ตอนที่แล้วตอนที่ 41 : กรอกใบสมัครเรียน
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปตอนที่ 43 : ค่ายกลรวบรวมโชคลาภจุดที่สาม!

ตอนที่ 42 : ซุนหยาตงผู้เศร้าโศก


ไม่เพียงแต่ขายไม่ได้ ชื่อเสียงของร้านเสื้อผ้าฉีหยุนก็ดูเหมือนจะแย่ลงเรื่อยๆเช่นกัน บางครั้งซุนหยาตงยังสังเกตเห็นเหล่าผู้คนที่ผ่านไปมารวมกลุ่มกันอยู่ไม่ไกลจากร้าน ชี้มือชี้ไม้มาทางนี้ขณะที่พวกกำลังพูดคุยกัน

พนักงานในร้านต่างก็พากันยืนตัวสั่น ช่วงนี้พวกเธอมักจะถูกตำหนิในเรื่องเล็กๆน้อยๆอยู่เสมอ

ซุนเจี้ยนเฉียงเองก็อยู่ในร้านเช่นกัน เขาไม่กล้าแม้แต่จะส่งเสียงพูด เพราะวันนี้เขาถูกซุนหยาตงด่าไปหลายรอบแล้ว

"บอกฉันสิ ตอนนี้เราจะทำยังไงกับเสื้อผ้าพวกนี้?"

แม้ว่าซุนเจี้ยนเฉียงจะไม่อยากพูดและต้องการทำให้ตัวเองกลายเป็นเหมือนกับอากาศ แต่ซุนหยาตงก็ยังคงจ้องไปที่เขาและถามด้วยน้ำเสียงทุ้มต่ำ

ในเวลานี้เขาไม่รู้ว่าตัวเองเสียใจไปมากแค่ไหนแล้ว ถ้าก่อนหน้านี้เขาใช้เวลาไตร่ตรองให้มากกว่านี้สักนิดในการเปลี่ยนสไตล์เสื้อผ้าในร้าน ผลลัพธ์ก็คงไม่ลงเอยเช่นนี้ แต่เป็นเพราะว่ายอดขายในร้านนั้นเพิ่มมากขึ้นทุกวัน บวกกับคำแนะนำซ้ำๆของซุนเจี้ยนเฉียง ทำให้ในที่สุดเขาก็อดไม่ได้

หากเขารู้สถานการณ์ล่วงหน้าได้ เขาก็คงจะไม่ตัดสินใจเช่นนี้

และตอนนี้ ดูเหมือนว่าเขาจะเริ่มรู้สึกตัวขึ้นมาแล้ว ไม่รู้ว่าทำไมก่อนหน้านี้เขาถึงรู้สึกหลงใหลกับผลกำไรที่เพิ่มขึ้นอย่างช้าๆในทุกวัน เขามักจะรู้สึกว่าถ้ามีเสื้อผ้าราคาแพงหลายรูปแบบหลายสไตล์จะทำให้มีลูกค้าซื้อมันมากยิ่งขึ้น

แต่เมื่อเขาลองคิดอย่างรอบคอบแล้ว ถ้าเป็นตัวเขาเองเดินเข้าไปในร้านขายเสื้อผ้าและเห็นว่าไม่ใช่แบรนด์ดัง แต่ก็ยังขายในราคาที่สูงขนาดนี้ มีความเป็นไปได้ 90% ที่แม้แต่เขาเองก็ยังจะไม่ซื้อมัน

เมื่อได้ยินเช่นนี้ ซุนเจี้ยนเฉียงก็ไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากกัดฟันและพูดว่า "พ่อ ในเมื่อเสื้อผ้าเหล่านี้ขายไม่ออก เราก็ทำได้แค่ส่งคืนในราคาต่ำเท่านั้น"

ในใจของเขายังคงมีความสงสัย ทำไมก่อนหน้านี้ธุรกิจที่นี่ดีมาก แต่พอพวกเขาเปลี่ยนมาขายเสื้อผ้าราคาแพง ยอดขายมันกลับดิ่งลงเหวทันที?

ใบหน้าของซุนหยาตงเริ่มดูอัปลักษณ์ แต่หลังจากนั้นไม่นานเขาก็พยักหน้า

เสื้อผ้าที่รับมาจากตลาดค้าส่งสามารถคืนสินค้าได้ แต่เงินที่ได้คืนมานั้นต่ำมาก ถึงแม้ว่ามันจะได้ราคาต่ำ แต่ก็ดีกว่ากองสุมกันไว้ในร้านเฉยๆ

หากคุณขาดทุนแค่นิดหน่อย มันก็คือการสูญเสียแค่เพียงเล็กน้อย ให้ถือว่าเป็นบทเรียนที่ตนเองสมควรได้รับ

หลังจากที่แสดงท่าทางแล้ว เขาก็ไม่อยากผัดวันประกันพรุ่งอีกต่อไป และต้องการที่จะจัดการกับมันให้เร็วที่สุด สุดท้ายแล้วครั้งนี้เขาอาจจะไม่สูญเสียมากนัก

เขาโทรหาจางเฉียงที่อยู่ตลาดค้าส่งทันที แต่เสียงรอสายดังอยู่สองสามครั้งก่อนที่มันจะถูกตัดสายไป

สีหน้าของซุนหยาตงเปลี่ยนไปเล็กน้อย และเขาก็กดโทรออกอีกครั้ง แต่ในตอนนี้เสียงจากโทรศัพท์ทำให้สีหน้าของเขาเปลี่ยนไปมากยิ่งขึ้น

เขาถูกจางเฉียงตัดสาย!

"พ่อ เกิดอะไรขึ้น" เมื่อเห็นใบหน้าที่น่าเกลียดของซุนหยาตง ซุนเจี้ยนเฉียงก็อดถามไม่ได้

"ไปดูที่ตลาดค้าส่งกัน!"

ซุนหยาตงไม่พูดพร่ำอะไรต่อ และรีบขับรถไปที่อู๋ซื่ออย่างรวดเร็วด้วยใบหน้ามืดมน

"คุณถามหาจางเฉียงงั้นเหรอ? อืม.. หลังจากที่เขาขายเสื้อผ้าจนหมด เขาก็จากไปทันที เขาจากไปนานกว่าหนึ่งสัปดาห์แล้ว"

หลังจากที่พวกเขามาถึง ร้านเดิมของจางเฉียงก็ถูกครอบครองโดยชายวัยกลางคนที่มีใบหน้าไม่คุ้นเคย และเขาก็กล่าวออกมาโดยตรง

เมื่อได้ยินคำพูดของเถ้าแก่คนนี้ ซุนหยาตงก็ตื่นตระหนกทันที

เขาไม่สามารถโทรติดต่อกับจางเฉียงได้ ดังนั้นเขาจึงถามคนแถวนี้เกี่ยวกับข้อมูลการติดต่อด้านอื่นๆของจางเฉียง หรือแม้แต่สถานที่ที่เขาอาศัยอยู่

“บอสซุน จางเฉียงเขามาจากที่อื่นนู่น ดูเหมือนว่าเขาจะมาจากมณฑลเจียงซู เฮ้..ผมจะไปรู้ได้ยังไงว่าเขาอยู่ที่ไหน ปกติแล้วจางเฉียงเขาเป็นคนเงียบๆ เขาเหมือนกับลิง ระมัดระวังตัวมากและไม่ค่อยเอ่ยข้อมูลของตัวเองสักเท่าไร”

เถ้าแก่หลายคนที่นี่ก็พอทราบข้อมูลแค่นิดหน่อย

ซุนหยาตงเป็นแค่คนธรรมดาทั่วไป ในมณฑลขนาดใหญ่ที่มีผู้คนมากมายราวกับน้ำทะเล ถ้าเขาต้องการตามหาใครสักคนมันจะเป็นไปได้ยังไง

ดังนั้นเขาจึงไม่สามารถคืนสินค้าได้โดยปริยาย

หลังจากที่ไม่สามารถคืนสินค้าได้ ซุนหยาตงก็ไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากต้องการขายเสื้อผ้าในร้านของเขาให้กับเถ้าแก่เหล่านี้ โดยหวังว่าจะขายแบบราคาส่ง

"บอสซุน คุณล้อผมเล่นหรือเปล่า เสื้อผ้าที่เราขายอยู่ที่นี่มีราคาประมาณ 100 หยวนเอง ตัวที่ราคา 200-300 หยวนก็มีแค่นิดหน่อย แต่เสื้อผ้าที่คุณจะขายในราคาส่ง อย่างต่ำก็ 300 หยวนแล้ว ถ้าผมรับมาผมจะไปขายให้ใคร? ในหนึ่งเดือนแทบหาสักคนมาซื้อราคานี้ไม่ได้เลย”

“คุณลดราคาให้ผมแล้วงั้นเหรอ? แต่ผมไม่สามารถลดให้ลูกค้าได้ด้วยซ้ำ หากว่าผมขายไม่ได้ สินค้าชุดนี้ก็ต้องค้างอยู่ในมือผมอีก สรุปแล้วผมไม่ได้อะไรเลย นอกจากนี้ ถ้าผมต้องการเสื้อผ้าราคาแพงพวกนี้ ผมสามารถไปดูที่โรงงานตัดเย็บเสื้อผ้าได้ ถึงแม้จะใช้เวลามาก แต่ราคาที่นั่นก็ถูกกว่าแน่นอน”

เมื่อมีคนมาที่นี่เพื่อซื้อเสื้อผ้า เจ้าของร้านขายส่งเหล่านี้ต่างก็กระตือรือร้นอย่างยิ่ง แต่เมื่อได้ยินว่ามีคนจะมาขายสินค้าให้พวกเขา สีหน้าของพวกเขาก็เปลี่ยนไปทันที พวกเขาปฏิเสธและไม่ยอมรับอะไรสักอย่างเลย

รายได้ต่อหัวในเขตชิงหวู่ไม่ถือว่าสูงนัก และตลาดสำหรับเสื้อผ้าราคาแพงก็มีขนาดเล็กอยู่แล้วเช่นกัน เมื่อมีคนขายส่งเสื้อผ้าในโรงงานตัดเย็บเสื้อผ้า เสื้อผ้าราคาแพงมีสัดส่วนมากถึง 10% ที่เหล่าพ่อค้าเสื้อผ้าจำนวนมากไม่แม้แต่จะชายตามอง

หลังจากวนเวียนอยู่หลายชั่วโมงก็ยังไม่มีเถ้าแก่คนใดยอมรับข้อตกลงเลย

ไม่มีใครโง่ เพราะราคาขายส่งของซุนหยาตงตกตัวละตั้ง 300 หยวน เมื่อโรงงานตัดเย็บเสื้อผ้าปล่อยสินค้าพวกนี้ออกมา ราคาอาจจะแค่ 200 หรือมากกว่า 100 หยวนนิดหน่อยด้วยซ้ำ ถ้าพวกเขาต้องการขายส่งเสื้อผ้าราคาแพง พวกเขาไปรับที่โรงงานเลยไม่ดีกว่าเหรอ?

อย่างไรก็ตามเถ้าแก่เหล่านี้เสนอว่า หากราคาเสื้อผ้าลดลงเหลือ 100 หยวน พวกเขาจะยอมซื้อมัน

เมื่อได้ยินเช่นนี้ ซุนหยาตงก็หันหลังกลับและจากไปทันที เสื้อผ้าที่มีราคาขายส่งตกตัวละ 300 หยวน ถูกลดราคาเหลือตัวละ 100 หยวนในเวลาไม่กี่วันเนี่ยนะ? เสียกำไรไปมากกว่าครึ่งทันที ต่อให้ต้องเจ๊งเขาก็จะไม่เสียเวลาคิดสักนิด

แต่หลังจากเขากลับมา ก็ไม่รู้ว่ามีใครจงใจทำให้เรื่องวุ่นวาย เมื่อมีคนกระจายข่าวเกี่ยวกับเรื่องที่เกิดในตลาดค้าส่ง

เสื้อผ้าราคาแพงมูลค่า 700,000 หยวนของซุนหยาตงขายไม่ได้ และไม่มีใครในตลาดค้าส่งยินดีรับซื้อต่อ ในที่สุดข่าวนี้ก็ไปถึงหูเพื่อนของซุนหยาตง

“ตงจื้อ ตอนนี้ฉันรีบใช้เงิน นายช่วยคืนเงิน 100,000 หยวนที่ฉันให้นายยืมไปก่อนหน้านี้ได้ไหม”

"ฉันไม่ได้เร่งนายนะ แต่ฉันมีเรื่องจำเป็นมากที่ต้องใช้เงิน"

หลายๆคนต่างก็โทรมาหาซุนหยาตงเพื่อขอเงินคืน

นอกจากนี้ ข่าวยังแพร่กระจายกลับไปยังซูเปอร์มาร์เก็ตที่เปิดโดยครอบครัวของเขา และซัพพลายเออร์ของซูเปอร์มาร์เก็ตเหล่านั้นถึงกับเริ่มทวงถามหนี้แล้ว

ชั่วขณะหนึ่ง ซุนหยาตงเกือบจะเป็นลมจากความโกรธขณะที่อยู่ในบ้าน

ตอนนี้เขามีเงินซะที่ไหน? ทั้งเงินเก็บของเขาเองและเงินอีกหลายแสนที่เขายืมมาจากเพื่อนๆ ล้วนนำมาลงทุนกับเสื้อผ้าเหล่านั้น และตอนนี้ภายในร้านเสื้อผ้าก็เต็มไปด้วยเสื้อผ้าราคาแพงที่กองสุมกันอยู่มากมาย แล้วก็ไม่มีใครยอมรับซื้อเสื้อผ้ามูลค่า 700,000 หยวนของเขาด้วย เขาคงไม่สามารถส่งเสื้อผ้าไปใช้หนี้แทนเงินสดได้หรอกใช่ไหม?

“รายได้ต่อเดือนของซุปเปอร์มาร์เก็ตนั้นก็ไม่ได้ต่ำ และยังมีค่าเช่าจากร้านอีก 4 แห่ง รวมกันแล้วก็ได้ตั้งเดือนละ 14,000 หยวน นี่มันยังไม่พองั้นเหรอ คุณถึงต้องไปเปิดร้านขายเสื้อผ้าอีก”

ภรรยาที่บ้านที่มักจะอารมณ์ดีอยู่เสมอก็ยังอดไม่ได้ที่จะตำหนิเขา

อย่างไรก็ตาม ไม่ว่าจะมีปัญหามากแค่ไหน เขาก็จำเป็นต้องแก้ปัญหาเรื่องเงินก่อน ในท้ายที่สุดซุนหยาตงก็ตัดสินใจขายร้านที่เขาปล่อยให้เช่า และเขาก็ขายเสื้อผ้าที่มีอยู่ในราคาต่ำซึ่งมันก็สามารถแก้ปัญหาทั้งหมดลงได้

ซุนหยาตงยังคงวางแผนที่จะเก็บร้านเสื้อผ้าฉีหยุนไว้ เพราะนี่คือร้านค้าในใจกลางของเขตชิงหวู่ เขายังคงรอให้มูลค่ามันเพิ่มขึ้น ฉนั้นเขาจึงไม่เต็มใจที่จะขายมันทิ้ง

อย่างไรก็ตาม เพราะเรื่องก่อนหน้านี้ ชื่อเสียงของซุนหยาตงจึงไม่ดีนัก ทำให้ไม่มีใครติดต่อเข้ามาขอเช่าร้านที่ทำเลดีเช่นนี้เลย

ในเวลานี้ ซุนหยาตงก็ไม่รู้ว่าตนเองเศร้าเสียใจไปมากเพียงใดแล้ว เขากำลังมีชีวิตที่ดี แต่เพราะความโลภของเขาแค่ชั่วขณะ ไม่เพียงทำให้เขาไม่ได้รับผลประโยชน์ใดๆ มันยังทำให้เขาสูญเสียทั้งร้านค้าและเงินเก็บไป

และตอนนี้ก็ไม่มีใครมาเช่าร้านค้าของเขาที่ใจกลางเขตเลย ทำให้เขาเหลือธุรกิจเพียงซูเปอร์มาร์เก็ตกับร้านค้าอีกสองแห่งที่กำลังถูกเช่าอยู่เท่านั้น

หากโลกนี้มียารักษาความเสียใจ ซุนหยาตงก็คงจะกลืนมันเข้าไปโดยไม่ลังเล..

(จบตอน)

5 1 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด