ตอนที่แล้วบทที่ 43: ถึงเขาจะมองไม่เห็น แต่แสงไม่เคยหายไป
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปบทที่ 45: สอนทำอาหารลดน้ำหนักให้โหวเซียง

บทที่ 44: ข้าเกรงใจเจ้ามากจริง ๆ มันมีกลิ่นหอมมาก!


ขณะนี้โหวเซียงรู้สึกสงสัย แต่จู่ ๆ นางก็จำอะไรบางอย่างได้จึงถามออกไปด้วยน้ำเสียงโกรธเคืองว่า "แล้วเนื้อล่ะ! ทำไมเจ้าถึงเอาเนื้อให้เขา? ถ้าเจ้าไม่ได้อยากล่อลวงเสี่ยวเตียว แล้วเจ้าจะใจดียกเนื้อให้เขาทำไม!"

แล้วไหนจะเรื่องที่โหวเสี่ยวเตียวมอบหนังสัตว์ให้หูเจียวเจียวอีก พวกเขาทั้ง 2 อาจมีความสัมพันธ์กันแล้ว!

เมื่อนึกถึงสิ่งนี้ โหวเซียงก็ไม่สามารถควบคุมความโกรธของตัวเองเอาไว้ได้อีก

ทางด้านหูเจียวเจียวพูดไม่ออกอยู่ครู่หนึ่ง

นางไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น นางจึงมาสะสางบัญชีกับเธอหรือ?

แม่ลิงสาวคนนี้ช่างใจกล้าจริง ๆ

จิ้งจอกสาวจึงได้แต่อธิบายเหตุการณ์ทั้งหมดให้อีกฝ่ายฟังอย่างละเอียด

“ใครบอกว่าเนื้อเป็นของโหวเสี่ยวเตียว ข้าใช้มันเพื่อแลกเปลี่ยนหนังสัตว์กับเขา ถ้าเจ้าไม่เชื่อข้า เจ้าสามารถไปถามท่านลุงหนิวได้ ข้าไปแลกเปลี่ยนหนังสัตว์กับเขาเมื่อเช้านี้ แต่เขาไม่ให้ข้าแลก ต่อมาเป็นโหวเสี่ยวเตียวที่ตกลงแลกเปลี่ยนหนังสัตว์กับข้าต่อหน้าภูตจำนวนมาก”

หลังจากที่โหวเซียงได้ยินคำพูดของหูเจียวเจียว สีหน้าของนางก็ชะงักค้างไปทันที

"อะไรนะ? โหวเสี่ยวเตียวเอาหนังสัตว์มาแลกกับเจ้า? ทำไมข้าไม่รู้เรื่องนี้..."

“ถ้าเจ้าไม่เชื่อข้า เจ้าไปถามพวกชาวบ้านที่เห็นเหตุการณ์นั้นก็ได้ เจ้าก็รู้ดีนี่ว่าที่บ้านข้ามีเนื้ออยู่มากมาย แต่พวกข้าไม่ค่อยมีเสื้อผ้าใส่ ฉะนั้นการเอาเนื้อไปแลกหนังสัตว์มามันมีประโยชน์มากกว่า”

ยามนี้หูเจียวเจียวยังคงมีท่าทีสงบเช่นเคย

ขณะที่ลิงสาวคิดเกี่ยวกับคำพูดของอีกฝ่ายอย่างระมัดระวัง พอรู้ว่ามันสมเหตุสมผล นางก็รู้สึกอับอายขึ้นมา

แม้ว่านางกับหูเจียวเจียวจะไม่ค่อยถูกกันและความสัมพันธ์ก็ไม่ค่อยดีนัก แต่หลังจากนั้น นางกับโหวเสี่ยวเตียวได้ขโมยเหยื่อของหลงโม่ไว้จำนวนหนึ่งในช่วงหลายปีที่ผ่านมา หากจะพูดให้ถูก เรื่องทั้งหมดนี้มันเป็นความผิดของนางเองเสียมากกว่า

นอกจากนี้ หญิงสาวยังได้กำไรจากการแลกเปลี่ยนหนังสัตว์ 3 ผืนกับเนื้อสัตว์มากมาย

“เอ่อ… ข้าผิดเอง ข้าขอโทษ” โหวเซียงยิ้มอย่างกระดากอาย

ส่วนจิ้งจอกสาวไม่ได้คาดหวังว่าอีกฝ่ายจะกล่าวขอโทษตนเอง

พอคิดย้อนกลับไปตอนที่เธออ่านนิยาย เธอจำได้เพียงว่าภรรยาของโหวเสี่ยวเตียวเป็นผู้หญิงที่โลภ ใจร้ายและหน้าตาดี แต่เพราะนางมีรูปร่างอ้วนท้วม จึงมีผู้ชายน้อยคนนักที่จะชื่นชอบนาง

ทว่าเมื่อหญิงสาวได้มาเผชิญหน้ากับนางด้วยตัวเอง ณ ตอนนี้ นางยังดีกว่าผู้หญิงไร้เหตุผลอย่างสงฮวามาก "ไม่เป็นไร เราก็แค่ต้องแก้ไขความเข้าใจผิดกันเท่านั้น"

หลังจากที่ความโกรธในใจของลิงสาวสลายไป ใบหน้าของนางก็อ่อนลง

อย่างไรก็ตาม ภูตทุกคนที่เห็นเหตุการณ์น่าจะเข้าใจว่าหูเจียวเจียวกับโหวเสี่ยวเตียวแลกเปลี่ยนหนังสัตว์กัน แม้ว่าโหวเซียงจะได้ยินเรื่องนี้จากภูตคนอื่น นางก็ไม่ควรเข้าใจผิดขนาดนี้

เป็นไปได้ไหมว่าจะมีบางคนจงใจเป่าหูลิงสาวให้มาหาเรื่องเธอ?

เมื่อเธอไตร่ตรองเกี่ยวกับสิ่งนี้ เธอจึงถามอีกฝ่ายว่า "ใครบอกเจ้าว่าข้าให้เนื้อกับโหวเสี่ยวเตียว?"

ในตอนนั้นเอง โหวเซียงก็ตระหนักว่ามีบางอย่างผิดปกติเมื่อได้ยินคำถามของจิ้งจอกสาว นางคิดทบทวนเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นก่อนหน้านี้ด้วยสีหน้าที่มืดมน ก่อนจะตบต้นขาตัวเองแล้วพูดเสียงลอดไรฟันว่า “ลู่ซุยซุย!”

คำตอบของอีกคนไม่ทำให้หูเจียวเจียวแปลกใจเลยสักนิด

ตอนนั้นเธอทำให้ลู่ซุยซุยอับอาย และนางก็เป็นคนใจแคบมากพอที่จะเอาคืนใครก็ตามที่เป็นศัตรูของตนทันที ดังนั้นจึงเป็นไปได้สูงมากที่นางจะจงใจพูดถึงเธอในแง่ร้ายต่อหน้าโหวเซียง

ถัดมา แม่จิ้งจอกมองดูใบหน้าที่โกรธเกรี้ยวของลิงสาวแล้วเตือนนางว่า "ต่อไปนี้เจ้าอย่าฟังความข้างเดียวแล้วรีบด่วนสรุป นอกจากจะได้ยินจากปากของคู่ครองหรือคนในครอบครัวของเจ้า เพราะไม่มีใครหวังดีกับเจ้าเท่ากับพวกเขาอีกแล้ว"

โหวเซียงพยักหน้าตอบรับไม่หยุด "ข้าจะไม่เชื่อลู่ซุยซุย นังสุนัขตัวเมียนั่นอีก"

หลังจากที่แก้ไขความเข้าใจผิดกันแล้ว หูเจียวเจียวก็เห็นเด็ก 3 คนยืนมองเธอจากนอกลานบ้าน เธอจึงกวักมือเรียกพวกเขา "อวี้เอ๋อ หลิงเอ๋อ จงเอ๋อ มากินข้าวเย็นกันเถอะ"

พอหลงเหยาที่พันอยู่รอบแขนหญิงสาวตลอดเวลาได้ยินคำว่า ‘กิน’ ดวงตาของเขาก็เป็นประกายทันที ก่อนจะปล่อยแขนเธอแล้วบินไปอยู่หน้าเตาเสียงดังโครมคราม

เข้าแถวเตรียมกินข้าวได้เลย!

"..." ผู้เป็นแม่พูดไม่ออกไปชั่วขณะ

ลูกชายคนสุดท้องของเธอเป็นเด็กจอมตะกละอย่างไม่ต้องสงสัย

ขณะเดียวกัน หลงเซียวได้ยินเสียงฝีเท้าของคนเดินเข้ามาเรื่อย ๆ และรู้ว่าเป็นพี่น้องที่กลับมาแล้ว ดังนั้นเขาจึงยืนถือไม้ยาวไม่ขยับเขยื้อนไปไหน

เนื่องจากเด็กหนุ่มกลัวว่าจะทำลายข้าวของของหูเจียวเจียวหากเดินไปไม่ดูตาม้าตาเรือ ด้วยเหตุนี้ พอเขาก้าวออกจากบ้านมา เขาก็จะหยุดยืนอยู่ตรงนั้นโดยไม่กล้าขยับไปไหนสุ่มสี่สุ่มห้า

ไม่นานก็มีมือที่อบอุ่นเอื้อมมาจับมือเขาไว้ ก่อนที่น้ำเสียงเป็นมิตรจะดังเข้ามาในหูของเขา "เซียวเซียว ไปกันเถอะ แม่จะพาเจ้าไปกินข้าว"

หูเจียวเจียวจับมือลูกชายคนรองและพาเขาไปยืนข้างหลังหลงเหยา

ทางด้านพี่น้องอีก 3 คนที่เพิ่งเข้ามาในลานบ้านพากันเบิกตากว้างมองไปที่แม่จิ้งจอกด้วยความเหลือเชื่อ

นางมารร้ายกลายเป็นคนมีน้ำใจเช่นนี้ตั้งแต่เมื่อไหร่กัน?

ในอดีตนางจะเรียกหลงเซียวว่าไอ้บอดเท่านั้น

เป็นเพราะเด็กหนุ่มมองไม่เห็น เขาจึงถูกเรียกว่าขยะไร้ประโยชน์ นอกจากนางจะไม่ดูแลเขาแล้ว นางยังไม่อนุญาตให้เด็กคนอื่น ๆ เข้ามาช่วยเขาอีกด้วย หากนางเห็นว่ามีใครเข้าไปช่วยหลงเซียวก็จะถูกทำโทษทันที

วันนี้นางกลับไปจูงมือของลูกชายคนที่ 2 ให้มากินข้าวด้วยตัวเองเสียอย่างนั้น

เมื่อหลงหลิงเอ๋อหายจากอาการตกใจ นางก็วิ่งเข้าไปหาผู้เป็นแม่อย่างมีความสุข

มันยอดมาก ท่านแม่เคยไม่ชอบพี่รองเพราะเขามองไม่เห็น แต่ตอนนี้นางกลับดูแลพี่รองเอง!

ข้าชอบแม่คนนี้มากจริง ๆ!

ไม่นานเด็กทุกคนก็ยืนเรียงแถวกันอย่างเป็นระเบียบ จากนั้นหูเจียวเจียวยกฝาหม้อ ตามมาด้วยกลิ่นหอมชวนน้ำลายสอที่โชยออกมาทันที แล้วเธอก็เริ่มตักน้ำแกงกระดูกกวางให้ลูก ๆ คนละ 1 ชามซึ่งในนั้นมีลูกชิ้นเนื้อวัวอยู่ 5 ลูก

พอเด็กทั้ง 5 รับอาหารมาแล้ว พวกเขาก็เริ่มซดน้ำแกงจนหมดเกลี้ยงโดยไม่เหลือน้ำไว้สักหยด

ขณะที่เหล่าเด็กน้อยกำลังซดน้ำแกง จิ้งจอกสาวก็อยากจะเอาถ้วยน้ำแกงที่กำลังร้อน ๆ วางลงบนโต๊ะเพื่อให้ถ้วยสะอาดเวลากิน เพราะตอนนี้ที่บ้านไม่มีโต๊ะเก้าอี้หรือม้านั่งเลย เธอจึงคิดว่าเธอจะต้องหาเวลามานั่งสร้างสิ่งของพวกนี้ไว้ใช้บ้างแล้ว

"โครก..."

จู่ ๆ ก็มีเสียงท้องร้องโครกครากดังมาไม่ไกลนัก

หูเจียวเจียวเงยหน้าขึ้นมองอย่างสงสัย ก่อนจะพบว่าโหวเซียงยังไม่กลับไปและกำลังยืนอยู่นอกลานบ้านมองดูพวกเธออยู่

หากจะพูดให้ถูกก็คือ นางมองไปที่น้ำแกงในหม้อของเธอต่างหาก

ยามนี้โหวเซียงลูบท้องพลางแสดงรอยยิ้มเขินอายแล้วถามด้วยความสงสัยว่า "เอ่อ หูเจียวเจียว วันนี้เจ้าทำอะไรกินหรือ ทำไมมันหอมจัง ข้าไม่เคยได้กลิ่นอาหารที่หอมอย่างนี้มาก่อน"

กลายเป็นว่าอีกฝ่ายหลงรักน้ำแกงกระดูกกวางของหญิงสาวเข้าให้แล้ว

แม้ว่าพวกภูตจะใช้ไฟทำอาหารได้ แต่ส่วนใหญ่พวกเขาใช้ย่างเนื้อให้สุกเท่านั้น บางทีเหล่าภูตก็เอาเนื้อไปต้มบ้างเป็นบางครั้ง ถ้าบ้านไหนมีเกลือก็จะเติมเกลือลงไป ถึงแม้ว่าอาหารจะมีรสชาติเค็มไปสักหน่อย แต่ก็ถือว่าเป็นการเพิ่มรสชาติให้กับอาหาร เพราะพวกเขากินเนื้อให้อิ่มท้องเฉย ๆ ซึ่งไม่ได้ต้องการอะไรมากไปกว่านั้น

ทักษะการทำอาหารของหูเจียวเจียวไม่ได้จัดว่ายอดเยี่ยม ทว่าในมิติของเธอมีเครื่องปรุงทุกชนิด แล้วอาหารง่าย ๆ ที่เธอเคยปรุงกลับเป็นเมนูที่ภูตไม่เคยเห็นมาก่อน

ถัดมา หญิงสาวหันกลับมามองน้ำแกงในหม้อก็เห็นว่ามันยังเหลืออีกเยอะ อีกทั้งเธอเองก็ไม่ใช่คนขี้เหนียว ดังนั้นเธอจึงตักน้ำแกงให้โหวเซียงพร้อมกับอธิบายว่า "นี่คือน้ำแกงที่ข้าทำจากกระดูกกวาง แล้วก็ใส่ลูกชิ้นเนื้อวัวเข้าไปด้วย เจ้าลองชิมดูสิ"

เนื่องจากโหวเสี่ยวเตียวช่วยชีวิตหลงเหยาไว้ การที่เธอแบ่งอาหารให้ภรรยาของเขาก็ไม่นับว่าเป็นเรื่องใหญ่อะไร

ดวงตาของโหวเซียงสว่างขึ้น และนางก็ขยับร่างกลม ๆ ของนางไปใกล้หญิงสาวอีกคน แล้วใช้มือเช็ดกระโปรงหนังสัตว์ก่อนที่จะรับถ้วยน้ำแกงมา

ระหว่างนั้นนางเอาแต่พูดว่า "ข้าเกรงใจเจ้ามากจริง ๆ!"

เวลาต่อมา นางก็ยกชามขึ้นจรดริมฝีปากเพราะอดใจไม่ไหวจนอยากจะลิ้มรสมันแล้ว

หลังจากที่ลิงสาวซดน้ำแกงอุ่น ๆ นางก็รู้สึกว่าตนไม่เคยลิ้มรสความอร่อยเช่นนี้มาก่อน นางจึงอดไม่ได้ที่จะหลับตาและอ้าปากเพื่อเปล่งเสียง "อ่า~"

"อร่อยมาก หูเจียวเจียว เจ้าเก่งมากจริง ๆ ที่ทำน้ำแกงได้อร่อยขนาดนี้!"

โหวเซียงเอ่ยปากชมอีกฝ่ายไม่หยุด ก่อนจะซดน้ำแกงในถ้วยทั้งหมดลงท้องไป ถ้านางไม่อายนางคงเลียถ้วยต่อหน้าเจ้าของอาหารหม้อนี้ไปแล้ว

เมื่อหญิงสาวซดน้ำแกงกระดูกกวางจนหมดถ้วย นางยังคงมองเข้าไปในหม้อเหมือนคนที่ยังกินไม่อิ่ม

ในเวลาเดียวกันนั้น หูเจียวเจียวกำลังเอาเนื้อกวางผัดกับเนื้อวัวราดซอสออกมา กลิ่นเนื้ออันเย้ายวนที่ลอยอยู่ในอากาศทำให้โหวเซียงเผลอกลืนน้ำลายเสียงดัง

จิ้งจอกสาวที่มองเห็นสายตาของโหวเซียงรู้สึกขบขันเล็กน้อย และหลังจากเติมอาหารให้ลูกแล้ว เธอก็ตักอาหารบางส่วนส่งให้กับอีกฝ่าย

“โหวเสี่ยวเตียวช่วยชีวิตหลงเหยาของข้า ข้ายังไม่ได้ขอบคุณเขาเลย เอาเนื้อพวกนี้กลับไปให้ลูก ๆ ของเจ้าลองชิมดู ถ้าพวกเขาชอบ ข้าจะสอนวิธีทำอาหารให้เจ้าในภายหลัง”

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด