ตอนที่แล้วตอนที่ 47 : เซียวหลานเปิดร้านบาร์บีคิว
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปตอนที่ 49 : โจวซินหยา

ตอนที่ 48 : เปิดโรงงานตัดเย็บเสื้อผ้า


"ฉันก็คิดว่าธุรกิจนี้น่าจะไปได้ดีมาก" เซียวหลานกล่าวด้วยรอยยิ้ม

ในความเป็นจริงเธอมั่นใจในร้านอาหารที่เธอเปิดมาก แววตาของเต็มเปี่ยมไปด้วยความหวัง เมื่อเธอนึกถึงฉากในอนาคตที่ร้านอาหารบาร์บีคิวแห่งนี้กำลังเป็นที่นิยม

เมื่อเห็นรอยยิ้มบนใบหน้าของเซียวหลาน ฉินหยุนคิดอยู่ครู่หนึ่งแล้วพูดว่า "ร้านบาร์บีคิวของเธอจะเปิดเมื่อไร"

"วันที่สิบห้าของเดือนนี้"

เซียวหลานกล่าวต่อ "เมื่อถึงตอนนั้น นายต้องมาที่นี่ด้วยนะบอสฉิน"

"ฉันจะมาแน่นอน" ฉินหยุนพยักหน้า

หลังจากแยกกับเซียวหลานและเดินไปตามถนนแล้ว ฉินหยุนก็นึกถึงความคิดหนึ่งที่เพิ่งแวบขึ้นมา

"เมื่อกี้เซียวหลานบอกว่าร้านนี้เป็นของครอบครัวของเธอเอง และวัตถุดิบสำหรับทำบาร์บีคิวก็นำมาจากครอบครัวของเธอโดยตรง โดยพื้นฐานแล้วเท่ากับว่ามันไม่มีค่าใช้จ่ายอะไรเลย ถ้าเป็นแบบนั้นฉันสามารถลองทำได้เหมือนกัน"

ฉินหยุนคิดกับตัวเอง "แม้ว่าฉันจะไม่สามารถซื้อร้านเพื่อประหยัดค่าเช่าได้ แต่ฉันสามารถประหยัดค่าใช้จ่ายในการซื้อเสื้อผ้ามาขายได้"

ในเขตชิงอู๋ แม้แต่ร้านค้าขนาดแค่ 40 ตารางเมตรก็ยังมีราคาหลายแสนหยวน ระดับของเขาในตอนนี้เป็นไปไม่ได้ที่จะใช้เงินเก็บทั้งหมดไปซื้อที่เพื่อเปิดร้านๆหนึ่ง ซึ่งมันไม่คุ้มค่าเลย

อย่างไรก็ตามเขาสามารถเริ่มต้นจากเสื้อผ้าได้

"เสื้อผ้าทั้งหมดที่ขายในร้าน เราได้มาจากตลาดค้าส่ง และเสื้อผ้าราคาขายส่งในตลาดค้าส่งก็ถูกนำมาจากโรงงานตัดเย็บเสื้อผ้า"

ฉินหยุนไม่เคยคิดเกี่ยวกับสิ่งเหล่านี้มาก่อน ท้ายที่สุด ร้านขายเสื้อผ้าร้านอื่นๆ ส่วนใหญ่แล้วยินดีที่จะไปที่ตลาดค้าส่งเพื่อหาเสื้อผ้ามาขายโดยตรงมากกว่า

ตลาดค้าส่งมีให้เลือกหลากหลายสไตล์ ในขณะที่เสื้อผ้าในโรงงานตัดเย็บเสื้อผ้านั้นมีไม่กี่แบบและคุณภาพก็ไม่สม่ำเสมอเช่นกัน ต้องใช้เวลาและความพยายามอย่างมากในการคัดเลือกเสื้อผ้าเหล่านั้น

อันที่จริง ราคาของเสื้อผ้าที่ขายในร้านของเขา 200 หยวนนั้น ราคาส่งของมันคือ 100 หยวน แต่ในโรงงานตัดเย็บเสื้อผ้า เสื้อผ้าเหล่านั้นอาจมีราคาเพียงไม่กี่สิบหยวนหรือสิบกว่าหยวนเท่านั้น

นั่นคือราคาต้นทุนของมัน

"ฉันมีค่ายกลรวบรวมโชคลาภ ดังนั้นฉันจึงไม่ต้องกังวลว่าเสื้อผ้าจะขายไม่ได้ และระบบรวบรวมโชคลาภสามารถสร้างค่ายกลรวบรวมโชคลาภได้ทุกเดือน หรือก็คือ 12 จุดในหนึ่งปี และมันจะมีมากขึ้นเรื่อยๆในอนาคต ที่เขตชิงอู๋ฉันจะเปิดร้านขายเสื้อผ้าแค่ 2 ร้าน ส่วนที่เหลือสามารถเลือกเปิดในที่อื่นได้"

ฉินหยุนคิดกับตัวเอง

ไม่เพียงแค่นั้น แต่หลังจากนี้อีกสองเดือน เขาก็จะสามารถเปิดค่ายกลรวบรวมโชคลาภระดับที่สองได้ ซึ่งไม่ต้องคำนวนก็สามารถรู้ได้ว่าในหนึ่งวันเขาจะขายเสื้อผ้าได้มากมายแน่นอน

"ในเมื่อมีร้านเสื้อผ้าจำนวนมาก ดังนั้นมันจึงมีความต้องการเสื้อผ้าเป็นจำนวนมากเช่นกัน ถ้าฉันเปิดโรงงานตัดเย็บเสื้อผ้าและผลิตเสื้อผ้าเอง ฉันก็จะขายสินค้าจากโรงงานตัดเย็บเสื้อผ้าของฉันได้โดยตรง ซึ่งมันจะประหยัดค่าใช้จ่ายได้มากแน่นอน"

ในเวลานี้ แววตาของฉินหยุนเปล่งประกายขึ้นเรื่อยๆ การเปิดโรงงานตัดเย็บเสื้อผ้าอาจใช้เงินเป็นจำนวนมากในตอนเริ่มต้น แต่ในภายหลัง เมื่อเขาเปิดร้านขายเสื้อผ้ามากขึ้น ผลประโยชน์ของมันก็จะเพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆเช่นกัน

เช่นเดียวกับตอนนี้ ร้านขายเสื้อผ้าเทียนหยุนของเขามียอดขายต่อเดือนมากกว่า 400,000 หยวน แต่กำไรสุทธิที่แท้จริงมีเพียงแสนกว่าหยวนเท่านั้น

ในจำนวนนั้น หลายหมื่นหยวนหมดไปกับเงินเดือนของพนักงาน ค่าน้ำ ค่าไฟ ฯลฯ และอีกหลายแสนหยวนหมดไปกับค่าเสื้อผ้าที่รับมาขาย ซึ่งมากกว่าครึ่งเลยก็ว่าได้

หากคุณเปิดโรงงานตัดเย็บเสื้อผ้าของคุณเอง ราคาทุนเสื้อผ้าหลายแสนหยวน อาจมีราคาเพียงหลักหมื่นหยวนเท่านั้น และคุณสามารถประหยัดเงินได้มากกว่าแสนหยวนในคราวเดียว!

และถ้าหากมีร้านเสื้อผ้าสิบแห่ง ก็ยิ่งสามารถประหยัดเงินได้หนึ่งล้านหยวนต่อเดือน!

นี่คือการประหยัดต้นทุนที่แท้จริง!

"เมื่อผลกำไรเพิ่มขึ้น ระบบรวบรวมโชคลาภก็จะอัปเกรดได้เร็วขึ้นด้วย" ฉินหยุนตั้งตารอคอย

นอกจากค่ายกลรวบรวมโชคลาภระดับที่สองที่จะได้จากระบบแล้ว น่าจะยังมีค่ายกลรวบรวมโชคระดับที่สามหลังจากนั้นอีก และข้อกำหนดสำหรับยอดคงเหลือที่ต้องใช้ในการเปิด คงจะสูงมากกว่านี้แน่นอน

ทันทีที่เขาคิดถึงเรื่องเหล่านี้เสร็จ ฉินหยุนก็ไปคุยกับฉินซวนพี่สาวคนโตและพ่อกับแม่ของเขา

"เสี่ยวหยุน แกบอกว่าอยากจะเปิดโรงงานตัดเย็บเสื้อผ้าอย่างนั้นเหรอ?" ฉินซวนรู้สึกประหลาดใจเมื่อได้ยินฉินหยุนเอ่ยถึงความคิดของเขา

"เสี่ยวหยุน ตอนนี้ข้างนอกมีโรงงานตัดเย็บเสื้อผ้าอยู่มากมาย ในโรงงานเหล่านั้นยังมีเสื้อผ้ามากมายกองอยู่ข้างใน พ่อว่ามันเสี่ยงเกินไป ดูอย่างโรงงานตัดเย็บเสื้อผ้าที่ป้าของลูกทำงานสิ มันเพิ่งปิดตัวลงได้ไม่นานนี้เอง" ฉินกั๋วตงคิดสักพักแล้วกล่าวออกมา

การเปิดร้านขายเสื้อผ้านั้นง่ายมาก จริงๆแล้วก็คือการรับเสื้อผ้าราคาทุนมาจากร้านค้าส่งต่างๆ และให้พนักงานในร้านขายให้

อย่างไรก็ตาม การเปิดโรงงานตัดเย็บเสื้อผ้านั้นเป็นคนละเรื่อง มันเป็นเรื่องที่ยากมาก ต้องใช้พนักงานตำแหน่งต่างๆมากมาย เช่น ดีไซเนอร์ ช่างแพทเทิร์น พนักงานQC พนักงานฝ่ายขาย ช่างตัดเย็บ และอื่นๆอีก ซึ่งล้วนแต่ต้องใช้เวลาในการสรรหาและไม่ใช่เรื่องง่ายที่จะหาแรงงานฝีมือดีสักคน

สิ่งเหล่านี้ยังไม่ถือว่ายากเท่าไร แต่สิ่งที่ยากที่สุดคือการผลิตเสื้อผ้าออกมาและการขายออกไป รูปแบบธุรกิจเช่นนี้แตกต่างจากร้านค้าบนท้องถนนอย่างสิ้นเชิง

จ้าวเหมยก็อยู่ใกล้ๆเช่นกัน โดยเธอรู้สึกเห็นด้วยกับฉินกั๋วตง

“พ่อ แม่ พี่ใหญ่ ที่ผมจะเปิดโรงงานตัดเย็บเสื้อผ้านั้น ไม่ใช่ว่าจะผลิตเสื้อผ้าขายให้คนอื่น แต่เพื่อจัดหาสินค้าให้ร้านขายเสื้อผ้าที่เราเปิดขึ้นเอง ตามแผนของผม ในอนาคตเราจะเปิดร้านขายเสื้อผ้าเพิ่มมากขึ้น ถ้าเรายังคงรับเสื้อผ้าจากร้านค้าส่งเหล่านั้นมาขายต่อไป ต้นทุนที่เราใช้ก็จะสูงมากขึ้นด้วย แต่เราจะสามารถประหยัดค่าใช้จ่ายได้เยอะเลย ถ้าเราเปิดโรงงานตัดเย็บเสื้อผ้าของเราเอง” ฉินหยุนมองไปที่ครอบครัวของเขาพลางอธิบายให้ฟัง

เมื่อฉินกั๋วตง จ้าวเหมยและฉินซวนได้ยินสิ่งที่ฉินหยุนพูด แม้ว่าพวกเขาจะรู้สึกไม่เห็นด้วยเล็กน้อย แต่พวกเขาก็ไม่ได้กล่าวอะไรต่อ

แม้ว่าทุกครั้งสิ่งที่ฉินหยุนทำ จะคาดเดาไม่ได้สักเท่าไร แต่ข้อเท็จจริงก็แสดงให้เห็นว่า ท้ายที่สุดแล้วการตัดสินใจของเขานั้นถูกต้องเสมอ

พวกเขาเพียงแค่ต้องทำตามความคิดของฉินหยุนเท่านั้น

ในเวลาเพียงสองเดือน สถานะของฉินหยุนในใจของพวกเขาเพิ่มขึ้นมากอย่างไม่ต้องสงสัยและเมื่อฉินหยุนได้ตัดสินใจอย่างแท้จริงแล้ว พวกเขาก็จะไม่ปฏิเสธมัน

"เสี่ยวหยุน แกจะเปิดใหญ่แค่ไหน?" หลังจากคิดอยู่พักหนึ่ง ฉินซวนพี่สาวคนโตก็ถามขึ้น

ฉินหยุนคิดเรื่องนี้มาก่อนแล้ว

“เอาสัก 20 คนก่อน”

“20 คนเหรอ เยอะไปไหมลูก?” จ้าวเหมยอดไม่ได้ที่จะถาม

ตอนนี้พวกเขาเปิดร้านขายเสื้อผ้าเพียงสองร้าน ขนาดพื้นที่คือ 40 ตารางเมตร เสื้อผ้าที่ผลิตโดยคน 20 คนต่อเดือนนั้นเกินความต้องการของร้านเสื้อผ้าทั้งสองแห่งอย่างแน่นอน

"แม่ไม่ต้องกังวลไปครับ หลังจากผลิตเสื้อผ้าแล้ว เดี๋ยวเราก็ค่อยๆขายมันได้" ฉินหยุนกล่าวด้วยรอยยิ้ม

เขามีค่ายกลรวบรวมโชคลาภระดับที่หนึ่ง อันที่จริง แม้ว่าเสื้อผ้าที่ผลิตออกมาให้ร้านค้าทั้ง 2 แห่งจะขายไม่หมดก็ไม่เป็นไร เขาไม่กังวลกับมันเลย

ถ้าไม่ได้จริงๆ เขาก็จะใช้ค่ายกลรวบรวมโชคลาภระดับที่หนึ่งคลอบคลุมโรงงานตัดเย็บเสื้อผ้าทั้งหมดแทน ถ้าเป็นเช่นนั้นต้องมีพ่อค้าร้านส่งหรือร้านขายเสื้อผ้าส่งคำสั่งซื้อมาอย่างแน่นอน

"พี่ใหญ่ รีบจัดทำข้อมูลรับสมัครเลย เราจะรับสมัครดีไซน์เนอร์ ช่างแพทเทิร์น ฯลฯ"

ฉินหยุนกล่าวต่อ "ถ้าหาไม่ได้จริงๆ พี่ลองไปถามดูที่โรงงานตัดเย็บเสื้อผ้าที่ปิดไปแล้วก็ได้"

"โอเค เดี๋ยวพี่จะจัดการให้ทันที" ฉินซวนก็พยักหน้า

หลังจากครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง ฉินหยุนก็พูดขึ้นอีกครั้ง "หาโรงงานที่ขนาดใหญ่หน่อยนะครับ อย่างน้อยสัก 2,000 ตารางเมตรขึ้นไป"

"มากกว่า 2,000 ตารางเมตร?" ฉินซวนตกตะลึงอีกครั้ง

เป็นไปไม่ได้ที่จะมีพนักงานแค่ 20 คนในอาคารโรงงานขนาดใหญ่ ดังนั้นในอนาคตฉินหยุนยังต้องการรับสมัครคนเพิ่มด้วย

เธอมองไปที่ฉินหยุน และดูเหมือนว่าเธอจะรู้สึกได้ถึงความทะเยอทะยานในใจของเขา

แต่เธอไม่ได้ถามอะไรต่อเพียงแค่ตอบตกลง

"อย่างสุดท้าย ผมจะไปสัมภาษณ์ดีไซน์เนอร์ที่รับสมัครเข้ามาเอง"

โจวซินหยา และถังเซี่ยวเซี่ยวเป็นนักศึกษาชั้นปีที่ 3 พวกเธอเรียนเอกสาขาวิชาการออกแบบแฟชั่นในวิทยาลัยวิชาชีพ ทางวิทยาลัยไม่มีการจัดหางานให้ พวกเธอจึงต้องหางานด้วยตัวเองเมื่อตอนที่ทั้งคู่ใกล้จะเรียนจบ

"ซินหยา เธอหางานได้หรือยัง?" ถังเซี่ยวเซี่ยวเอ่ยถาม

ถังเซี่ยวเซี่ยวเป็นหญิงสาวหน้าตาน่ารัก เธอมีรูปร่างเล็กและใบหน้าเด็กที่ทำให้ผู้คนอยากจะหยิกเธอด้วยความเอ็นดู เสียงของเธอนุ่มนวลและคล้ายขี้ผึ้ง ซึ่งทำให้ผู้คนรู้สึกต้องการอยากจะปกป้องเธอ

เมื่อได้ยินเช่นนี้ หญิงสาวที่อยู่ข้างๆเธอก็พูดขึ้นอย่างช่วยไม่ได้ว่า "ฉันยังไม่เจอที่ที่ดีเลย ฉันดูมาสองสามที่แล้ว ค่าจ้างที่พวกเขาให้นั้นต่ำเกินไป"

คนที่พูดคือหญิงสาวอีกคนในชุดธรรมดา ถึงเธอจะไม่สวยมาก แต่เธอก็สวยในแบบที่ทำให้ทุกคนมองเธอด้วยความสบายใจ

"เฮ้อ.. ทำไมเราถึงเรียนวิชาเอกแบบนี้ในวิทยาลัยของเรากันนะ คนในชั้นเรียนก็ยังบ่นว่าได้เงินเดือนน้อยกันทุกคนเลย" ถังเซี่ยวเซี่ยวถอนหายใจ

(จบตอน)

5 1 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด