ตอนที่แล้วตอนที่ 23: สตอร์มก็อดเดส
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปตอนที่ 25: ประตูที่แตกสลาย

ตอนที่ 24: เข็มทิศทองคำ


ตอนที่ 24: เข็มทิศทองคำ

“เซี่ยเฟยนี่คุณสามารถอ่านภาษาแอตแลนติสได้อย่างนั้นหรอ?!” อันเดร์อุทานออกมาด้วยความไม่อยากจะเชื่อโดยในปัจจุบันเสียงของเขากำลังสั่นสะท้านอย่างรุนแรง

หลังได้ยินคำถามเซี่ยเฟยก็พยักหน้ารับ เพราะท้ายที่สุดเขาก็เคยได้สัมผัสกับความน่าอัศจรรย์ของไมโครชิพแปลภาษามาหลายครั้งแล้ว แม้แต่ภาษาที่ยากที่สุดในโลกก็ไม่ใช่ปัญหาสำหรับไมโครชิพที่ถูกฝังเอาไว้ในสมองของเขาเลย

แม้ว่าตัวอักษรบนกระดานทองคำอาจจะดูซับซ้อนแต่ภายในจักรวาลก็มีภาษาที่มีความซับซ้อนมากกว่านี้อีกอย่างมากมาย ดังนั้นถ้าหากว่าไมโครชิพแปลภาษาสามารถที่จะแปลภาษาเกือบทุกภาษาภายในจักรวาลได้ มันก็ไม่มีเหตุผลใด ๆ ที่มันจะไม่สามารถอ่านภาษาแอตแลนติสได้

เหตุการณ์นี้ถึงกับทำให้อันเดร์พูดไม่ออก เพราะไม่ว่าจะเป็นผู้เชี่ยวชาญหรือนักวิชาการเป็นจำนวนนับไม่ถ้วนต่างก็ยังไม่สามารถที่จะทำการถอดรหัสภาษาแอตแลนติสได้ แต่เซี่ยเฟยกลับสามารถอ่านภาษาแอตแลนติสออกมาได้อย่างสบาย ๆ ราวกับว่ามันไม่ใช่เรื่องใหญ่สำหรับเขาเลย

“ของสิ่งนี้ได้ถูกค้นพบในสุสานเก่าแก่ใกล้กับประเทศกรีซ ซึ่งโกลเดนสทิงเกอร์ก็ถูกค้นพบที่นั่นเช่นเดียวกัน จากการวิเคราะห์ของซุปเปอร์คอมพิวเตอร์มันได้ระบุว่ากระดานทองคำนี้เป็นแผนที่แบบหยาบ ๆ” อันเดร์กล่าว จากนั้นเขาก็ได้กล่าวต่อไปว่า

“รอที่นี่แป๊บนึง”

หลังจากอันเดร์กล่าวจบเขาก็รีบยกโทรศัพท์ขึ้นมาในทันทีก่อนที่มันจะได้มีชายชราอายุประมาณ 70 ปีเดินเข้ามาภายในห้อง

“ขอแนะนำให้รู้จักศาสตราจารย์หวาง โปซาน เขาเป็นผู้เชี่ยวชาญประวัติศาสตร์แอตแลนติส” อันเดร์กล่าวแนะนำ

หลังจากนั้นเซี่ยเฟยก็ทำการอ่านข้อความบนกระดานทองคำให้ศาสตราจารย์หวางฟังอีกครั้ง ซึ่งมันก็ทำให้ชายชรารู้สึกตื่นเต้นมาก

“คุณไปเรียนภาษานี้มาจากที่ไหน? ภาษาแอตแลนติสมีความซับซ้อนและมีความหลากหลายมาก ถึงแม้ว่าฉันจะใช้เวลาในการค้นคว้ามานานหลายปีแต่มันก็ยังไม่มีนักวิจัยคนไหนสามารถถอดรหัสภาษานี้อย่างถ่องแท้ได้เลย”

เมื่อโดนตั้งคำถามเซี่ยเฟยก็แต่งเรื่องโกหกบ่ายเบี่ยงออกไปก่อนที่เขาจะเปลี่ยนหัวข้อสนทนา

“ศาสตราจารย์หวางลวดลายบนกระดานทองคำคืออะไรอย่างนั้นหรอครับ?”

“มันเป็นแผนที่ แต่พวกเราก็ไม่รู้ว่ามันนำไปสู่ที่ไหน จากความเร็วในการเคลื่อนที่ของพวกเรา ฉันก็คิดว่าพวกเราน่าจะไปถึงเป้าหมายได้ในเช้าวันพรุ่งนี้ ในเวลานั้นความลับทั้งหมดก็จะถูกเปิดเผยออกมาเสียที” ศาสตราจารย์หวางกล่าว

—--

เมื่อพระอาทิตย์ค่อย ๆ ลอยขึ้นมาจากขอบฟ้าเซี่ยเฟยกับอันเดร์ก็มายืนรออยู่บนดาดฟ้าของเรือเป็นที่เรียบร้อยแล้ว

“อ้าวคุณก็อยู่ที่นี่เหมือนกันหรอ อย่าบอกนะว่าคุณก็นอนไม่หลับเหมือนกัน” อันเดร์กล่าวถาม

“ครับ หลังจากคิดว่าพวกเราจะได้พบกับแอตแลนติสในเร็ว ๆ นี้มันก็ค่อนข้างที่จะทำให้ผมรู้สึกตื่นเต้นอยู่เล็กน้อย” เซี่ยเฟยกล่าวพร้อมกับพ่นควันบุหรี่ออกมา

“พวกเราลงไปกินข้าวกันก่อนเถอะ” อันเดร์กล่าวพร้อมกับตบไหล่เซี่ยเฟย

ในปัจจุบันหุ่นยนต์ใต้น้ำทั้งสามตัวกำลังแหวกว่ายอยู่ในทะเล ในขณะที่ทุกคนต่างก็กำลังวุ่นวายอยู่บนดาดฟ้าของเรือโดยพยายามที่จะออกค้นหาแอตแลนติสอย่างคาดหวัง

ภาพจากใต้น้ำได้ถูกส่งขึ้นไปยังห้องควบคุมอย่างต่อเนื่องและมันก็มีดวงตาหลายสิบคู่ที่คอยจ้องมองจอภาพด้วยความตื่นเต้น

“มันมีอะไรบางอย่างอยู่ตรงนั้น!” นักวิจัยผู้สังเกตการณ์คนหนึ่งส่งเสียงตะโกนออกมา

บนพื้นทะเลอันราบเรียบมีวัตถุขนาดใหญ่ที่มีรูปร่างไม่ปกติวางตั้งอยู่ โดยมันได้ถูกปกคลุมไปด้วยสาหร่ายและพื้นทราย แต่ถึงกระนั้นมันก็ยังโดดเด่นเป็นพิเศษอยู่ดี

ทันใดนั้นหุ่นยนต์ดำน้ำก็รีบมุ่งหน้าตรงไปยังวัตถุปริศนาทันที ก่อนที่พวกมันจะได้ใช้ปืนฉีดน้ำที่พกพามาในการทำความสะอาดพื้นผิวของวัตถุปริศนาชิ้นนี้

ประมาณ 10 นาทีต่อมาทุกคนก็ได้เห็นว่าวัตถุชิ้นนี้เป็นเพียงแค่ก้อนหินก้อนหนึ่งที่ถูกฝังเอาไว้ใต้พื้นทราย

อย่างไรก็ตามเหตุการณ์ในครั้งนี้ก็ไม่ได้ทำลายความหวังของทีมสำรวจเลยแม้แต่น้อยและพวกเขาก็ยังคงออกทำการสำรวจก้นทะเลอย่างระมัดระวังต่อไป

ในวันแรกยังไม่มีการค้นพบอะไรแต่ทุกคนก็ตั้งตารอการสำรวจในวันที่ 2 อย่างมีความหวัง

ในวันที่ 2 มันก็ยังคงไม่มีการค้นพบอะไรอยู่เช่นเดิม แต่ทุกคนก็ยังคงตั้งตารอการสำรวจวันที่ 3 อยู่ดี

ในวันที่ 3 พวกเขาได้ค้นพบซากเรือโบราณแต่มันไม่ได้มีมูลค่ามากเท่าไหร่นักและมันก็เริ่มก่อให้เกิดความรู้สึกสิ้นหวังแพร่กระจายไปทั่วทั้งเรือ

ในวันที่ 4 ก็ยังไม่มีการค้นพบอะไรใหม่ ซึ่งในช่วงเวลาอาหารก็มีบรรยากาศที่เงียบสงัดมากและมันก็มีนักวิจัยบางคนเริ่มดื่มแอลกอฮอล์เพื่อย้อมใจบ้างแล้ว

ในวันที่ 5 ความผิดหวังเริ่มแปรเปลี่ยนกลายเป็นความสิ้นหวัง นอกจากนี้ทุกคนยังเริ่มอารมณ์ไม่ดีจนทำให้มันเริ่มเกิดการทะเลาะกันจากเรื่องเพียงแค่เล็กน้อย

ปัจจุบันเป็นช่วงเวลากลางคืนและเซี่ยเฟยก็กำลังยืนคิดไตร่ตรองสถานการณ์อยู่ที่หัวเรือเงียบ ๆ คนเดียว โดยเขาได้มองขึ้นไปยังพระจันทร์ที่ส่องแสงสว่างเกือบจะเต็มดวงและมันก็ทำให้เขาได้หวนคิดถึงตัวอักษรที่อยู่บนกระดานทองคำ

เมื่อใดก็ตามที่เทพธิดาแห่งดวงจันทร์เผยรอยยิ้ม ประตูที่แตกสลายจะถูกเปิดออก เส้นทางสู่ดินแดนลับจะได้รับการชี้นำจากเทพแห่งการสังหาร

“เทพธิดาแห่งดวงจันทร์เผยรอยยิ้ม? นี่อันธตอนคนยิ้มหน้าของคนจะดูเป็นยังไง?”

“ตอนคนยิ้ม? มันก็ต้องหน้ากลม ๆ ดิ”

“หน้ากลม ๆ ... ทรงกลม!” ทันใดนั้นเองเซี่ยเฟยก็นึกถึงอะไรบางอย่างแล้วเขาก็ส่งเสียงพึมพำออกมาด้วยความตื่นเต้น

“ฉันรู้แล้ว! ฉันรู้แล้วว่าอะไรคือเทพธิดาแห่งดวงจันทร์และอะไรคือเทพแห่งการสังหาร!”

หลังจากนั้นเซี่ยเฟยก็รีบวิ่งไปยังห้องพักของอันเดร์ในพริบตา

ปัง! ปัง! ปัง! ปัง! ปัง! ปัง!

เซี่ยเฟยเคาะประตูห้องอันเดร์พร้อมกับมีอาการหอบเนื่องมาจากว่าเขารีบวิ่งมาด้วยความเร็วเต็มที่

“นั่นใคร? นี่มันดึกแล้วนะ?”

“ผมเอง ผมเองครับ เซี่ยเฟย”

เมื่อประตูได้เปิดออกมันก็เผยให้เห็นอันเดร์ในชุดนอน แต่เซี่ยเฟยก็รีบวิ่งเข้าไปในห้องด้วยความรวดเร็วพร้อมกับกล่าวออกมาด้วยน้ำเสียงอันหนักแน่นว่า

“คุณช่วยเอากระดานทองคำนั่นออกมาให้ผมหน่อยได้ไหมครับ!”

“มีอะไรหรือเปล่า? ทำไมคุณถึงทำตัวแปลก ๆ” อันเดร์กล่าวถามพร้อมกับรีบเดินไปเปิดตู้เซฟ

“เดี๋ยวคุณก็รู้เองครับ” เซี่ยเฟยกล่าว

เมื่อกระดานทองคำได้ถูกนำมาวางไว้บนโต๊ะมันก็ส่องแสงประกายสีทองออกมาอย่างลึกลับและลวดลายบนพื้นผิวของมันก็เปล่งประกายออกมาอย่างชัดเจนมากยิ่งขึ้น

ทันใดนั้นเซี่ยเฟยก็หยิบโกลเดนสทิงเกอร์ออกมาและค่อย ๆ นำมันไปวางตรงรูปวงกลมที่อยู่ตรงกลางของกระดานทองคำ

พริบตาต่อมาโกลเดนสทิงเกอร์ก็เริ่มมีอาการสั่นเล็กน้อยก่อนที่มันจะหมุนชี้ไปทางทิศตะวันตกเฉียงเหนือราวกับว่ามันเป็นเข็มทิศ!!

เหตุการณ์นี้ทำให้อันเดร์เบิกตากว้างขึ้นมาด้วยความตกใจและในที่สุดเขาก็เข้าใจแล้วว่าทำไมเซี่ยเฟยถึงมีท่าทีที่ตื่นเต้นมากขนาดนี้

“นี่มันหมายความว่ายังไงกันแน่?” อันเดร์กล่าวถามขึ้นมาด้วยน้ำเสียงอันสั่นเครือ

“ความจริงแล้วโกลเดนสทิงเกอร์กับกระดานทองคำชิ้นนี้เคยเป็นเครื่องมือชิ้นเดียวกันมาก่อนและมันก็เป็นเข็มทิศที่มีไว้สำหรับการระบุตำแหน่งโดยเฉพาะครับ” เซี่ยเฟยกล่าว

“เข็มทิศ!” อันเดร์อุทานออกมาพร้อมกับร่างที่สั่นสะท้านและเขาก็พยายามมองหาบุหรี่เพื่อคลายความวิตกกังวล

เมื่อเห็นปฏิกิริยาของชายชราเซี่ยเฟยก็หยิบหงตะชานออกมาพร้อมกับยื่นไปให้อันเดร์ที่รับมันไปสูบด้วยมืออันสั่นเทา

“คุณค้นพบเรื่องนี้ได้ยังไง” อันเดร์กล่าวถามขณะที่ตัวของเขายังคงสั่นอยู่

“ง่ายมาก คำตอบก็เขียนเอาไว้ที่นี่แล้วไงครับ” เซี่ยเฟยกล่าวพร้อมกับชี้ไปยังตัวอักษรบนกระดานทองคำ

“เมื่อใดก็ตามที่เทพธิดาแห่งดวงจันทร์เผยรอยยิ้ม ประตูที่แตกสลายจะถูกเปิดออก เส้นทางสู่ดินแดนลับจะได้รับการชี้นำจากเทพแห่งการสังหาร”

“ความหมายที่แท้จริงของคำพวกนี้ก็คือในทุก ๆ คืนพระจันทร์เต็มดวง มันจะมีสถานที่แห่งหนึ่งทำหน้าที่เป็นประตูลับพาพวกเราไปสู่แอตแลนติส ซึ่งโกลเดนสทิงเกอร์ก็เป็นกุญแจสำคัญสำหรับการนำทางไงล่ะครับ”

“กระดานทองคำนี้กับโกลเดนสทิงเกอร์ถูกค้นพบในที่เดียวกัน ดังนั้นพวกเราจึงสมควรที่จะนำมันมาประกอบเข้าด้วยกันพวกมันจึงจะสามารถแสดงพลังของพวกมันออกมาได้เต็มที่”

“แล้วคุณจะอธิบายเรื่องแผนที่นี้ยังไง” อันเดร์กล่าวถามอย่างประหม่า

“ผมคิดว่านี่มันไม่ใช่แผนที่หรอกครับ ผมก็ไม่รู้ว่าทำไมพวกคุณถึงคิดว่ามันเป็นแผนที่ แต่ในความคิดของผมลวดลายบนกระดานนี้มันคล้ายกับลวดลายบนโกลเดนสทิงเกอร์ซึ่งมันเป็นเพียงแค่ลวดลายที่เอาไว้ประดับตกแต่งเท่านั้นแหละครับ” เซี่ยเฟยกล่าว

การค้นพบของเซี่ยเฟยในครั้งนี้ทำให้อันเดร์กุมหัวด้วยความสับสน เพราะสถานการณ์ในปัจจุบันมันได้ทำลายแนวคิดที่เคยมีในก่อนหน้านี้ไปทั้งหมด

“อย่ามัวเสียเวลาเลยครับ พวกเรารีบบอกให้กัปตันเรือมุ่งหน้าไปตามโกลเดนสทิงเกอร์เถอะ เพราะคืนพระจันทร์เต็มดวงคือคืนพรุ่งนี้แล้ว”

“ตกลง!” อันเดร์รีบดับบุหรี่ภายในมือ จากนั้นเขาก็รีบยกโทรศัพท์ขึ้นมาเพื่อติดต่อไปยังกัปตันเรือ

“กัปตันเดวิสรีบหันหัวเรือมุ่งหน้าไปทางทิศตะวันตกเฉียงเหนือเดี๋ยวนี้!!”

—--

เมื่อพระจันทร์เริ่มส่องสว่างมันก็เผยให้เห็นท้องทะเลอันสงบสุข

พื้นที่บริเวณนี้เป็นพื้นที่จุดสุดท้ายที่โกลเดนสทิงเกอร์ได้ระบุตำแหน่งเอาไว้ ซึ่งนอกเหนือจากการรอให้ประตูลับได้เปิดออกแล้วพวกเขาก็ไม่สามารถที่จะทำอะไรได้อีก

ปัจจุบันลูกเรือของสตอร์มก็อดเดสทุกคนต่างก็ได้ไปรวมตัวกันบนดาดฟ้าของเรือด้วยความรู้สึกประหม่า โดยพวกเขาทุกคนต่างก็รอช่วงเวลาที่เป็นวินาทีแห่งประวัติศาสตร์

ขณะเดียวกันเซี่ยเฟยกับอู่หลงก็ยืนเคียงข้างกันอยู่ตรงบริเวณหัวเรือ โดยบริเวณปลายเท้าของพวกเขาเต็มไปด้วยก้นบุหรี่ซึ่งมันเห็นได้ชัดเลยว่าทั้งสองคนนี้กำลังรู้สึกประหม่ามากแค่ไหน

“‘ประตูที่แตกสลาย’ มันหมายถึงอะไรกันแน่? ประตูมันจะปรากฎขึ้นมาจากใต้ทะเลอย่างนั้นหรอ?” อู่หลงกล่าวถาม

“ผมก็ไม่แน่ใจเหมือนกัน แต่ผมรู้สึกสังหรณ์ใจแปลก ๆ” เซี่ยเฟยกล่าวพร้อมกับส่ายหัว

“สังหรณ์ใจอะไร?” อู่หลงกล่าวถามอย่างประหม่า

“ผมคิดว่าแอตแลนติสอาจจะไม่ได้อยู่ที่ก้นทะเล” เซี่ยเฟยกระซิบตอบกลับไป

“ถ้ามันไม่ได้จมลงไปสู่ก้นท้องทะเลแล้วมันจะหายไปได้ยังไง” อู่หลงอุทานออกมาด้วยความตกตะลึง แต่ในทันใดนั้นเองมันก็ได้มีความผิดปกติเกิดขึ้นมาอย่างฉับพลัน

***************

ถ้าไม่ได้อยู่ที่ก้นทะเลแล้วมันอยู่ที่ไหน? อยู่บนท้องฟ้าหรอ?

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด