ตอนที่แล้วบทที่ 1 อารัมภบท จักรพรรดิ์สุริยันต์ผู้ยิ่งใหญ่
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปบทที่ 3 บุตรชายคนที่ 3 ‘รอย บาดัลฟ์ บอลด์วิน’

บทที่ 2 เคาท์ผู้มั่งคั่งและทรงพลังอำนาจ


บทที่ 2 เคาท์ผู้มั่งคั่งและทรงพลังอำนาจ

วีรบุรุษหลายคนถือกำเนิดขึ้นในยุคสงคราม แต่ผู้ที่โดดเด่นที่สุดคืออัศวินแห่งสวรรค์ 3 คน, บาดัลฟ์, ดยุค 4 คนและจักรพรรดิสุริยันต์ผู้ยิ่งใหญ่

จากพวกเขาทั้งหมดมีเพียงบาดัลฟ์ฉายาดาบคลั่งเท่านั้นที่เริ่มต้นจากจุดเริ่มต้นที่ต่ำต้อยที่สุด

เขามาจากเผ่าที่อยู่ในภูเขา เป็นชนพื้นเมืองของดินแดนหิมะ ซึ่งพบได้ทางตอนเหนือของจักรวรรดิ

เขาฉลาดกว่าและแข็งแกร่งกว่าเพื่อนร่วมเผ่ามาก เขารู้เพียงวิธีล่าสัตว์ในป่าและนำหนังที่แข็งแกร่งไปแลกกับสิ่งจำเป็นพื้นฐานที่จำเป็นต่อการอยู่รอดในฤดูหนาวอันหนาวเหน็บเป็นเวลาห้าเดือน

เขาไม่ต้องการเสียชีวิตในดินแดนทางตอนเหนืออันไกลโพ้นของจักรวรรดิ เขาจึงทิ้งเผ่าของตัวเองไว้ข้างหลังและกลายเป็นนักรบพเนจร

ในเวลากลางวัน เขาจะฆ่าสัตว์ประหลาดที่ซ่อนตัวอยู่ในป่าลึก

ในเวลากลางคืนเขาจะกำจัดโจรชั่วเพื่อค่าหัวพวกมัน

เป็นผลให้รายได้ของเขามากเสียจนคนรอบข้างมองมาที่เขาด้วยความอิจฉาตาร้อน

ถึงอย่างนั้นเขาก็ยังรู้สึกไม่พอใจมากนัก เนื่องจากเขาต้องการสถานะที่พิเศษมากกว่าการเป็นนักรบพเนจรคนหนึ่งแต่สถานะของขุนนางไม่ใช่หัวกะหล่ำปลีตามแผงขายริมถนนที่ใคร ๆ ก็สามารถซื้อได้ด้วยการแลกกับเหรียญไม่กี่เหรียญ

สิ่งที่จำเป็นในการเป็นขุนนางคือการเสียสละเพื่ออาณาจักรและรับคะแนนสะสมหลายพันคะแนน

ในสมัยนั้น การเข้าร่วมในสงครามและสังหารนักรบของศัตรูเป็นวิธีที่เร็วที่สุดสำหรับนักรบพเนจรผู้เดียวดายในการได้รับคะแนนสะสมในปริมาณมาก

บาดัลฟ์เต็มใจที่จะยอมรับความยากลำบากทั้งหมดเพื่อบรรลุความปรารถนาของเขา โดยการเข้าร่วมสงครามและสร้างชื่อให้กับตัวเอง ในที่สุดด้วยการเลื่อนตำแหน่งเป็นปรมาจารย์ดาบ และเขาสามารถตัดหัวรองผู้บัญชาการทหารสูงสุดของกองทัพศัตรูได้!

สงครามสิ้นสุดลงไม่นานหลังจากนั้น เนื่องจากจักรพรรดิสุริยันต์ผู้ยิ่งใหญ่ได้ปราบปรามและผสานเข้ากับชิ้นส่วนวิญญาณที่ชั่วร้าย เขาได้รับพลังที่ไร้เทียมทานและเข้าสู่สนามรบราวกับเทพเจ้าแห่งสงคราม เขาเข่นฆ่าศัตรูนับพันด้วยการโจมตีแต่ละครั้งของเขา

หลังสงครามจักรพรรดิสุริยันต์ได้มอบสถานะให้บาดัลฟ์เป็นเคานต์ มอบดินแดนและเจ้าหญิงผู้งดงามให้ ตามพระประสงค์ของจักรพรรดินั้น เขาต้องดูแลสิบแปดหมู่บ้านและเหมืองสำคัญบางแห่ง จักรพรรดินั้นทรงไว้วางใจเขามาก ไม่เพียงเพราะผลงานที่เขาทำในสงครามเท่านั้น แต่เป็นเพราะเขายังเป็นปรมาจารย์ดาบอีกด้วย

หมู่บ้านแห่งหนึ่งที่อยู่ในการปกครองของเขานั้นปลูกใบชาหายาก ใบชานั้นมีกลิ่นที่สดชื่นและความสามารถในการทำให้จิตใจสงบ พวกมันไม่เป็นที่นิยมในอดีตเพราะพวกมันไม่เคยได้รับความสนใจ แถมคนทั่วไปไม่ค่อยรู้คุณค่าของมัน บาดูลฟ์เชื่อว่าพวกมันมีมูลค่าสูง จึงจ่ายเงินซื้อพวกมันจากชาวบ้านในราคาต่ำและนำไปขายให้กับขุนนางและผู้มีอิทธิพล

ผลกระทบของใบชาเหล่านี้แพร่กระจายไปในหมู่ผู้สูงศักดิ์และราชวงค์ของจักรวรรดิเช่นไฟลามทุ่ง และเนื่องจากราคาที่ย่อมเยาพวกมันจึงกลายเป็นที่ชื่นชอบของคนหมู่มากที่ชอบการดื่มชาอย่างรวดเร็ว

ในเวลาเดียวกันบาดัลฟ์ได้ร่างแบบสัญญาและเซ็นสัญญากับชาวบ้านโดยระบุว่าเขาจะให้ผลกำไรแก่หมู่บ้าน 30% หากพวกเขายังคงขยายการปลูกและสำหรับผลการเก็บเกี่ยวทุกปีนั้นพวกเขาต้องขายใบชาให้กับเขาเท่านั้น

เขาไม่ได้บังคับพวกเขา

แต่ชาวบ้านก็เห็นด้วยกับข้อเรียกร้องของเขา

สัญญาระบุไว้ว่าพวกเขาจะได้รับ 30% ของกำไร! นั่นหมายความว่าพวกเขาจะมีรายได้มากกว่าที่เคยมีมาทั้งชีวิตในเวลาไม่กี่เดือนเท่านั้น!

เพียงหนึ่งสัปดาห์ต่อมา เหล่าราชวงค์รวมทั้งจักรพรรดิและเสนาบดีฝ่ายซ้ายและขวา ได้ร้องขอให้บาดัลฟ์ส่งใบชาเหล่านี้ไปยังเมืองหลวงอย่างเร่งด่วน และเขาก็ต้องการทำอย่างนั้นเช่นกัน เนื่องจากเขาจะได้รับเงินเป็นสามเท่าจากการขายใบชาให้กับนายทุนของเมืองหลวงและได้กำไรมากกว่าขายให้กับขุนนางที่ใกล้ชิดหรือในมณฑลของเขาเสียอีก

ในไม่ช้า ทุกคนที่ทำงานเอกสารหรืองานในอาคารล้วนต้องการที่จะได้มันมาครอบครอง

หมู่บ้านที่เขาดูแลนั้นมีที่ดินที่ดีที่จะปลูกใบชาเหล่านี้

ด้วยเหตุผลบางอย่าง ใบชาเหล่านี้ไม่สามารถเติบโตได้ดีในสถานที่แห่งอื่น คุณภาพของมันจะต่ำลง และผลิตผลของชาที่ทำจากชาเหล่านี้จะแย่กว่าของบาดัลฟ์มากนัก และพวกมันมักจะตายแม้ในสภาพแวดล้อมที่ดีในเวลาไม่นาน บางคนพยายามที่จะเพิ่มจำนวนหลังจากเห็นการทำกำไรมหาศาลด้วยการเป็นพ่อค้าคนกลาง แต่สุดท้ายการสูญเสียนั้นมากกว่ากำไรที่พวกเขาทำได้ และด้วยเหตุนี้พวกเขาจึงหยุดการเป็นพ่อค้าคนกลาง

แม้ว่าบาดัลฟ์จะผูกขาดการค้านี้ แต่เขาไม่ได้ขายมันในราคาที่สูงมากนัก เพื่อหลีกเลี่ยงการดึงดูดความสนใจจากคนที่อยู่ด้านบนซึ่งอาจจะหาวิธีกำจัดเขาอย่างลับๆ

สมาชิกส่วนใหญ่ของวงการชนชั้นสูง เริ่มเสพติดความหอมกลุ่นและความสงบของจิตใจที่ได้จากการดื่มชานี้ และพวกเขาก็กลายเป็นลูกค้าประจำของร้านค้าของเขาไปโดยปริยาย

เขาค่อย ๆ สะสมความมั่งคั่งในกระเป๋าของเขาและทั้งมณฑลทั้งผู้คนของเขาก็มั่งคั่งขึ้นพร้อมกัน

เขาได้รับความชื่นชมจากขุนนางและความเคารพจากจักรพรรดิหลังจากที่เขาทรงอำนาจขึ้นจากการเป็นนักดาบ

แถมเขายังมีมันสมองที่เฉียบคมและพลังอำนาจแห่งเงินตรา จึงไม่มีใครกล้าดูถูกเขาอีกต่อไป แม้ว่าเขาจะไม่ได้มาจากตระกูลที่ยิ่งใหญ่  แต่ขุนนางก็ปฏิบัติต่อเขาเหมือนลอร์ดคนอื่น

ตอนที่เขาอายุสามสิบกลางๆ เขาได้กลายเป็นผู้มั่งคั่งและได้รับความเคารพนับถือจากจักรวรรดิ

ทำให้ชีวิตส่วนตัวของเขาก็ไม่เลวเช่นกัน

เขามีภรรยาที่สวยงามสามคน

ภรรยาของเขาแต่ละคนมีความงามเป็นเลิศ และเขารักพวกนางอย่างสุดซึ้ง เขาไม่เคยรั้งรอที่จะให้สิ่งที่พวกนางต้องการ ภรรยาคนแรกของเขาเคยเป็นทหารรับจ้างเช่นเดียวกับเขา ภรรยาคนที่สองของเขาเป็นเจ้าหญิงหรือธิดาของจักรพรรดิ และภรรยาคนสุดท้ายของเขาเป็นนักเต้นที่มีหุ่นที่มีเสน่ห์และเอวที่เหมือนงู การเคลื่อนไหวที่เย้ายวนของเธอไม่เคยทำให้ไฟราคะตัณหาในใจเขามอดดับลงเลย

แม้ว่าภรรยาของเขาผู้นี้ซึ่งมีความงามเลิศล้ำ ดวงตาน่าหลงใหลและมีกลวิธียั่วยวนที่ผิดธรรมชาติทำให้ผู้ชายนั้นหลงไหลคลั่งไคล้ได้ตายไปแล้ว แต่เขาก็ยังมีอีกภรรยาอีกสองคนที่คอยดูแลและตอบสนองทุกความต้องการของเขา และด้วยเหตุนี้เขาจึงไม่รู้สึกว่าต้องแต่งงานเป็นครั้งที่สี่

ยิ่งกว่านั้นภรรยาของเขาได้ให้ลูกชายคนละคน และภรรยาคนที่สองของเขาก็ได้ให้ลูกสาวแก่เขาด้วย

บุตรชายคนโตนั้นไล่ตามเขาด้วยการเป็นนักดาบ ทำให้เขาภูมิใจอย่างมาก เขาแสดงความสามารถด้านดาบตั้งแต่อายุยังน้อย เขาได้เรียนรู้วิธีแสดงออร่าดาบเมื่ออายุสิบแปดปี ในปีเดียวกันนั้นเองเขาก็ได้กลายเป็นอัศวินอย่างเป็นทางการ ผู้คนในจักรวรรดิต่างเรียกเขาว่าปรมาจารย์ดาบในอนาคต

บุตรชายคนที่สองของเขายังไม่บรรลุนิติภาวะ แต่บาดัลฟ์ก็ภูมิใจในตัวเขาเช่นกัน เพราะเขาทำให้โลกต้องตกตะลึงด้วยการเปิดเผยความแข็งแกร่งของนักเวทย์ระดับ 1 และได้รับสิทธิ์ในการเข้าร่วมสถาบันเวทย์ของจักรวรรดิ

ตามบัญชาขององค์จักรพรรดิลูกสาวของเขาจะได้กลายเป็นภรรยาของมกุฏราชกุมารหลังจากที่เธออายุครบ 18 ปี เธอสวยมากจนแม้แต่มกุฎราชกุมารก็ยังอดไม่ได้ที่จะอยากจับเธอไว้ เพราะเธอบาดัลฟ์จึงได้กระชับความสัมพันธ์กับราชวงศ์

บุตรชายคนสุดท้ายของเขาคือลูกที่เขามีกับภรรยานักเต้นที่เสียชีวิตไปเมื่อเกือบสิบปีก่อน

และสำหรับบาดัลฟ์แล้ว บุตรชายคนที่สามของเขาคนนี้คือ...ความผิดพลาดครั้งใหญ่ที่สุดของเขา



5 1 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด