ตอนที่แล้วตอนที่ 50: คนใน?
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปตอนที่ 52: ทำสาวร้องไห้

ตอนที่ 51: พวกบ้าการต่อสู้


ตอนที่ 51: พวกบ้าการต่อสู้

เซียวหยงขยี้ตาและตื่นขึ้นมาจากการหลับไหลหลังจากที่เขาสัมผัสได้ถึงความหนาวบนร่างกาย แต่ภาพที่ปรากฏตรงหน้ากลับทำให้เขาต้องตัวสั่นขึ้นมาด้วยความหวาดกลัวเพราะในปัจจุบันผ้าห่มหนังจิ้งจอกราคาแพงบนตัวของเขาได้ถูกย้อมจนกลายเป็นสีแดงของเลือด

ห่างจากเขาไปไม่ไกลมีร่างของชายผิวคล้ำและชายเคราแพะนอนอยู่กับพื้นโดยดวงตาทั้งสี่ของพวกเขาหลงเหลือเพียงความหมองคล้ำของความไร้ชีวิต

ระหว่างที่เซียวหยงกำลังรู้สึกตกใจ เขาก็รีบโยนผ้าห่มออกไปด้านข้างเพื่อดูว่าเลือดที่อยู่บนนั้นเป็นเลือดของทหารรับจ้างหรือเป็นเลือดของตัวเขาเอง

ทันใดนั้นเองมันก็มีใบดาบสีฟ้ายื่นออกมาจากด้านหลังหยุดอยู่ห่างจากคอของเขาไปไม่ไกล โดยใบดาบเล่มนี้ให้ความรู้สึกที่แหลมคมมากจนทำให้ตัวเซียวหยงสั่นเทาขึ้นมาอย่างรุนแรง

“อย่าขยับ! ถ้าแกตะโกนแม้แต่นิดเดียวแกได้ไปเฝ้ายมบาลเหมือนกับพวกมันแน่” เซี่ยเฟยกล่าวออกมาอย่างเย็นชา

ในเวลาเดียวกันเซียวหยงก็จำเป็นที่จะต้องพยายามระงับความกลัวของเขาเอาไว้แต่หัวใจของเขาก็เต้นแรงราวกับว่ามันต้องการจะกระโดดออกมาจากอก

“อย่าทำอะไรฉันเลย! ฉันรวยนะ! ถ้าคุณยอมปล่อยฉันไปคุณจะมีเงินใช้ไปตลอดชีวิต!!” เซียวหยงพยายามพูดซ้ำ ๆ ขณะที่ทั่วทั้งร่างของเขาเต็มไปด้วยเหงื่ออันเยียบเย็น

ทันทีที่กล่าวจบชายหนุ่มก็รีบดึงแหวนมิติขนาดใหญ่ออกมาจากนิ้วพร้อมกับยื่นส่งไปยังด้านหลัง

แหวนมิติของเขาถูกออกแบบมาเป็นอย่างดีโดยมันจะเป็นแหวนสีเขียวมรกตที่สดใสราวกับคริสตัล ด้วยการมองเพียงแค่ครู่เดียวไม่ว่าใคร ๆ ก็สามารถบอกได้ว่าแหวนวงนี้มีระดับที่สูงกว่าแหวนที่อยู่บนนิ้วของเซี่ยเฟยมาก

เมื่อได้รับแหวนเซี่ยเฟยก็นำแหวนวงใหม่สวมลงไปบนนิ้วข้างขวา ขณะที่เชสซิ่งไลท์ยังคงจ่ออยู่ที่คอของเซียวหยงโดยไม่ได้มีท่าทีที่จะจากไป

เซียวหยงบ่นอยู่ในใจอย่างลับ ๆ พร้อมกับสาปแช่งลูกพี่ลูกน้องของเขาที่แอบให้ข้อมูลส่งเขามาหาตัวอันตรายแบบนี้

“ฉันให้ของทั้งหมดของฉันไปแล้ว คุณช่วย…” เซียวหยงกล่าวขึ้นมาด้วยน้ำเสียงที่สั่นเทา

“ฉันมีคำถามจะถามแกอยู่เล็กน้อย แต่ถ้าแกโกหกแกก็เตรียมไปที่ชอบ ๆ เหมือนกับพวกมันได้เลย” เซี่ยเฟยกล่าวด้วยน้ำเสียงอันเคร่งขรึม

“ได้ ๆ” เซียวหยงรีบพยักหน้ารับ

“เซียวรั่วหยูอยู่ไหน? คนของแกเป็นคนลักพาตัวเธอไปหรือเปล่า” เซี่ยเฟยกัดฟันถาม

“เซียวรั่วหยูคือใคร? ฉันไม่เคยรู้จักคนชื่อนี้มาก่อนเลย” เซียวหยงพยายามเรียกร้องหาความยุติธรรมด้วยใบหน้าที่เศร้าสร้อย

ปฏิกิริยาของเซียวหยงทำให้เซี่ยเฟยตัวแข็งทื่อเพราะไม่ว่าจะเป็นภาษากายหรือน้ำเสียงต่างก็ทำให้เซี่ยเฟยได้ข้อสรุปว่าชายหนุ่มเจ้าสำราญคนนี้กำลังพูดความจริง

‘คนพวกนี้ไม่ได้มีส่วนเกี่ยวข้องกับการหายตัวไปของเสี่ยวหยูจริง ๆ หรอ?’

แต่นี่เป็นเบาะแสเดียวที่เขามีในตอนนี้!

“ฉันขอถามแกอีกครั้ง ใครเป็นคนบอกให้แกเดินทางมาทิศตะวันตก” เซี่ยเฟยยังคงถามต่อไป

คำถามของนักฆ่าทำให้เซียวหยงรู้สึกตกตะลึงไปอยู่ครู่หนึ่งก่อนที่เขาจะรีบแก้ตัวออกมาว่า

“ไม่! มันไม่ได้มีใครบอกอะไรพวกเราทั้งนั้น! พวกเราแค่บาดเจ็บหลังจากการต่อสู้ในสนามรบทางทิศตะวันออก พวกเราเลยหนีมาทางทิศตะวันตก!!”

เซียวหยงไม่กล้าพูดถึงเรื่องของเซียวไห่ลี่ออกมาเพราะมันมีความเกี่ยวข้องกับอนาคตของเขาโดยตรง

หากเรื่องที่เซียวไห่ลี่แอบช่วยเขาถูกเปิดเผย ไม่เพียงแต่ความพยายามของเซียวไห่ลี่ในสมาพันธ์จัสทิสจะจบลงเท่านั้นแต่ตัวของเขาก็จะถูกตระกูลลงโทษอย่างหนักอีกด้วย

ท้ายที่สุดเซียวไห่ลี่ก็คือสมาชิกรุ่นใหม่ที่โดดเด่นที่สุดในตระกูลและเขาก็เป็นความหวังที่จะนำพาตระกูลไปสู่ความรุ่งเรือง

คำตอบของเซียวหยงทำให้เซี่ยเฟยเผยรอยยิ้มออกมาอย่างเย็นชา จากนั้นเขาก็กดเชสซิ่งไลท์ลงไปเบา ๆ จนทำให้ใบดาบเฉือนคอของเซียวหยงจนเกิดเป็นรอยแผลและถ้าหากว่าเขากดใบดาบลงไปอีกเล็กน้อยมันก็จะตัดหลอดเลือดแดงของชายหนุ่มจนทำให้เกิดบาดแผลที่ถึงแก่ชีวิต

การเคลื่อนไหวในครั้งนี้ทำให้เซียวหยงรู้สึกเจ็บคอก่อนที่เขาจะเห็นของเหลวสีแดงไหลลงไปตามใบดาบและหยดลงไปบนชุดของเขา

เหตุการณ์ในปัจจุบันทำให้เซียวหยงรู้สึกตื่นตระหนกขึ้นมาอย่างฉับพลันแต่เขาก็จำเป็นที่จะต้องอดทนต่อความกลัวเอาไว้ เพราะถ้าหากเขาขยับตัวเพียงแค่เล็กน้อยใบดาบก็อาจจะบาดลึกลงไปมากกว่านี้

เซี่ยเฟยดึงใบดาบของเชสซิ่งไลท์กลับมาก่อนที่เขาจะได้พูดต่อไปว่า

“ฉันจะถามแกเป็นครั้งสุดท้าย! มันเป็นใคร?!”

เมื่อเซียวหยงถูกต้อนจนไปอยู่บนปากเหวเขาก็ไม่สามารถที่จะรักษาความลับเอาไว้ได้อีกต่อไป เพราะถ้าหากชีวิตของเขาต้องพบกับอันตราย เขาก็พร้อมที่จะทรยศได้แม้กระทั่งบุพการีของตัวเอง

แต่ในขณะที่เซียวหยงกำลังจะอ้าปาก มันก็มีคลื่นความเย็นแผ่ออกมาจากทางด้านหลังของเซี่ยเฟย

‘มีคนมา!’

เซี่ยเฟยออกแรงถีบที่ขาและมุ่งตรงไปข้างหน้าอย่างกระทันหัน ในขณะเดียวกันใบดาบของเชสซิ่งไลท์ก็ตัดผ่านลำคอและหลอดเลือดแดงของเซียวหยงอย่างหมดจด

ในสนามรบไม่สมควรที่จะมีคำว่าลังเล!

ไม่กี่วินาทีต่อมาเซี่ยเฟยก็หลบหนีออกไปกว่า 2 กิโลเมตรก่อนที่เขาจะนอนหมอบลงไปกับพื้นและจ้องมองไปยังทิศที่เขาเพิ่งจากมา

“โธ่เว้ย! อีกนิดเดียวก็จะรู้ชื่อคน ๆ นั้นแล้วแท้ ๆใครมันโผล่หัวมาตอนนี้กันวะ”

ระหว่างที่เซี่ยเฟยกำลังบ่นกับตัวเองมันก็มีเงาของชายผู้มีร่างกายอันกำยำกระโดดออกมาจากค่ำคืนอันมืดมิด ก่อนที่ชายคนนี้จะทำการตรวจสอบบาดแผลของศพพวกเซียวหยงทั้งสามคน

ชายคนนี้มีความสูงประมาณ 190 เซนติเมตรโดยเขาสวมใส่เพียงแค่กางเกงขาสั้นและไม่มีเสื้อปิดบังกล้ามเนื้อท่อนบนเลยแม้แต่นิดเดียว ทำให้เส้นเอ็นทั่วทั้งร่างสะท้อนแสงจันทร์ออกมาอย่างเด่นชัดคล้ายกับเหล่าบรรดานักเพาะกาย

นอกจากนี้ผู้มาใหม่ยังสวมสร้อยคอที่ประดับไข่มุกดำเอาไว้จำนวน 36 เม็ด ในขณะที่ใบหน้าของเขามีรูปทรงที่ค่อนข้างเหลี่ยมและไว้ผมทรงหางม้ายาวสีดำ

หลังจากตรวจดูบาดแผลของศพทั้งสามผู้มาใหม่ก็อุทานออกมาอย่างตื่นเต้น

“ช่างเป็นการลงมือที่สวยงามจริง ๆ!”

ทันทีที่กล่าวจบชายร่างใหญ่ก็หันหน้าไปยังทิศที่เซี่ยเฟยกำลังซ่อนตัวอยู่ จากนั้นเขาก็ใช้มือตบลงบนที่หน้าอกพร้อมกับส่งเสียงตะโกนออกไปว่า

“ฉันมีชื่อว่า ‘เฉินตง’ มาจากอาณาจักรเหมันต์ ฉันชื่นชมฝีมือของนายมากถ้านายกล้าพวกเราก็ออกมาประลองกันดีกว่า ตราบใดก็ตามที่นายชนะฉันจะยกของทั้งหมดให้กับนาย”

เสียงคำรามของเฉินตงดังคล้ายกับเสียงฟ้าร้องทำให้คำพูดของเขาดังออกไปไกลนับ 10 กิโลเมตร ส่วนการกระทำของเขาก็ราวกับว่าเขากำลังท้าทายเซี่ยเฟยอย่างตรงไปตรงมา

แม้ว่าจะมีคำท้าทายแต่เซี่ยเฟยก็ยังคงหมอบอยู่บนพื้นโดยไม่ขยับเขยื้อนและคอยสังเกตสถานการณ์ต่อไป

เมื่ออีกฝ่ายยังไม่เคลื่อนไหวเฉินตงก็เริ่มทำการแก้มัดถุงเล็ก ๆ ที่ห้อยอยู่ตรงบริเวณเอวของเขา ก่อนที่เขาจะเทสิ่งที่อยู่ด้านในลงไปบนพื้น

ในบรรดาสิ่งของที่หล่นลงมาประกอบไปด้วยแผ่นป้ายสำหรับผ่านด่านจำนวนหลายสิบแผ่น ส่วนที่เหลือเป็นแหวนมิติที่มีจำนวนอยู่ไม่น้อยไปกว่า 100 วง!

‘อย่าบอกนะว่าของพวกนั้นเป็นของที่เขาได้มาจากการประเมินในครั้งนี้ทั้งหมด’ เซี่ยเฟยคิดในใจ

ช็อก!

โคตรช็อก!

เฉินตงไม่เพียงแต่จะสามารถออกมาจากสนามรบในทิศตะวันออกได้อย่างปลอดภัยเท่านั้น แต่มันก็ดูเหมือนกับว่าเขาจะจัดการกับผู้เข้าแข่งขันมาตลอดทั้งทางและคงจะไม่มีใครรู้ว่ามีเหยื่อที่เสียชีวิตภายใต้เงื้อมมือของเขาไปแล้วกี่คน

“คน ๆ นี้น่าสนใจจริง ๆ เขาคงไม่ได้สนใจการประเมินในครั้งนี้ด้วยซ้ำแต่ดูเหมือนกับว่าเขาจะสนุกกับการต่อสู้มากกว่า คนแบบนี้มันเป็นพวกคนบ้าการต่อสู้ชัด ๆ” อันธกล่าวออกมาด้วยความชื่นชม

เซี่ยเฟยพยักหน้าอย่างเห็นด้วยกับคำพูดของอันธและถึงแม้ว่าชายร่างสูงคนนั้นจะพยายามท้าทายเซี่ยเฟยด้วยเล่ห์เหลี่ยม แต่เขาก็ไม่ได้รู้สึกเกลียดชังคน ๆ นี้เลย มีเพียงแต่ความชื่นชมในความกล้าหาญของผู้มาใหม่เท่านั้น

ทันใดนั้นทั่วทั้งร่างของเฉินตงก็ถูกปกคลุมไปด้วยชุดเกราะน้ำแข็งที่ดูแข็งแกร่ง

“นั่นมันพลังสายธรรมชาติ!” อันธส่งเสียงอุทานพร้อมกับดวงตาที่เปล่งประกาย

“พลังสายธรรมชาติ? มันคืออะไร” เซี่ยเฟยอุทานออกมาด้วยความสงสัยหลังจากที่เขาได้เห็นชุดเกราะน้ำแข็งของเฉินตงที่ปรากฏขึ้นมาอย่างฉับพลัน

“พวกผู้มีพลังสายธรรมชาติคือผู้มีพลังพิเศษที่สามารถควบคุมธรรมชาติบริเวณรอบ ๆ ตัวของพวกเขาได้ อย่างชายคนนั้นน่าจะมีพลังพิเศษเกี่ยวข้องกับน้ำแข็งทำให้เขาสามารถเปลี่ยนโมเลกุลของน้ำในอากาศให้กลายเป็นน้ำแข็งได้ ซึ่งพลังของเขาไม่เพียงแต่จะช่วยเพิ่มพลังป้องกันได้เท่านั้นแต่มันยังสามารถสร้างพลังโจมตีที่แข็งแกร่งได้อีกด้วย” อันธกล่าวอธิบายด้วยความตื่นเต้น

“แล้วพลังสายธรรมชาติพอจะเทียบกับพลังสายป้องกันของเสี่ยวหยูได้ไหม” เซี่ยเฟยกล่าวถามหลังจากที่คิดอยู่ครู่หนึ่ง แต่ทันทีที่เขาพูดออกมาเขาก็เริ่มรู้สึกเศร้าขึ้นมาภายในใจ

เขาไม่รู้ว่าในตอนนี้เด็กสาวที่น่าสงสารถูกจับตัวไปไว้ที่ไหน แล้วก็ไม่รู้ว่าเด็กสาวคนนั้นจะยังคงปลอดภัยอยู่หรือเปล่า

ปฏิกิริยาของเซี่ยเฟยทำให้อันธถอนหายใจก่อนที่เขาจะได้อธิบายออกไปว่า

“พลังพิเศษสายป้องกันเป็นพลังที่เน้นไปที่การป้องกันเป็นหลักแล้วมีการโจมตีเป็นส่วนเสริม ในขณะที่พลังพิเศษสายธรรมชาติส่วนใหญ่จะเป็นพลังที่เน้นไปที่การโจมตีเป็นหลักแล้วมีการป้องกันเป็นส่วนเสริม”

“แต่ในกรณีของเฉินตงพลังพิเศษของเขาค่อนข้างที่จะมีความแตกต่างจากพลังพิเศษสายธรรมชาติโดยทั่วไป เพราะมันเป็นพลังพิเศษที่สามารถนำมาใช้ได้ทั้งในการโจมตีและป้องกัน ในความคิดของฉันพลังพิเศษที่เกี่ยวกับน้ำแข็งของเขาสมควรที่จะเป็นพลังพิเศษที่สมดุลย์ที่สุดในบรรดาพลังพิเศษสายธรรมชาติทั้งหมด”

สิ้นคำอธิบายหนึ่งคนหนึ่งผีก็เงียบไปครู่หนึ่ง เพราะเมื่อพูดถึงเซียวรั่วหยูพวกเขาทั้งสองคนต่างก็รู้สึกไม่สบายใจคล้าย ๆ กัน

“ฉันรู้นะว่านายอยู่แถวนี้! ทำไมถึงไม่ออกมาล่ะ ถ้านายกล้าพอก็ออกมาสู้กับฉันเดี๋ยวนี้!!” เฉินตงยังคงพยายามท้าทายเซี่ยเฟยต่อไปอย่างไม่ย่อท้อ

อย่างไรก็ตามถึงแม้ว่าเขาจะส่งเสียงตะโกนอยู่นานแต่มันก็ไม่มีใครปรากฎตัวออกมาตามคำยั่วยุของเขาเลย ดังนั้นเขาจึงส่งเสียงตะโกนออกไปอย่างอารมณ์เสีย

“ไอ้คนขี้ขลาด ถ้าอยากจะสู้ก็รีบโผล่หัวออกมาซะ ไม่งั้นก็ไปรวมกับพวกไก่อ่อนข้างหลังนั่นไป!”

การกระทำของเฉินตงทำให้เซี่ยเฟยพูดไม่ออกไปชั่วขณะ เพราะโดยปกติคนเรามักจะต่อสู้อย่างมีจุดมุ่งหมาย ไม่ว่าจะเป็นการต่อสู้เพราะความโกรธหรือต่อสู้เพื่อแย่งชิงผลประโยชน์ที่ตัวเองต้องการ แต่คนคนนี้กลับต้องการต่อสู้โดยไม่มีความจำเป็นราวกับว่าเขาเกิดมาเพื่อการต่อสู้โดยเฉพาะ

เฉินตงยืนอยู่ตรงนั้นและส่งเสียงตะโกนเป็นเวลานาน แต่เมื่อไม่มีใครตอบคำถามเขาก็เริ่มเก็บสัมภาระและเดินไปตามถนนที่เขาจากมาด้วยความโกรธ

“น่าเบื่อ น่าเบื่อ! ในเมื่อนายไม่ยอมออกมา ฉันไปหาเหยื่อคนอื่นก็ได้วะ” เฉินตงร้องคำรามเสียงดัง

เมื่อเฉินตงเดินทางออกไปเซี่ยเฟยก็สังเกตเห็นร่างของผู้เข้าแข่งขันเป็นจำนวนมากรีบหนีกระจัดกระจายออกไปทั่วทิศทางราวกับพวกเขากลัวที่จะต้องทำการต่อสู้กับเฉินตง

ขณะเดียวกันเซี่ยเฟยก็ลุกขึ้นยืนและวิ่งตรงไปยังทิศตะวันตก เพราะท้ายที่สุดกลุ่มคนที่แอบติดตามเฉินตงมาก็อาจจะเป็นภัยคุกคามของเขาด้วยเช่นกัน เขาจึงไม่ต้องการที่จะทำการต่อสู้อย่างไร้ประโยชน์

นอกจากนี้ทิศทางที่เซียวรั่วหยูได้ถูกลักพาตัวไปยังเป็นทางทิศตะวันตกเช่นเดียวกันและเซี่ยเฟยก็ไม่ต้องการที่จะปล่อยเบาะแสใด ๆ ให้เล็ดลอดสายตาของเขาไปแม้แต่นิดเดียว

“อันธทำไมฉันถึงรู้สึกว่าอีกไม่นานฉันจะต้องสู้กับเฉินตงก็ไม่รู้” เซี่ยเฟยกล่าวขณะที่ขาทั้งสองข้างยังคงวิ่งต่อไปไม่หยุด

***************

ภาพแรกที่เฉินตงปรากฏตัวออกมาทำให้เราแอบคิดว่าไอ้นี่มันโรคจิตชัด ๆ คนบ้าอะไรกระโดดออกมาพร้อมกางเกงตัวเดียว

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด