในเวลานี้ ชูโจวก็รู้ได้ทันทีว่าสิ่งที่ ตงฟางหมิงจูและ หยางเจิ้นเจินกำลังจะเปิดเผยต่อไปนั้นเกี่ยวข้องกับหลิงซานเป็นอย่างมาก
"บอกฉันหน่อย!" ชูโจวหรี่ตาลงเล็กน้อย
หลังจากที่ หลิงซานมาถึงเมืองฐานกวางตุ้ง เขาก็ดูยุ่งเหยิงมาก….. เห็นได้ชัดว่าเขากังวลในบางสิ่ง
เเละในฐานะกัปตันหน่วยใบมีด เขารู้สึกว่าเขาต้องเข้าใจปัญหาที่เพื่อนร่วมทีมพบก่อน…..เขาถึงจะเข้าไปช่วยได้
ตงฟางหมิงจูครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่งและพูดว่า
"จริงๆ แล้วมีหลายคนรู้ว่าเกิดอะไรขึ้นกับตระกูลหลิงในตอนนั้น นี่ไม่ใช่ความลับสำหรับเหล่าตระกูลใหญ่ในเมืองฐานกวางตุ้ง"
“ถ้าฉันจำไม่ผิด แม่ของหลิงซานน่าจะชื่อ ฟางจิงยี่และเธอเป็นคู่สมรสเดิมของหัวหน้าตระกูลหลิง, หลิงว่านโซว”
"พูดตามตรง หลิงว่านโซวไม่ได้เป็นหัวหน้าตระกูลหลิงในเวลานั้น"
"เเละฉันไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น, หลังหลิงว่านโซวและเจียงชิวชุ่ยจากตระกูลเจียงพบหน้ากัน……หลิงว่านโซวก็หย่ากับฟางจิงยี่และขับไล่ฟางจิงยี่เเละหลิงซานลูกชายคนโตออกจากตระกูลหลิง, แล้วแต่งงานกับเจียง ชิวชุ่ย”
"เเละหลังจากแต่งงานกับเจียงชิวชุ่ยเเล้ว หลิงว่านโซวก็กลายเป็นหัวหน้าตระกูลหลิงอย่างรวดเร็ว"
"ส่วนฉันยังได้ยินมาอีกว่า เจียงชิวชุ่ยต้องการตัดรากและกำจัดปัญหาในอนาคต…..... แต่ดูเหมือนว่าจะมีผู้อาวุโสของตระกูลหลิงบางคนคอยปกป้องหลิงซานเเละเเม่อย่างลับๆ ซึ่งทำให้การหลบหนี ของทั้งสองคนประสบความสำเร็จ"
"เมื่อแม่และลูกชายออกจากเมืองฐานกวางตุ้งไป เจียงชิวชุ่ยก็ปล่อยเรื่องนี้ไป..." หยางเจิ้นเจินกล่าวเสริม
หลังจากฟังคำพูดของตงฟางหมิงจูและหยางเจิ้นเจินแล้ว, ชูโจวก็เข้าใจเเล้วว่าทำไมหลิงซานถึงดูยุ่งเหยิงทันทีที่มาถึงเมืองฐานกวางตุ้ง
นี่คือสถานที่ที่น่าเศร้าของหลิงซานเเละการมาที่นี่ของเขาก็ถือว่าอันตรายอยู่มาก
"หลิงว่านโส่ว, เจียงชิวชุ่ย" ฉู่โจวพึมพำชื่อสองคนนี้
ตงฟางหมิงจูที่ได้ยินเสียงพึมพำของชูโจว…….. ทันใดนั้นสีหน้าของเธอก็จริงจัง ขึ้นมา, พร้อมเตือนชูโจวว่า
“ชูโจว ถ้าคุณต้องการเข้าไปยุ่งเรื่องของหลิงซาน คุณก็ต้องระวังให้ดี”
"การมีผู้อำนวยการเฉินปกป้องคุณ ตระกูลหลิงคงไม่กล้าแตะต้องคุณ"
“แต่เจียง ชิวชุ่ย นายหญิงคนปัจจุบันของตระกูลหลิงไม่ใช่คนธรรมดา ความแข็งแกร่งของเธอนั้นไม่อาจหยั่งรู้ได้ ยิ่งกว่านั้น เธอยังเป็นน้องสาวของหัวหน้าตระกูลเจียง…… เรื่องนี้คุณอาจจะไม่สามารถพึ่งผู้อำนวยการเฉินได้”
“ตระกูลเจียง?” ชูโจวมองไปที่ตงฟางหมิงจูอย่างสงสัย
"ตระกูลเจียงเป็นตระกูลของนักรบขั้นราชาในเมืองฐานกวางตุ้งของเรา แม้ว่าตระกูลเจียงจะไม่ดีเท่าตระกูล 'ห้าราชา' อย่างตระกูลเอิรนส์ แต่ก็เป็นตระกูล 'ราชาคู่' ที่เเข็งเเกร่งมากในเมืองฐานกวางตุ้งของเรา และตอนนี้ตระกูลนี้ยังก้าวไปข้างหน้าอย่างมากด้วย"
“ถ้าหลิงว่านโซวไม่แต่งงานกับเจียงชิวชุ่ย น้องสาวของหัวหน้าตระกูลเจียง เขาก็คงไม่ได้เป็นหัวหน้าตระกูลหลิงอย่างในตอนนี้”
"ฉันเข้าใจเเล้ว" ชูโจวกล่าวอย่างสงบ
ตอนนี้เขาได้รุกรานตระกูลเอิรนส์, "ตระกูลห้าราชา" และตระกูลเมดิชิซึ่งไม่ได้อ่อนแอไปกว่าตระกูลเอิรนส์เลย
ดังนั้นหากเพื่อประโยชน์ของหลิงซาน การรุกราน 'ตระกูลสองราชา' ก็ดูเหมือนจะไม่ใช่เรื่องใหญ่สำหรับเขาเเล้ว
…….
"หืมมมมม? ดูเหมือนว่าฉันจะค้นพบความลับบางอย่างนะ"
หยางเจิ้นเจินมองไปที่ ชูโจวและตงฟางหมิงจูอย่างสงสัย
"พวหคุณมีความลับอะไรที่ฉันไม่รู้ ลุงเฉินคือใคร? "
ชูโจวและตงฟางหมิงจูมองหน้ากันแล้วยิ้ม
“ลุงเฉินก็คือ เฉินปาโจว, ผู้อำนวยการของโรงยิมศิลปะการต่อสู้โทมาฮอว์ก… ฉันมีความสัมพันธ์ที่ดีกับเขา” ชูโจวกล่าวอย่างเปิดเผย
“ผู้อำนวยการ เฉินปาโจว!!!”
หยางเจิ้นเจินตกใจมากเมื่อได้ยินชื่อนั้น และเมื่อเธอมองมาที่ชูโจวอีกครั้ง ดวงตาของเธอก็เต็มไปด้วยประกายแวววาว
ในฐานะหนึ่งในสามผู้อำนวยการโรงยิมศิลปะการต่อสู้โทมาฮอว์กในกวางตุ้ง เฉินปาโจวอาจกล่าวได้ว่าเป็นดั่งเทพเซียน
ในแง่ของความแข็งแกร่ง เฉินปาโจวสามารถได้รับการยกย่องว่าเป็นปรมาจารย์ในเมืองฐานของกวางตุ้ง แต่ก็ไม่ใช่คนที่เรียกได้ว่าเเข็งเเกร่งที่สุด
อย่างไรก็ตาม ส่วนที่สำคัญสำหรับเฉินปาโจวคือตัวตนของเขา
เขาที่เป็นหนึ่งในสามผู้อำนวยการของโรงยิมศิลปะการต่อสู้โทมาฮอว์ก…. หรือก็คือเป็นตัวแทนของโรงยิมศิลปะการต่อสู้นี้
ตัวตนเช่นนี้ทำให้ตำแหน่งของเฉินปาโจวในเมืองฐานกวางตุ้งมีความสำคัญมากกว่านักรบขั้นราชาหลายคนด้วยซ้ำ
ดังนั้นหากความสัมพันธ์ระหว่าง ชูโจวและ เฉินปาโจวแพร่กระจายออกไป……. เกรงว่าแม้แต่เชื้อพระวงศ์เหล่านั้นก็จะไม่สามารถรุกรานชูโจวได้ง่ายๆ
เเละด้วยศักยภาพของชูโจวที่เเสดงออกมาในช่วงนี้, อาจไม่ใช่แค่เฉินปาโจวที่ให้ความสำคัญกับเขา…… ไม่เเน่ว่าในโรงยิมศิลปะการต่อสู้โทมาฮอว์ก อาจมีบุคคลระดับสูงกว่านี้คอยช่วยเหลือเค้าอยู่
เมื่อหยางเจิ้นเจินนึกถึงประเด็นนี้ได้, ทันใดนั้นเธอก็เข้าใจอย่างคลุมเครือว่าทำไมตงฟางหมิงจูถึงรีบทำความรู้จักชูโจวอย่างรวดเร็ว
ศักยภาพของ ชูโจวนั้นน่าทึ่งมากเเละในโรงยิมศิลปะการต่อสู้โทมาฮอว์กก็ยังมีเฉินปาโจวและคนที่ใหญ่กว่าเป็นผู้สนับสนุนอีก……. นี่แสดงให้เห็นว่า ชูโจวมีโอกาสที่ไร้ขีดจำกัด, ไม่แน่ในอนาคตเขาอาจกลายเป็นเทพนักรบของมนุษยชาติก็ได้
หลังจากนั้น ชูโจวก็ได้พาหลิงซานและซีเหมิงมาแนะนำให้รู้จักกับ ตงฟางหมิงจูและ หยางเจิ้นเจิน
……..
อีกด้าน ณ ตระกูลหลิง!
ในห้องส่วนตัวที่ตกแต่งอย่างหรูหราและประณีต หญิงสาวผู้สง่างามและหรูหราในชุดคล้ายกี่เพ้ากำลังจิบชาอย่างช้าๆ
เเละเมื่อเห็น หลิงจือลูกชายของเธอที่มีเลือดไหลออกมาจากมุมปาก, เธอก็เหลือบมองเธอแล้วพูดว่า
“ช่างยุ่งเหยิงนัก การเดินเข้ามาที่นี่ในสภาพเเบบนี้เท่ากับทำลายสถานที่ของข้า ออกไปเช็ดเลือดที่มุมปาก จัดเสื้อผ้าให้เรียบร้อย แล้วค่อยเข้ามา”
เธอไม่ได้ถามด้วยซ้ำว่า หลิงจือลูกชายของเธอได้รับบาดเจ็บมาได้อย่างไร
หลิงจือที่กำลังจะอ้าปากเพื่อต้องการเล่าเรื่องการปรากฏตัวของ หลิงซานในเมืองฐานกวางตุ้ง, แต่เมื่อเขาเห็นแสงเย็นวูบวาบในดวงตาของแม่ ร่างกายของเขาก็สั่นสะท้านทันที
เมื่อเทียบกับ หลิงว่านโซพ่อของเขา เขากลัวแม่คนนี้มากกว่ามาก
เขาเคยเห็นวิธีการของแม่ของเขา และเข้าใจเลยว่าแม้ว่าเขาจะเป็นลูกชายของเธอ ถ้าเขากล้าขัดต่อความปรารถนาของเธอ เขาจะต้องจบลงอย่างเลวร้ายเเน่ๆ
“ครับแม่” จากนั้นหลิงซานก็ออกจากห้องส่วนตัวด้วยความเคารพ
หลังจากเช็ดเลือดด้านนอกและจัดแจงเสื้อผ้าอีกครั้งเพื่อให้แน่ใจว่าไม่มี "การดูหมิ่น" บนร่างกายของเขา เขาก็ก้าวเข้าไปในห้องส่วนตัวอีกครั้ง
“บอกฉันสิ มีอะไรเกิดขึ้นหรือเปล่า” หญิงงามกล่าวอย่างสบายๆ
หลิงจือหายใจเข้าลึกๆ และพูดว่า "แม่ครับ เจ้าหลิงซานผู้ชั่วร้ายนั่น กลับมาปรากฏตัวขึ้นในเมืองฐานกวางตุ้งเเล้ว"
"บูม!"
หลังจากที่ หลิงจือพูดจบ, ถ้วยชาก็พุ่งเข้ามากระแทกลงบนหน้าผากของเขา
ถ้วยชามีพลังที่น่าประหลาดเเละมันสามารถกระแทกศีรษะของเขาโดยตรงจนร่างของเขาล้มลงกับพื้นทันที
“แล้วทำไมเเกไม่ฆ่ามัน”
ดวงตาของหญิงงามกวาดตาและตกลงบน หลิงจือ, การจ้องมองนั้นคมยิ่งกว่ามีด จนราวกับว่ามันสามารถเฉือนวิญญาณของคนๆ หนึ่งได้โดยตรง
"ฉัน…… ฉันอยากจะกำจัดเขา แต่... มีชายคนหนึ่งชื่อว่า ชูโจวที่คอยปกป้องเขา…. ฉันสู้ชูโจวไม่ได้!"
หลิงจืออดทนต่อความเจ็บปวด และพูดด้วยเสียงสั่นเครือ
“ชูโจว!”
หญิงงามบ่นพึมพำ จับกาน้ำชาด้วยนิ้วทั้งห้าที่เหมือนหยก และกระแทกกาน้ำชาทั้งใบจนแหลกเป็นผง
…………………….