ตอนที่แล้วตอนที่ 39 : คะแนนสอบเข้ามหาลัย
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปตอนที่ 41 : กรอกใบสมัครเรียน

ตอนที่ 40 : โศกนาฏกรรมของซุนเจี้ยนเฉียง


"581 คะแนน ด้วยคะแนนสูงขนาดนี้ เข้ามหาลัยระดับ 985 แห่งได้สบายเลย หรืออาจจะเป็นระดับมหาลัยชั้นนำ 211 แห่งเลยด้วยซ้ำ"

"น้องชายของฉันก็สอบเข้ามหาลัยในปีนี้ด้วย แต่เขาทําคะแนนได้เพียง 481 คะแนน ซึ่งยังห่างไกลจากคะแนนที่ใช้เป็นเกณฑ์เข้ามหาลัย พ่อกับแม่ของฉันโกรธแทบตาย"

"เขาเป็นคนที่สุดยอดมาก ทั้งบริหารร้านเสื้อผ้าได้ดี แถมคะแนนสอบก็ดีมากอีก"

พนักงานในร้านหลายคนกระซิบกระซาบ

พวกเธอรู้ว่าฉินหยุนเปิดร้านขายเสื้อผ้าแห่งนี้ด้วยตัวเอง และตอนนี้ธุรกิจกำลังเฟื่องฟูขึ้นทุกวัน พวกเธอจึงรู้สึกชื่นชมฉินหยุนมาก ทำให้เกิดความคิดบางอย่างขึ้นมาในใจ

อย่างไรก็ตาม ความคิดเหล่านี้ถูกระงับไว้ทันทีที่ปรากฏ พวกเธออายุอย่างน้อยก็ 25 ปีแล้ว แต่ฉินหยุนเพิ่งจบการศึกษาจากโรงเรียนมัธยมและอายุเพียง 18 ปี ซึ่งอายุของพวกเขาต่างกันมากเกินไป

เมื่อสังเกตสถานการณ์ในร้านไปสักพัก ฉินหยุนก็เอ่ยถาม "พี่ใหญ่ ร้านที่ให้หาเพิ่มเป็นยังไงบ้างครับ"

เมื่อได้ยินสิ่งนี้ ฉินซวนกล่าวว่า "ตอนนี้เรามีห้าตัวเลือก"

เธอมองไปที่ฉินหยุน ชะงักชั่วครู่และถามว่า "เสี่ยวหยุน เราจะเปิดเพิ่มอีกสาขาในเดือนหน้าจริงๆเหรอ?”

นี่คือสิ่งที่ฉินหยุนบอกกับเธอก่อนหน้านี้

"ไม่ใช่แค่ในเดือนกรกฎาคม ผมจะเปิดสาขาเพิ่มอีกในเดือนสิงหาคมด้วย" ฉินหยุนกล่าวด้วยรอยยิ้ม

ก่อนจะถึงตอนที่เขาไปเรียนมหาลัย เขาจะมีรูปแบบการรวบรวมโชคลาภระดับที่หนึ่งทั้งหมด 4 จุด ซึ่งเขาจะเปิดร้านค้าทั้งหมดสี่ร้านภายในเขตชิงหวู่ และให้พ่อกับแม่และพี่สาวของเขาคอยจัดการดูแล

“ยังเป็นร้านขายเสื้อผ้าอยู่ไหม?” ฉินซวนถาม

หลังจากครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง ฉินหยุนก็ส่ายหัวและพูดว่า "คราวนี้เราจะไม่เปิดร้านขายเสื้อผ้า มาเปิดร้านขายรองเท้ากันเถอะ"

ด้วยรูปแบบการรวบรวมโชคลาภ เขาสามารถทำเงินได้แน่นอนไม่ว่าเขาจะเปิดร้านขายอะไร และเขาก็ไม่จำเป็นต้องเปิดร้านขายเสื้อผ้าอีกต่อไป

เหตุผลหลักคือเขตชิงหวู่นั้นเล็กเกินไป หากเขายังคงเปิดแต่ร้านขายเสื้อผ้า ร้านเสื้อผ้าเทียนหยุนของเขาอาจจะถึงจุดอิ่มตัวเร็วกว่าปกติ

ท้ายที่สุดแล้วความต้องการเสื้อผ้าของลูกค้าทุกคนก็คงที่ และเสื้อผ้าก็ไม่ได้เสียหายง่ายๆ เป็นไปไม่ได้ที่คนๆหนึ่งจะซื้อเสื้อผ้าอยู่ทุกวัน

ดังนั้นในความเห็นของฉินหยุน ร้านขายเสื้อผ้าทั้งสองสาขาก็เพียงพอแล้ว และแม้ว่าจะเปิดต่อไปเป็นเวลานาน มันก็ยากที่จะถึงจุดอิ่มตัว

"ร้านขายรองเท้า?!" ฉินซวนตกตะลึง เปิดร้านขายเสื้อผ้าก็ดีอยู่แล้ว ทำไมฉินหยุนถึงกำลังวางแผนที่จะเปิดร้านขายรองเท้า?

"เสี่ยวหยุน มันจะทำเงินได้งั้นเหรอ?"

ร้านขายเสื้อผ้าสามารถประสบความสำเร็จได้ แต่เธอไม่มั่นใจเล็กน้อยเกี่ยวกับร้านขายรองเท้า ท้ายที่สุดสินค้าทั้งสองประเภทก็แตกต่างกัน

ฉินหยุนพูดกับเธอว่า "พี่ใหญ่ เราสามารถทำเงินได้อย่างแน่นอน ตอนนี้ผมกำลังถูกเทพแห่งโชคลาภเข้าสิง ดังนั้นไม่ว่าจะทำอะไรผมก็สามารถประสบความสำเร็จได้ทุกสิ่ง"

เมื่อนึกถึงสิ่งที่เกิดขึ้นในช่วงสองเดือนที่ผ่านมา ฉินซวนก็พยักหน้าโดยไม่รู้ตัว ดูเหมือนว่าน้องชายของเธอจะเป็นที่โปรดปรานของเทพแห่งโชคลาภจริงๆ

"เอาล่ะ งั้นเดี๋ยวพี่จะเริ่มพูดคุยเกี่ยวกับที่ตั้งร้าน เริ่มตกแต่ง แล้วก็ติดต่อซัพพลายเออร์รองเท้าเหล่านั้น" ฉินซวนคิดอยู่พักหนึ่ง

“แล้วเราจะเน้นรองเท้าที่ราคาเท่าไร” เธอถาม

ฉินหยุนกล่าวว่า "มากกว่าสองร้อยแต่น้อยกว่าแปดร้อยหยวน"

เขาเคยพิจารณาสิ่งเหล่านี้ไว้ก่อนหน้าแล้ว

ฉินซวนพยักหน้า ถามคำถามอีกสองสามคำ และในที่สุดก็กำหนดทิศทางทั่วไปของร้านขายรองเท้าได้

หลังจากถามอีกไม่กี่คำ ฉินซวนก็เอ่ยขึ้นต่อ "เสี่ยวหยุน หลังจากที่ร้านเสื้อผ้าฉีหยุนได้เปลี่ยนเสื้อผ้าทั้งหมดในร้านให้เป็นเสื้อผ้าราคาแพง จู่ๆธุรกิจก็ย่ำแย่ลงอย่างรวดเร็ว ตลอดทั้งช่วงเช้ามีลูกค้าเข้าร้านไม่กี่คนเอง"

...

ในเวลานี้ ภายในร้านขายเสื้อผ้าฉีหยุน พนักงานในร้านหลายคนกำลังยืนตัวสั่นและไม่มีใครกล้าพูดอะไรออกมา

ซุนหยาตงนั่งอยู่บนเก้าอี้ ใบหน้าของเขาหม่นหมองราวกับเมฆครึ้ม จนดูเหมือนว่าจะมีน้ำฝนหยดลงมาได้

เมื่อวานนี้ ในที่สุดเขาก็ตัดสินใจขายเสื้อผ้าราคาถูกทั้งหมดภายในร้านทิ้ง ไปที่ตลาดค้าส่งและเปลี่ยนมาขายเสื้อผ้าราคาแพงทั้งหมด โดยหวังว่ายอดขายต่อวันจะเพิ่มขึ้นหลายเท่า!

แต่หลังจากเปลี่ยนเสื้อผ้าทั้งหมดแล้ว จนถึงตอนนี้ก็ยังไม่มีเสื้อผ้าสักตัวถูกขายเลย

ไม่เพียงแค่นั้น ยังมีข่าวลือที่น่ารังเกียจอยู่รอบๆตัวอีก

"ร้านเสื้อผ้าฉีหยุนแห่งนี้หิวเงินมากจริงๆ"

"ถ้าฉันจะซื้อเสื้อผ้าราคาแพง ฉันไปที่ร้านแบรนด์ใหญ่ๆไม่ดีกว่าเหรอ อย่างน้อยก็ไม่ใช่แบรนด์ทั่วไปเหมือนร้านนี้"

"ฉันได้ยินมาว่าเจ้าของร้านเสื้อผ้าฉีหยุนกับคนให้เช่าที่ เป็นคนเดียวกัน และร้านนี้ก็เป็นของเขา แต่ก่อนหน้านี้คนเช่าคนก่อนคือเจ้าของร้านเสื้อผ้าเทียนหยุน เมื่อเขาเห็นว่าธุรกิจร้านเสื้อผ้าเทียนหยุนไปได้ดี เขาจึงบังคับเอาร้านคืน!"

"ราคาตั้งพันกว่าหยวน เงินเดือนของฉันแค่สี่พันเอง ฉันไม่มีปัญญาซื้อหรอก"

มีข่าวลือมากมายแพร่สะพัดอยู่ทั่ว แถมยังมีบางคนกล้าพูดถึงเรื่องนี้เมื่อพวกเขาอยู่ต่อหน้าซุนหยาตงอีก ซึ่งมันทำให้เขาโกรธมาก

"เกิดอะไรขึ้น มันมีปัญหาตรงไหนกัน?" อารมณ์ของซุนหยาตงเปลี่ยนไปอีกครั้ง

สิ่งที่มั่นใจได้ 100% แล้ว กลับเปลี่ยนแปลงไปโดยสิ้นเชิงภายในเวลาไม่ถึงหนึ่งวัน

เขาใช้เงิน 700,000 หยวนไปกับสินค้าชุดนี้ เงินเก็บทั้งหมดของเขาถูกใช้จนหมด และยอดขายรายเดือนของซูเปอร์มาร์เก็ตก็ถูกนำมาใช้ก่อนด้วย แถมเขายังยืมเงินจากที่อื่นมาอีก 300,000 หยวน

หากเขาไม่สามารถขายเสื้อผ้าและหาเงินไปคืนได้ เขาคงนึกภาพไม่ออกว่าผลที่ตามมาจะเป็นอย่างไร

ถัดจากเขา ซุนเจี้ยนเฉียงก็ไม่กล้าส่งเสียงพูดอะไร

เวลา 10.00 น. ผลสอบเข้ามหาลัยประกาศออกมา คะแนนสอบเข้ามหาลัยของเขาคือ 461 คะแนน ซึ่งต่ำกว่าเกณฑ์เข้ามหาลัยระดับสองเสียอีก โดยปกติแล้วเป็นไปไม่ได้เลยที่จะเข้ามหาลัยด้วยคะแนนดังกล่าว และไม่สามารถแข่งขันกับคนอื่นได้เลย แต่ถ้าเขายอมเสียเงินสักเล็กน้อยก็เป็นไปได้ที่จะเข้าเรียนที่มหาลัยชั้นสาม

และหากคุณลังเลที่จะใช้จ่ายเงิน คุณก็สามารถไปเข้าวิทยาลัยวิชาชีพได้

สิ่งนี้ทำให้ซุนหยาตงผิดหวังมาก เขาผู้ซึ่งมีความคาดหวังอย่างมากต่อซุนเจี้ยนเฉียง แม้เขาจะโชคดี หลังจากทำงานหนักมาหลายปี เขาก็มีซูเปอร์มาร์เก็ตขนาดเล็กและร้านค้าทั้งหมดสี่แห่ง แต่เพราะว่าขาดการศึกษามันจึงเป็นจุดด่างพร้อยภายในใจเขาอยู่ตลอด

เขาหวังเป็นอย่างยิ่งว่าลูกชายของเขาจะสอบผ่านได้ เพื่อที่เขาจะได้มีหน้ามีตามากขึ้น

ในเวลานี้เอง ซุนเจี้ยนเฉียงก็ยังงุนงงอยู่เช่นกัน "ก่อนหน้านี้ธุรกิจก็ไปได้ดี ทำไมจู่ๆถึงล่มซะงั้น หรือว่าพระเจ้ากำลังเล่นตลกกับฉัน?"

เขาไม่กล้าพูดอะไรออกมาเลย มีเสื้อผ้าราคาแพงอยู่ในร้านมากมายที่เขาเคยเกลี้ยกล่อมให้ซุนหยาตงนำมาขาย

"บอสซุน"

ทันใดนั้นก็มีเสียงร้องทักดังขึ้น และฉินหยุนกับฉินซวนก็เดินเข้ามาในร้าน

"วันนี้ธุรกิจเป็นยังไงบ้างครับ" ฉินหยุนถามด้วยรอยยิ้ม

เมื่อมองไปที่รอยยิ้มบนใบหน้าของฉินหยุนแล้ว ไม่ว่าจะมองอย่างไรซุนหยาตงก็รู้สึกอึดอัดอย่างบอกไม่ถูก เมื่อเทียบกับสถานที่รกร้างของเขา ธุรกิจร้านเสื้อผ้าเทียนหยุนยังคงเฟื่องฟูอย่างต่อเนื่อง

"ขายแต่เสื้อผ้าราคาแพง บอสซุนช่างกล้าหาญจริงๆ" ฉินหยุนถอนหายใจ

ซุนหยาตงไม่ได้ตอบกลับฉินหยุน แม้ว่าก่อนหน้านี้ทั้งสองคนจะพูดคุยกันต่อหน้าแบบปกติ แต่จริงๆแล้วพวกเขาต่างก็รู้ว่าได้ฉีกหน้ากากของอีกฝ่ายออกไปแล้ว

หลังจากแสร้งถอนหายใจสองสามครั้งอย่างจงใจ ฉินหยุนก็ไม่ได้พูดอะไรต่อ หันหลังกลับและต้องการจากไป

"ฉินหยุน!" ในขณะนี้ซุนเจี้ยนเฉียงก็มองมาที่เขา

“มีอะไร?” ฉินหยุนหันมามองเขา

ซุนเจี้ยนเฉียงลังเลอยู่ครู่หนึ่งและอดไม่ได้ที่จะถามว่า "นายได้ คะแนนสอบเข้ามหาลัยกี่คะแนน"

ในห้องเรียน ผลการเรียนของฉินหยุนดีกว่าเขาเล็กน้อย แต่ก็ไม่สูงมาก เพราะเขาทำคะแนนสอบต่างๆได้มากกว่าของฉินหยุน

"581 คะแนน" ฉินหยุนเอ่ยพลางยิ้ม

หลังจากพูดจบ เขาก็จากไปทันที

ในขณะนี้ ซุนเจี้ยนเฉียงตกตะลึงอย่างสมบูรณ์ ดวงตาของเขาเต็มไปด้วยความไม่อยากจะเชื่อ

"581 คะแนน เป็นไปได้ยังไง เกณฑ์ของคะแนนในการเข้ามหาลัยอยู่ที่ 505 คะแนน แต่คะแนนของฉินหยุนสูงกว่าเกณฑ์ตั้ง 76 คะแนน!"

เขาทำคะแนนได้ต่ำกว่าของฉินหยุนถึง 120 คะแนน

"ทำไมมันจะเป็นไปไม่ได้?"

ตอนนี้เอง ซุนหยาตงก็ลุกขึ้นยืนและพูดอย่างโกรธเกรี้ยวว่า "คะแนนของฉินหยุนสูงมาก เขาสามารถเลือกมหาลัยไหนก็ได้ตามต้องการ! แต่แกล่ะ เลือกมหาลัยไหนได้บ้าง? เดือนกันยายนปีนี้ ฉันจะให้แกไปเรียนซ้ำชั้นอีกปี!"

"ห้ะ.. พ่อ! ผมไม่อยากเรียนซ้ำ!" เมื่อได้ยินเช่นนี้ ซุนเจี้ยนเฉียงก็ผงะและรีบปฏิเสธอย่างรวดเร็ว

(จบตอน)

  

5 1 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด