ตอนที่แล้วNH-ตอนที่ 47 ฉันแค่ทำสิ่งที่จำเป็นต้องทำ
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปNH-ตอนที่ 49 ภาวะที่กลืนไม่เข้าคายไม่ออก

NH-ตอนที่ 48 การปะทะกันภายในรังมด


ทันทีที่ลุกซ์มาถึงใกล้กับหนึ่งในทางเข้าที่นำไปสู่อาณานิคมใต้ดิน เขาก็พบพวกมดและยุงหลายตัวกำลังต่อสู้กันอยู่

ยุงหลาย 10 ตัว ที่นำโดย ยุงเกราะเหล็ก (มอนสเตอร์ระดับ 2) และ ยุงเกราะดำ 4 ตัว (มอนสเตอร์ระดับ 1) เริ่มปะทะกับฝ่ายป้องกัน

โชคดีที่พวกมดไม่ได้ยอมแพ้ แม้ว่าพวกมันจะเป็นผู้รักสงบ แต่เมื่อมีการคุกคามเกิดขึ้น พวกมันก็เต็มใจที่จะต่อสู้กับผู้บุกรุกใด ๆ ก็ตาม

ผู้พิทักษ์รังมด คือกองทัพมดมีเขา (มอนสเตอร์ระดับ 1) มันได้พ่นกรดใส่ยุงที่พยายามเข้ามาในอาณาเขตของพวกมันทันที

ยุงแถบแดงหลายตัวได้ส่งเสียงกรีดร้องออกมาอย่างเจ็บปวดหลังจากที่ร่างกายของพวกมันเปียกโชกไปด้วยกรด

ในทางกลับกัน ยุงเกราะดำ ก็ได้รับบาดเจ็บเล็กน้อย แต่พวกมันก็ยังต่อสู้ต่อได้

มีเพียงยุงเกราะเหล็กเท่านั้นที่ไม่ได้รับผลกระทบใด ๆ จากกรดที่ตกลงมาบนร่างกายของมัน

พวกมดคำรามออกมาด้วยความโกรธในขณะที่พวกมันส่งสัญญาณเรียกกำลังสำรองภายในอาณานิคมของพวกมัน ในไม่ช้า กองทัพมดมีเขาจำนวนมากก็โผล่ออกมาและเริ่มโจมตีใส่ศัตรูด้วยกรดของพวกมัน

เนื่องจากจำนวนที่แตกต่างกันอย่างท่วมท้น จำนวนของพวกยุงจึงลดลงอย่างมาก แม้แต่ยุงเกราะดำ ก็ไม่สามารถรอดพ้นจากชะตากรรมรุกคืบของกองทัพเหล่านี้ได้ ปัญหาเดียวก็คือ ยุงเกราะเหล็ก ที่มีร่างกายทนทานต่อพวกกรดเหล่านี้

หลังจากเห็นว่าผู้คุ้มกันของมันเสียชีวิตหมด ยุงเกราะเหล็ก ก็วางแผนที่จะหลบหนี แต่พวกมดยืนกรานที่จะป้องกันไม่ให้มันหนีไปได้ พวกมันได้ปิดกั้นทางเข้าที่นำไปสู่ภายนอกรัง และ ดักจับมอนสเตอร์ตัวสุดท้ายที่บุกรุกเข้ามา

พวกมดเริ่มปีนขึ้นไปบนกำแพงและเพดานรังของพวกมัน และ พุ่งเข้าใส่ผู้บุกรุกที่บินอยู่ในอากาศ อย่างไรก็ตาม หลังจากที่พวกมดหลายตัวกรูกันเข้ามาบนร่างกายของมัน มันก็เริ่มสูญเสียความสามารถในการบินและล้มลงกับพื้น

ในขณะนั้นเองพวกมดได้แสดงความเหนือกว่าโดยการระดมยิงการโจมตีใส่ ยุงเกราะเหล็ก

เสียงกรีดร้องได้ดังมาจากยุงเกราะเหล็ก มันพยายามตอบโต้การโจมตีก็ไร้ผล เพราะเมื่อยุงสูญเสียความสามารถในการบินประสิทธิภาพการต่อสู้ของมันจะลดลงอย่างมาก

จากนั้นไม่นาน ก็มีเสียงดังปรากฏขึ้นในส่วนลึกของรังมด ทันใดนั้นมด 3 ตัว ที่มีส่วนสูง 2 เมตรก็โผล่ออกมาจากส่วนลึก

ลุกซ์ รู้จักชื่อมดที่ปรากฏตัว เพราะเขาเคยเห็นพวกมันในขณะที่เขาเดินทางผ่านอาณานิคมใต้ดินที่พวกมดสร้างขึ้น

“มดหุ้มเกราะ” ลุกซ์ พึมพัมหลังจากเห็นผู้พิทักษ์ที่เป็นมอนสเตอร์ระดับ 2

ร่างของพวกมดเหล่านี้แข็งราวกับเหล็กกล้า โดยพวกมันได้ใช้ขากรรไกรที่ทรงพลังดักจับร่างของยุงเกราะเหล็กและฉีกพวกมันออกจากกัน

ลุกซ์ เฝ้าดูฉากนี้ด้วยสีหน้าที่สงบ เหตุผลที่เขามั่นใจให้พวกมดมาเป็นหุ้นส่วนทางธุกิจก็เพราะพวกมันเป็นผู้ปกครองที่แท้จริงของสวนฟิกาโร

แม้ว่าพวกยุงนับหมื่นตัวจะเป็นจำนวนที่น่ากลัว แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าพวกมันจะสามารถเอาชนะมดที่มีจำนวนนับแสนตัวได้ เมื่อพูดถึงความเหนือกว่าระหว่างสองเผ่าพันธุ์ พวกมดนั้นเหนือกว่าอย่างชัดเจน

หากไม่ใช่เพราะนิสัยรักสงบของพวกมัน เกรงว่าพวกมันคงกลายเป็นผู้ปกครองที่แท้จริงของสวนฟิกาโรไปนานแล้ว

หลังจากการต่อสู้ พวกมดก็นำศพของยุงกลับไปให้ราชินีของมันเพื่อให้เธอได้กินพวกมัน นอกจากนี้ พวกมันยังหามศพของสหายที่เสียชีวิตไปและนำไปฝังในสถานที่พิเศษที่เรียกว่า สุสานมด

ก่อนหน้านี้ ลุกซ์ ต้องการเข้าไปช่วยเหลือ แต่เมื่อเขาเห็นว่าพวกมดไม่ต้องการ เขาก็จับมือของเขาและมองดูการต่อสู้ที่เกิดขึ้นนี้

เกล็น และ เมแกน มองไปที่ร่างของยุงที่ตายไปแล้วด้วยความกลัว ถ้าไม่ใช่เพราะความช่วยเหลือจากลุกซ์ พวกเขาคงจะตายอย่างเจ็บปวดและทรมานเป็นอย่างมาก

ลุกซ์เข้าหา 1 ในมดผู้พิทักษ์และหยิบหนังสือบันทึกแห่งเอลิเซียมออกมาเพื่อสื่อสาร

หลังจากได้รับข้อมูลที่ต้องการแล้ว เขาก็บอกลาพวกมดและส่งสัญญาณให้ เกล็นและเมแกนตามเขาไป

“อุโมงค์นี้จะพาเราขึ้นไปสู่ผิวน้ำ และ ยังเป็นเส้นทางที่พวกยุงใช้ในการเข้ามาในรังมดอีกด้วย” ลุกซ์ อธิบาย “แต่พวกเธอไม่ต้องกังวล พวกยุงในบริเวณนี้ถูกฆ่าตายหมดแล้ว ดังนั้น พวกเราสามารถใช้เส้นทางที่ปลอดภัยนี้กลับไปยังหมู่บ้านลีฟได้”

คนแคระทั้งสองพยักหน้าอย่างเข้าใจ

“เดียโบล จงออกมา!” ลุกซ์ กล่าวสั่ง “นักรบโครงกระดูก ด้วย!”

ทันใดนั้น อัศวินดำและนักรบโครงกระดูกก็ปรากฏตัวขึ้นตรงหน้าของพวกเขา

“ตรวจสอบทางเข้าและบริเวณโดยรอบเพื่อมองหาพวกยุง” ลุกซ์ กล่าวสั่ง “อย่าลืมขยายขอบเขตการค้นหาของพวกนาย เพื่อให้แน่ใจว่าเส้นทางสู่หมู่บ้านลีฟจะไม่มีอันตรายใดๆ”

เดียโบล และ นักรบโครงกระดูก พยักหน้าขณะที่วิ่งไปที่พื้นผิว กองทัพมดมีเขาหลายตัวได้เดินผ่าน ลุกซ์ และ คนแคระทั้งสองเพื่อกลับมาทำหน้าที่ปกป้องรังของพวกมัน

จากนั้นทั้งสามก็เดินตามหลังพวกมดไปเพราะทางนั้นปลอดภัยกว่า

หลังจากผ่านไปเกือบครึ่งชั่วโมงภายใต้การสอดแนมของ เดียโบล เขาได้ส่งข้อความหาลุกซ์ ซึ่ง ลุกซ์ ก็พบว่าบนชายฝั่งนั้นปลอดภัย และ ไม่มีภัยคุกคามใดๆ

เมื่อได้ยินรายงานจากผู้ใต้บังคับบัญชาที่ไว้ใจได้ ลุกซ์ ก็พาคนแคระทั้งสองกลับไปที่ หมู่บ้านลีฟ โดยที่ระหว่างทางไม่พบมอนสเตอร์ใดๆ เลย

“ขอบคุณที่ช่วยฉันอีกครั้ง” เกล็นโค้งคำนับ “ฉันสัญญาว่าจะตอบแทนบุญคุณในครั้งนี้อย่างแน่นอน”

“ฉันด้วย” เมแกน กล่าวพูดอย่างหนักแน่น “ฉันจะต้องตอบแทนบุญคุณนี้ให้ได้”

ลุกซ์ พยักหน้าและกล่าวออกมา “เอาล่ะ โปรดดูแลศพสหายของพวกเธอด้วย และ ส่งพวกเขากลับคืนสู่ครอบครัวของพวกเขา”

เกล็น และ เมแกน พยักหน้าอย่างเศร้าใจ เพราะนี่คือสิ่งเล็กน้อยที่สุดที่พวกเขาสามารถทำได้เพื่อสมาชิกปาร์ตี้ที่พ่ายแพ้ในสนามรบ

“เกล็น! เมแกน! ขอบคุณพระเจ้าที่พวกนายยังมีชีวิตอยู่!” คนแคระคนหนึ่งได้วิ่งมาทางพวกเขา

เกล็น และ เมแกน มองไปที่หัวหน้าปาร์ตี้ของพวกเขา โอมาน ด้วยสีหน้าที่เศร้าหมอง หลังจากที่อีกฝ่ายบอกให้พวกเขาทั้งหมดแยกกัน พวกเขาก็เข้าใจทันทีว่านี่เป็นทางเลือกเดียวที่จะลดจำนวนผู้เสียชีวิตในปาร์ตี้ของพวกเขา

เพราะพวกเขาไม่สามารถต่อสู้กับยุงหลายร้อยตัวในเวลาเดียวกันได้ เพราะการทำเช่นนั้นจะนำไปสู่ความตายที่ไร้จุดหมายเท่านั้น

เมื่อคนแคระเข้ามาใกล้ที่ตั้งของพวกเขา ลุกซ์ ก็ขนร่างคนแคระทั้งสามที่เขาใส่ไว้ในโลงออกมาเพื่อให้พวกเขานำศพเหล่านี้กลับไปยังโซไรอัส

“โอมาน นี่ลุกซ์” เกล็น กล่าวพูดหลังจากที่ทั้งสามกลับมาพบกัน “เขาเป็นคนที่ช่วยชีวิตพวกเราและนำศพเพื่อนของพวกเรากลับมาด้วย”

สีหน้าของโอมานซีดลงหลังจากเห็นกระสอบสามใบบนพื้น หลังจากหลบหนีการตามล่าของพวกยุงได้สำเร็จ คนแคระเด็กคนนี้ก็เอาแต่โทษตัวเองสำหรับสิ่งที่เกิดขึ้นกับสมาชิกปาร์ตี้ของเขา

เดิมเขาคิดว่าเขาเป็นเพียงคนเดียวที่รอดชีวิตมาได้ จึงรู้สึกผิด

ก่อนที่จะได้พบ เกล็น และ เมแกน โอมานตัดสินใจที่จะกลับไปที่สวนฟิกาโรเพื่อค้นหาศพสมาชิกปาร์ตี้ของเขาและนำกลับมาฝังอย่างเหมาะสม

“ขอบคุณมาก คุณลุกซ์” โอมานก้มศีรษะลง “เมื่อถึงเวลาที่คุณต้องการความช่วยเหลือจากฉัน เพียงแค่คุณพูดมา แม้ว่ามันจะต้องแลกด้วยชีวิตของฉัน ฉันก็จะช่วยเหลือคุณอย่างสุดความสามารถ”

โอมาน เคาะหน้าอกของเขาสามครั้ด้วยกำปั้นของเขา นี่เป็นท่าทางของคนแคระที่ทำเมื่อพวกเขาให้คำมั่นสัญญาอย่างเด็ดขาดกับใครบางคนโดยเอาชีวิตเป็นเดิมพัน

ลุกซ์ มองไปที่คนแคระผมสีบลอนด์และดวงตาสีน้ำตาล ที่จ้องมองมาที่เขาด้วยสีหน้าที่จริงจัง

“ตกลง” ลุกซ์ตอบกลับ “ถ้าถึงเวลาที่ฉันต้องการความช่วยเหลือจากนาย ฉันจะไม่ลังเลเลยที่จะเรียกหานาย”

หลังจากใช้เวลากับคนแคระ ฮาล์ฟเอลฟ์หนุ่มก็เข้าใจว่าพวกเขานั้นจริงจังแค่ไหนเมื่อต้องให้คำมั่นสัญญา ด้วยเหตุนี้ เขาจึงตอบรับคำสัญญาของโอมาน เพราะมันเป็นสิ่งที่ถูกต้อง

“อย่าลืมส่งศพเพื่อนของพวกนายกลับไปให้คนที่พวกเขารักด้วยล่ะ และ ก็อย่าพยายามเข้าไปในสวนฟิกาโรอีกในช่วงนี้” ลุกซ์ กล่าวออกมา “สภาพแวดล้อมของที่นั่นอันตรายเกินไปในตอนนี้ ดังนั้นอย่าพยายามเอาชีวิตไปทิ้งเพียงเพราะความโลภเล็กน้อย พวกเราทุกคนล้วนมีชีวิตเดียว ดังนั้นจงรักษาและใช้ชีวิตให้เต็มที่”

ลุกซ์ บอกลาคนแคระและกลับไปที่โรงแรม เขาอยู่ในสวนฟิกาโรมาเป็นเวลา 1 สัปดาห์ และ นอนหลับไม่ค่อยสนิทในช่วง 2-3 วันที่ผ่านมา นอกจากนี้เขาต้องการอาบน้ำด้วย เพราะงั้นเขาจึงตัดสินใจหยุดการทำงานทั้งหมดที่เหลือในวันนี้

ขณะที่เขาเดินไปที่โรงแรมของเขา เขาก็นึกถึงสมาชิกปาร์ตี้ของเขาที่รับภารกิจคุ้มกัน เขาค่อนข้างคิดถึงกลุ่มคนแคระเด็กเหล่านี้ โดยเฉพาะโคเล็ตต์ที่มักจะคิดแง่บวกอยู่เสมอ

“ถ้าฉันจำไม่ผิด พวกเขาควรจะกลับมาในอีก 2 สัปดาห์” ลุกซ์พึมพำขณะที่เดินไปที่ห้องของเขา “เมื่อพวกเขากลับมา ฉันว่าจะขอให้พวกเขาช่วยฉันล่า คาร์บันเคิล ในทุ่งหญ้าทางแห่งความปราถนา”

คาร์บันเคิล เป็นมอนสเตอร์อัลฟ่าแห่งทุ่งแห่งความปราถนา แม้ว่ามันจะเป็นมอนสเตอร์ระดับ 3 แต่ก็ไม่ได้เชี่ยวชาญในการโจมต กลับกัน มันเป็นมอนสเตอร์สายสนับสนุนที่มีพลังในการรักษาและเสริมพลังให้กับมอนสเตอร์ตัวอื่นที่ต่อสู้เพื่อมัน

แน่นอนว่ามันเป็นมอนสเตอร์อัลฟ่าที่อ่อนแอที่สุดจากบรรดาทั้ง 3 ตัวของหมู่บ้านเริ่มต้น ซึ่ง ลุกซ์ มั่นใจว่าหากพวกเขาร่วมมือกัน พวกเขาจะสามารถล่ามันได้โดยไม่มีปัญหาใดๆ

“หวังว่าพวกเธอทุกคนจะกลับมาอย่างปลอดภัย” ลุกซ์ กล่าวพูดเบา ๆ ขณะที่เขามองไปทางทิศตะวันออกซึ่งเป็นที่ตั้งของหมู่บ้านลินโดว์ “ฉันอดทนรอไม่ไหวแล้วที่จะออกไปผจญภับกับพวกเธออีกครั้ง”

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด