ตอนที่แล้วตอนที่ 1356 โจมตีมังกรปีศาจ
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปตอนที่ 1358 ผสานร่างเทพและมนุษย์?

ตอนที่ 1357 น่าใช้สายฟ้าฟาดเจ้าเด็กนี่ให้ตาย!


ปราณกระบี่พุ่งขึ้นไปในท้องฟ้า

อาบร่างมังกรปีศาจไว้ในปราณกระบี่

เขาร้องโหยหวนสุดเสียงด้วยความเจ็บปวดและทรุดตัวลงอย่างน่าสมเพช

เย่ว์หยางรู้สึกกระอักกระอ่วนใจในใจของเขาไม่ชัดเจน พี่ใหญ่เขาไม่สามารถต้านปราณกระบี่ ทำไมต้องขอให้เขาโจมตีด้วย?ทั้งยังขอเป็นสุดยอดปราณกระบี่ นี่เขาตั้งใจจะทำอะไรกันแน่?

อย่างไรก็ตามเขาเปลี่ยนความคิดอีกครั้งว่ามังกรปีศาจเป็นพี่ใหญ่ที่น่าอดสู แม้ว่าจะไม่สมเหตุผลนัก แต่เขาไม่สามารถทนพลังของปราณกระบี่ของเขาได้ ก่อนหน้านี้เขาสู้กับจักรพรรดิไร้เทียมทานจนได้รับบาดเจ็บ  และสู้กับเทพพิทักษ์ภูเขากวงหมิงอีกครั้งร่างกายได้รับทุกข์ทรมานอย่างมาก การต่อสู้นั้นหนักและเหนื่อยมาก ก็ยังไม่เห็นเป็นไรตอนนี้เป็นแบบนี้ไปได้อย่างไร? เกิดอะไรขึ้น?

มังกรปีศาจกลิ้งอยู่บนพื้นไม่สามารถจะปกปิดร่างหลักได้กลายสภาพเป็นร่างมังกรพิโรธและกระอักเลือดอย่างบ้าคลั่ง

เลือดมังกรฉีดพุ่งกระจาย

เลือดดำราวกับหมึกฉีดกระจายไปทั่ว

สภาพมังกรพิโรธนี้ทำให้พวกเทพทะเลมรณะที่รุมล้อมจักรพรรดิไร้เทียมทานจิ๋วซื่อมองเห็นแล้วถึงกับร้องลั่นตกใจ“นั่นมังกรปีศาจ เจ้าบ้านี่หนีออกมาได้ เทพมังกรทองไม่ได้ขังเขาไว้ตลอดไปหรือ?”

“ปล่อยเขาไป เจ้าผู้นี้คือมังกรที่มีร่างเป็นอมตะจากเผ่าบูรพา สู้กับเขาไปไม่มีประโยชน์!”

“เทพมังกรต้องการกลับสู่สวรรค์หรือ?”

“อา..  น่ากลัวจริงๆ และตอนนี้ไม่ปลอดภัยอีกต่อไปแล้ว!”

“ตอนนี้เราจะทำยังไงดี?จะล้อมจักรพรรดิไร้เทียมทานจิ๋วซื่อต่อไปโดยไม่ได้อะไรหรือ?

“ทำต่อไปอย่าไปยุ่งกับเจ้ามังกรปีศาจนั่น  ล้อมจิ๋วซื่อไว้ต่อไป!  ถ้าเทพพิทักษ์ฝ่ายเราพ่ายแพ้ เราทุกคนจะต้องตายและจะถูกจักรพรรดิไร้เทียมทานสังหาร ชะตากรรมของเราเชื่อมโยงอย่างใกล้ชิดกับทะเลมรณะ ไม่มีทางเลือกอื่นและไม่มีทางเป็นไปได้ที่สอง จงสู้ต่อไปเพื่อโชคชะตาของเรา เพื่ออนาคตของเรา!”

การต่อสู้ด้านนั้นเต็มไปด้วยความผันผวนแปรปวนไม่แน่นอน

ส่วนทางด้านนี้เย่ว์หยางเห็นมังกรปีศาจบิดร่างยาวเหยียดเหมือนงูตาย  บางครั้งก็กระอักโลหิตดำออกจากปาก

ขณะที่เย่ว์หยางคิดว่าเจ้าผู้นี้อาจจะกระอักโลหิตจนตายมังกรพิโรธที่ตัวบิดงอและมีเกล็ดสีดำมันวาวค่อยๆลุกขึ้นพร้อมกับรัศมีสีดำกระจายออกไปกลายเป็นสีทองเข้มโดยเฉพาะอย่างยิ่งเขามังกรที่ด้านบนหน้าผาก ดวงตามังกรคู่โตมีแสงสีทองสุกใส

ดวงตามองดูกลับมีชีวิตชีวาอีกครั้งปรากฏว่าลมปราณที่ใกล้แตกซ่านระเบิดพลังออกมาก้าวหน้ากว่าเดิมเป็นร้อยเท่าพันเท่า

จากตายกลายเป็นเกิดใหม่

อย่างไรก็ตามใช้เวลาเพียงไม่กี่นาที  และเย่ว์หยางไม่อยากจะเชื่อ

“ฮ้า...สบายเนื้อสบายตัวขึ้นมากเลย!”  มังกรปีศาจในร่างมังกรพิโรธค่อยๆเปลี่ยนร่างเป็นร่างมนุษย์เดินโซเซมาอยู่ต่อหน้าเย่ว์หยางและพูดอย่างอ่อนแรง  “มีอาหารเสริมที่คล้ายกับเลือดเทพบ้างไหม ข้าขอกินบ้าง”  เย่ว์หยางส่ายหน้า เลือดเทพย่อมมีแน่นอน แต่ถ้าต้องการเลือดเทพจากมือของเด็กหนุ่มข้ามโลก คาดว่ายากพอๆกับการเอาชนะเจ้าตำหนักสูงสุดเทียนอี้  มังกรปีศาจไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากลดข้อกำหนดลง  “หากไม่มีเลือดเทพให้ข้ากินน้ำตาเทพธิดาก็ได้บัดซบข้าเสียเลือดมากเกินไป กระหายแทบตายอยู่แล้ว แล้วข้าจะสู้ตอบโต้ได้อย่างไร?เอ่อ..   ก็ได้ข้าเป็นหนี้เจ้าอยู่แก้วหนึ่ง แล้วข้าจะใช้คืนสองแก้วหลังจากการต่อสู้จบลง เจ้าเจ้าเด็กบ้ามาพูดถึงเรื่องดอกเบี้ยในตอนนี้ เจ้ามันปีศาจหน้าเลือดชัดๆ  ยังเป็นคนอยู่หรือเปล่า?”

“ระวัง,เจ้าเป็นพี่ใหญ่ ไม่ใช่อันธพาล!”  น้ำตาเทพธิดาของเย่ว์หยาง ถ้ามีสักแก้วหรือสองแก้วอย่างนั้นก็คงจะดีถ้าให้ยืมดื่มสักแก้วแต่เขาสงสัยในตัวพี่ใหญ่ว่าจะจริงจังหรือเปล่า

“เหลวไหล,ข้าเหมือนคนที่ติดหนี้แล้วไม่ใช้คืนหรือ?” มังกรปีศาจรับไปดื่ม

“ไม่ใช่ไม่เหมือนแต่ใช่เลย!”  เย่ว์หยางกังวลว่าน้ำตาเทพธิดาของเขาจะหมดไป

“ตอนนี้ข้าคืนชีพอย่างเป็นทางการแล้วและวันดีๆ ของพวกเจ้าก็จบเช่นกัน!” มังกรปีศาจกระโดดพุ่งเข้าหาจักรพรรดิไร้เทียมทานจิ๋วซื่ออีกครั้งหมัดเดียวกันนี้ หมัดหนึ่งโจมตีใส่จักรพรรดิจิ๋วซื่ออีกหมัดหนึ่งมุ่งทำลายร่างเทพ เย่ว์หยางมองตาแทบถลน เขาโวยวายลั่น “นี่ไม่สมเหตุสมผลเลย!”เมื่อครู่นี้ยังเกือบตาย แค่ดื่มน้ำทิพย์เทพธิดาเพียงหนึ่งแก้วก็ระเบิดพลังจักรวาลน้อย และพยายามต่อสู้กับคู่ต่อสู้ที่แข็งแกร่ง น้ำทิพย์เทพธิดาแก้วเดียวมีประสิทธิผลหรือ?  สิ่งนี้ไม่สามารถอธิบายด้วยสามัญสำนึกทั่วไป!

“เขาคงจะถูกปลดปล่อยโดยพลังกฎสวรรค์แม้ว่าจะยังไม่ฟื้นฟูถึงพลังสูงสุด แต่พลังที่แท้จริงของเขาก็ถูกปลดปล่อยออกมาโดยราบรื่น”  จื้อจุนมองเห็นได้ชัดเจน

“แต่ข้าไม่ได้ทำอะไรเลย..”  เย่ว์หยางมองดูมือตนเองที่เพิ่งยิงปราณกระบี่ออกไป

“บางทีเขาอาจใช้ช่องโหว่ของอนาคตเจ้า”  จื้อจุนคาดการณ์ไปในทำนองนั้น

“ไม่ถูกต้อง!” เย่ว์หยางยังไม่อยากจะเชื่อ เขาไม่ได้ทำอะไรเลย  ยิ่งไปกว่านั้นตอนนี้ไม่มีกฎสวรรค์ใดๆ  ปราณกระบี่ไม่ได้ปลดผนึกอะไรไม่ได้ใช้พลังแห่งโชคชะตา เขาไม่ได้แบกรับพลังชะตาหรือรู้แจ้งใดๆ ในช่วงเวลาสั้น เขาไม่ได้ทำอะไรเลย เป็นไปได้อย่างไร? นอกจากนี้ยังเป็นไปไม่ได้ที่มังกรปีศาจที่เพิ่งถูกปลดผนึกพลังจะฟื้นฟูพลังได้ทันทีหลังจากดื่มน้ำทิพย์เทพธิดาแก้วเดียวอาจเป็นไปได้ว่าพี่ใหญ่แกล้งหลอกเขา ความสงสัยทำให้เขาคิดฟุ้งซ่าน

“เจ้ามาทำอะไรที่นี่?”จื้อจุนไม่สนใจเรื่องอื่น แค่มองเย่ว์หยางด้วยสายตาประหลาดใจเล็กน้อย

“ประโยคนี้ข้าควรถามท่านมากกว่าท่านมาทำอะไรที่นี่? รู้หรือเปล่าว่าที่นี่อันตรายแค่ไหน?ในที่อันตรายขนาดนี้ท่านกลับกล้ามาเพียงคนเดียว ทั้งยังไม่ให้ทุกคนรู้นี่ไร้เหตุผลเกินไปหรือเปล่า!” เย่ว์หยางยิ่งพูดก็ยิ่งโกรธ ในขณะที่เขาพูด เขาตั้งใจตำหนิและสอบถาม แต่ภายใต้สายตาจับจ้องของจื้อจุนเสียงของเขาอ่อยลงๆ ในที่สุดเขาบ่น “ทุกคนเป็นห่วงท่าน ท่าน ท่าน ปลอดภัยใช่ไหม?”

“ยกเว้นสามคนนั้นที่ไม่สามารถเอาชนะได้ชั่วคราวเจ้าคิดว่าจะมีปัญหาอะไรไหม?” จื้อจุนเป็นผู้ชมดูที่หยิ่งในศักดิ์ศรี

“มียอดฝีมืออยู่หลายคนมาก!” เย่ว์หยางมองเห็นว่าหลายคนมีบัลลังก์เทพ ทั้งยังมีจำนวนเกือบร้อย  ในกรณีนี้จื้อจุนกลับบอกว่าไม่มีปัญหาเรื่องแบบนี้ทำให้เขารับไม่ได้จริงๆ  “ท่านยืนอยู่อย่างนี้ไม่มีใครทำร้ายท่านหรือ?” เขาสงสัยว่าฝ่ายตรงข้ามตาบอดหรือเปล่า

“ใช่” จื้อจุนพูดอย่างสบายๆ  “แต่หลังจากถูกฆ่าไปสองสามคน พวกเขาก็เลิกตอแยข้า”

“......” เย่ว์หยางพูดไม่ออก

แน่นอนว่าโลกนี้เป็นโลกที่ยอมรับกันว่าใครกำปั้นใหญ่กว่าก็ได้รับการยอมรับ

หลังจากต่อสู้มานานในขณะที่มังกรปีศาจตาแดงและเทพอารักษ์ของทะเลมรณะจักรพรรดิไร้เทียมทานจิ๋วซื่ออยู่ในสภาพสับสน และยังคงตามจับนักสู้ระดับเทพผู้โชคร้ายที่คอยรายล้อมเขา

จักรพรรดิไร้เทียมทานตั้งใจจะประหัตประหารโดยไม่มีการให้อภัยและอดกลั้นเขาต้องการเข่นฆ่าทำลายล้างอย่างเดียว

เขาฉีกร่างเทพของฝ่ายตรงข้ามอย่างไม่ปราณีขณะที่ใช้พลังเทพของตนทำลายประกายเทพและวิญญาณของฝ่ายตรงข้าม

ความรู้สึกนั้น

เหมือนกับพญาราชสีห์ไล่จับลูกไก่ฉีกกิน

เย่ว์หยางถึงกับปากอ้าค้างพระเจ้า, จักรพรรดิไร้เทียมทานจิ๋วซื่อแข็งแกร่งร้ายกาจมากมายถึงเพียงนี้เชียวหรือนี่?โชคดีที่ไม่ใช่พี่ใหญ่ที่ถูกทุบตีไม่เช่นนั้นการฝึกฝนมาหลายร้อยหลายพันปีก็ไม่มีประโยชน์เช่นกัน  ในทางกลับกันจักรพรรดิไร้เทียมทานจิ๋วซื่อและเจ้าตำหนักสูงสุดเทียนอี้ใครแข็งแกร่ง ใครอ่อนแอกว่ากัน ด้านนั้นมีความสูงถึงหกหมื่นเมตร ทั้งยังมีสามเศียรหกกร นั่นจะใช่เทียนอี้หรือเปล่า?

จื้อจุนถือโอกาสดูดซับพลังที่สลายไปของบัลลังก์เทพฝ่ายตรงข้ามและเปลี่ยนเป็นสีดำของบัลลังก์ดำขาวที่นางยังคงกลั่นควบ

“ท่านกำลังควบสร้างบัลลังก์เทพจริงๆหรือ?”  เย่ว์หยางถามเบาๆ  “ท่านไม่ขอให้คนอื่นช่วยสร้างบัลลังก์เทพให้หรือ?”

“มีบางคนเก็บความรู้ศักดิ์สิทธิ์ทิ้งไว้ข้าในบันไดสวรรค์ขั้นที่ล้าน  ข้าต้องการใช้ความรู้นั้นสร้างบัลลังก์เทพเล็กๆเพื่อตัวข้าเอง  แน่นอนว่าบัลลังก์เทพของแท้นั้นใหญ่ จะต้องได้คนอื่นช่วยข้าทำให้เสร็จ  แต่ก่อนจะได้คนอื่นช่วยข้าจะต้องสร้างบัลลังก์เทพน้อยให้สำเร็จด้วยตนเองก่อน”  จื้อบอกเย่ว์หยาง ทำให้เขารู้สึกด้อยค่าอย่างไม่มีที่สุด

แม้ว่าจะเป็นบัลลังก์เทพน้อยแต่ท่านก็สามารถสร้างได้ด้วยตนเอง เขายังไม่สามารถทำได้

นอกจากนี้จือจุนยังได้รับการเปิดเผยจากสวรรค์แต่เขากลับไม่ได้รับการเปิดเผยได้อย่างไร? เทพธิดากระบี่ฟ้าลืมเขาไปหรือเปล่า? ไม่ถูกต้อง นางคงถูกกักไม่รู้เรื่องสถานการณ์ข้างนอกต้องเป็นเช่นนี้แน่นอน

เย่ว์หยางรู้สึกอิจฉามากหลังจากมองดูอยู่นาน เขาพบว่าเขาไม่สามารถเข้าใจบัลลังก์เทพได้ มันซับซ้อนมากเกินไปดังนั้นเขาถาม  “นี่บัลลังก์เทพแบบไหน?”

“จ้าวบัลลังก์เทพ!”  จื้อจุนบอกเขาตรงๆ  “คือสิ่งที่ข้าได้แนวคิดมาจากการรู้แจ้งในประตูเป็นตาย  ภายใต้เจตจำนงราชันย์สามารถครอบงำความเป็นตายได้ทั้งหมด ตัวอย่างเช่นในสนามรบนี้ ไม่ว่าใครก็ตามที่มีการเปลี่ยนแปลงจากเป็นไปสู่ตาย  หรือจากตายกลายเป็นมีชีวิตล้วนตกอยู่ภายใต้การควบคุมของบัลลังก์เทพของข้า มันยังไม่สำเร็จสมบูรณ์ มันดูดซับจากพลังเทพที่ตายในสงครามเท่านั้น...”

“ข้าอยากได้เหมือนกัน!”  เย่ว์หยางน้ำลายแทบหก

“เจ้าไม่มีพื้นฐานความสำเร็จมากพอและเจ้าไม่มีสัญลักษณ์ความสำเร็จบัลลังก์เทพแบบนี้”  จื้อจุนพูดกับเขาแบบขวานผ่าซาก

“ใครเป็นคนให้ความรู้ท่าน?แบ่งข้าบ้างไม่ได้หรือ?” เย่ว์หยางจำได้ว่าเขาก็ไปถึงบันไดขั้นที่ล้านในตอนแรกแล้วแม้ว่าจะเป็นการถูกจื้อจุนดึงไปก็ตาม

“อยากรู้หรือ?” จื้อจุนให้ความสนใจเย่ว์หยางและเห็นเจ้าเด็กน้อยมีท่าทีกระวนกระวายและมีอาการลิงโลดอยู่ในแววตาให้เห็นเป็นระยะๆ  “นี่เป็นความลับ บอกเจ้าไม่ได้!  นอกจากนี้ถ้าเจ้าต้องการสำเร็จบัลลังก์เทพสิ่งแรกก็คือต้องสร้างความประทับใจให้ข้าก่อน..ตัวอย่างเช่นมีใครก็ไม่รู้ทำเรื่องที่ไร้ยางอายกับเทพธิดาตนหนึ่งนั่นทำให้ข้าโกรธมาก!”

จื้อจุนโกรธมาก ผลที่ตามมาคงเลวร้ายสุดคาดคิด

เมื่อเย่ว์หยางได้ยินเท่านั้น  หมดกัน จบเห่กันตอนแรกเขาบอกนางว่าไม่ควรทำอะไรเกินตัว เจ้าแม่จันทราเคยบอกว่าไม่มีอะไรนางจับมือเขาไปแตะสัมผัสนางถึงสองครั้ง มันจบแล้ว!

ขณะที่เย่ว์หยางกำลังครุ่นคิดว่าจะทำอย่างไรดีต่อไปเพื่อสร้างภาพพจน์ที่ดีเขาเห็นมังกรปีศาจถูกยักษ์ใหญ่มหึมาทุบและกระเด็นมาข้างหน้าเขา

มังกรปีศาจใช้หมัดทลายจักรวาลน้อย  จักรพรรดิไร้เทียมทานและยักษ์เทพพิทักษ์ทะเลมรณะคาดไม่ถึงว่าเขาจะทำได้สำเร็จและตอนนี้ก็ไม่ค่อยดีนัก ดังนั้นผู้เป็นพี่ใหญ่ตะโกนบอกเย่ว์หยาง “ดูก่อน, ลงมือเร็วๆในเวลาอย่างนี้พวกเจ้ายังพลอดรักกันอยู่ได้ กลับไปค่อยคุยกันไม่ได้หรือ? ไม่มีเวลาแล้ว”

“ลงมือหรือ?”เย่ว์หยางมองดูยักษ์สามเศียรหกกรขนาดหกหมื่นเมตร เขาอดทำคอย่นไม่ได้  “ข้าไม่โง่หรอกนะ”

“น่าขายหน้านักเจ้าไม่สามารถโจมตีหลักๆ ได้ แต่เจ้าสามารถลงมือกับพวกบริวารได้ไม่ใช่หรือ!”  มังกรปีศาจโมโหเขาลงมือลงแรงเต็มที่ แต่เจ้าผู้นี้เอาแต่ยืนเฉยในสนามรบมองดูคนฆ่ากัน ตัวเองเอาแต่เกี้ยวสาวอย่างสบายใจฟ้าจะต้องลงโทษ

“นี่มันเกินกำลังข้าไปมาก”  เย่ว์หยางพบว่าพวกบริวารมือเท้าพวกนี้คนที่มีบัลลังก์เทพมีอยู่ไม่น้อย พวกตัวเล็กที่สุดก็ขนาดหกกิโลเมตรเข้าไปแล้ว

พระเจ้า!

นี่น่ะหรือบริวารผู้เป็นมือเป็นเท้า

จื้อจุนเองก็ต้องการลงมือแต่นางหงุดหงิดกับคำพูดของมังกรปีศาจ นางจึงจงใจงอมืองอเท้ารอดูเจ้าผู้นี้ถูกถลกหนังชั่วขณะ  นางนิ่งเฉยเมย แน่นอนว่าเย่ว์หยางย่อมทำตามนางสำหรับพี่ใหญ่ผู้มีความภักดีและมีมิตรภาพที่แข็งแกร่ง เมื่ออยู่ต่อหน้าสาวงามเป็นเหมือนแค่เมฆลอยเลื่อน! และยิ่งจื้อจุนโกรธ เขายิ่งต้องทำตัวเป็นเด็กว่านอนสอนง่าย

เย่ว์หยางมองไปรอบๆและหายตัวขึ้นไปอยู่บนยอดเขา

เขาเอ่ยปากคุยกับเจี้ยนจางเซิงผู้ใช้มือข้างเดียวแบกโดมฟ้าทั้งวัน  “บริวารผู้นี้ถูกทุบมาอย่างหนักหรือว่าข้าต้องคอยทุบตีเขาดี!”

มังกรปีศาจโกรธจนแทบกระอักเลือก“ฆ่าเขาแล้วเจ้าจะแบกโดมฟ้าแทนเขาหรือ? หากไม่มีใครแบกโดมท้องฟ้า ประตูแห่งชะตาจะปิดลง และอาจไปรบกวนมหาเทพยุคโบราณถึงตอนนั้นทุกคนจบสิ้นกัน ใครถูก ใครผิด พูดไปก็ไร้ประโยชน์! ข้าไม่อยากติดคุกอีกต่อไปแล้ว โดยเฉพาะคุกดำที่ติดกันยาวนานเป็นแสนปี!”

เย่ว์หยางประหลาดใจถามเจี้ยนจางเซิง  “ดูชั่วแว่บแรกเจ้าเหมือนไม่ใช่คนดีทำไมเจ้าถึงมาตรงนี้ช่วยแบกโดมท้องฟ้าให้ทุกคนด้วย?”

เจี้ยนจ้างเซิงฝืนยิ้ม“เรื่องนี้ว่ากันยาว....”

เด็กหนุ่มข้ามโลกส่ายหน้าโบกมือ“ไม่ต้องเล่าก็ได้!” เขาเป็นคนประเภทเห็นอะไรมามากและทนฟังไม่ได้  เขาไม่มีความอดทนขนาดนั้นและพูดเข้าเรื่องโดยตรง  ถ้ามัวแต่พูดอ้อมไปอ้อมมาเมื่อไหร่จะรู้เรื่องกันจากนั้นมองดูที่ไม่ไกลจากเท้าของเจี้ยนจางเซิง ดูเหมือนว่ามีร่างเทพที่เหมือนถูกยักษ์สักแสนตัวเหยียบย่ำใส่แทบไม่มีกระดูกที่สมบูรณ์อยู่ในร่าง ชี่ตันจื้อนั่นเอง  “แล้วเจ้าล่ะ? เห็นได้ชัดว่าเจ้าไม่ใช่คนดีแน่นอน ทำไมเจ้าถึงอยากขึ้นมาที่ภูเขาศักดิ์สิทธิ์นี้หรือว่าขึ้นมาอบซาวน่า?”

ชี่ตันจื้อไม่รู้จักสิ่งที่เรียกว่าซาวน่าแต่พอจะเข้าใจความหมายอยู่บ้าง

เขายิ้มแล้วกล่าว  “ข้าถูกจิ๋วซื่อย่ำใส่ข้าไม่อาจมีชีวิตต่อไปได้ และข้าก็ไม่ต้องการอยู่ต่อไปแล้ว จึงขึ้นมาบนนี้

เย่ว์หยางตกใจกับเทพบริวารผู้นี้“ยอมให้จักรพรรดิไร้เทียมทานเหยียบหรือ? ถ้าอย่างนั้นเจ้าก็หนีอย่างประมาทเกินไป!  มัวแต่หนีอย่างเลินเล่อได้อย่างไร?  ที่นี่อันตรายมาก!”

“เจ้าหมายความว่าข้าทำผิดหรือ?”  ชี่ตันจื้อไม่เคยคิดว่าเขาจะถูกใครเหยียบทั้งยังทำให้เขาได้รับบาดเจ็บสาหัส และอย่างนี้กลับกลายเป็นว่าเขาคิดผิด

“เจ้าคิดว่าตนเองถูกหรือ?”  เย่ว์หยางวิพากษ์วิจารณ์

“อา, ข้าคิดว่าในฐานะคนร้ายข้าสามารถทำผิดได้ แต่ข้าคาดไม่ถึง...” ชี่ตันจื้อสลดใจเล็กน้อย

“ในฐานะคนร้ายเจ้าไม่ได้ทำการไตร่ตรองด้วยตนเองให้ดี เจ้าเอาแต่วิ่งหนีไปรอบๆ และทำไม่ถูก  เรื่องแบบนี้ไม่ควรทำเลย!”  เย่ว์หยางเตือนเขา  “อย่างไรก็ตาม ไหนๆ เจ้าก็จะตายแล้วเจ้ามีอะไรเหลือติดตัวบ้างไหม? ถ้าเจ้าไม่มีของวิเศษ แสดงว่าเจ้าไม่ได้เป็นมนุษย์  และนี่ไม่ใช่เป็นการตายหรือ ข้าคิดว่าของวิเศษเลือกเจ้าเป็นเจ้านายนั้นก็เป็นเรื่องไม่ถูกเช่นกัน!”

“เจ้าหมายความว่าเจ้าก็เลือกจะทำอย่างนี้หรือ?” ในตอนนี้ชี่ตันจื้อนับว่าเข้าใจแล้วว่าเย่ว์หยางหมายถึงอะไร

“ข้าคิดว่าไม่จำเป็นต้องเปรียบเทียบมันชัดเจนมาก! ข้าเห็นเจ้านอนรอความตายอยู่ตรงนี้ ข้ายืนอยู่ตรงนี้ลิงโลดยินดี  เจ้าแก่มากแล้วและอยู่ในสภาพย่ำแย่ไม่มีเรี่ยวแรงพอจะทำเรื่องอื่น ข้ายังอายุเยาว์ ฉลาดพอจะทำเรื่องราวต่างๆได้อย่างราบรื่น เจ้าคงต้องมีความรู้สึกด้อยและมีความรู้เล็กน้อย ข้าคิดว่าเจ้าควรจะเอาสมบัติวิเศษออกมาและมอบให้ข้าทันที แม้ว่าข้าจะปฏิเสธอย่างจริงจังเจ้าก็ต้องให้ข้าอย่างแน่นอน ให้ข้าเถอะไม่งั้นเจ้าจะตายอย่างเปล่าประโยชน์”  เมื่อเย่ว์หยางพูดเช่นนั้น ชี่ตันจื้อดกระอักเลือดออกมาเต็มปากมิได้

บัดซบ!  คุยกันตั้งนาน ที่แท้ต้องการของวิเศษชั้นเทพของข้า!

ไม่ใช่ว่าเขาไม่เคยเห็นคนหน้าด้านมาก่อนแต่ไม่เคยเห็นคนหน้าด้านขนาดนี้มาก่อน เจ้าเด็กนี่ ทำไมเทพเจ้าถึงไม่ใช้สายฟ้าฆ่าเขา?

**** ********

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด