ตอนที่แล้วตอนที่ 7: แหวนทะลุลม
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปตอนที่ 9: ก่อการร้าย

ตอนที่ 8: ตระกูลรอธส์ไชลด์


ตอนที่ 8: ตระกูลรอธส์ไชลด์

“แหวนทะลุลมทำขึ้นมาจากหินจักจั่นซึ่งเป็นวัตถุดิบที่หาได้ยาก โดยลักษณะภายนอกของหินจักจั่นดูคล้ายกันกับหินกล้วยไม้ขาวซึ่งเป็นวัตถุดิบที่ใช้ในการสร้างแหวนต้านลม อย่างไรก็ตามพลังของหินจักจั่นก็เข้มข้นกว่าหินกล้วยไม้ขาวมากและลวดลายของมันก็ยังสวยงามกว่าอย่างชัดเจน เห็นได้ชัดเลยว่าคนขายรายนี้ไม่ได้มีความเชี่ยวชาญในด้านอุปกรณ์เขาจึงเข้าใจผิดว่าแหวนทะลุลมเป็นแหวนต้านลม ฉันคิดว่าถ้าแหวนวงนี้ได้ไปอยู่ในมือของพ่อค้าที่เชี่ยวชาญมันก็สมควรที่จะมีราคาอย่างน้อย 200,000 สตาร์คอยน์” อันธกล่าวอธิบาย

“200,000 สตาร์คอยน์! แหวนวงนี้มันมีค่ามากขนาดนั้นเลยหรอ” เซี่ยเฟยอุทานพร้อมกับอ้าปากค้างขึ้นมาด้วยความตื่นตกใจ เพราะรูปลักษณ์ภายนอกของแหวนวงนี้ดูธรรมดามากแต่ในความเป็นจริงมันกลับมีค่ามากยิ่งกว่าอัญมณีใด ๆ ที่อยู่บนโลก

เมื่อได้ยินเช่นนั้นอันธก็ได้กล่าวออกมาด้วยน้ำเสียงที่ปะปนความดูถูกอยู่เล็กน้อยว่า

“ราคาแค่นี้ถือว่าจิ๊บ ๆ การพยายามจะเป็นนักรบมันก็จำเป็นที่จะต้องมีค่าใช้จ่ายที่สูงมากอยู่แล้ว เพราะไม่ว่าจะเป็นน้ำยาหรืออุปกรณ์ต่างก็ล้วนแล้วแต่มีราคาที่แพงมาก ยกตัวอย่างเช่น ส่วนผสมของน้ำยาที่พวกเราได้ซื้อไปในวันนี้ พวกมันเป็นส่วนผสมสำหรับการผลิตน้ำยากระตุ้นเซลล์จำนวนมาก แล้วนายรู้ไหมถ้านายต้องการซื้อน้ำยาพวกนั้นโดยตรงนายจะต้องใช้เงินเท่าไหร่”

แน่นอนว่าเซี่ยเฟยย่อมส่ายหัวกลับไปเป็นคำตอบเพราะเขาไม่รู้ราคาของสินค้าที่วางขายในต่างดาวเลย

หลังจากที่เซี่ยเฟยได้ทำการค้นหาคำว่า 'น้ำยากระตุ้นเซลล์' มันก็มีข้อมูลของน้ำยาชนิดนี้ปรากฏขึ้นมาอย่างรวดเร็ว โดยน้ำยากระตุ้นเซลล์แต่ละขวดมีราคาอย่างน้อยอยู่ที่ 30,000 สตาร์คอยน์ ในขณะที่น้ำยากระตุ้นเซลล์ขั้นกลางจะมีราคาอย่างน้อย 150,000 สตาร์คอยน์

จากที่อันธได้พูดมาวัตถุดิบทำน้ำยารอบนี้สมควรที่จะผลิตน้ำยาออกมาได้อย่างน้อย 10 ขวด ซึ่งถ้าหากว่าเขาได้ทำการซื้อพวกมันจากร้านค้ามันก็จะมีราคาอย่างน้อย 300,000 สตาร์คอยน์ แต่เมื่อเทียบกับเงินจำนวน 63,000 สตาร์คอยน์ที่เขาได้ซื้อวัตถุดิบและเครื่องมือสำหรับปรุงน้ำยาไป อันธก็ช่วยให้เขาสามารถประหยัดเงินไปได้มากกว่า 200,000 สตาร์คอยน์เลยทีเดียว

“ตอนนี้นายเข้าใจแล้วใช่ไหม” อันธกล่าวถามด้วยน้ำเสียงที่เต็มไปด้วยความภาคภูมิใจ

“อืม.. ถึงแม้ว่าบทกวีของนายจะดูแย่แต่ฉันก็ต้องยอมรับว่าความสามารถของนายในด้านอื่น ๆ จัดว่าอยู่ในระดับที่ยอดเยี่ยม” เซี่ยเฟยกล่าวพร้อมกับพยักหน้าซ้ำ ๆ

เมื่อได้ยินเช่นนั้นอันธก็ขดริมฝีปากพร้อมกับกล่าวออกมาด้วยน้ำเสียงที่ไม่ค่อยพอใจว่า

“ฉันเป็นถึงศิษย์สำนักเงาสังหารเชียวนะ สำนักของพวกเราทำการศึกษาหาความรู้จากสมัยโบราณมามากกว่า 10 ล้านวิชา ถ้าหากว่านายสามารถเรียนรู้ความสามารถทางด้านปรุงยาไปจากฉันได้ทั้งหมด นายก็จะกลายเป็นยอดนักปรุงยาที่โดดเด่นและสามารถทำเงินได้อย่างมหาศาล”

หลังจากที่เซี่ยเฟยคลิกทำการสนทนากับผู้ขายอย่างเบามือ มันก็มีร่างของชายหนุ่มคนหนึ่งได้ปรากฏขึ้นมาตรงหน้าของเขา โดยชายคนนี้มีอายุประมาณ 20 ปีและรูปร่างหน้าตาของเขาก็ไม่ได้ต่างไปจากมนุษย์บนโลกเลยนอกเสียจากดวงตาของเขาที่มีลักษณะเหมือนกับถั่วฟักยาว 2 เส้น

“สวัสดีครับ ติดต่ออะไรครับ” ชายหนุ่มกล่าวถาม

“ผมต้องการซื้อแหวนต้านลมมือสอง”

เซี่ยเฟยจงใจเน้นคำว่า 'มือสอง' ซึ่งมันจะมีผลทางจิตวิทยาว่าแหวนวงนี้เป็นเพียงแค่สินค้ามือสอง ดังนั้นอย่าริอาจที่จะขายมันออกมาในราคาของมือหนึ่งอย่างเด็ดขาด

“ถึงแม้ว่าแหวนวงนั้นอาจจะเป็นของมือสองแต่มันก็มีสภาพที่ดีเยี่ยม ผมขอคิดราคาแค่ 8,000 สตาร์คอยน์ คุณโอเคไหม”

เมื่อได้ยินเช่นนั้นเซี่ยเฟยก็ส่ายหัวพร้อมกับกล่าวออกไปว่า

“ไม่.. ราคานั้นมันสูงมากจนเกินไป เพราะแม้แต่บริษัทมังกรด่วนจี๋ที่ขายแหวนต้านลมวงใหม่เอี่ยมก็ยังขายแหวนชนิดนี้รวมค่าขนส่งแค่ 9,000 สตาร์คอยน์เท่านั้น”

“เอาล่ะ พวกเรามาทำข้อตกลงแบบสหายกันดีกว่า ผมยอมลดราคาให้เหลือ 7,500 สตาร์คอยน์และผมก็คงจะลดให้มากไปกว่านี้ไม่ได้อีกแล้ว”

“ถ้าพวกเราเป็นเพื่อนกันการค้าขายในครั้งนี้ก็สมควรที่จะต้องเต็มไปด้วยความจริงใจ เม็ดพลังบนแหวนนั่นดูหยาบกร้านกว่าปกติอย่างเห็นได้ชัดซึ่งมันก็คงจะส่งผลกระทบกับประสิทธิภาพของแหวนมากพอสมควร ผมสามารถให้ราคามันได้มากที่สุดแค่ 7,000 สตาร์คอยน์เท่านั้นถ้าผมต้องจ่ายมากกว่านี้ผมคิดว่าผมไปซื้อแหวนวงใหม่คงจะคุ้มกว่า”

เม็ดพลังบนแหวนดูหยาบกร้านมากกว่าปกติจริง ๆ ซึ่งชายหนุ่มผู้ขายแหวนก็รู้เรื่องนี้เช่นเดียวกัน ดังนั้นเขาจึงทำท่าครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่งก่อนที่จะกล่าวตอบออกไปว่า

“คุณช่างเจรจาเก่งจริง ๆ เอาล่ะผมตกลงขายให้คุณในราคา 7,000 สตาร์คอยน์”

เมื่ออันธได้เห็นเซี่ยเฟยสามารถซื้อแหวนทะลุลมที่สมควรจะมีมูลค่า 200,000 สตาร์คอยน์ด้วยราคาเพียงแค่ 7,000 สตาร์คอยน์ เขาก็ได้กล่าวออกไปว่า

“นายช่างมีคุณสมบัติที่จะกลายเป็นนักธุรกิจที่ไร้อย่างอายพวกนั้นจริง ๆ ว่าแต่นายรู้ได้ยังไงว่าบริษัทมังกรด่วนจี๋ขายแหวนวงใหม่ในราคา 9,000 สตาร์คอยน์”

เซี่ยเฟยคลิกปุ่มเพื่อยืนยันข้อตกลงการซื้อขายก่อนที่จะเอาบุหรี่เข้าปากและกล่าวออกไปว่า

“ฉันก็ไม่รู้เหมือนกัน”

เมื่อได้ยินเช่นนั้นมันก็ถึงกับทำให้อันธพูดไม่ออก เพราะเขาไม่เคยคิดเลยว่าเซี่ยเฟยจะกำลังบลัฟอีกฝ่ายโดยที่ไม่มีข้อมูลที่แท้จริงแบบนี้

—--

หลังจากที่เซี่ยเฟยได้ทำการชอปปิงวัตถุดิบสำหรับการปรุงยา, แหวนทะลุลมและจ่ายเงินค่าจัดส่งแล้ว เงินในบัญชีของเขาก็เหลืออยู่เพียงแค่ 1,437 สตาร์คอยน์เท่านั้น

อย่างไรก็ตามรัฐบาลกลางก็คิดอัตราแลกเปลี่ยนสตาร์คอยน์พวกนี้อยู่ที่ 1 : 10,000 แอลไลคอยน์และการที่เขามีเงินอยู่มากกว่า 1,400 สตาร์คอยน์ มันก็หมายความว่าเขาสามารถแลกเปลี่ยนพวกมันเป็นเงินได้มากกว่า 14 ล้านแอลไลคอยน์!

นอกจากนี้เขายังพูดถึงแต่อัตราแลกเปลี่ยนของรัฐบาลเท่านั้นแต่เนื่องมาจากว่าสตาร์คอยน์กำลังเป็นที่ขาดแคลน ดังนั้นอัตราการแลกเปลี่ยนสตาร์คอยน์ในตลาดมืดจึงอยู่ที่ 1 : 12,000 แอลไลคอยน์เลยทีเดียว

เมื่อพิจารณาถึงเงินในกระเป๋าแล้วเซี่ยเฟยก็ตัดสินใจที่จะทำการแลกเปลี่ยนสตาร์คอยน์เหล่านี้ให้กลายเป็นเงินแอลไลคอยน์ เพราะหลังจากที่เขาได้ใช้คอมพิวเตอร์ AI ไป 2 ครั้งเงินภายในบัตรเครดิตของเขาก็เหลืออยู่น้อยกว่า 100,000 แอลไลคอยน์ไปเป็นที่เรียบร้อยแล้ว

ขณะเดียวกันธนาคารเอ็นดาโร่สาขาโลกก็ได้ตั้งอยู่ที่สหพันธ์โลกสาขานิวยอร์ก ซึ่งมันก็หมายความว่าถ้าหากเขาต้องการจะแลกเปลี่ยนสตาร์คอยน์เขาก็จำเป็นที่จะต้องเดินทางไปยังประเทศสหรัฐอเมริกา

หลังจากที่เซี่ยเฟยได้จัดกระเป๋าเดินทางเป็นที่เรียบร้อยแล้วเขาก็ได้มุ่งหน้าตรงไปยังสนามบินปักกิ่ง

พลเมืองระดับคลาส A ได้รับสิทธิพิเศษโดยไม่จำเป็นที่จะต้องทำการจองเที่ยวบินล่วงหน้า เพราะสายการบินทั้งหมดสามารถที่จะจัดที่นั่งให้กับพลเมืองระดับนี้ได้ในทันที ซึ่งมันถือได้ว่าเป็นหนึ่งในสิทธิพิเศษที่ค่อนข้างสะดวกสบายอย่างแท้จริง

—--

ภายในห้องโดยสารชั้นเฟิร์สคลาสสำหรับเที่ยวบินจากปักกิ่งไปนิวยอร์ก

ปัจจุบันเซี่ยเฟยกำลังนั่งอยู่บนเก้าอี้อันกว้างขวางโดยภายในมือของเขาได้ถือแก้วแชมเปญที่พนักงานบนเครื่องได้นำมาเสิร์ฟ

เก้าอี้ที่เขากำลังนั่งอยู่นี้มีความกว้างขวางและสะดวกสบายเป็นอย่างมาก ซึ่งเขาก็สามารถที่จะเอนกายนอนหลับลงไปบนเก้าอี้ตัวนี้ได้โดยไม่มีปัญหาใด ๆ

ภายในห้องโดยสารชั้นเฟิร์สคลาสมีผู้โดยสารอยู่เพียงแค่ 10 กว่าคน โดยคนที่นั่งอยู่ด้านข้างเซี่ยเฟยเป็นชายชราคนหนึ่งที่มีอายุประมาณ 70 ปี ใบหน้าของเขาเต็มไปด้วยริ้วรอย แต่เนื่องมาจากว่าเขาได้สวมใส่แว่นดำขนาดใหญ่มันจึงทำให้ชายชราคนนี้ยังคงมีความเท่ในแบบฉบับของคนสูงอายุ

ขณะเดียวกันที่มือซ้ายของชายชราคนนี้ก็มีกระเป๋าเอกสารที่ทำขึ้นมาจากอลูมิเนียมอัลลอยถูกปิดเอาไว้อย่างหนาแน่น ยิ่งไปกว่านั้นที่ข้อมือของเขายังได้คล้องกุญแจล็อกเข้ากับกระเป๋าใบนี้เอาไว้อีกด้วย ซึ่งมันก็ทำให้เซี่ยเฟยอดที่จะรู้สึกสงสัยขึ้นมาไม่ได้จริง ๆ ว่ากระเป๋าใบนี้มีของล้ำค่าชนิดใดได้ถูกเก็บซ่อนเอาไว้ภายในกันแน่

“คุณสูบบุหรี่หรือเปล่า” ชายชรากล่าวถามพร้อมกับยื่นกล่องบุหรี่สีเงินที่ดูสวยงามมาทางเซี่ยเฟย

เมื่อได้เห็นปฏิกิริยาที่เป็นมิตรเซี่ยเฟยก็เผยรอยยิ้มและจับมือกับชายชราเป็นการทักทาย จากนั้นเขาก็ได้หยิบบุหรี่หงตะชานของเขาออกมาก่อนที่เขาจะได้กล่าวออกไปว่า

“ผมต้องขอโทษด้วยจริง ๆ แต่ผมสูบแค่บุหรี่ยี่ห้อหงตะชานเท่านั้นและผมก็ไม่ชินกับบุหรี่ตัวอื่นเท่าไหร่”

เมื่อได้ยินคำพูดจากชายหนุ่มชายชราก็แสดงท่าทางอยากรู้อยากเห็นออกมาเล็กน้อยเพราะเขาไม่เคยเห็นบุหรี่ราคาถูกแบบนี้มาก่อน

“บุหรี่แบบนี้มันอร่อยไหม”

ชายชรากล่าวถามพร้อมกับหยิบบุหรี่ของเซี่ยเฟยออกมาแล้วเริ่มทำการสูบเข้าไปในทันที แต่ในเวลาอีกไม่กี่วินาทีต่อมาเขาก็เริ่มไอคล้ายกับคนสำลักควัน จากนั้นเขาก็สูดลมหายใจเข้าไปอีก 2-3 ครั้งก่อนที่จะดับบุหรี่

“ฉันไม่ชินกับรสชาติแบบนี้จริง ๆ มันค่อนข้างจะเผ็ดเกินไปซักหน่อย”

แม้ว่าจะได้เห็นท่าทางของชายชราแต่เซี่ยเฟยก็ไม่ได้พูดอะไรและถึงแม้ว่าบุหรี่ยี่ห้อนี้จะค่อนข้างแข็งกระด้างเกินไปบ้าง แต่เขาก็ชื่นชอบมันเป็นพิเศษ

“หนุ่มน้อยคุณชื่อว่าอะไร”

“ผมชื่อเซี่ยเฟย แล้วไม่ทราบว่าจะให้ผมเรียกคุณว่ายังไงดี”

“ฉันชื่ออันเดร์... อันเดร์ รอธส์ไชลด์”

ตระกูลรอธส์ไชลด์!!

ตระกูลรอธส์ไชลด์เป็นตระกูลที่ถูกรู้จักในฐานะของตระกูลนายธนาคารที่ใหญ่ที่สุดของสหพันธ์โลก ซึ่งสินทรัพย์ที่พวกเขาได้ครอบครองอยู่นั้นมันก็เป็นจำนวนมากมายมหาศาลและมันก็คงจะไม่ใช่เรื่องที่จะกล่าวเกินจริงหากจะบอกว่าสินทรัพย์ภายในตระกูลรอธส์ไชลด์มันเทียบได้กับสินทรัพย์ของประเทศทั้งประเทศ

ว่ากันว่าในตอนที่อิสราเอลได้ทำการก่อตั้งขึ้นมาคนของตระกูลรอธส์ไชลด์ก็มีบทบาทสำคัญในการโน้มน้าวรัฐบาลอเมริกาให้ทำการช่วยเหลือชาวยิวในการก่อตั้งประเทศของตนเอง

มันไม่มีใครรู้อย่างแท้จริงว่าตระกูลนี้มีความมั่งคั่งมากเพียงใด แต่มันก็เป็นเรื่องที่ทุกคนรู้กันดีว่าคำพูดจากคนในตระกูลนี้เพียงแค่คำเดียวก็อาจจะทำให้ระบบการเงินของสหพันธ์ทั้งระบบสั่นคลอนขึ้นมาได้อย่างง่ายดาย

“ผมไม่เคยคิดเลยว่าคุณจะเป็นคนจากตระกูลรอธส์ไชลด์ที่มีชื่อเสียง มันช่างเป็นเกียรติสำหรับผมจริง ๆ ที่ได้พบกับคุณ” เซี่ยเฟยกล่าวออกไปด้วยน้ำเสียงที่ไม่ได้นอบน้อมหรือเย่อหยิ่งมากจนเกินไป

“ตอนนี้มันเป็นยุคของสหพันธ์แล้ว อำนาจของตระกูลรอธส์ไชลด์ก็ไม่ได้มีความยิ่งใหญ่เหมือนกับเมื่อก่อนอีกต่อไป ยิ่งไปกว่านั้นมันยังมีตัวตนอันทรงอำนาจอยู่ภายในจักรวาลอีกอย่างมากมาย ตระกูลของพวกเราก็เป็นเพียงแค่พวกกบที่อยู่ในกะลา” อันเดร์กล่าวออกมาด้วยท่าทีที่หดหู่ใจเล็กน้อย

อารยธรรมจากนอกโลกได้ส่งผลกระทบกับระเบียบสังคมดั้งเดิมของโลกอย่างแท้จริง เพราะท้ายที่สุดไม่ว่าจะเป็นองค์กรหรือตระกูลที่เคยยิ่งใหญ่มากแค่ไหนก็เป็นเพียงแค่มดแมลงในสายตาของอารยธรรมจากนอกโลกเท่านั้น

ตอนนี้ทุก ๆ คนบนโลกต่างก็รู้สึกแย่จากการปรากฏตัวอย่างกระทันหันของอารยธรรมจากต่างดาว ซึ่งแน่นอนว่าสำหรับตระกูลที่เคยมีอำนาจในอดีตแล้วมันก็ไม่มีใครรู้สึกดีกับการปรากฏตัวของอารยธรรมนอกโลก

“คุณจะพูดแบบนั้นก็ไม่ถูก พวกอารยธรรมจากต่างดาวแค่มีเวลาในการพัฒนามากกว่าพวกเรา ซึ่งถ้าหากว่าพวกเรามีเวลาในการพัฒนาที่เท่ากันพวกเราก็คงจะไม่ได้ด้อยไปกว่าพวกเขามากนัก” เซี่ยเฟยพยายามกล่าวปลอบอันเดร์

“ฉันก็หวังว่ามันจะเป็นแบบนั้นเหมือนกัน การเป็นคนหนุ่มสาวช่างเป็นเรื่องที่ดีจริง ๆ คนในวัยเดียวกับฉันหวังแค่เพียงจะใช้ช่วงเวลาที่เหลืออย่างสงบสุขเท่านั้นเอง ว่าแต่คุณจะเดินทางไปนิวยอร์กทำไมหรอ”

“ผมกำลังจะไปทำธุระที่ธนาคารเอ็นดาโร่” เซี่ยเฟยกล่าวตอบกลับไป

“ธนาคารเอ็นดาโร่? ขอโทษที่ฉันเสียมารยาทนะ แต่ธนาคารแห่งนั้นไม่รับธุรกรรมที่เกี่ยวกับเงินแอลไลคอยน์หรือว่าคุณ…” อันเดร์กล่าวขึ้นมาด้วยดวงตาอันเปล่งประกาย

“จริง ๆ แล้วมันก็ไม่ได้มีอะไรมากนักหรอก ผมมีสตาร์คอยน์อยู่พันกว่าเหรียญและผมก็ต้องการที่จะทำการแลกเปลี่ยนพวกมันเป็นเงินแอลไลคอยน์เท่านั้นเอง” เซี่ยเฟยกล่าวขึ้นมาด้วยรอยยิ้ม

เมื่อได้ยินจุดประสงค์ของชายหนุ่มอันเดร์ก็แสดงท่าทางอันตื่นเต้นออกมามากยิ่งขึ้นกว่าเดิมและเขาก็พยายามขยับร่างกายอันอวบอ้วนของเขาไปทางเซี่ยเฟย

“คุณช่วยแลกสตาร์คอยน์กับพวกเราได้ไหม ฉันรู้ว่าเรื่องนี้ออกจะเป็นเรื่องที่เห็นแก่ตัวเกินไปซักหน่อย แต่สำหรับตระกูลของฉันเรื่องนี้มันสำคัญมาก” อันเดร์กล่าวถามด้วยความกระตือรือร้น

อย่างไรก็ตามก่อนที่ชายชราจะได้พูดอะไรไปมากกว่านี้มันก็มีชายวัยกลางคนผู้มีร่างกายอันกำยำลุกขึ้นยืนภายในห้องโดยสาร ก่อนที่เขาจะได้เดินไปยังพื้นที่ตรงกลางห้องและเผชิญหน้ากับทุกคน

หลังจากนั้นชายผู้มีร่างกายอันกำยำคนนี้ก็ได้ฉีกเสื้อหนังแจ็คเก็ตสีดำของเขาออกซึ่งมันก็เผยให้เห็นระเบิดที่มัดติดอยู่กับลำตัวของเขา

“อย่าขยับ! ถ้าหากว่าใครกล้าเคลื่อนไหวแม้แต่นิดเดียว ฉันจะจุดชนวนระเบิดและส่งพวกแกทุกคนไปพบกับพระเจ้า!”

***************

ขึ้นเครื่องครั้งแรกก็เจอเรื่องซะแล้ว พี่เฟยเอ้ย!!

1 1 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด