ตอนที่แล้วตอนที่ 50 : สัมภาษณ์
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปตอนที่ 52 : เริ่มเปิดกิจการโรงงานตัดเย็บเสื้อผ้า!

ตอนที่ 51 : ความสุขของครอบครัวลุงใหญ่


เวลาไหลผ่านไปอย่างรวดเร็ว โรงงานตัดเย็บเสื้อผ้าเทียนหยุนกำลังเร่งรีโนเวทใหม่ เครื่องจักรเก่าถูกย้ายออกและเครื่องจักรใหม่ถูกขนย้ายเข้ามา

ส่วนพนักงานก็ได้ทำการรับสมัครเข้ามาเรียบร้อยแล้ว

"เสี่ยวหยุน"

ในวันที่สามของการรีโนเวทโรงงานตัดเย็บเสื้อผ้าเทียนหยุน ฉินกั๋วตงก็มาคุยกับฉินหยุน

"พ่อ เกิดอะไรขึ้นครับ?" เมื่อเห็นท่าทางเคร่งขรึมของฉินกั๋วตง ฉินหยุนก็เอ่ยถาม

ฉินกั๋วตงลังเลอยู่ครู่หนึ่ง จากนั้นจึงกล่าวว่า "ก่อนหน้านี้เราเปิดร้านขายเสื้อผ้าและร้านขายรองเท้า ป้าสะใภ้ใหญ่ของลูกทำงานเป็นพนักงานขายไม่ได้ ตอนนี้ลูกเปิดโรงงานตัดเย็บเสื้อผ้าแล้ว ลูกช่วยให้ป้าเขาไปทำงานในโรงงานได้ไหม?"

อันที่จริงแล้ว ตอนที่ฉินหยุนรับสมัครพนักงานขายเสื้อผ้าในร้านของเขา เขารับแต่หญิงสาวอายุน้อย แต่หากก่อนหน้านี้จางพ่านตี้มีความสามารถสักเล็กน้อย เขาก็จะให้เธอทำหน้าที่เป็นผู้จัดการร้านเช่นเดียวกับน้าสะใภ้เฝิงหลาน น่าเสียดายที่บุคลิกของจางพ่านตี้ไม่เหมาะสมเลย

เมื่อได้ยินคำพูดของฉินกั๋วตง ฉินหยุนก็ยิ้มและเอ่ยว่า "โถ่พ่อ ผมก็นึกว่าเกิดเรื่องอะไรขึ้น แน่นอน ไม่มีปัญหาครับ"

จางพ่านตี้เคยทำงานในโรงงานตัดเย็บเสื้อผ้ามาก่อน และเขารู้เรื่องนี้

อันที่จริงแล้วผู้หญิงที่อายุเท่าจางพ่านตี้และจ้าวเหมยนั้น โดยปกติแล้วพวกเธอตัดเย็บเก่งมากๆ พวกเธอมักจะเย็บและซ่อมแซมเสื้อผ้าเองที่บ้าน แม้กระทั่งเย็บเสื้อผ้าและรองเท้าใส่เองด้วย

"ผมสามารถให้เงินเดือนป้าสะใภ้ใหญ่เพิ่มขึ้นได้ แต่จำนวนที่แน่นอนก็ขึ้นอยู่กับความสามารถของเธอด้วย ท้ายที่สุดแล้วก็ยังมีคนอื่นๆคอยเฝ้าจับตามองอยู่ ในโรงงานเสื้อผ้า ใครก็ตามที่ทำสิ่งต่างๆได้รวดเร็วก็จะได้รับเงินเดือนที่สูงขึ้น" หลังจากเอ่ยจบ ฉินหยุนก็กล่าวเสริม

เขาสามารถช่วยญาติๆของเขาได้ ในบรรดาคนงานเย็บผ้าหลายสิบคน ป้าสะใภ้ใหญ่สามารถเป็นหัวหน้ากลุ่มดูแลคนงานคนอื่นๆได้ เงินเดือนที่ได้ก็จะสูงกว่าคนอื่นด้วย แต่เขาก็ช่วยได้มากที่สุดเท่านี้

เธอจะมีรายได้มากน้อยเพียงใด ก็ขึ้นอยู่กับความสามารถของเธอเอง

"แน่นอน เรื่องนี้ไม่มีปัญหา ป้าของลูกเธออาจจะเป็นคนไม่ค่อยพูด แต่เธอทำสิ่งต่างๆได้อย่างเรียบร้อยและรวดเร็วมาก" ฉินกั๋วตงกล่าวอย่างรวดเร็ว

ด้วยใบหน้าที่มีความสุข เขาพูดต่อว่า "เดี๋ยวพ่อจะโทรหาลุงของลูกและบอกกับเขาเกี่ยวกับเรื่องนี้เอง"

ถึงแม้ฉินหยุนมีความรู้สึกต่อลุงใหญ่ของเขาฉินกั๋วเหลียงแบบปกติทั่วไป แต่ฉินกั๋วตงและฉินกั๋วเหลียงนั้นเป็นพี่น้องกัน และทั้งคู่ก็อายุห่างกันมาก ตอนที่ฉินกั๋วตงยังเด็ก โดยปกติแล้วเขาแทบจะถูกดูแลโดยฉินกั๋วเหลียงอยู่ตลอด

เมื่อครอบครัวของเขามีชีวิตที่ดีแล้ว แต่ครอบครัวของพี่ชายคนโตยังย่ำแย่เหมือนเดิม เพราะงั้นเขาจึงต้องการหาทางช่วยพวกเขาอยู่เสมอ

...

ในหมู่บ้านฉินเจีย มีคนเดินบนถนนน้อยมาก ตอนนี้หมู่บ้านในชนบทแห่งใหม่กำลังถูกสร้างขึ้น ถนนเส้นใหม่ก็ถูกสร้างขึ้นบนเส้นทางชนบทเช่นกัน ดังนั้นการคมนาคมจึงสะดวกขึ้นมาก

สองข้างทางยังพอมีรถจอดอยู่บ้าง ทุกวันนี้ราคารถยนต์ไม่ได้แพงมากแล้ว หลายคนสามารถซื้อได้ เมื่อมีไว้การเดินทางไปไหนมาไหนก็สะดวกขึ้น

ในหมู่บ้านที่เงียบสงบ แว่วเสียงไก่ขันมาเป็นระยะ

ในเวลานี้ ฉินกั๋วเหลียงกำลังนั่งอยู่บนธรณีประตูบ้าน พลางสูบบุหรี่ด้วยอารมณ์ขุ่นมัว

ทุกวันนี้งานที่ไซต์ก่อสร้างเริ่มลดน้อยลง แถมอากาศก็ร้อนมากขึ้นเรื่อยๆ ฉินกั๋วเหลียงและคนอื่นๆจึงต้องหยุดพักผ่อน โดยปกติแล้วก็ทำวันเว้นวัน

ส่วนจางพ่านตี้ก็รับงานเย็บซ่อมแซมเสื้อผ้า เสื้อผ้าเหล่านั้นส่วนมากเป็นเสื้อโค้ท และค่าซ่อมชุดหนึ่งราคาประมาณ 20 หยวน แต่ถึงแม้ว่าเธอจะไม่กินข้าวสักมื้อเลยภายในหนึ่งวัน ทำงานโดยไม่หยุดพัก เธอก็ซ่อมได้ไม่กี่ตัวอยู่ดี เพราะงั้นจางพ่านตี้จึงหาเงินได้ไม่มากนัก ด้วยรายได้ที่เธอได้รับ เธอจึงสามารถหาเงินมาจุนเจือครอบครัวได้แค่วันละสิบกว่าหยวนเท่านั้น

"เฮ้อ.. เพราะฉันไม่มีประโยชน์ มันเป็นความผิดของฉันแท้ๆ ไม่อย่างนั้นฉันคงเป็นเหมือนน้องสะใภ้สามที่ได้ทำงานในร้านของน้องรองแล้ว" ขณะที่กำลังเย็บผ้า จู่ๆจางพ่านตี้ก็ถอนหายใจพร้อมกับกล่าวออกมา น้ำเสียงของเธอเต็มไปด้วยความตำหนิตัวเอง

“เอาล่ะๆ ฉันพูดไปหลายครั้งแล้ว เธอไม่ต้องพูดถึงมันแล้ว” เมื่อได้ยินเช่นนี้ ฉินกั๋วเหลียงก็ขมวดคิ้วและอดไม่ได้ที่จะตำหนิเธอเบาๆ

แม้ว่าเขาจะพูดอย่างนั้น แต่ในใจของเขาก็ยังรู้สึกเป็นทุกข์เช่นกัน

พี่น้องสามคนเสาหลักของตระกูลฉิน ล้วนมีชีวิตที่น่าสังเวช เขาเป็นพี่คนโตและมักจะช่วยเหลือน้องชายสองคนอยู่เสมอถ้าเขาทำได้ และเขามักจะเดินทางไปหาพวกเขาเพื่อไม่ให้ความสัมพันธ์ระหว่างพี่น้องทั้งสามคนลดน้อยลง

ภายใต้การติดต่อของเขา แม้ว่าทั้งสามครอบครัวจะแยกกันอยู่มานานนับสิบปี แต่ความสัมพันธ์ระหว่างพวกเขาก็ไม่ได้เปลี่ยนไปมากนัก

และตอนนี้ ครอบครัวของน้องรองได้เจริญรุ่งเรืองขึ้น พวกเขาเปิดร้านค้าหลายแห่งในเขตชิงอู๋ ในใจของเขารู้สึกยินดีและมีความสุขมาก

น้องรองก็พยายามที่จะช่วยพวกเขาเช่นกัน และตอนนี้เฝิงหลาน สะใภ้ของครอบครัวน้องสาม ก็ได้ทำงานอยู่ในร้านขายเสื้อผ้าเช่นกัน ด้วยเงินเดือน 6,000 หยวนต่อเดือน

แม้ว่าจะได้แค่ 6,000 หยวนต่อเดือน แต่มันมากกว่า 70,000 หยวนต่อปี!

เขาทำงานที่ไซต์ก่อสร้าง และสามารถหาเงินได้เพียง 70,000 ถึง 80,000 หยวนต่อปีหลังจากที่เหน็ดเหนื่อยสายตัวแทบขาด

น้องรองยังขอให้จางพ่านตี้ พี่สะใภ้ของเขาไปลองทำงานในร้านดู แต่จางพ่านตี้ทำไม่ได้ เธอจึงไม่สามารถรับเงินเดือนที่สูงเช่นนี้ได้

นอกจากนี้ ในใจของเขาก็ยังรู้สึกอคติกับจางพ่านตี้เล็กน้อย ว่าทำไมเฝิงหลานสะใภ้ของครอบครัวน้องสามทำได้ดี แต่ทำไมภรรยาของเขาไม่เห็นเป็นเช่นนั้นบ้าง

หากจางพ่านตี้สามารถหาเงินได้เช่นนั้น หลังจากเก็บสะสมสักสองสามปี เรื่องยุ่งยากอย่างการแต่งงานของลูกชายของเธอก็จะต้องจบลงอย่างง่ายดายแน่นอน

แต่เขาเป็นลูกผู้ชาย มันเป็นไปไม่ได้ที่เขาจะพูดออกไปแบบนั้น สิ่งเหล่านี้ล้วนถูกเก็บไว้อยู่ในก้นบึ้งหัวใจของเขา

"งานในไซต์ก่อสร้างที่ทำอยู่ใกล้จะเสร็จแล้ว ฉันว่าจะไปทำที่ไซต์ก่อสร้างต่อไปในเมือง" ฉินกั๋วเหลียงกล่าว

“ห้ะ?” เมื่อได้ยินเช่นนี้ จางพ่านตี้ก็รีบพูดว่า “ในเมืองมันไม่ไกลเกินไปหน่อยเหรอ?”

เมื่อก่อนฉินกั๋วเหลียงเคยทำงานอยู่ในเมือง แต่เมื่อตอนนี้เขาอายุมากขึ้นเขาจึงหางานที่อยู่ใกล้ๆแทน

การขับมอเตอร์ไซค์ไฟฟ้าจากหมู่บ้านฉินเจียไปยังเขตชิงอู๋ จะใช้เวลาประมาณครึ่งชั่วโมง และไปที่ตัวเมืองจะใช้เวลาหนึ่งชั่วโมงครึ่งโดยประมาณ ถ้าทั้งไปและกลับ มันจะใช้เวลาถึงสามชั่วโมงในการเดินทางเลยทีเดียว

"ค่าจ้างที่ไซต์ก่อสร้างในตัวเมืองสูงกว่าเล็กน้อย ค่าจ้างรายวันก็ได้มากกว่า 350 หยวนแล้ว แต่ที่เขตได้แค่ประมาณ 300 หยวนเท่านั้น" ฉินกั๋วเหลียงกล่าว

แม้ว่าจะได้มากกว่า 50 หยวน แต่เขาก็ต้องตื่นเร็วกว่าปกติถึง 1 ชั่วโมงในทุกเช้า ซึ่งคาดว่าเขาจะต้องตื่นนอนตอนตี 4 และกว่าจะกลับถึงบ้านก็ช้าไปหนึ่งชั่วโมงอีกด้วย

“มันเป็นความผิดของฉันเอง” เมื่อได้ยินเช่นนี้ จางพ่านตี้ก็อดไม่ได้ที่จะกล่าวตำหนิตัวเองอีกครั้ง

“พูดเรื่องนี้ทั้งวัน เธอไม่รำคาญบ้างหรือไง ฉันยังไม่ตำหนิเธอสักครั้งเลย” เมื่อเห็นจางพ่านตี้กล่าวเช่นเดิมอีกครั้ง ฉินกั๋วเหลียงก็อดไม่ได้ที่จะดุเธอ

เขาลุกขึ้นหยิบจอบแล้วพูดว่า "วันนี้เป็นวันหยุด ฉันจะไปพรวนดินที่ไร่นาสักหน่อย"

เขากำลังจะเดินออกไป แต่เสียงโทรศัพท์ก็ดังขึ้นกระทันหัน

เมื่อเห็นว่าเป็นสายของฉินกั๋วตง ฉินกั๋วเหลียงจึงรีบรับสาย

หลังจากพูดคุยได้ไม่กี่คำ สีหน้าของเขาก็เต็มไปด้วยความปิติยินดี

"เกิดอะไรขึ้น?" เมื่อเห็นรอยยิ้มบนใบหน้าของฉินกั๋วเหลียง จางพ่านตี้ก็อดไม่ได้ที่จะถามเขา

หลังจากวางสาย ฉินกั๋วเหลียงรีบกล่าวด้วยรอยยิ้ม "เสี่ยวหยุนต้องการจะเปิดโรงงานตัดเย็บเสื้อผ้า และเขาจะให้เธอไปทำงานในนั้น ฐานเงินเดือนคือ 4,000 หยวนต่อเดือน นอกจากนี้ยังมีโบนัสอื่นๆเพิ่มอีก ยิ่งเธอทำงานมากเท่าไรเธอก็ยิ่งได้รับเงินมากขึ้นเท่านั้น"

เมื่อได้ยินเช่นนี้ จางพ่านตี้ก็มีความสุขมากเช่นกัน

เธออาจจะพูดไม่เก่งต่อหน้าคนแปลกหน้า แต่เธอมีฝีมือในการเย็บผ้ามาก เธอเคยทำงานในโรงงานตัดเย็บเสื้อผ้ามาหลายปีแล้ว

"เราเฝ้าดูเสี่ยวหยุนเติบโตขึ้นมาตั้งแต่เด็ก และตอนนี้เขาก็มีแนวโน้มที่ดีขึ้นเรื่อยๆแล้ว"

เมื่อรู้ว่าได้งานแล้ว จางพ่านตี้ก็รู้สึกโล่งใจ และเธอจึงอดไม่ได้ที่จะกล่าวว่า "ถ้าเสี่ยวเทามีความสามารถสักครึ่งหนึ่งของเสี่ยวหยุน ฉันก็พอใจมากแล้ว"

"เธอยังไม่รู้อีกเหรอว่าลูกชายของเธอเป็นยังไง ยังจะเอาเขาไปเทียบกับเสี่ยวหยุนอีกงั้นเหรอ?"

ฉินกั๋วเหลียงอดไม่ได้ที่จะรู้สึกหดหู่ใจ เมื่อนึกถึงฉินเสี่ยวเทาลูกชายของเขา

อายุ 30 แล้ว เอาแต่ก้มหน้าก้มตาทั้งวันทำตัวหน้าเบื่อเหมือนคนไร้ค่าอยู่ตลอดเวลา แถมเงินเดือนก็แสนจะน้อยนิด พอนึกถึงทีไรก็พาลให้โมโหอยู่ทุกที

"เธอเข้าไปในโรงงานตัดเย็บเสื้อผ้าและทำงานให้ดี ไม่ต้องคิดถึงเรื่องอื่น" เขาพูดตรงๆ "แม้ว่าเราจะเป็นญาติกัน แต่เราก็ไม่ต้องการจะเอาเปรียบคนอื่น ตราบใดที่เราทำได้ดี น้องรองจะไม่ปฏิบัติต่อเราอย่างเลวร้ายแน่นอน"

เมื่อพิจารณาจากสถานการณ์ของน้องสะใภ้สาม ซึ่งตอนนี้เธอได้เป็นผู้จัดการร้านขายเสื้อผ้าแล้ว ก็จะรู้ได้ว่าข้อเท็จจริงเป็นยังไง

“อืม ฉันจะทำให้ดีอย่างแน่นอน” จางพ่านตี้พยักหน้าอย่างรวดเร็ว

(จบตอน)

5 2 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด