ตอนที่แล้วตอนที่ 63: เดินทางในอวกาศ
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปตอนที่ 65: ยานรบรุ่นพิเศษของกองทัพ!

ตอนที่ 64: ซันนี่


ตอนที่ 64: ซันนี่

ดาว ACG21 เป็นดาวที่ถูกปกคลุมไปด้วยหมอกสีดำและเซี่ยเฟยก็ต้องรอจนกว่ายานจะเคลื่อนที่ผ่านหมอกเหล่านี้ลงไปก่อนเขาถึงจะสามารถมองเห็นภาพของสุสานยานอวกาศได้

บนพื้นผิวของดวงดาวมียานอวกาศถูกวางกองเอาไว้เป็นจำนวนมากทั้งยานขนาดเล็กและยานขนาดใหญ่ โดยยานบางลำได้สูญเสียรูปทรงดั้งเดิมของมันไปแล้วขณะที่ยานบางลำถูกปกคลุมไปด้วยวัชพืชสีเขียว

ในระหว่างที่ยานกำลังลงจอด ตัวยานได้เคลื่อนที่ผ่านซากของยานรบขนาดใหญ่ โดยตัวยานลำนี้มีความยาวหลายร้อยกิโลเมตรแต่มีรอยแตกอยู่กลางลำยานและถึงแม้ว่าในปัจจุบันมันจะเป็นเพียงแค่เศษเหล็กแต่เซี่ยเฟยก็ยังรู้สึกตกใจกับความยิ่งใหญ่ของยานลำนี้อยู่ดี

ไม่กี่นาทีต่อมายานก็ลงจอดบนพื้นที่โล่งเซี่ยเฟยและผู้โดยสารคนอื่นจึงทยอยเดินลงมาจากยาน โดยฝั่งตรงข้ามของลานจอดเป็นสนามบินที่ถูกดัดแปลงขึ้นมาจากยานอวกาศลำเก่า

เมื่อชายหนุ่มได้เงยหน้าขึ้นไปบนท้องฟ้าเขาก็เห็นเมฆสีดำอันมืดมนราวกับฝนจะตกลงมาได้ทุกเวลา

สนามบินของดาวดวงนี้คล้ายกับสนามบินที่ถูกทิ้งร้าง เพราะถึงแม้ว่าเซี่ยเฟยจะเดินลงจากยานมาเป็นเวลานานแล้วแต่เขาก็ไม่พบกับพนักงานเลยแม้แต่คนเดียว

บริเวณรอบ ๆ สนามบินถูกล้อมรอบเอาไว้ด้วยรั้วเหล็กที่ขึ้นสนิม ซึ่งรั้วบางส่วนก็พังทลายลงไปบ้างแล้วทำให้ทุกคนสามารถเข้าออกสนามบินได้ตามต้องการ ส่วนด้านนอกสนามบินถูกเชื่อมต่อเอาไว้ด้วยถนนลูกรังทำให้ทุกครั้งที่รถวิ่งผ่านไปผ่านมาจะมีฝุ่นสีดำฟุ้งกระจายอยู่ในอากาศเป็นเวลานาน

“ทำไมที่นี่ถึงไม่มีแท็กซี่ให้บริการเลย” เซี่ยเฟยวางกระเป๋าเป้พร้อมกับยื่นจุดบุหรี่รออยู่ข้างถนนอย่างเบื่อหน่าย โดยหวังว่ามันจะมีรถแท็กซี่ขับผ่านมาให้บริการเขาบ้าง

ในขณะเดียวกันชายฉกรรจ์ที่เดินทางมาพร้อมกับเซี่ยเฟยก็เดินขึ้นไปบนรถที่จอดเอาไว้ก่อนที่จะขับออกไปอย่างรวดเร็วและปล่อยให้เซี่ยเฟยอยู่ริมถนนเพียงลำพัง

เมื่อไม่มีทีท่าว่าจะมีแท็กซี่มาให้ใช้บริการเซี่ยเฟยก็หยิบกระเป๋าเป้ขึ้นมาสะพายและเตรียมพร้อมจะวิ่งเข้าไปภายในเมือง

ท้ายที่สุดเขาก็เป็นผู้ใช้พลังสายความเร็วเขาจึงไม่จำเป็นที่จะต้องรู้สึกกังวลเกี่ยวกับเรื่องการเดินทาง แต่สถานที่แห่งนี้เป็นสถานที่ที่ไม่คุ้นเคยเขาจึงไม่รู้ว่าเขาจะต้องมุ่งหน้าไปทางไหน

แต่ในทันใดนั้นเองรถยนต์สีเหลืองเก่า ๆ คันหนึ่งก็ขับมาหยุดอยู่ตรงหน้าของเขาพร้อมกับฝุ่นควันที่พัดตามมาทำให้เซี่ยเฟยไอสำลักอยู่ 2-3 ครั้ง

หลังจากนั้นชายวัยประมาณ 20 ปีก็เดินลงมาจากรถพร้อมกับโบกมือเป็นสัญญาณให้เซี่ยเฟยขึ้นรถของเขาไป โดยชายหนุ่มคนนี้เป็นชายหนุ่มตัวเล็กร่างผอมและมีผิวสีดำสนิทจนทำให้ในตอนแรกเซี่ยเฟยไม่รู้ตัวเลยว่ามีคนนั่งอยู่ในรถแท็กซี่

“เชิญขึ้นรถมาได้เลยครับคุณลูกค้า วันนี้คุณโชคดีมากที่ผมขับผ่านสนามบินมาพอดี ไม่อย่างนั้นคุณก็คงจะต้องหาที่นอนค้างแถวนี้แล้ว” ชายหนุ่มผิวดำกล่าวด้วยรอยยิ้มที่เผยให้เห็นฟันสีเหลืองขนาดใหญ่

เซี่ยเฟยใช้เวลาคิดอยู่ครู่หนึ่งก่อนที่เขาจะตัดสินใจเดินขึ้นไปนั่งบนรถแท็กซี่พร้อมกับที่รถคันนี้ส่งเสียงคำรามออกมาดังลั่นและออกวิ่งไปด้วยความรวดเร็ว

ช่วงล่างของตัวรถดูไม่ต่างไปจากรถบนโลกมากนักแต่ด้านหลังของตัวรถถูกติดตั้งด้วยเครื่องยนต์ไอพ่นและรอบ ๆ ตัวรถถูกยึดเอาไว้ด้วยแผ่นดิสก์หนา ซึ่งเป็นอุปกรณ์ขับเคลื่อนด้วยระบบแม่เหล็กลอย

“คุณมาหาซื้อยานอวกาศเหรอครับ?” ชายผิวดำถาม

เซี่ยเฟยพยักหน้ารับก่อนจะกล่าวถามกลับไปว่า “คุณรู้ได้ยังไง”

“ผมก็แค่เดา ส่วนใหญ่คนที่เดินทางมาที่นี่ก็มักจะมาหาซื้อยานเหมือนกันทุกคน” ชายผิวดำกล่าวตอบ จากนั้นเขาก็อธิบายต่อไปว่า

“คนที่เดินทางมาที่สุสานยานรบมีอยู่เพียงแค่ 3 ประเภท ประเภทแรกคือคนจนที่ไม่มีตังค์ซื้อยานใหม่ คนประเภทที่ 2 คือผู้เชี่ยวชาญที่หาซื้อของดีราคาถูก ส่วนคนประเภทที่ 3 คือพวกใต้ดินที่ถึงแม้ว่าจะมีเงินแต่ก็ไม่สามารถหาซื้อยานแบบปกติได้ ดังนั้นถ้าหากว่าคุณไม่ระวังแล้วไปเผลอทำธุรกิจกับคนพวกนี้เข้า มันก็อาจจะทำให้คุณต้องเสี่ยงชีวิตของคุณได้เลย ว่าแต่คุณเป็นคนประเภทไหนครับคุณลูกค้า?”

เมื่อได้ยินคำอธิบายเซี่ยเฟยก็ส่งเสียงหัวเราะออกมาเบา ๆ ก่อนที่เขาจะตอบกลับไปว่า “แล้วคุณคิดว่าผมเป็นคนประเภทไหนล่ะ?”

ชายผิวดำมองไปที่ชุดของเซี่ยเฟยอย่างพิจารณา จากนั้นเขาก็กล่าวออกไปว่า “ดูจากท่าทางแล้วคุณยังเด็กเกินไปที่จะร่ำรวย แล้วก็ไม่ได้มีท่าทางที่จะเป็นนักเลง ดังนั้นผมขอเดาว่าคุณน่าจะเป็นคนจนที่มาหาซื้อยานราคาถูก”

เมื่อได้ยินคำตอบเซี่ยเฟยก็ทำได้เพียงแต่เผยรอยยิ้มโดยไม่พูดอะไรกลับไป

“ว่าแต่คุณมีที่พักแล้วหรือยัง?” ชายผิวดำถาม

“ยังไม่มี คุณพอจะมีที่แนะนำไหม?” เซี่ยเฟยกล่าวพร้อมกับส่ายหัว

“วันนี้คุณโชคดีแล้วที่ได้มาเจอกับผม ผมพอจะรู้จักโรงแรมเล็ก ๆ ที่ราคาไม่แพง แต่ที่นั่นไม่มีผู้หญิงให้พี่ชายหรอกนะ” ชายผิวดำกล่าว

หลังจากขับรถมาไม่นานมันก็เริ่มมีเมืองปรากฏขึ้นให้เห็นในระยะสายตา ซึ่งขนาดของเมืองก็ค่อนข้างใหญ่แต่ยังคงมีถนนลูกรังให้เห็นอยู่บ้างทั้งสองข้างทางและมีเศษซากยานอวกาศให้เห็นอยู่บ้างเป็นประปราย โดยเศษยานบางลำก็เป็นที่อยู่อาศัยของคนเหล่านี้

ระหว่างทางเซี่ยเฟยได้สังเกตเห็นอู่ต่อยานที่ค่อนข้างมืดทึบและทรุดโทรม โดยหน้าร้านมีชายร่างใหญ่ที่มีรอยแผลเป็นบนใบหน้ารีบวิ่งมาโบกมือเรียกรถของพวกเขาอย่างกระตือรือร้น ขณะเดียวกันปากของเขาก็กำลังส่งเสียงตะโกนคล้ายกับเขาต้องการเรียกให้รถหยุดลง

อย่างไรก็ตามชายผิวดำกลับเลือกที่จะโบกมือปฏิเสธก่อนที่จะขับรถออกมาโดยไม่ฟังคำพูดอะไรเพิ่มเติม

“ผมขอเตือนคุณเอาไว้ก่อนนะว่าร้านพวกนี้เป็นพวกต้มตุ๋น คุณควรอยู่ห่างจากพวกเขาเอาไว้จะดีกว่า อู่ต่อยานของจริงทุกร้านต่างก็ตั้งอยู่ไกลจากตัวเมือง ส่วนอู่ต่อยานในเมืองต่างก็ล้วนแต่เป็นพวกหลอกลวง” ชายผิวดำกล่าวขึ้นมาด้วยสีหน้าอันเคร่งขรึมและการที่เขาไม่ได้พูดโกหกก็ทำให้เซี่ยเฟยแอบชื่นชมชายคนนี้อยู่ในใจ

ถึงแม้ว่ารูปลักษณ์ภายนอกของชายคนนี้จะดูไม่ดีแต่เขาก็กล้าที่จะเตือนคนแปลกหน้า อย่างไรก็ตามการอยู่กับชายคนนี้ก็ค่อนข้างที่จะปวดหัวอยู่เล็กน้อย เพราะถึงแม้ว่าเขาจะขับรถมานานกว่า 1 ชั่วโมงแล้วแต่เขาก็ไม่เคยหยุดพูดเลยตลอดทั้งทาง

ในที่สุดรถโฮเวอร์ก็ไปหยุดที่ถนนอันห่างไกลโดยชายผิวดำได้ชี้นิ้วไปทางด้านซ้ายพร้อมกับกล่าวขึ้นมาว่า

“ฝากบอกแม่ผมด้วยว่าผมต้องดูแลแขกอีก 2-3 วัน ไม่ต้องรอผมกลับไปกินข้าว”

เซี่ยเฟยเดินลงจากรถพร้อมกับมองไปยังทิศทางที่ชายผิวดำคนนี้ชี้และเขาก็เห็นโรงแรมที่ถูกสร้างขึ้นมาจากซากยาน โดยฝั่งตรงข้ามของโรงแรมมีป้ายไม้เก่า ๆ ที่เขียนเอาไว้ว่า ‘โฮมอินน์’

ประตูกระจกของโรงแรมถูกขัดเงาจนมองทะลุไปยังอีกฟากอย่างเห็นได้ชัด ส่วนบนพื้นก็ถูกขัดจนไม่มีคราบให้เห็น ซึ่งในสถานที่แบบนี้การจะหาโรงแรมเล็ก ๆ ที่สะอาดถือว่าเป็นเรื่องที่หาได้ยากมาก

“คุณชื่ออะไร? ผมยังไม่ได้จ่ายเงินให้คุณเลย” เซี่ยเฟยกล่าวถามเมื่อเห็นชายผิวดำกำลังจะขับรถออกไป

“ผมชื่อ ‘ซันนี่’ คุณจ่ายเงินให้แม่ผมได้เลย” ชายผิวดำกล่าวก่อนจะขับรถออกไปด้วยความรวดเร็ว

ขณะที่เซี่ยเฟยเดินไปที่โรงแรมเขาก็ใช้มือปัดฝุ่นออกจากเสื้อผ้า เพราะด้วยการเดินทางบนถนนลูกรัง มันจึงทำให้เสื้อยืดสีขาวของเขาถูกย้อมสีจนเกือบจะกลายเป็นสีดำ

หลังจากเคาะประตูกระจก 2-3 ครั้งหญิงผิวดำร่างอวบวัยประมาณ 50 ปีก็เดินมาเปิดประตูด้วยรอยยิ้ม

“ซันนี่บอกให้ผมมาที่นี่ เขาฝากบอกด้วยว่าเขายังต้องคอยดูแลแขกอีกหลายวันไม่ต้องรอเขากลับมากินข้าว” เซี่ยเฟยกล่าว

เมื่อได้ยินการแนะนำตัวหญิงผิวดำก็เชิญเซี่ยเฟยเข้าไปด้านในพร้อมกับใช้ไม้ปัดฝุ่นปัดทำความสะอาดเสื้อผ้าของชายหนุ่ม

“เนื้อตัวคุณสกปรกไปหมดแล้ว คุณขึ้นไปอาบน้ำบนห้องก่อนดีกว่า”

จากนั้นแม่ของซันนี่ก็พาเซี่ยเฟยขึ้นไปบนห้องชั้น 2 โดยโรงแรมแห่งนี้ค่อนข้างเงียบและไม่มีแขกคนอื่นนอกจากเซี่ยเฟยเลย ซึ่งมันเห็นได้ชัดเลยว่าธุรกิจของโรงแรมนี้กำลังแย่แค่ไหน

ห้องพักของโรงแรมเป็นห้องขนาดเล็กที่มีเพียงแค่เตียงเดี่ยว, โต๊ะดีบุกและกระถางต้นไม้สีเขียวที่ไม่รู้จัก แต่เซี่ยเฟยก็ค่อนข้างจะพอใจกับโรงแรมแห่งนี้มาก เพราะท้ายที่สุดเขาก็ไม่ใช่คนเรื่องมากเรื่องอาหารและที่พัก ดังนั้นขอแค่เขามีเตียงนอนกับมีอาหารกินก็ถือว่าเพียงพอแล้ว

หลังอาบน้ำเสร็จเซี่ยเฟยก็จุดบุหรี่พร้อมกับนั่งลงบนเตียงก่อนที่มันจะมีเสียงเคาะประตูดังขึ้นมา

เมื่อเซี่ยเฟยเปิดประตูเขาก็เห็นแม่ซันนี่ยืนอยู่พร้อมกับตะกร้า 1 ใบ

“เอาเสื้อผ้าของคุณมา เดี๋ยวฉันจะไปซักให้”

“ไม่เป็นไรครับ เดี๋ยวผมซักเอง” เซี่ยเฟยกล่าวพร้อมกับรีบส่ายหัว

แม้จะได้ยินคำปฏิเสธแต่แม่ของซันนี่ก็ไม่ได้สนใจอะไร เธอจึงผลักเซี่ยเฟยออกไปด้านข้างพร้อมกับเก็บเสื้อผ้าทั้งหมดรวมทั้งกางเกงในลงไปในตะกร้า

“ผู้ชายควรจะทำงานใหญ่ ส่วนเรื่องเล็กน้อยพวกนี้ปล่อยให้เป็นหน้าที่ของผู้หญิงเถอะ” แม่ของซันนี่พูดขึ้นมาลอย ๆ ก่อนที่เธอจะเดินกลับไปที่ประตูและพูดออกมาอีกว่า

“อาหารเย็นจะเสร็จตอนประมาณ 1 ทุ่ม วันนี้พวกเรามีมันฝรั่งกับเบคอน”

เซี่ยเฟยทำได้เพียงแต่เฝ้าดูหญิงผิวดำจากไปโดยไม่สามารถจะทำอะไรได้ แต่เขาก็ค่อนข้างที่จะชื่นชมครอบครัวนี้อยู่ภายในใจ แล้วมันก็ดูเหมือนกับว่าครอบครัวของซันนี่ค่อนข้างจะน่าไว้ใจในระดับหนึ่ง

เมื่อถึงเวลา 1 ทุ่มเซี่ยเฟยก็เดินลงบันไดไปอย่างตรงเวลาและได้เห็นหม้อใส่มันฝรั่งสีเหลืองบนโต๊ะอาหาร ส่วนอีกหม้อใส่เบคอนชิ้นบาง ๆ จัดเตรียมเอาไว้อย่างสวยงาม

การเดินทางตลอดทั้งวันทำให้ชายหนุ่มค่อนข้างเพลียแต่เมื่อเขาเห็นว่าไม่มีใครอยู่เขาจึงหยิบมันฝรั่งใส่เข้าไปในปาก

“อย่าแอบกินนะ!” เสียงแม่ของซันนี่ดังขึ้นมาจากที่ไหนสักแห่งและมันก็ทำให้เซี่ยเฟยเผลอเอามันฝรั่งทั้งลูกเข้าไปในปากก่อนที่มันจะติดอยู่ในลำคอ

ใบหน้าของเซี่ยเฟยเปลี่ยนเป็นสีแดงก่ำและเขาก็พยายามทุบหน้าอกของตัวเองอย่างสิ้นหวัง ก่อนที่มันฝรั่งจะถูกกลืนลงไปได้ในที่สุด

จากนั้นไม่นานเซี่ยเฟยก็ตระหนักว่าด้านหน้าของเขามีเด็กชายวัยประมาณ 10 ขวบกำลังยืนจ้องมองเขาด้วยท่าทางอันสงสัย

“ทำไมพี่ถึงไม่เคี้ยวก่อนกลืนล่ะ?” เด็กน้อยถาม

“เออ…” เซี่ยเฟยพูดไม่ออกอยู่ครู่หนึ่งและใบหน้าของเขาก็เริ่มเปลี่ยนเป็นสีแดงด้วยความเขินอาย

ในช่วงเวลาอาหารค่ำเซี่ยเฟยก็รู้ว่าเด็กชายตัวเล็กคนนี้มีชื่อว่า ‘นีโม่’ และเขาก็เป็นน้องชายของซันนี่

หลังจากทานอาหารจนพึงพอใจเซี่ยเฟยก็ลูบท้องด้วยใบหน้าที่เต็มไปด้วยความสุขพร้อมกับหยิบบุหรี่ออกมาเริ่มสูบ

“คุณกินเก่งจริง ๆ แต่ผู้ชายก็ต้องกินเก่งแบบนี้แหละถึงจะมีแรงออกไปทำงาน” แม่ซันนี่กล่าวขึ้นมาด้วยความชื่นชม

แต่ทันใดนั้นมันก็มีเสียงเบรคดังขึ้นมาจากหน้าประตูและถ้าหากเดาไม่ผิดเซี่ยเฟยก็คิดว่าซันนี่กำลังกลับมา

ซันนี่เดินเข้ามาภายในห้องอาหารและนั่งลงบนโต๊ะโดยไม่พูดอะไร จากนั้นเขาก็เริ่มกินอาหารแต่หน้าตาของเขาไม่ค่อยมีความสุขมากนัก

“ไหนบอกแม่ว่าจะไปดูแลลูกค้า 2-3 วัน?” แม่ของซันนี่ถาม

“ไอ้คนพวกนั้นมันไปจ้างเจ้าอ้วนลั่วแล้ว” ซันนี่กล่าวตอบหลังจากเขากลืนเบคอนลงไปในคอ

“ไม่เป็นไร ๆ คนพวกนั้นดูไม่ค่อยน่าไว้ใจอยู่แล้ว ถ้าพวกเขาทำเรื่องผิดกฎหมายลูกอาจจะพลอยซวยไปด้วย” แม่ของซันนี่พยายามกล่าวปลอบใจ

เมื่อได้ฟังบทสนทนาระหว่างสองแม่ลูกเซี่ยเฟยก็ตระหนักได้ในทันทีว่าลูกค้าที่ซันนี่ได้พูดถึงในก่อนหน้านี้อาจจะเป็นพวกโจรสลัดอวกาศ

หลังจากใช้เวลาคิดอยู่ครู่หนึ่งเซี่ยเฟยก็ตัดสินใจกล่าวออกมาว่า “ซันนี่นายสนใจมาเป็นไกด์นำทางให้กับฉันไหม?”

***************

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด