ตอนที่แล้วตอนที่ 39: ระดับสตาร์เบสขั้นกลาง!
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปตอนที่ 41: หนูอยากอยู่กับพี่!

ตอนที่ 40: เซียวรั่วหยู


ตอนที่ 40: เซียวรั่วหยู

ณ เครื่องบินเจ็ตส่วนตัวในสนามบินปักกิ่ง

“ผมบอกแล้วไงว่าไม่จำเป็นต้องมาส่ง ทำไมพวกคุณถึงยังมาอยู่ที่นี่อีกเนี่ย ผมแค่ไปเข้าร่วมการประเมินของจัสทิสนะไม่ได้ไปตายสักหน่อย” เซี่ยเฟยพูดติดตลกขณะจ้องมองไปยังบุคคลตรงหน้าของเขา

“นายพูดว่าตายออกมาได้ยังไง! มันไม่ใช่คำพูดที่เป็นมงคลเลย” อู่หลงกล่าวพร้อมกับขมวดคิ้ว

“ฉันได้ยินมาว่าการประเมินครั้งนี้ไม่ธรรมดาแล้วมันก็มีการอนุญาตให้ฆ่ากันในการประเมินได้” อันเดร์กล่าวด้วยสีหน้าอันเคร่งขรึม

อย่างไรก็ตามเซี่ยเฟยก็ให้คำตอบกลับไปเพียงแค่การพยักหน้า ก่อนที่เขาจะดึงบุหรี่ขึ้นมาคาบเอาไว้ในปากและจุดไฟแช็คโดยไม่สนใจใคร

ก่อนขึ้นเครื่องบินเขาได้ซื้อหงตะชานทั้งลังเก็บติดตัวเอาไว้และเนื่องมาจากภายในแหวนมิติอยู่ในสภาพสุญญากาศบุหรี่ที่เขาเก็บเอาไว้จึงไม่มีการเสื่อมสภาพ ชายหนุ่มจึงไม่จำเป็นที่จะต้องกังวลเรื่องบุหรี่อีกต่อไปเพราะเขาได้ซื้อพวกมันมาตุนเอาไว้ภายในแหวนมิติแบบยกลัง

“ฉันได้ยินมาว่าทางสมาพันธ์จัสทิสจะจัดงานประเมินระดับปลอดภัยในปีหน้าและคุณก็มีโอกาสผ่านการประเมินในครั้งนั้นสูงกว่าในครั้งนี้มาก” อันเดร์กล่าวเสริม

สายตาของอันเดร์ได้แสดงออกมาอย่างชัดเจนว่าเขาไม่ต้องการให้เซี่ยเฟยเข้าร่วมการประเมินระดับวิกฤตในครั้งนี้ แต่เขาไม่ได้พูดเรื่องนี้ขึ้นมาโดยตรงเนื่องมาจากว่าเขายังคงที่จะรู้สึกเกรงใจ ดังนั้นสิ่งที่เขาทำได้จึงมีเพียงแค่การพูดอ้อม ๆ

“ทำไมนายถึงไม่รอเข้าร่วมการประเมินในปีหน้าล่ะ? ถ้านายรอจนถึงตอนนั้นพวกเราทั้งสองคนจะได้ไปเข้าร่วมการประเมินพร้อม ๆ กัน” อู่หลงกล่าวอย่างตรงไปตรงมาเนื่องมาจากว่าเขาไม่ค่อยมีไหวพริบในการเจรจาเหมือนกับอันเดร์

“ผมต้องขอขอบคุณพวกคุณทั้งสองคนจริง ๆ ที่เป็นห่วงผม แต่ว่าในครั้งนี้ผมได้ตัดสินใจไปแล้ว” เซี่ยเฟยกล่าวพร้อมกับเผยรอยยิ้ม จากนั้นเขาก็หันไปทางชาร์ลีซึ่งนั่งอยู่ข้าง ๆ และกล่าวถามขึ้นมาว่า

“ชาร์ลีทำไมนายถึงตัวติดกับปู่ตลอดแบบนี้ นายไม่ต้องไปโรงเรียนแล้วหรอ?”

“ผมเรียนจบแล้วและตอนนี้ผมก็กำลังเรียนการเงินกับคุณปู่อยู่ครับ” ชาร์ลีกล่าวตอบกลับไปอย่างเขินอาย

“เรียนจบแล้ว? นายเรียนจบอะไรมา? เรียนจบ ม.ต้นหรือ ม.ปลาย?”

“ชาร์ลีจบมาจากมหาลัยสแตนฟอร์ดสาขาวิชาคณิตศาสตร์” อันเดร์กล่าวตอบกลับไปแทนหลานชาย

“อะไรนะ? ฉันได้ยินอะไรผิดไปหรือเปล่า? ชาร์ลีเพิ่งอายุ 13 ปีไม่ใช่หรอ?” เซี่ยเฟยอุทานจนบุหรี่ที่คาบอยู่ในปากแทบที่จะร่วงหล่นลงมา

“นายนี่เก่งจริง ๆ ย้อนกลับไปในสมัยก่อนฉันต้องใช้เวลาในการเรียน ม.ต้นตั้ง 5 ปี” อู่หลงกล่าวพร้อมกับตบหัวล้านของตัวเองด้วยความเขินอาย

“ถึงชาร์ลีจะเรียนเก่งแต่เขายังขาดประสบการณ์ในชีวิตจริง ฉันจึงวางแผนให้เขาคอยดูแลพอร์ตหุ้นในตลาดแทนฉันเป็นเวลา 2 ปี ก่อนที่จะให้เขาไปเรียนต่อปริญญาเอก” อันเดร์กล่าว

หลังจากที่อันเดร์กล่าวจบเซี่ยเฟยก็ทำการค้นหาสิ่งของภายในแหวนมิติก่อนที่เขาจะได้ดึงขวดเล็ก ๆ ออกมาจำนวน 3 ขวด โดยของเหลวในขวดหนึ่งเป็นสีเหลืองขณะที่อีกสองขวดเป็นสีน้ำเงิน

“นี่คือของขวัญจากผมให้พวกคุณทั้งสามคน” เซี่ยเฟยกล่าวพร้อมกับชี้ไปยังขวดน้ำยาที่เขานำมาตั้งเอาไว้ จากนั้นเขาก็หันไปทางอู่หลงและกล่าวขึ้นมาว่า

“น้ำยาขวดสีเหลืองขวดนี้จะช่วยเพิ่มความแข็งแกร่งให้กับพี่หลงได้ แต่ผมขอเตือนว่าการดื่มน้ำยาอาจจะทำให้พี่รู้สึกเจ็บปวดนิดหน่อย”

แม้ว่าเซี่ยเฟยจะพูดออกไปแบบนั้นแต่ใบหน้าของเขาก็เปลี่ยนแปลงไปอย่างเหยเก นั่นก็เพราะว่าเขารู้ดีว่าความเจ็บปวดจากการดื่มน้ำยาสูตรอันธนั้นเป็นความเจ็บปวดแบบไหน

“ส่วนน้ำยาขวดสีน้ำเงินทั้งสองขวดนี้เป็นน้ำยาปรับสภาพยีนที่ผมได้เตรียมเอาไว้ให้กับพวกคุณทั้งสองคน” เซี่ยเฟยกล่าวพร้อมกับหันไปหาชาร์ลีและอันเดร์

ทันทีที่เซี่ยเฟยได้กล่าวจบห้องโดยสารในเครื่องบินก็ถูกแทนที่ด้วยความเงียบสงัด โดยในปัจจุบันไม่ว่าจะเป็นอันเดร์, อู่หลงหรือชาร์ลีต่างก็ล้วนแล้วแต่กำลังจ้องมองไปยังชายหนุ่มด้วยสีหน้าอันสับสน

“น้ำยาปรับสภาพยีน! นี่คุณกำลังจะให้น้ำยาปรับสภาพยีนกับผมจริง ๆ หรอ? แบบนี้ผมก็จะมีพลังสายความเร็วเหมือนกับคุณใช่ไหม” ชาร์ลีกล่าวขึ้นมาอย่างตื่นเต้น

“มันไม่จำเป็นจะต้องเป็นแบบนั้นเสมอไปหรอก ใครจะไปรู้บางทีนายอาจจะได้รับพลังพิเศษหายากกลับมาก็ได้” เซี่ยเฟยกล่าวอธิบาย

น้ำยาทั้งสามขวดนี้ค่อนข้างที่จะมีราคาสูงมากแต่เซี่ยเฟยกลับได้เตรียมน้ำยาที่เหมาะสมกับแต่ละคนมาให้โดยเฉพาะ มันจึงทำให้อันเดร์หลั่งน้ำตาออกมาอย่างไม่สามารถที่จะหยุดเอาไว้ได้

เขาไม่เคยคิดมาก่อนเลยว่าเขาจะมีโอกาสได้ปลดล็อกพื้นที่สมองส่วนที่ 7 ในวัยชราเช่นนี้ ถ้าหากว่าเขาโชคดีเขาก็อาจจะกลายเป็นผู้ใช้พลังพิเศษ

“ขอบใจมากน้องชาย! ฉันรู้สึกขอบคุณจนไม่รู้จะอธิบายออกมายังไงเหมือนกัน แต่ถ้าหากว่านายต้องการให้ฉันทำอะไรก็พูดมันออกมาได้เลย ถ้าหากฉันกล้าปฏิเสธคำขอของนายแม้แต่ครั้งเดียวฉันจะไม่ขอใช้นามสกุลอู่อีกต่อไป” อู่หลงกล่าวพร้อมกับตบไหล่เซี่ยเฟย

—--

เมื่อเวลาผ่านไปเครื่องบินลำนี้ก็ค่อย ๆ เคลื่อนที่ไปจอดยังสนามบินชั่วคราวภายในประเทศออสเตรเลีย

พื้นที่บริเวณนี้คือพื้นที่ที่จัดเตรียมเอาไว้สำหรับการประเมินซึ่งทุกคนจะต้องมารายงานตัวยังสถานที่แห่งนี้ก่อน จากนั้นเจ้าหน้าที่จะพาพวกเขาไปยังสถานที่จัดงานจริงอีกที

เมื่อเซี่ยเฟยอำลาอู่หลง, อันเดร์และชาร์ลีเขาก็มุ่งหน้าตรงไปยังแผนกต้อนรับ ซึ่งมันก็ต้องขอบคุณแหวนมิติบนนิ้วของเขา มันจึงทำให้เขาไม่จำเป็นที่จะต้องพกพาสัมภาระเหมือนกับคนอื่น ๆ

แผนกต้อนรับที่สมาพันธ์จัสทิสได้จัดเตรียมเอาไว้เป็นพื้นที่ทรงกลมขนาดใหญ่ที่ถูกสร้างขึ้นมาจากไม้กระดานสีขาวที่เหมือนกับหิมะ โดยด้านบนของไม้กระดานมีลูกบอลทรงกลมสีแดงได้ถูกติดตั้งเอาไว้ เมื่อมองจากระยะไกลลูกบอลสีแดงนี้ก็ดูคล้ายคลึงกับแบบจำลองของโลก

ผู้สมัครส่วนใหญ่ของการประเมินในครั้งนี้เดินทางมาจากดาวเคราะห์ที่อยู่ห่างไกล มันจึงทำให้พวกเขาต้องใช้ระยะเวลาในการเดินทางนานพอสมควร ดังนั้นภายในห้องโถงของแผนกต้อนรับในปัจจุบันจึงมีจำนวนประชากรอยู่เพียงแค่ประมาณ 500-600 คน

เมื่อเซี่ยเฟยเดินมาถึงห้องโถงเขาก็ได้รับการต้อนรับจากหญิงสาวผมบลอนด์ผู้มีอายุประมาณ 20 ปี โดยตรงบริเวณหน้าอกของเธอได้ถูกประดับตกแต่งเอาไว้ด้วยดาวสีเงินจำนวน 4 ดวงซึ่งมันก็บ่งบอกว่าเธอคนนี้คือจัสทิสระดับ 4 ดาวเงิน

“คุณคือผู้สมัครเข้าร่วมการประเมินใช่ไหม?” หญิงสาวผมบลอนด์กล่าวถามด้วยน้ำเสียงอันเยือกเย็น

“ใช่ครับ ผมชื่อเซี่ยเฟยเลขทะเบียน 70563” เซี่ยเฟยกล่าวขึ้นมาด้วยรอยยิ้ม

เมื่อหญิงสาวกรอกเลขที่ลงทะเบียนของเซี่ยเฟยลงในคอมพิวเตอร์ AI พกพาที่อยู่ในมือ มันก็แสดงรายละเอียดทั้งหมดของเซี่ยเฟยขึ้นมาในทันที

“ผู้สมัครท้องถิ่น?” หญิงสาวอุทานออกมาด้วยความประหลาดใจเล็กน้อยซึ่งเซี่ยเฟยก็พยักหน้ารับโดยไม่ได้พูดอะไรเพิ่มเติม

“เชิญตามฉันมาทางนี้ได้เลย มันเพิ่งมีผู้สมัครท้องถิ่นอีกคนลงทะเบียนเมื่อไม่นานมานี้ด้วยเหมือนกัน”

หลังจากนั้นเซี่ยเฟยก็เดินตามหญิงสาวคนนี้ไปยังแผนกต้อนรับและได้รับอุปกรณ์บางอย่างที่ดูคล้ายกับนาฬิกาสีขาวกลับมา

แม้ว่าอุปกรณ์ชิ้นนี้จะดูคล้ายกับนาฬิกาข้อมือแต่บนหน้าจอก็ไม่ได้ฉายเวลาเหมือนนาฬิกาโดยทั่วไป แต่มันมีปุ่มให้กดอยู่เพียงแค่ 3 ปุ่มเท่านั้นพร้อมกับมีชื่อและหมายเลขลงทะเบียนของเขาประดับเอาไว้

“นาฬิกาเรือนนี้เป็นทั้งอุปกรณ์สื่อสารและเครื่องระบุตำแหน่งของคุณ หากคุณมีปัญหาอะไรคุณสามารถใช้ฟังก์ชั่นสื่อสารติดต่อผ่านทางนาฬิกาได้เลย”

เมื่อได้รับคำอธิบายเซี่ยเฟยก็ทำการสวมนาฬิกาเอาไว้ที่มือขวาซึ่งมันก็ติดเข้ากับข้อมือของเขาโดยอัตโนมัติและไม่ว่าเขาจะพยายามสะบัดข้อมือยังไง นาฬิกาเรือนนี้ก็ไม่ขยับออกไปจากข้อมือของเขาเลย

“คุณจะต้องสวมใส่นาฬิกาเรือนนั้นเอาไว้จนจบการประเมิน ในเวลานั้นพวกเราจะช่วยคุณถอดมันออกมาเอง ดังนั้นจนกว่าจะถึงเวลา ฉันขอแนะนำว่าคุณอย่าพึ่งไปทำอะไรกับมันจะดีกว่า ไม่อย่างนั้นคุณก็คงจะต้องตัดมือตัวเองคุณถึงจะสามารถถอดมันออกมาได้” หญิงสาวผมบลอนด์กล่าวอธิบาย

หลังจากที่หญิงสาวได้อธิบายกฎเกี่ยวกับการประเมินแล้ว เธอก็พาเซี่ยเฟยไปยังมุมห้องตรงทิศตะวันตกของห้องโถงที่มีเด็กสาวอายุประมาณ 13 ปียืนอยู่กับกลุ่มชายหญิงวัยกลางคนซึ่งดูเหมือนจะเป็นครอบครัวของเธอ

เด็กสาวคนนี้มีส่วนสูงไม่ถึง 150 เซนติเมตร รูปร่างของเธอค่อนข้างที่จะดูผอมแห้งและเมื่อมันได้รวมกับผมสั้นสีดำมันจึงทำให้เธอดูเป็นเด็กสาวที่ดูน่าทะนุถนอม

“เสี่ยวหยูลูกจะต้องนำความรุ่งโรจน์มาสู่ตระกูลของพวกเราให้ได้ นี่คือของขวัญที่พ่อได้เตรียมเอาไว้ให้ พ่อขอให้ลูกผ่านการประเมินกลับมาได้โดยปลอดภัย” ชายวัยกลางคนผู้ซึ่งมีเครายาวกล่าวกับเด็กสาวก่อนที่เขาจะยื่นมีดผีเสื้อให้กับเธอ

เมื่อเด็กสาวได้รับมีดมาจากบิดา เธอก็ควงมีดเล่นในมืออย่างช่ำชองจนมันให้ความรู้สึกราวกับว่ากำลังมีผีเสื้อสีเงินเต้นระบำอยู่ภายในมือของเธอจริง ๆ

“ขอบคุณค่ะ หนูจะทำให้ดีที่สุด!” เด็กสาวกล่าวตอบกลับไปพร้อมกับรอยยิ้มอันสดใส

‘เด็กวัยนี้ควรจะเล่นตุ๊กตาบาร์บี้อยู่ที่บ้านไม่ใช่หรอ? แล้วตานี่เป็นพ่อแบบไหนถึงให้มีดเป็นของขวัญกับลูกสาว’ เซี่ยเฟยคิดขึ้นมาภายในใจ

“น่ารักจริง ๆ เด็กดีของย่า เสี่ยวหยูมานี่สิย่าก็มีของขวัญจะให้หนูด้วยเหมือนกัน” หญิงชราวัยประมาณ 60 ปีกล่าวพร้อมกับเดินไปขยี้ผมของเด็กสาวด้วยความเอ็นดู

หลังจากนั้นหญิงชราก็ดึงกล่องไม้สี่เหลี่ยมออกมามอบให้กับเด็กสาวตัวน้อย โดยกล่องไม้นี้มีขนาดเล็กกว่ากล่องบุหรี่อยู่เล็กน้อย แต่มันกลับเป็นกล่องไม้ที่ถูกสร้างขึ้นมาอย่างประณีต

“ข้างในกล่องนี้มีพิษของงูจีนหัวแดง หากหลานนำพิษนี้ไปทาไว้บนอาวุธ ย่ารับประกันได้เลยว่าคนที่ถูกพิษนี้เข้าไป จะไม่มีวันลุกขึ้นมาเป็นครั้งที่ 2 ได้อีกแน่นอน” ย่าของเด็กสาวกล่าวขึ้นมาด้วยรอยยิ้ม

แม้ว่าของขวัญจากครอบครัวนี้จะดูแปลกประหลาดพิสดารไปจากชาวบ้าน แต่มันก็ดูเหมือนกับว่าเด็กสาวคนนี้จะรู้สึกตื่นเต้นเมื่อได้รับของขวัญมาจากญาติผู้ใหญ่ของเธอ

‘พ่อให้มีด.. ย่าให้พิษ!! คนพวกนี้เป็นคนแบบไหนกันเนี่ย!!!’ เซี่ยเฟยถึงกับพูดไม่ออกเมื่อได้เห็นครอบครัวอันแปลกประหลาดนี้พูดคุยกัน

“เธอคนนี้คือผู้สมัครจากดาวโลกอีกคน ฉันคิดว่าพวกคุณควรจะรู้จักกันเอาไว้” หญิงสาวผมบลอนด์ยังคงกล่าวออกมาอย่างเย็นชาเช่นเดิมหลังจากที่เธอได้นำเซี่ยเฟยไปหยุดอยู่ตรงหน้าครอบครัวของเซียวรั่วหยู

เมื่อเซี่ยเฟยมองไปรอบ ๆ เขาก็มองไม่เห็นใครนอกจากเด็กสาวตัวเล็กและสมาชิกในครอบครัว

แต่ทันใดนั้นเขาก็ตระหนักได้ในทันที ก่อนที่เขาจะได้ชี้ไปยังเด็กสาวและอุทานออกมาว่า

“คุณคงจะไม่ได้หมายถึงเธอใช่ไหม!?”

***************

พี่เฟยมาเจอตระกูลนักฆ่าเข้าซะแล้วละม้างงงง แต่เสี่ยวหยูอายุแค่ 13 เองนะ..หรือพี่เฟยจะกินเด็ก!!!!

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด