ตอนที่แล้วตอนที่ 1283 เอาชนะ ชิงสมบัติ
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปตอนที่ 1285 แสงดาวสว่างไสว

ตอนที่ 1284 ใครเดินหมากของข้า?


บนกระดานหมากรุกหินโบราณรูปเกมไม่มีการเปลี่ยนแปลง

แต่เจ้าตำหนักใหญ่ตงฟางที่กำลังนั่งสมาธิในส่วนลึกของดวงตาของเขามีประกายความโกรธ “ใครเดินหมากของข้า?”

ก่อนหน้านี้เขามีความสงสัยและรู้สึกเสมอว่าเกมทั้งหมดเดินไปอย่างราบรื่นเกินไปมีเย่ว์ไตตันและนางพญาเฟ่ยเหวินหลีและจักรพรรดิแห่งฝันสามเสาหลักแห่งหอทงเทียนอยู่ในสภาพซบเซาด้วยเหตุผลง่ายๆ คือไม่อาจต่อสู้ได้ การต่อสู้อย่างรุนแรงยังเป็นไปไม่ได้ แต่เกมหมากรุกทั้งหมดเป็นไปอย่างราบรื่นจักรพรรดิทองฉวยโอกาสช่วยให้เย่ว์ไตตันหนี แต่ดูเหมือนสถานการณ์มั่นคงเพียงเล็กน้อย เย่ว์ไตตันแบกโชคชะตาของหอทงเทียน แม้ว่าจะไม่มีจักรพรรดิทองแต่เป็นไปไม่ได้ที่จะฆ่าหรือจับสังหารเขาได้ง่ายๆ มิฉะนั้นเขาคงต้องลงมือด้วยตนเอง

ในฐานะผู้เล่นเกมหมากรุกเย่ว์ไตตันจะเดินหมากแพ้เขาในที่สุด

แทนที่จะเริ่มต้นเดินหมาก

เย่ว์ไตตันกลับหายไปและหนีไปอย่างไม่มีร่องรอย

สตรีผู้หลับใหลมาเป็นเวลานานดูเหมือนไม่รีบร้อนนางได้แต่นั่งดูหอทงเทียนล่มสลายเฉยๆ นี่เป็นไปได้อย่างไร? นอกจากนี้นางพญาเฟ่ยเหวินหลีผู้กล้ากวาดพิชิตแดนสวรรค์จะมองดูหอทงเทียนล่มสลายโดยไม่ลงมือได้อย่างไร?

ถ้าเขาสงสัยว่าไม่มีอะไรผิดปกติ  อย่างนั้นใครบางคนต้องลอบเดินหมากลับเป็นแน่

ทักษะแฝงเร้นหมากรุกสามารถควบคุมได้แม้แต่นักสู้ระดับเทพควบคุมทุกอย่างในโลกได้  อย่างไรก็ตามหากมีผู้เฝ้าดูที่แข็งแกร่งเป็นไปไม่ได้ที่จะใช้ประโยชน์จากการเดินหมากของตนเองลับๆ

อย่างไรก็ตามผู้เฝ้าดูเช่นนั้นไม่เพียงแต่แข็งแกร่งมากกว่าเขา  แต่ยังมีคนที่มากกว่าหนึ่งดังนั้นเป็นไปไม่ได้ที่เขาจะทำเป็นมองไม่เห็น

ถ้าอย่างนั้นใครกันที่เข้ามาเกี่ยวข้อง?

จักรพรรดิทองควรจะเป็นหนึ่งในนั้น แต่พลังของจักรพรรดิทองยังไม่เพียงพอจะหลอกลวงเขาเป็นแน่  และเขายังไม่มีพลังมากพอจะเปลี่ยนเกม

แต่ถ้ามีจักรพรรดิอสูรและราชันย์ไร้ใจปีศาจเฒ่านั่นเล่า? ถ้าเป็นพวกเขาก็คงยังจะดีกว่าที่น่ากลัวที่สุดก็คือเจ้าตำหนักสูงสุดเทียนอี้ซึ่งมักจะซ่อนตัวอยู่เสมอ  ถ้าเขาถือมีดอยู่เบื้องหลัง อย่างนั้นเขาจะตกอยู่ในความยากลำบาก! มีแต่เจ้าตำหนักสูงสุดที่ทรงพลัง ฉลาด ลึกซึ้งที่สุดมีความเป็นไปได้มากที่สุดที่จะเป็นเขาที่จะเดินหมากลับๆ  ขณะที่ดูตัวหมากรุกมีแนวโน้มว่าจะปิดบังตัวเองไว้ให้มากที่สุด

ปัญหาก็คือเจ้าตำหนักสูงสุดเทียนอี้ทำเช่นนี้ไม่มีอะไรได้เปรียบ

เทียนอี้ต้องการให้หอทงเทียนตกต่ำ

เขาไม่มีเหตุผลในการก่อกวนแผนการให้ยุ่งเหยิงก่อนทำลายหอทงเทียนเทียนอี้ควรช่วยตัวเขาก่อนเมื่อหอทงเทียนถูกกำหนดให้พินาศตลอดไปและถูกทำลายสิ้นเชิงก็ยังไม่สายเกินกว่าจะออกหน้า เขาไม่อาจอดทนรอได้อย่างไร?

เรื่องนี้ไม่มีเหตุผล!

ไม่!

ไม่ใช่เทียนอี้!

เป็นไปได้ไหมว่าผู้ชมดูนั้นก็คือจักรพรรดิไร้เทียมทานจิ๋วซื่อที่ได้สัญญากับเขาไว้แล้ว?

แต่จักรพรรดิไร้เทียนทานจิ๋วซื่อได้ให้สัญญากับเขาไว้แล้ว  เขาคือนักสู้ระดับเทพ สัญญาของเขามีค่าพันตำลึงทอง  เขาก็คือตัวแทนความประสงค์ของเขามั่นคงต่อสัญญาและเขามีเหตุผลพอที่จะทำลายหอทงเทียนด้วยหมากของเขา

ถ้าไม่ใช่สองคนนี้ อย่างนั้นจะเป็นใคร?

ในโลกนี้ใครมีพลังอย่างพวกเขาบ้าง? ผู้นั้นสามารถซ่อนพ้นจากดวงตาของเขาอย่างชาญฉลาดได้หรือไม่?เขามีความสามารถซ่อนตัวพ้นจากการเป็นหมากของเขาได้หรือ?

หรือว่าจะเป็นนางพญาเฟ่ยเหวินหลีหรือเป็นองค์หญิงเย่เมิ่ง? พวกเขามีพลังเช่นนั้นแน่ แต่พวกเขาเป็นศัตรูพวกเขาไม่สามารถซ่อนหมากที่จะเล่นได้ทั้งเดินหมากของตัวเขาได้อย่างร้ายกาจ  ทักษะแฝงเร้นหมากรุกไม่อาจเมินเฉยได้...   จักรพรรดิทอง จักรพรรดิอสูรและราชันย์ไร้ใจพวกเขาไม่อาจใช้พลังหลอกเขาได้ อย่างนั้นใครคือผู้ชมดูหมากรุก?

ในหอทงเทียน ใครที่เพิกเฉยต่อการกำกับของเขาได้?

ยังจะมีใครอีก

มีภูมิปัญญาที่ร้ายกาจทำให้เกมหมากรุกยุ่งเหยิงได้  แต่ทำโดยเขาไม่รู้ตัวได้หรือ?

เจ้าตำหนักใหญ่ตงฟางเข้าสมาธิลึกขุนพลเทพทั้งสิบแปดของเขาล้มเหลว และถูว่านแห่งเผ่ามังกรกลืนสวรรค์ขัดขวางล้มเหลวเขาติดตามร่องรอยวิกฤต ภายใต้ทักษะแฝงเร้นหมากรุกของเขามีคนที่มองไม่เห็นที่สามารถก้าวข้ามกฎสวรรค์กระดานหมากรุกซ่อนตัวอยู่ในที่เร้นลับขณะมองดูเกมหมากรุกและใช้มือที่มองไม่เห็นก่อกวนให้เกมหมากรุกของเขาสับสน... พละกำลังและสติปัญญาของมนุษย์ล่องหนผู้นี้น่าจะไม่ด้อยไปกว่าเขา!

และ

ไม่มีใครรู้

ไม่ว่าจะเป็นตัวเขาเองหรือเจ้าตำหนักสูงสุดเทียนอี้และผู้พิชิตแห่งแดนสวรรค์ล้วนถูกบังตา!

ในหอทงเทียนยังมีผู้พิทักษ์ที่เขาไม่รู้จักแต่ฉลาดอย่างนั้นหรือ? เขาหรือนางผู้นี้เป็นใครใช้ชีวิตแบบไหน?

“ข้าจะหาเจ้าให้พบ...”  ในสายตาของเจ้าตำหนักใหญ่ตงฟางมีแววกระตือรือร้นเขาจะต้องหาคู่ต่อสู้ของตนเองที่ก่อกวนสถานการณ์ที่เขาต้องชนะให้สับสน  และความคิดต่อสู้ในใจของเขาลุกโพลง  “ดีมาก การต่อสู้แบบนี้เท่านั้นที่น่าสนใจและคนแบบนี้เท่านั้นที่คู่ควรให้ข้าตงฟางทุ่มกำลังสู้!  เจ้าซ่อนตัวอยู่หลังเย่ว์ไตตันเพื่อเดินหมากแข่งกับข้าไม่ใช่หรือ?   ผู้เล่นที่แท้จริงคือเจ้าไม่ใช่เย่ว์ไตตันที่เจ้าผลักดันให้เป็นจุดหมายโจมตีของทุกคนใช่ไหม?ถ้าอย่างนั้นเจ้าเป็นใคร?”

ตงฟางพึมพำกับตนเอง

เขารู้สึกว่าร่างกายของเขาที่มีพลังจากเดิมเดียวดายและเกียจคร้านกลับมีไฟลุกโหมต้องการต่อสู้

ความวิตกกังวล ความหวาดกลัวและความหวั่นไหวที่ประดังเข้ามาเปลี่ยนเป็นความรู้สึกต้องการสู้ที่น่าตื่นเต้นในเวลากว่าหมื่นปีที่ผ่านมาไม่เคยปรากฏเงาแห่งความล้มเหลวในเกมหมากรุกที่แผ่ขยายอย่างรวดเร็วและมองไม่เห็น

ภายใต้การท้าทายที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อนนี้เจ้าตำหนักใหญ่ตงฟางรู้สึกตื่นเต้น

คู่ต่อสู้เช่นนี้คือสิ่งที่เขาปรารถนามากที่สุดในชีวิต

มีแต่การแข่งขันระดับนี้เท่านั้นถือว่าเป็นการใช้ภูมิปัญญาของนักรบต่อสู้กันอย่างแท้จริง

ปรากฏว่าเย่ว์ไตตันผู้ซึ่งพยายามพากเพียรอย่างหนักและเตรียมพร้อมหาวิธีการทุกอย่างออกมาใช้ เจ้าตำหนักใหญ่ตงฟางรู้สึกว่าไม่จำเป็นต้องไปสนใจเขาในตอนนี้  เจ้าเด็กนี่ไม่ได้เป็นเทพการเติบโตก้าวหน้าของเขามีเรื่องน่าสงสัยมีทั้งปาฏิหาริย์และความบังเอิญมากมายเกินไป หลายอย่างต่อต้านความคงอยู่หรือเจตจำนงสวรรค์ ดูแล้วไม่สมเหตุสมผล... การวิเคราะห์ตามสถานการณ์ปัจจุบันพรสวรรค์ที่ผิดธรรมดาของเย่ว์ไตตันมีอยู่แทบทุกอย่าง บางทีเขาอาจเป็นหุ่นเชิด

ต้องเป็นการผลักดันโดยผู้พิทักษ์หอทงเทียนที่แท้จริงซึ่งเร้นตัวอยู่เบื้องหลังเขา

เย่ว์ไตตันถูกผลักดันให้ขึ้นเวที

เป็นเป้าหมายของการโจมตีและดึงดูดการโจมตีมาทั้งหมด

แต่ผู้พิทักษ์หอทงเทียนที่ซ่อนอยู่ด้านหลังสามารถใช้ความประมาทเลินเล่อที่ไม่มีใครรู้นี้แสดงภูมิปัญญาอันชาญฉลาดระดับเทพจัดการสถานการณ์โดยรวม

บันไดสวรรค์ขั้นที่ล้าน

ข้างทะเลสาบเรืองแสง

เพราะความปรารถนาอันแรงกล้าของเจ้าตำหนักใหญ่ตงฟาง เย่ว์หยางผู้ซึ่งถูกชี้นำโดยทักษะแฝงเร้นหมากรุกที่มองไม่เห็นในที่สุดก็ปลดปล่อยตนเองอย่างแท้จริง

แม้ว่าเย่ว์หยางจะมีเจตจำนงราชันย์อย่างแท้จริงแต่ระดับนักสู้ของเขายังต่ำกว่าระดับเทพและเขาไม่สามารถละเลยกฎสวรรค์ทั้งหมดได้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งภายใต้กฎเหนี่ยวนำและทักษะแฝงเร้นหมากรุกของเจ้าตำหนักใหญ่ตงฟาง

ทักษะแฝงเร้นหมากรุกไม่สามารถส่งผลต่ออิสรภาพของเย่ว์หยางแต่เย่ว์หยางก็ไม่ได้มีอิสรภาพอย่างสมบูรณ์เช่นกัน

เจ้าตำหนักใหญ่ตงฟางยิ่งเพ่งสมาธิมากยิ่งขึ้น

ก็ยิ่งเกิดพลังเหนี่ยวนำมากขึ้น

ในที่สุดเขาก็ตระหนักถึงความเป็นไปได้ในการไล่ล่าที่มากขึ้น!

อย่างไรก็ตามในทันทีที่เจ้าตำหนักใหญ่ตงฟางเปลี่ยนความตั้งใจอย่างลึกลับเย่ว์หยางรู้สึกทันทีว่าร่างกายและจิตใจของเขาอยู่ในสภาพที่ดีเขารู้สึกโล่งใจและเป็นอิสระอย่างแท้จริง

เขาไม่รู้ว่าเสวี่ยอู๋เสียและองค์หญิงเชี่ยนเชี่ยนทำอะไรจนเจ้าตำหนักใหญ่ตงฟางตามเพ่งเล็งเขาได้ แต่เขามั่นใจว่าพวกนางลงมือแสดงถึงความพยายามแน่นอน

บางทีอาจไม่ใช่แค่พวกนางแต่ยังมีคนอีกมากมายเช่น เจ้าอ้วนไห่ เย่คงและสหายร่วมกลุ่มอื่นๆรวมทั้งอาจารย์จิ้งจอกเฒ่าผู้เฒ่าหนานกงได้เสียสละและพยายามอย่างมากในเรื่องนี้...  เจ้าตำหนักใหญ่ยอมยกเลิกติดตามตัวเย่ว์หยางเองเขาไม่รู้ว่าทุกคนทำได้อย่างไร แต่เขารู้ว่าเขาต้องรีบก้าวหน้าให้ได้ เจ้าตำหนักใหญ่รั้งสำนึกของเขากลับคืนไปเขาจำเป็นต้องรู้แจ้งและยกระดับเพื่อทำให้เจ้าตำหนักใหญ่ตงฟางและผู้รุกรานจากแดนสวรรค์ทั้งหมดสิ้นหวัง

ยักษ์ชะตาสูงหนึ่งกิโลเมตรไม่ว่ายังไงเขาต้องควบคุมให้ได้

ขอเพียงมีพลังนั้น

ทักษะแฝงเร้นหมากรุกจะถูกทำลาย  อันตรายของหอทงเทียนจะได้รับการแก้ไขและทุกคนจะพลิกชะตาได้ ชัยชนะครั้งสุดท้ายจะอยู่เพียงปลายเอื้อม!

“หน้าโง่, ไม่มีเวลามากจะมากลัวอีกแล้ว!”  จื้อจุนพบว่าเจ้าเด็กผู้นี้มัวแต่กระหยิ่มพอใจในตัวเองจนแทบจะผละจากการฝึกฝน นางตวาดเตือนเขาอย่างรวดเร็ว  เป็นเพราะความพยายามอย่างหนักของทุกคนและการทำงานหนักของเขาจึงสร้างอิสรภาพให้เขาได้เขาไม่ควรจะเสียเวลาแม้แต่ชั่วครู่หรือวินาทีเขาควรจะรู้ว่าถ้าเขาไม่สามารถเข้าใจพลังแห่งยักษ์ชะตาสูงหนึ่งกิโลเมตรได้ในสามวันความพยายามก่อนหน้านี้ทั้งหมดจะสูญเปล่า

“เข้าใจแล้ว!”เย่ว์หยางรีบข่มใจและฟื้นฟูสภาพให้พร้อมรู้แจ้ง

เขาจะไม่รู้ความสำคัญของโชคชะตาได้อย่างไร

ขอเพียงหลุดพ้น

เขาแค่อดไม่ได้ที่จะชื่นชมยินดีและประทับใจการพยายามอย่างหนักของทุกคน

จื้อจุนเกรงว่าจิตใจของเขาจะเจอกับอุบัติเหตุนางกอดร่างของเขาแน่นฝ่ามือลูบหลังของเขาและใช้หน้าผากนางแนบหน้าผากเย่ว์หยางอย่างเงียบงันปลดพันธนาการทั้งหมดโดยไม่มีรั้งส่วนที่เป็นความลับเพื่อถ่ายทอดภูมิปัญญาทั้งหมดที่นางได้จากการฝึกฝนและรู้แจ้งในชีวิตของนาง

และใจนางผสานกับใจของเขาจนแยกไม่ออก

เพื่อเป้าหมายช่วยให้เย่ว์หยางก้าวหน้าและทำให้เขาควบคุมยักษ์ชะตาได้ภายในสามวัน ความสำเร็จในอนาคตจื้อจุนยินดีทุ่มเททุกอย่างเพื่อเขา นางจะไม่ยอมเสียเวลาแม้สักครึ่งวินาที

คัมภีร์อัญเชิญชั้นศักดิ์สิทธิ์ของทั้งสองปรากฏขึ้นพร้อมกัน

เช่นเดียวกับเจ้าของคัมภีร์ทั้งสองสัมผัสกันไม่ว่าจะเป็นโล่ม่านพลังหรือเจตจำนงพวยพุ่งขึ้นไปในท้องฟ้าพันประสานกันอย่างไม่มีที่ติ  นิมิตพิเศษที่ไม่เคยมีมาก่อนการดำรงคงอยู่ที่น่าเหลือเชื่อยิ่งกว่าเดิม ณเวลานี้ได้ปรากฏอยู่เหนือศีรษะของเย่ว์หยางและจื้อจุน

ทั้งเย่ว์หยางและจื้อจุนมีอสูรพิทักษ์คุ้มครองซึ่งไม่เคยเผยให้โลกภายนอกได้รับรู้ อย่างเช่นเงาปีศาจของเย่ว์หยาง

ตอนนี้ทั้งหมดออกมาโดยไม่มีการเรียกหรืออัญเชิญ

ร่วมรับรู้กับเจ้านาย

ร่างเงาปีศาจกลายเป็นร่างอวตารเป็นล้านๆมีการจัดกลุ่มใหญ่กลายเป็นเงายักษ์หรือมีพลังชีวิตที่สูงส่งและแปลกใหม่มากขึ้นและในที่สุดทั้งหมดก็รวมกับร่างของเย่ว์หยางเพื่อสนับสนุนเขา ในอีกด้านหนึ่งมีแสงเทพศักดิ์สิทธิ์พร่างพรายแพรวพราวเปล่งประกายไปทั้งโลกสามารถรองรับทั้งสวรรค์และโลกพฤกษาได้  เพราะการปรากฏของอสูรพิทักษ์ ทำให้เกิดเสียงเหมือนเพลงก้องกังวาน

อสูรพิทักษ์ที่ไม่เคยปรากฏขึ้นมาก่อน ที่จื้อจุนไม่เคยฝนกลับมีความรู้แจ้งเข้าใจเติมเต็มความรู้ให้นางอย่างนับไม่ถ้วน

ในที่สุดก็ปรากฏตัวเป็นครั้งแรก

ย้อนกลับในอดีตเพราะคำแนะนำของผู้เฒ่านิทรา จื้อจุนเลือกเส้นทางฝึกฝนที่ยากลำบากนางทุ่มเทฝึกฝนก้าวหน้า อสูรพิทักษ์ของนางทั้งหมดได้รับการฝึกฝนครั้งแล้วครั้งเล่าแม้แต่ในช่วงเวลาที่นางถูกความตายคุกคาม นางไม่เคยใช้พลังของอสูรพิทักษ์  ในการฟื้นฟูนับไม่ถ้วนและก้าวหน้าอย่างยากลำบากนี้ทำให้จื้อจุนไม่ยึดติดกับสถานะกึ่งเทพอีกต่อไปนางมีความเข้าใจก้าวหน้าในระดับต่อไป

ขณะเดียวกันอสูรพิทักษ์ของนางก็เช่นกันทรงพลังขึ้นอย่างมากเพราะพลังของจื้อจุนหลั่งไหลเข้าไปในตัวพวกมัน

เหนือกว่ากึ่งเทพแม้กระทั่งเหนือกว่านักสู้ระดับเทพ

ความสำเร็จของนางในวันนี้

อสูรพิทักษ์ระดับที่เหมือนกับเจ้านายทั้งภาพลักษณ์และเจตจำนงนางคือเทพธิดาประกายจันทรา!

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด